ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น

หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา - บทที่ 10 เผ่าฟานา โดย ประตูตู้ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา โดย ประตูตู้ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น

ผู้แต่ง

ประตูตู้

เรื่องย่อ

ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด


สารบัญ

หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-ปฐมบท ฝันร้าย,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 1 ผิดคาด,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 2 เขตมืด,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 3 ผู้หวนคืน,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 4 หอคอยและคำสาป,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 5 สะพานต้องห้าม,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 6 ก้าวแรก,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 7 การเดินทางอันแสนเงียบเหงา,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 8 มนต์สะกด,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 9 เซเวญ่า,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 10 เผ่าฟานา,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 11 กระทันหัน,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 12 พวกพ้อง,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 13 คนนอก,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 14 เพื่อนใหม่,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 15 หน่วยลับ,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 16 คูร์บาน

เนื้อหา

บทที่ 10 เผ่าฟานา

ต้นไม้และเถาวัลย์หนามขึ้นรกล้อมรอบเป็นกำแพงสูง เว้นไว้เพียงแค่ด้านบนที่ปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามามอบความสว่างให้ทั้งหมู่บ้าน หนามข้างหลังปิดกลับคืนเมื่อทั้งหมดเดินผ่านพ้นประตูเข้ามา พร้อมกับแสงคุ้มครองของเซเวญ่า ที่ดับไปเมื่อหน้าที่ของมันจบลง ผู้คนนั่งบนพื้นอย่างเป็นระเบียบ ยุ่งอยู่กับกิจการของตัวเอง บรรยากาศครึกครื้นแตกต่างจากบนม่านสีขาวโดยสิ้นเชิง ความเงียบเหงาถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นกระจัดกระจายไปมาตามกลุ่มต่างๆ เจ้าทวิก นำทั้งหมดเดินผ่านทางตรงกลางที่ถูกโรยไว้ด้วยดอกไม้หลากสี เพิงพักรอบๆ เอง ก็ถูกจัดแต่ง สีสันสดใส เรียงรายงดงาม กลิ่นหอมเตะจมูกทำให้จิตใจพวกเขาสงบลง บรรเทาอาการเหนื่อยล้า หลังจากเดินทางกันมาเป็นเวลานาน สิ่งเหล่านี้ถูกจัดทำขึ้นโดยผู้คนของหมู่บ้านเองทั้งหมด สองพรางหนุ่มต่างตกตะลึงกับความมีชีวิตชีวา จนลืมไปว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน และมาทำอะไรกันแน่


เซเวญ่าอุ้มซานีอาลงจากหลังของเจ้าทวิก ผู้คนรอบๆ ต่างพากันทำความเคารพ และกลับไปสนุกสนานกับกิจการของตัวเองต่อ 


“ซานีอา!” หญิงชราเดินเข้าไปกอดเด็กน้อยทันทีเมื่อพบกัน “ยายนึกว่าจะไม่ได้เจอหนูอีกแล้ว ซานีอา ฮือ” เธอร้องออกมาพลางกอดเด็กน้อยไว้แน่น


“คุณยาย” เซเวญ่าก้มหัวเคารพ ยายเฒ่านำมือมาแตะที่หัวของเธอระหว่างที่เจ้าหางปุยฝุบตัวลงนอนข้างๆ อย่างสบายใจ ยายเฒ่ายังคงกอดหลานของตนไว้แน่นจนเด็กน้อยต้องร้องออกมาเพราะหายใจไม่ออก เธอหันไปสังเกตเห็นพรางทั้งสองที่ยืนอยู่ด้วย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นเต้น ด้วยเฉพาะลีโอ แต่นอสเองกลับดูสงบเสงี่ยมขึ้นมาก


“แล้วสองคนนี้ล่ะ?” ยายเฒ่าถามขึ้น หลังจากที่ส่งซานีอาให้พี่เลี้ยงไปทำความสะอาด

ทั้งนอสและลีโอมองหน้ากันลังเลว่าจะเริ่มเรื่องของพวกเขายังไง แต่เซเวญ่าก็พูดขึ้นมาเสียก่อน


“ม่านสีขาวแห่งพราง” เธอพูดขึ้นอย่างประทับใจ “เราบังเอิญเจอพวกเขา ดูเหมือนทั้งสองจะเป็นคนช่วยซานีอาเอาไว้ค่ะ” 


