เป็นเมียน้องแล้ว เป็นเมียพี่อีกคนจะเป็นไรไป
ชาย-หญิง,ครอบครัว,จิตวิทยา,รัก,ดราม่า,นางเอกน่าสงสาร,พระเอกปากร้ายแต่ใจดี,ฝาแฝด,แก้แค้น,ชายหญิง,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด62
ภาพบาดตา
บรรยายแบบ First person
#แม็กทิว
ผมเดินถือดอกไม้ช่อใหญ่ ก่อนจะกดเปิดประตูบ้านของพักพิงเข้าไป
แกร๊ก!
"พักพิง เด็กๆ ผมกลับมาแล้วคับ"
"ค่ะ คุณ....คุณแม็กทิว"
พี่จิ๋มรีบเดินเข้ามารับผมอย่างรวดเร็ว ทั้งที่โดยปกติแล้ว จะเป็นพักพิง ที่เดินมาต้อนรับผม ผมขมวดคิ้วเข้มลังเลใจเล็กน้อย หวั่นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพักพิง
เพราะพี่จิ๋มเอง ก็หน้าซีดเผือด ตัวสั่นระริกอย่างกับมีเรื่องปิดบังผมเอาไว้ อย่างไงอย่างงั้น
"พักพิงไปไหนคับ?"
"เออ....คือ"
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูห้องของพักพิงเปิดออก เผยให้เห็นร่างใหญ่ ที่ใส่ผ้าเช็ดตัวคลุมท่อนล่างผืนเดียว พิงอยู่หน้าประตูห้องของพักพิง
"เห้อออ! เสียงดังจนฉันตื่นเลยนะ แม็กทิว"
เขาบิดขี้เกียจต่อหน้าผม แถมยังทำหน้าตาเย้ยหยัน ราวกับเป็นผู้ชนะ ก่อนที่ผมจะกวาดสายตามองเข้าไปยังในห้องนอนของพักพิง
แต่แล้ว ใจผมก็กระตุกวูบ ดอกไม้ในมือช่อใหญ่หล่นลงพื้นอย่างฉับพลัน เมื่อเห็นพักพิงนอนเปลือยกายตะแคงข้าง หันหลังมาทางผม แถมยังมีผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง
"มะ....หมายความว่าอย่างไง คุณกับพักพิง!"
"ใช่ ก็อย่างที่นายเห็นนั่นแหละ แม็กทิว อย่างว่าแหละนะ คนมันเคยๆ แถมยังไม่ได้หย่ากัน มันก็มีบ้างอยู่แล้วไหม เรื่องแบบนี้"
ใบหน้ายิ้มเยาะเย้ยบ่งบอกผมอย่างชัดเจนว่า เขาทำสำเร็จแล้ว แล้วผมล่ะ จะอยู่ส่วนไหนของชีวิตเธอ
"ฮะ...ฮันน่า!"
ผมเรียกชื่อลูกสาวเสียงดัง จนพักพิงสะดุ้งตัวตื่น เธอรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย ก่อนจะเบิกตาโพรง เมื่อเห็นผม ยืนมองอยู่ตรงหน้าประตู
"ค่า พ่อ"
ผมรีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาอย่างเจ็บปวดใจ นัยน์ตาก็จ้องมอง พักพิงอย่างน้อยใจ ที่เธอทำกับผมแบบนี้
"แม็กทิว!"
"มะ...แม็กทิว!"
ผมรีบเดินหันหลังจะออกประตูไป ส่วนพักพิงก็รีบใส่เสื้อผ้า ผลัดวิ่งผลัดเดินมาทางผม อย่างลนลาน
เธอเดินตามหลังผมมาติดๆ ก่อนจะโผเข้ากอดผมจากด้านหลัง วินาทีนั่นตัวผมแข็งทื่อไปหมด มันช็อคจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงยืนตัวชาไม่กล้าที่จะหันหลังไปมองเธอเลยแม้แต่น้อย
"ฟังพักพิงก่อน พักพิงไม่ได้ตั้งใจ"
ผมยืนน้ำตาคลออยู่ตรงนั้น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา เพื่อปลอบโยนตัวเองและกำลังขยับขาเดินหนี แต่ก็ถูกร่างเล็ก พุ่งตัวเข้าขวางอย่างรวดเร็ว
"ฟังพักพิงก่อน พักพิงไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเหตุสุดวิสัย!"
ผมเหลือบมองไปยัง รอยจูบที่คอขาว ด้วยหัวใจที่แตกสลายจนละเอียดไม่มีชิ้นดี สิ่งที่ผมจะทำได้ในตอนนี้ คือเดินหนีไป ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ขอโทษ พักพิงขอโทษ ฮื้อออออ!"
"อย่าไปจากพักพิงเลยนะ แม็กทิว พักพิงกับเขาจบกันไปแล้ว เหลือแค่รอวันหย่าเท่านั้น ขอร้อง อย่าไปจากพักพิงเลยนะ ขอร้อง พักพิงขอร้อง แม็กทิว"
ผมพยายามเดินหนีอย่างไง เธอก็ไม่มีวันปล่อยผมไปเลย ยิ่งพยายามอ้อนวอนขอร้องผม อย่างหนักหน่วงเข้าไปใหญ่ จนผมยอมใจอ่อน ยอมแพ้ลูกอ้อนของเธอไปเสียอย่างนั้น
"ผมยอมแพ้แล้ว พักพิง คุณง้อผมขนาดนี้ ผมก็รู้แล้ว ว่าตัวเองสำคัญกับคุณขนาดไหน!"
มือเรียวลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยืดตัวขึ้นมาหอมแก้มผม และน้องฮันน่า ด้วยความดีใจ
"เราแต่งงานกันเลยนะ แม็กทิว เรื่องหย่าเอาไว้ทีหลัง ไว้พักพิงจะพยายามจัดการให้มันจบให้เร็วที่สุด"
ผมพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว เพราะถึงแม้จะเห็นเธอนอนกับคนเก่า แต่เพราะความที่ผมรักเธอมาก มันจึงทำให้ผมยอมทุกอย่าง ถึงแม้เธอจะยังไม่จบกับเปียโนก็ตาม
"ผมรักพักพิงมากนะ ได้โปรดอย่าทำลายความรักของผมอีกล่ะ?"
"ค่ะ พักพิงสัญญา มันจะไม่เกิดขึ้นอีก พักพิงขอโทษ ขอโทษจริงๆ"
"คับ"
เมื่อปรับความเข้าใจกันจบแล้ว ผมก็พาฮันน่ากลับบ้าน และตัวผมก็ไปยังโรงพยาบาลในทันที เพราะไปฟังผลตรวจร่างกายประจำปี
แต่แล้ว ใจผมก็กระตุกวูบ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน มันชาไปหมด เมื่อหมอเอ่ยบอกผม ด้วยท่าทีสั่นเครือ
"คุณแม็กทิวคับ เราพบสิ่งผิดปกติบางอย่างในร่างกายของคุณ"
"มะ....หมายถึงอะไรคับ?"
"คุณเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวอย่างฉับพลัน ระยะที่ 3 คับ หมอเสียใจด้วย"
ผมครุ่นคิดสักพักก่อนยกยิ้มขึ้นอย่างมีความหวัง เพราะ แค่ระยะ 3 อย่างไง ผมก็ต้องรักษาหายอยู่แล้ว
"หมอ แค่ระยะที่ 3 อย่างไงผมก็หาย มะเร็งน่ะ มันมี 4 ระยะไม่ใช่เหรอ?"
หมอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนเอ่ยออกมา จนทำให้ผมหมดความหวัง
"มะเร็งเม็ดเลือดขาว มีแค่ 3 ระยะคับ แค่มะเร็งเม็ดเลือดขาวเท่านั้น"
"หมายถึง ตอนนี้ผมระยะสุดท้ายแล้วเหรอคับ?"
"คับ คุณมีเวลาในการใช้ชีวิต อีกไม่เกิน 4 เดือน อะไรที่อยากทำก็ทำเถอะนะคับ หมอขอโทษ และขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆ"
เมื่อหมอพูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องตรวจไป ทิ้งผมไว้ให้นั่งทำใจอยู่คนเดียวในห้องตรวจ ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เพราะร่างกายผมมันไม่มีการแสดงอาการอะไรออกมาเลย
ผมเป็นคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ปล่อยให้โรคภัยไข้เจ็บมาทำร้าย แถมยังตรวจสุขภาพทุกปี แล้วผมจะเป็นมะเร็งได้อย่างไงกัน
มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม เมื่อตั้งสติได้ ผมก็พยายามที่จะปีะคองจิตใจอันเลื่อนลอย พาตัวเองกลับบ้าน
บ้าน
"พ่อจ๋าาา!"
"คับฮันน่า"
ผมอ้าแขนกอดลูกสาว ที่วิ่งถลาตัวมาทางผม ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เธอมีแค่ผมคนเดียวที่เป็นโลกทั้งใบตั้งแต่แม่เธอจากไป
มือเล็กๆ ลูบแก้มผมอย่างอ่อนโยน เธอคงรับรู้ได้ ถึงความไม่สบายใจของผม แต่จะให้ผมพูดกับเธอแบบไหนล่ะ ในเมื่อเธอก็ยังเล็กมากเหลือเกิน
จะให้บอกเธอว่า ผมกำลังจะตายงั้นเหรอ หรือ บอกอย่างไงดี ผมนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ กอดจะเริ่มโทรหาทนายเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ให้แก่ลูกสาวคนเดียวของผม
หากเธอไม่มีผมแล้ว ใครจะเลี้ยงดูเธอกัน แต่แล้ว ผมก็นึกขึ้นได้ ว่า พักพิงก็รักน้องฮันน่ามากๆ ไม่ต่างหากผม
ผมจึงตัดสินใจ ที่คิดจะคุยกับเธอ แตืเมื่อคิดถึงพักพิงแล้ว ภาพที่แทรกเข้ามาก็คือ เปียโน สำหรับพักพิงแล้ว การที่ผมจะยกน้องฮันน่าให้เธอ มันอาจไม่ใช่ปัญหา
แต่ปัญหาใหญ่จริงๆ ก็คือ เปียโนมากกว่า เปียโนจะรักลูกผมเหมือนที่ผมรักหรือเปล่า จะดีกับลูกสาวผม เหมือนพักพิงหรือเปล่า
ยิ่งตอนนี้ เขาพยายามจะเอาตัวพักพิงกลับไปอยู่ไทยด้วย เขาคงไม่ยอมให้ผมกับฮันน่าเข้าใกล้พักพิงอีกแน่นอน