ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอาไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
นอสกลับมาจากการสำรวจกับอาดินต์ พรางที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ ภายใต้ผู้เฒ่ากาซารอต พวกเขาได้ยืนยันการกลับมาของผู้ต้องสาปตามการบอกเล่าของพรางหนุ่ม ผู้เฒ่าดามูยล์มีคำสั่งให้รวบรวมพรางทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ให้มารวมตัวกันเพื่อปกป้องใจกลาง ข่าวการกลับมายังแผล่กระจายไปถึงหูพวกโร้คอีกด้วย พวกนั้นเองก็ขยับเข้ามาใกล้ใจกลางมากขึ้น เพื่อจะคอยเฝ้าสังเกตการโดยเว้นระยะห่างอยู่ไกลๆ ในที่สุด นอสก็ได้รู้ถึงการตัดสินใจของลีโอที่ต้องการออกจากม่านหมอก เพื่อไปตามหาหนทางที่จะช่วยพ่อและแม่ของเขา หอคอยเหล็กกล้าคือที่ที่เขาต้องไป
เป็นเวลาอยู่นานที่นอสพยายามจะพูดให้ลีโอล้มเลิกการเอาชีวิตไปทิ้งเป็นครั้งที่สอง แต่สุดท้ายแล้ว ลีโอก็ดูเหมือนจะไม่ยอมง่ายๆ มีเพียงทางเดียวที่เขาจะได้ปกป้องลีโอต่อไป คือการต้องยอมออกเดินทางไปกับเขา
“จะให้บินข้ามไปงั้นรึ มันจะเป็นไปได้ยังไง?” นอสถามขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังหาอาหารกินระหว่างทางไปยังสะพานต้องห้าม หนทางเดียวที่เชื่อมต่อโลกภายนอกกับต้นไม้ยักษ์ภายใตม่านสีขาว หนทางที่แม้แต่พรางที่เก่งที่สุดยังมิอาจเข้าใกล้ แล้วลุงฟอกส์เขาหมายถึงอะไรกันแน่
“แต่มันเป็นหนทางเดียวไง” ลีโอตอบ “ก็อย่างที่ลุงฟอกส์ว่า เราอาจจะต้องหาทางบินข้ามไป อาจจะเป็นการหาเถาวัลย์ยาวๆ หรืออะไรทำนองนี้”
“อะไรทำนองนี้?”
นกกินเนื้อปากแหลมพุงเข้าใส่เมื่อเห็นพวกเขา แต่นอสก็ใช้มีดสั้นรับการโจมตีอย่างง่ายดาย กลายเป็นเสบี่ยงแถมให้พวกเขาอิ่มไปอีกมื้อ ท่ามกลางสัตว์ร้ายที่เฝ้าคอยโจมตีอยู่เป็นระยะๆ แต่ทั้งนอสและลีโอเองก็ไม่ใช่เหยื่อที่จะถูกจัดการได้ง่ายๆ เพราะแม้แต่พวกโร้คเองเมื่อเข้ามาใกล้ระยะการมองเห็น พอเห็นว่าเป็นนอส ต่างก็ถอยห่างและหลีกทางให้ทันที สงสัยคงได้กลิ่นเลือดพวกเดียวกันจากตัวเขา
ม่านสีขาวคืออาณาเขตทั้งหมดของพราง โดยจุดศูนย์กลางคือผู้เฒ่าดามูยล์ ที่ทั้งชีวิตท่านไม่เคยได้เห็นอะไรอื่นนอกจากความขาวโพลนของพรจากเทพทิดา และเมื่อยุคแห่งการผจญภัยได้จบลง เพราะการสูญเสียที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พรางที่เหลือจึงตัดสินใจไม่ออกจากม่านหมอกอีกเลย พวกเขาล่องลอยตามมันราวกับนักล่าเงาแห่งแสงอรุณ