ม่านสีขาวแห่งพราง สองพรางหนุ่มคุ้นกับชื่อนี้ดี แต่ไม่มีใครเรียกพวกเขาแบบนั้นมาตั้งแต่คืนแห่งการล่มสลาย เผ่าหมอกปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกมานาน หลังจากเหตุการไม่คาดฝันของคืนพระจันท์เต็มดวง ยายเฒ่าจึงยินดีมากกับการมาเยือนของทั้งสองคน ดูเหมือนว่าในอดีตที่ผ่านมา ทั้งสองเผ่าจะมีความสนิทสนมกันพอสมควร และการที่ได้รู้ว่าลีโอและนอสได้ช่วยชีวิตซานีอา หลานรัก เอาไว้ พวกเขาจึงถูกปรนนิบัติอย่างดีราวกับเป็นแขกของท่านเซเวญ่า 


“ต้องขอบคุณพรแห่งแสงที่ส่งพวกท่านมาช่วยหนูซานีอา เผ่าฟานา ขอต้อนรับพวกท่านทั้งสอง”

 

พวกเขาทำความรู้จักกันอยู่สักพัก ยายเฒ่าก็ขอตัวลากลับไปพักผ่อน และเธอเองก็อยากรีบตามไปดูหลานของเธอที่เกือบจะไม่ได้เจอหน้ากันอีก เธอจึงไหว้วานเซเวญ่าให้พาพวกลีโอเดินดูหมู่บ้าน ซึ่งเธอก็ยินดีที่จะทำ เพราะเธอเองก็สนใจในตัวพวกเขาอยู่แล้ว เธอเริ่มจากเล่าให้ทั้งสองฟังว่าเธอชอบศึกษาสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว และสนุกสนานไปกับความหลากหลายของสีสีนที่ชีวิตแห่งพงไพรสร้างขึ้น สายพันธุ์สัตว์และแมลงจำนวนมากถูกจดบันทึกโดยหน่วยวิชาการที่เธอเป็นผู้ก่อตั้ง ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้มีการสานต่อเจตจำนงของความอยากรู้อยากเห็นต่อสรรพสิ่งรอบกาย เช่นความงดงามของดอกไม้กับพลังการฟื้นฟู การเข้าหาสัตว์ท้องถิ่นเพื่อประโยชร่วมกัน หรือแม้แต่อารมความรู้สึกภายใน ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ เช่น เหตุใดแสงแดดถึงอบอุ่น และเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต หรือสายลมที่มาพร้อมสัมผัสอันเย็นเฉียบ หวนคืนความทรงจำแม้จะล่องหน ความลับของสายน้ำและดินที่เป็นรากฐานให้ทุกลมหายใจบนต้นไม้ใหญ่ยักษ์ หลายสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เมื่อมารวมกันอย่างพอดี ก่อเกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และที่สำคัญ อะไรคือพลังลึกลับที่ธรรมชาติมอบให้แก่เหล่าผู้วิเศษเช่นเธอ   


ลีโอมองเซเวญ่าตาเป็นประกาย ในที่สุด ก็อาจจะมีใครสักคนที่เข้าใจเขามากกว่านอส หรืออันที่จริงแล้ว นอสเองอาจจะไม่ได้เข้าใจลีโอเลยแม้แต่น้อย แต่ที่เขาทำไปทั้งหมด ก็อาจแค่เพื่อปกป้องน้องชายของเขาเท่านั้น ทั้งสองพากันเดินตามเซเวญ่า เธอแสดงน้ำเสียงขึงขังแนะนำจุดต่างๆ ที่น่าสนใจ หมู่บ้านแบ่งกันออกเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ละกลุ่มมีหัวหน้าหนึ่งคนที่พวกเขาเรียกกันว่าคูร์บาน เซเวญ่าเองก็เป็นหนึ่งในคูร์บานเช่นกัน และก็ยังเป็นผู้นำของเหล่าคูร์บานทั้งหมดอีกด้วย ผู้คนในหมู่บ้านจะบูชาเหล่าคูร์บานดุจเทพเจ้า 


การมาเยื่อนของทั้งสองนั้น แม้อาจไม่เป็นที่ต้อนรับเท่าไรนัก แต่ถ้าคูร์บานของพวกเขายินดีแล้ว ทั้งหมดก็จะยินดีไปพร้อมกัน ผู้คนทำความเคารพเมื่อทั้งสามคนเดินผ่านหรือเข้าไปใกล้ เป็นการทักทายที่เรียบง่ายที่ต่างฝ่ายต่างมอบพื้นที่อันปลอดภัยให้แก่กัน เซเวญ่าไม่อยากเสียเวลาไปกับการทักทายมากนัก จึงสั่งว่าอย่าเพิ่งให้ความสนใจพวกเธอระหว่างนี้ เพราะการได้อวดศักยภาพของหมู่บ้านที่เธอดูแลอยู่นั้น กำลังทำให้เธอสนุกสนานเป็นอย่างมาก


