ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอาไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
ย้อนกลับไปไม่นาน ด้านนอกหอคอยเหล็กกล้าเงียบสงบ เหลือเพียงเสียงแหลมของสายลมที่ลอดผ่านแท่งเหล็กสูงดำทะมึน หน่วยลาดตระเวนจากเผ่าหน้ากาก กำลังพายเรือผ่านทะเลสาบมายังเนินเขา พวกเขาค้นพบสถานที่แห่งนี้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน และยึดมันไว้เป็นฐานลับ เป็นประจำที่พวกเขาจะแวะเข้ามาเพื่อจะศึกษามันก่อนกลับไปยังเผ่าของพวกเขา หน่วยนี้นำโดยชายร่างใหญ่ที่เก่งกาจในทุกด้าน หัวหน้าเปาจากเผ่าหน้ากาก ผู้เป็นเลิศในการเดินทางผ่านพื้นราบ ป่าทึบ ทุ่งหญ้าใต้ตึก และต้นไม้สูง หรือแม้กระทั่งผ่านซากประหลักหักพัง ขยายอาณาเขตเป็นวงกว้างภายใต้คำสั่งของท่านผู้เฒ่าบายัน ฮอนกอร์ ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งเผ่าหน้ากาก ซึ่งแม้จะชรามากแล้ว แต่ผู้เฒ่าก็ยังคงปล่อยว่างจากความกระหายในดินแดนและเลือดเนื้อไม่ได้ ทรัพยากรเผ่าส่วนมากถูกใช้ไปกับการรุกราน ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากภายใตคำสั่งของท่าน ทุกหน่วยต่างลงความเห็นให้ท่านผู้เฒ่าล้มเลิกเพื่อชีวิตอันสงบสุขของบั้นปลาย
หัวหน้าเปาเอง ก็เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มบอกกล่าวให้ผู้คนตาสว่างบนหนทางอันโหดร้ายของท่านผู้เฒ่า แต่ดูเหมือนว่าบายัน ฮอนกอร์ จะไม่เก่งเรื่องรับฟังคำติชมจากเหล่าหมู่คณะสักเท่าไร ใครที่กล้าขัดคำสั่งจากท่าน ต้องจบชีวิตลงไม่ต่างจากศัตรูที่ท่านขยะแขยงที่สุด พวกเขาจึงต้องพากันมาหาหนทางผ่านเทพพยากรณ์ วิทยาการโบราณที่หน่วยลาดตระเวนอย่างพวกเขาตามหามาเนินนาน ในระหว่างที่พวกเขาขยายอาณาเขตตามคำสั่งของผู้เฒ่าบายัน หัวหน้าเปาก็ออกตามหาอาวุธโบราณไปด้วย เพื่อที่จะยึดอำนาจ และยุติการกระทำทั้งหมดของท่านผู้เฒ่าสูงสุด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความหวังจากการค้นพบครั้งนี้เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าสิ่งที่พวกเขาพบ จะห่างไกลจากการเป็นอาวุธทำลายล้างทรงพลานุภาพ และเป็นเพียงเสียงพูดผ่านกำแพงสีดำ ที่สามารถไขข้อสงสัยของพวกเขาได้ทั้งหมดก็ตาม
“เพียงแค่นี้พวกเราก็จะเอาชนะเจ้าบายันได้แล้ว” ซป หนึ่งในหน่วยลาดตระเวนพูดขึ้น ระหว่างที่พวกเขากำลังพากันขึ้นมาจากเรือที่จอดชิดอยู่กับเนินเขา
“อย่าประมาทไปเลยน่า เจ้านั้นอาจจะมีอาวุธที่เรายังไม่รู้อีกก็ได้ ลึกลับซะขนาดนั้น” คลีตอบด้วยความรอบคอบ เขาเป็นคนเดียวที่จะไม่ยอมให้ซปพูดอะไรตามอำเภอใจ และมักจะมีความคิดเห็นไปในทางตรงกันข้ามอยู่เสมอ
“ไม่เห็นต้องกังวลไปเลย เทพพยากรณ์รู้เห็นทั้งหมด ท่านจะต้องชี้ทางให้พวกเรา” ซปตอบด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยม พวกเขาอยู่ภายใต้การปกครองที่ไม่เห็นค่าของชีวิตมามากเกินทน ความหวังแม้น้อยนิดจึงมาพร้อมแรงผลักดันอันล้นเหลือ
“เอาละ อย่ามัวแต่คุยกัน ซป จุดดอกไม้ซะ เราต้องรีบเข้าไป” หัวหน้าเปาพูดขึ้นระหว่างที่พวกเขาทั้งห้าทยอยกันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ่อโคลน
ซปนั่งลงพลางค้นบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มันเป็นดอกไม้สีแดงสดทรงกลมขนาดเล็กจำนวนมาก ก้านยาวของมันถูกตัดออก และดอกไม้ทั้งหมดถูกยัดลงไปในกระบอกใบไม้เรียวยาว คลีที่ยืนอยู่ปลายแถวกระเทาะหินจุดคบเพลิงเตรียมไฟให้กับซป ทั้งสองจุดมันเข้ากับกระบอกไม้ มันเผาไหม้ปล่อยควันสีเทาฟุ้งกระจายไปทั่ว ทั้งสองช่วยกันแจกจ่ายกระบอกควันให้กับพวกพ้องทั้งหมด กลิ่นเปรี้ยวเป็นกรดลอยอบอวลพรางตาเสื้อหนังสีน้ำตาลของพวกเขาจนเกือบมิด จากนั้น พวกเขาก็พากันเดินสู่เนินดินสูง ที่มีบ่อโคลนลายล้อมอยู่ทั่วทุกทิศทาง