นอสเอง ไม่เคยนึกฝันเลยว่าวันหนึ่ง เขาจะต้องออกมาจากพรที่ห่มตัวเขามาตลอดทั้งชีวิต แต่สำหรับลีโอแล้ว เขาไม่เคยมีโอกาสแม้แต่จะได้เตรียมใจอะไร มือที่อ่อนแรงไม่มีทางจับเถาวัลย์ได้นาน แต่ทุกอย่างก็ยังคงถูกเหวี่ยงลงพื้นอยู่ดี ระหว่างที่ลีโอกำลังเพลิดเพลินกับการโหนเถาวัลย์ลอยไปในอากาศ ภาพตรงหน้าเขา ก็ทำเอาพวกเขาพูดไม่ออก ม่านสีขาวที่คอยบดบังทัศนียภาพค่อยๆ จางลง พวกเขาไม่เคยออกมาไกลจากใจกลางขนาดนี้มาก่อน แม้แต่โร้คที่สิ้นหวังที่สุด ก็ยังคงโหนตามม่านหมอกอยู่ไม่ห่าง
“ตรงนั้น!” ลีโอชี้ไปยังแสงสว่างสุดสายตา และเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ ภาพตรงหน้าก็เริ่มทำให้พวกเขาแสบตา ทั้งสองต้องปรับตัวอยู่สักพัก จนกว่าเขาจะทนมองภาพอันงดงามตรงหน้าได้
ดินแดนไร้หมอกอยู่ไกลออกไป ถูกกั้นโดยน้ำตกขนาดใหญ่ ที่ต้นน้ำมีหินเรียงกันเป็นแนวยาวสลับไปมา มากพอที่จะกระโดดข้ามไปอีกฝั่งได้ ลีโอเดาว่านั่นคงเป็นสะพานต้องห้าม มันอยู่ติดกับผิวน้ำลึกลงไปเบื้องล่าง โดยที่มีกระแสน้ำตกไหลผ่าน แรงพอที่จะซัดพวกเขาลงไปยังความตาย
สะพานต้องห้ามทอดยาวไปสู่ดินแดนไร้หมอก ที่นั่นเต็มไปด้วยตึกขนาดใหญ่เหนือผืนน้ำ ตั้งเรียงรายความสูงแตกต่างกันไป แต่ทว่า สีสันของสิ่งมีชีวิตบนนั้นดูแปลกตา ความเขียวขจีถูกแทรกซึมไปด้วยสีส้ม ที่ให้ความอบอุ่นและอุดมสมบูรณ์ในสายตาลีโอ เพราะสำหรับพวกเขา อะไรที่นอกเหนือจากสีเขียวนั้นสามารถเป็นอาหารได้ ที่นั่นต้องเต็มไปด้วยผลไม้แน่ๆ เลย
พวกเขาต้องข้ามไปโดยที่ไม่ใช้สะพาน จะมีทางไหนนอกจากการบินข้ามไปกันนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เห็นอะไรที่อยู่ไกลออกไป โดยที่ไม่ถูกบดบังโดยกำแพงหมอกเช่นที่ผ่านมา แต่จ้องมันนานๆ เข้า ก็ทำให้พวกเขาแสบตาทุกที ดวงตาที่ไม่ได้เจอแสงโดยตรงมานาน ทำให้พวกเขายังต้องปรับตัวกับมันอีกมาก ลีโอยังคงต้องคิดหาวิธีที่เป็นไปได้ที่สุด ในการข้ามไปยังอีกฝั่งอย่างปลอดภัย ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้างที่พักเล็กๆ ปักหลักวางแผนกันต่อ
“ฉันว่าจะลองสร้างหน้าไม้แล้วยิงเถาวัลย์ข้ามไปอีกฝั่ง” ลีโอชี้ไปยังตึกสูงเบื้องหน้า ไกลสุดสายตา ตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่บริเวณนั้น ทั้งสองไม่เห็นสัตว์ตัวไหนพยายามที่จะข้ามไปยังอีกฝั่งเลยแม้แต่ตัวเดียว เขาสงสัยว่าเป็นเพราะสะพานที่มันอันตราย หรือเป็นเพราะสัตว์ร้ายที่รอคอยอาหารของมันอยู่
“มัดเถาวัลย์ให้ได้ยาวที่สุด ผูกมันไว้กับต้นไม้ แล้วเราก็ปีนข้ามไป”
“เป็นความคิดที่ดี” นอสเหมือนจะเห็นด้วย “เราจะพากันเก็บเถาวัลย์ให้หมดทั้งป่าเลย”