 เซเวญ่านำทั้งสองฝ่าผู้คนจากขอบหมู่บ้าน ตรงไปยังส่วนที่อยู่ลึกเข้าไป จนได้พบกับลานกว้าง ที่เหล่าวัยรุ่นจากหลายครอบครัวต้องมารวมกันเพื่อฝึกวิชาการต่อสู่ รวมไปถึงการปีนป่ายที่เป็นสิ่งจำเป็นในการเดินทางและเอาตัวรอดผ่านป่าทึบแห่งนี้ เธอชี้ให้ดูว่าเผ่าฟานาทุกคน ทั้งลุงนอร์แมน รวมถึงตัวเธอเอง ก็ต้องผ่านการฝึกฝนจากที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน ลีโออวดว่าพวกเขาปีนป่ายกันตั้งแต่เขายังเดินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พอมือมีแรงจับ แม่ก็ใช้ให้เขาโหนเถาวัลย์ไปหยิบผลไม้ที่เพื่อนบ้านเก็บมาฝากแล้ว  


ด้วยความกระตือรือร้นและอารมที่ดีสุดขั้ว เธอพาพวกเขาเดินออกมาจากลานกว้าง ผ่านกลุ่มผู้คนที่ถูกจัดที่พักให้อย่างเป็นระเบียบ และมีคูร์บานหนึ่งคนต่อหนึ่งกลุ่มอยู่ตรงกลาง เพื่อเป็นแหล่งรวมจิตใจ และคอยจัดแจงการงานต่างๆ ให้ ปกป้องผู้คนให้อยู่รอดต่อไปภายใต้พรแห่งพนาลัย 


ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินชื่นชมหมู่บ้านอยู่นั้น คูร์บานสาวคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก ก็กำลังทำพิธีบางอย่าง ซึ่งลีโอก็เรียกให้นอสดูระหว่างที่เซเวญ่ายืนยิ้มมองดูอยู่กับทั้งสอง ผู้คนนั่งเรียงแถวพร้อมกระถางต้นไม้เล็กๆ ในมือ เธอปิดตาลง ยื่นมือไปที่กระถางต้นกล้านั่น จากนั้น แสงแวววาวแบบเดียวกับที่นำทางเซเวญ่า ก็สว่างขึ้นรอบๆ ต้นกล้าเหล่านั้น ทั้งหมดคอยๆ เติบโตขึ้น จนกลายเป็นดอกไม้สีสันสวยงาม ทั้งสองตาลุกวาวกับปาฏิหาริย์อีกหนึ่งอย่างที่เพิ่งได้เห็นจากหมู่บ้านแห่งนี้ เซเวญ่าดูจะภูมิใจมากกับผลงานที่พวกเธอสามารถทำได้ 


ถัดมาอีก เป็นจุดฝึกฝนเหล่าเด็กๆ ที่เมื่อโตพอที่จะห่างจากพ่อแม่ได้แล้ว ก็จะพากันมาอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตเบื้องต้น และหลังจากนั้น พวกเขาก็จะสามารถกลับไปหากลุ่มของตัวเอง หรือย้ายเข้ากลุ่มอื่นต่อไป ลีโอตื่นตาตื่นใจกับความเป็นแบบแผนของที่นี่เป็นอย่างมาก ราวกับว่าอารยธรรมนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน แต่ก็ไม่เท่าเมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน่วยวิชาการของหมูบ้าน ที่เต็มไปด้วยสิ่งของมากมายที่เกิดจากจินตนาการและสติปัญญา ลีโอไม่รอช้า วิ่งเข้าหาสิ่งประดิษฐ์ที่วางเรียงกันอยู่มายมาก จนคนแถวนั้นต้องวิ่งมาห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้ของพวกนั้นจนเกินไป นอสจึงหันไปบอกเซเวญ่าว่าลีโออาจจะต้องใช้เวลาตรงนี้สักพัก


“ช่างเป็นพรางที่แปลกจริงๆ” เธอพูดขึ้น “ไม่เคยเห็นว่าพรางจะสนใจเรื่องแบบนี้”

“สิ่งนี้ทำให้เขาเป็นเหมือนตัวประหลาดในพราง” ​นอสพูดอย่างเป็นห่วง “มันทำให้เขาดูอ่อนแอ”

“การที่เขายังมีชีวิตรอดถึงทุกวันนี้มันบ่งบอกอีกอย่างนะ”​ 

“ฉันไม่ได้คิดว่าเขาอ่อนแอ” นอสแก้ตัว “คนในหมู่บ้านฉันต่างหาก” 