หัวหน้าเปาเดินนำหน่วยลาดตระเวนทั้งหมดผ่านเนินดินตรงไปยังหอคอยเหล็กกล้า โคลนในบ่อเริ่มสั่นไหวเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ และฟองในบ่อก็เริ่มแตกตัวออก พร้อมกับเสียงของบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้เนินดินนุ่มนิ่มนี้ กลิ่นเปรี้ยวจากกระบอกควันยังคงเตะจมูกพวกเขาอย่างไม่ลดละ แม้บ่อโคลนรอบๆ จะดูวุ่นวายขึ้น แต่ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีแม้แต่ชีวิตเดียวที่โผล่ออกมาให้เห็น นอกจากพวกเขาเหล่านี้ที่มาพร้อมกับกลิ่นควันดอกไม้
พวกเขาทิ้งกระบอกควันไว้บนพื้นคอนกรีต จุดคบเพลิงอีกครั้ง ก่อนที่จะพากันลงไปยังชั้นใต้ดิน น้ำที่ขังทำให้พวกเขาต้องระวังกันเป็นพิเศษ ที่จะไม่ทำให้คบเพลิงของพวกเขาเปียกชื้น เพราะการจะหาเศษไม้ที่แห้งพอดีจากแถวนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ระวังด้วย ฝนหนักที่ผ่านมาทำเอาน้ำขังตามเคย” หัวหน้าเปาพูดขึ้น เท้าแหวกน้ำเข้าไปเรื่อยๆ
“จับมันสูงๆ หน่อยซป เดี๋ยวก็ให้ไปหาเศษไม้คนเดียวซะเลย”
“จะต้องให้สูงแค่ไหนกัน เงียบเถอะน่า”
“ว่าแต่ ครั้งนี้จะถามอะไรเหรอครับหัวหน้า?” ฮานถาม เขาคือมันสมองของหน่วย ที่จะคอยวิเคราะห์สถานการณ์ไปกับหัวหน้าเปา
“ถ้าเข้าถึงตัวมันไม่ได้ ก็ต้องหาทางล่อให้เจ้านั่นออกมา”
“แต่เราไม่เห็นเจ้านั่นมาเกือบจะสิบปีแล้วนะ จะเป็นไปได้จริงเหรอหัวหน้า” นปถามต่อ เขาเป็นผู้มีฝีมือในการใช้อาวุธระยะกลางไปจนไกล ความแม่นยำระดับชั้นแนวหน้าของเผ่า และเป็นพี่ชายแท้ๆ ของซป
“เทพพยากรณ์เป็นผู้รู้เห็นทุกสิ่ง ท่านต้องเห็นหนทางที่แผนของพวกเราสำเร็จได้แน่” หัวหน้าเปาตอบ
พวกเขาก้าวเท้าเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ ทั้งหมดหันหน้าเข้ากำแพงสีดำด้วยคบเพลิงแสงไฟสลัว เขาก้าวเท้าออกไปพร้อมกับเอ่ยคำทักทายขึ้น
“สวัสดี ท่านเทพพยากรณ์เอ็ดน่า” เพียงไม่กี่อึดใจ ห้องโถงใหญ่ก็ทยอยกันสว่างขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ตามมาด้วยเสียงตอบกลับจากกำแพงสีดำ เป็นเสียงที่ไพเราะและชัดเจนอย่างที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ยินดีต้อนรับ หน่วยลาดตระเวนทั้งห้า และพรางหนุ่มอีกหนึ่งท่านตรงมุมห้อง ขอให้ทุกท่านมีชีวิตที่ยืนยาว”
ทั้งหมดหันขวับไปยังพรางหนุ่มที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้อง เสียงอันนุ่มนวลของท่านเอ็ดน่ายังคงดังก้องไปทั่วทั้งโถงใหญ่ เมื่อความมืดไม่สามารถซ้อนเร้นร่างกายของพรางหนุ่มได้อีกต่อไป เขาคว้าบางอย่างปาขึ้นอัดเพดานอย่างสุดแรง มันแตกออกทำให้พงสีขาวที่อยู่ในนั้นกระจายฟุ้งอยู่เหนือเหล่าหน่วยลาดตระเวน ละอองฝุ่นลอยปิดบังพรางหนุ่มอีกครั้งจากสายตาของพวกเขา ระหว่างที่หัวหน้าเปากำลังเรียกสั่งลูกน้องให้กลับมาคุมสถานการณ์ มีดบินสีดำ ก็พุ่งฝ่าหมอกเล็งตรงไปที่พวกเขาทั้งหมดอย่างแม่นยำ พร้อมกับเสียงฝีเท้าย่ำผ่านน้ำอย่างว่องไวไปยังประตูทางออก และไกลออกไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว
“ฝากด้วย นป” หัวหน้าเปาสั่ง พลางปัดฝุ่นในอากาศ
แส้หนังถูกฟาดไปยังต้นเสียงน้ำกระฉอกที่ปลายทาง มันสะบัดผ่านละอองพงขาว ตวัดขาพรางหนุ่มจนเขาล้มลงร่างกองลงไปกับพื้นน้ำขัง ตามมาด้วยเสียงกระแทกของไม้แข็งบนท้ายทอยที่หยุดความวุ่นวายทั้งหมดเอาไว้
“เขายังดูเด็กอยู่เลย”
“น่าจะเด็กกว่าซปซะอีก”
“ในที่สุดฉันก็จะได้รับรู้ถึงการเป็นพี่ใหญ่แล้วสินะ”
“ฮาๆ เจ้านี่ตลกไม่เบานะซป”
“เมื่อกี้ท่านเอ็ดน่าเรียกเขาว่าอะไรนะ?”