ไม่รอช้า ทั้งสองเริ่มออกไปหาสิ่งของจำเป็นรอบๆ นอสโหนไปรวบรวมเถาวัลย์ระหว่างที่เขาเองก็เพลิดเพลินไปกับการสำรวจเขตแดน ส่วนลีโอมองหาไม้มาทำเป็นคันธนูอันใหญ่ยักษ์ ที่จะผูกเข้ากับโครงสร้างคอนกรีตที่ยังคงทนทาน จากนั้น นอสเริ่มจัดการที่พักชั่วคราว พอให้นอนหลับกินอาหารได้ ลีโอยังคงวุ่นอยู่กับการประกอบธนูยักษ์ตลอดทั้งวัน ในระหว่างที่นอสคอยจัดเตรียมอาหารและนอนพักผ่อน สามคืนผ่าน และในที่สุด อุปกรที่จะพาพวกเขาข้ามไปยังอีกฟาก ก็เสร็จสมบูรณ์
เช้าวันต่อมา ลีโอเริ่มแผนการทันที เขานำเถาวัลย์มาผูกไว้กับลูกธนูที่ตรงหัวเป็นตะขอ และที่ปลายสุดผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ และขึ้นลำมันไว้
“คิดว่ามันจะยิงถึงไหม”นอสถาม
“ไม่ลอง ก็ไม่รู้” ลีโอตอบพร้อมกับนับถอยหลังในใจ
ลูกธนูลอยออกไปพร้อมกับเถาวัลย์ที่ถูกดึงตามไปด้วย ลีโอมองดูความสง่างามของเถาวัลย์ที่หมุนเป็นเกรียวด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่ทันที่มันจะถึงครึ่งทาง ก็ร่วงตกลงไปเพราะหมดแรงเสียก่อน นอสยังคงนั่งดูลีโออยู่ตรงนั้นอย่างบันเทิงอารม เขาให้ข้อสังเกตเรื่องแรงของหน้าไม้ที่ยังคงไม่พอ และแรงลมที่ตีกลับมาก็อาจเป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง ทั้งสองค่อยๆ ดึงเชือกกลับมาเนิบนาบ
“ต้องแรงกว่านี้สินะ” ลีโอว่า มองไปที่เถาวัลย์ที่ยังเหลืออยู่ “แต่เชือกน่าจะยาวพอแล้ว นายคิดงั้นไหม?” นอสยักไหล่เป็นคำตอบ
คราวนี้ แทนที่จะใช้ธนู ลีโอมองหาจุดที่พอจะยึดเถาวัลย์เข้าไปกับคอนกรีตได้ เพื่อสร้างแรงดึงที่มหาศาลมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะยิงไปกี่ครั้ง มันก็ยังคงแรงไม่พอที่จะถึงอีกฝั่ง พวกเขาลองแล้วลองเล่า จนบางครั้งก็มีปลาติดขึ้นมากับตะขอด้วย
“นี่เรายิงกันมานานแค่ไหนแล้ว” นอสเริ่มหาว ขยับตัวไปมาทำท่าเหมือนจะหลับ
“ฉันไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่า ฉันต้องข้ามไป แค่นั้น” ลีโอเองก็เริ่มหงุดหงิดและอ่อนแรง จนต้องหยุดความพยายามทั้งหมดไว้เท่านี้ก่อน
เขากระโดดไปหยุดอยู่ตรงหน้าผาเปิดโล่ง ลมแรงพัดผ่านช่องเข้ามากระทบบนใบหน้าเย็นเฉียบ หมวกขนสัตว์บนหัวปลิวหลุดไปตามลม ผมโบกสบัดระหว่างที่เขากำลังรีบหันตามไปเก็บหมวกนั่น มันลอยเข้าไปผ่านช่องหลุดไปยังที่พัก ที่ตอนนี้มันก็ลอยไปอยู่บนตัวนอสที่นอนพักผ่อนอยู่ เขากระโดดกลับเข้าไปนอน พร้อมกับไอเดียบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในหัว
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นอสยังคงนั่งพักผ่อนอยู่ในที่พักเล็กๆ ที่เขาสร้างขึ้น ในเวลาว่างข้างๆ ลีโอ ที่หลังจากพยายามอยู่พักใหญ่ เขาก็สามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกได้สำเร็จ รูปทรงเหมือนหมวกหนังขนาดยักษ์ ที่ถ้าเขาจัดตั้งมันได้อย่างถูกต้อง มันจะเก็บแรงลมและพาพวกเขาลอยขึ้นไปในอากาศ เขาผูกขอบหมวกรอบๆ ไว้ด้วยเถาวัลย์ เขาทดลองอยู่หลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะต้านลมที่พัดเข้ามา และพาทั้งสองลอยขึ้นไปได้
นอสลุกขึ้นมาช่วยลีโอปล่อยเจ้าหมวกยักษ์ในที่สุด ลมผัดแรงพามันลอยขึ้น ทั้งสองใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการจัดตั้งให้มันต้านลมลอยสูงขึ้นไป พอที่จะติดลมบนและลอยอยู่อย่างนั้น นอสจับเถาวัลย์แน่น ระหว่างที่ลีโอรีบผูกมันไว้เพื่อรักษาระดับ เขาหันมายิ้มให้นอสราวกับว่าเขาประสบความสำเร็จในการหาทางข้ามไปยังอีกฟากได้ และวางแผนกันว่าจะทำยังไงให้มันพาพวกเขาข้ามไป
ทั้งสองเริ่มจัดข้าวของ และจุดไฟเพื่อที่จะทำอาหาร อิ่มเอมกับผลงานที่ลอยอยู่บนฟ้าตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้เก็บของเตรียมพักผ่อน จู่ๆ เถาวัลย์ที่ผูกไว้กับหมวกยักษ์ก็ตึงขึ้น ราวกับมีตัวอะไรบางอย่าง กำลังดึกเชือกนั้นอยู่อย่างสุดแรง มันแรงเสียจนจุดที่ลีโอผูกไว้หลุดออก มันกำลังลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ลีโอรีบลุกพรวดไปดูทันที รวมถึงนอสด้วยที่มองอยู่ข้างหลัง
“นกยักษ์สีดำนั่นมันอะไรกัน!” ลีโอตกใจสุดขีดระหว่างที่เถาวัลย์กำลังถูกดึงไปเรื่อยๆ มันบินสูงขึ้นฟ้า มุ่งหน้าห่างออกจากม่านหมอก ตรงไปยังดินแดนห่างไกลอีกฟาก
“เถาวัลย์กำลังจะหมดแล้ว ลีโอ!” นอสร้องเรียก “ถึงตอนนั้นหมวกนายได้ขาดแน่!!”
“ตัดมัน! ตัดมันเลย!”
นอสตัดเชือกที่ยึดหมวกไว้กับต้นไม้ออก ระหว่างที่เถาวัลย์บนพื้น ก็กำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ มันกำลังถูกดึงขึ้นไปด้วยความเร็ว
“เอายังไง ลีโอ!”
“หรือว่าเราต้องไปกันแล้ว” ลีโอมองไปที่นอส ยกมือขึ้น เตรียมตัวที่จะจับไปที่เถาวัลย์นั่น ไม่มีเวลาให้ตัดสินใจอีกแล้ว เขาละสายตาจากนอส และจ้องไปที่เถาวัลย์ ที่ถูกดึงอยู่ตาไม่กระพริบ
“เดี๋ยวก่อน!” นอสตะโกนแต่ไม่ทันเสียแล้ว ลีโอลอยออกไปกับเถาวัลย์ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ
ด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารม เขามองไปที่เถาวัลย์ตรงหน้า
และจับมันลอยตามลีโอไป