ทั้งสองยืนมองลีโอที่วิ่งไปมาระหว่างสิ่งของต่างๆ โดยมีหนุ่มหน่วยวิชาการคอยคุมอยู่ไม่ห่าง เซเวญ่าแนะนำว่าหนุ่มคนนั้นชื่อแมซ เขาเป็นผู้นำทางนวัตกรรม หรือที่เธออธิบายให้นอสฟังว่า เป็นผู้เริ่มต้นคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เป็นแนวหน้าในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่อาจจะมีประโยช ตัวอย่างเช่นลิฟต์ที่ต้องใช้ความเข้าใจในการคำนวนน้ำหนักของผู้ใช้ เมื่อเวลาจะขึ้นไปข้างบน สำหรับคนสองคน เมื่อเข้าไปในลิฟต์แล้ว ให้ปลดเชือกที่ผูกไว้และยกหินถ่วงน้ำหนักที่วางอยู่ออก น้ำหนักที่ถ่วงเอาไว้ด้านบนเมื่อหนักกว่าก็จะร่วงลงมา และดึงทั้งสองขึ้นไป 


เซเวญ่าลากนอสให้ไปลองขึ้นลิฟต์ ทำให้เขานึกถึงวันที่เขาลอยตามลีโอออกมาจากม่านหมอก ถึงมันจะไม่รุนแรงเท่ากับตอนนั้นก็ตาม ลิฟต์ถูงดึงขึ้นไปเหนือยอดไม้ไม่ได้สูงจากพื้นมากนัก ทำให้เขาสามารถมองเห็นป่ารกทึบรอบๆ และแสงจากดวงอาทิตย์ ที่ตอนนี้เริ่มเข้าใกล้ขอบฟ้าเข้าไปทุกที 


นอสเองเมื่อได้อยู่กับเซเวญ่าแล้ว กลับทำให้เขาหลงลืมตัวที่จะต้องคอยระวังภัย การพบกันครั้งนี้ กำลังก่อให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างในชีวิตเขา ที่เรื่องราวต่างๆ วนเวียนอยู่แค่กับการปกป้องน้องชาย นอนหลับพักผ่อนจากสิ่งต่างๆ เฝ้ามองการพริ้วไหวของใบไม้บนสายลมผ่านกาลเวลาไป มันมีเพียงเช่นนั้นมาโดยตลอด


“นานแล้วนะที่พรางไม่ได้ออกมาจากม่านหมอก” จู่ๆ เธอก็พูดขึ้น “อะไรกันที่ทำให้พวกเจ้าออกมากันนะ?”

“ลีโอน่ะ เขาอยากออกผจญภัย” นอสนึกขึ้นได้ที่จะไม่บอกความจริงทั้งหมด “ฉันแค่ติดตามเขามาเพื่อปกป้องเขาน่ะ”

“นายเป็นองครักษ์ของลีโองั้นรึ?”

“ฉันเป็นพี่ชาย”

“งั้นนายก็เป็นพี่ชายที่ดีมาก นอส” เธอยิ้มให้เขาเบาๆ “มาเถอะ ฉันจะพาไปดูสิ่งประดิษฐ์ของฉัน” 


เซเวญ่าจับแขนลากนอสให้ออกจากวังวนแห่งความรู้สึก ทั้งคู่ขึ้นไปบนลิฟต์พร้อมกับหยิบหินถ้วงน้ำหนักขึ้นมาด้วย ลิฟต์คอยๆ ลดระดับลง ส่งทั้งคู่ลงไปยังพื้นเบื้องล่าง ลีโอเห็นทั้งสองกลับลงมาจึงรีบวิ่งไปหาพร้อมกับอวดสิ่งของแปลกๆ ที่เขาเจอในหน่วยวิชาการ และวิ่งกลับไปทันทีก่อนที่นอสจะได้เล่าถึงประสบการณ์ขึ้นลิฟต์ ที่เขาคิดว่า เขาน่าจะใช้เวลาในการปีนขึ้นไปน้อยกว่า ถ้าจะให้เขาต้องมาคำนวนน้ำหนักเพื่อที่จะให้มันใช้งานได้ 


เซเวญ่าชอบใจที่ลีโอเข้ากันได้ดีกับแมซ เธอจึงปล่อยให้ลีโออยู่ที่นั่นต่อ และพานอสเดินออกมาจากหน่วยวิชาการ ลึกเข้าไปผ่านป้ายที่มีสัญลักษณ์บางอย่าง ที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นพื้นที่หวงห้าม ถึงแม้จะเขียนด้วยภาษาที่นอสไม่รู้จักก็ตาม เป็นเขตที่มีแต่คูร์บานและแขกของเธอเท่านั้นที่จะเข้าไปได้