“เอาละ เงียบก่อน ดูเหมือนว่าเพื่อนของเราจะกลับมาแล้ว”
พรางหนุ่มลืมตาขึ้น มือทั้งสองถูกมัดไขว้หลังเอาไว้ เขาถูกจับขึ้นมานั่งบนโต๊ะไม่ไกลจากมุมห้องที่เคยเป็นจุดซ้อนตัวของเขา หน่วยลาดตระเวนยืนล้อมเขาจากทุกทิศทาง โดยที่หัวหน้าเปายืนอยู่ตรงหน้าเขากับนป และซปที่จ่อหอกปลายแหลมไปที่พรางหนุ่มจากด้านหลัง ฮานนั่งอยู่ห่างออกไป พ้นจากสายตาพรางหนุ่ม ระหว่างที่คลียืนเฝ้าอยู่ที่ประตูทางออก
เสียงที่ไม่สามารถเข้าใจได้ดังออกมาจากพรางหนุ่ม ที่พยายามจะสื่อสารบางอย่างกับบุคคลตรงหน้า เขาโบกมือไปมาราวกับรู้ว่าพวกเขาฟังที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง ทั้งหมดทำท่าทางงุนงง พรางหนุ่มเองก็ดูแปลกใจไม่แพ้กันที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ท่ามกลางความอึดอัดนั้น เสียงอันนุ่มนวลของท่านเอ็ดน่าก็ดังขึ้น
“พรางหนุ่มคนนี้กล่าวว่า เขาเดินทางมาไกลเพื่อตามหาเทพทิดาที่สิงสถิตอยู่ ณ หอคอยเหล็กกล้าแห่งนี้ เพื่อมาขอความช่วยเหลือ เขาต้องการปกป้องครอบครัวของเขา และผู้คนในหมู่บ้านจากความมืดกลืนกิน”
“ความมืด พวกเราไม่ถูกกับความมืด” ซปพูดขึ้น สีหน้าท่าทางลุกลนไปด้วยความหวาดกลัว
“พรางงั้นรึ ชื่อนี้เหมือนจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนกันนะ?”
“ชนเผ่าหายากบนสายหมอก ครั้งสุดท้ายที่เห็นพวกนั้น ก็ดูเหมือนจะผ่านมาหลายทศวรรษแล้ว” ฮานตอบ
พรางหนุ่มยังคงพูดต่อ ท่าทางราวกับว่าเขากำลังอธิบายความจำเป็นที่เขาต้องคุยกับท่านเอ็ดน่า เขาพูดยืดยาวจนหัวหน้าเปาต้องหยุดเขาไว้ เขาเอามือปิดปากพรางหนุ่มที่ยังคงส่งเสียงออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน หน่วยลาดตระเวนต่างพากันมองหน้ากัน สลับไปมากับหัวหน้าเปาเพื่อรอคำสั่ง
“รีบเอามันออกไปก่อนที่มันจะถามท่านเอ็ดน่าจนเธอหมดพลังงานหลับไปอีก” หัวหน้าเปาถอนหายใจชี้ไปยังทางออก
ในระหว่างที่นปและซป กำลังช่วยกันอุ้มพรางหนุ่มออกจากห้องโถงตามคำสั่งอยู่นั้น ท่านเอ็ดน่าก็เริ่มตอบกลับมาเป็นภาษาที่มีแต่พรางหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ เขาดิ้นสุดชีวิตเพื่อที่จะหยุดฟังคำตอบจากเทธิดา แต่เขาเองก็สู้แรงของสองพี่น้องไม่ได้ เขาถูกลากออกไปจนในที่สุด เสียงโวยวายของเขา ก็เหลือเพียงเสียงแว่วจากปลายทาง
“เอาไงกับเจ้าหนูนี่ดีครับหัวหน้า” ฮานมองมาที่หัวหน้าเปา ที่ก็ดูจะกลุ้มใจอยู่ไม่น้อย
“เราจะพาเขากลับไป”