ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอาไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
นอสทะยานตามลีโอลอยขึ้นไปสูงลิ่ว ผ่านใบ้ไม้และไอน้ำที่เบาบางขึ้นเรื่อยๆ ไออุ่นจากแสงแดดกระทบนิ้วมือทั้งสองที่จับเถาวัลย์ไว้แน่นเป็นครั้งแรก ความแสบร้อนที่ไม่คุ้นเคยกวนใจพวกเขา แต่ก็ไม่เท่าความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
แรงกระชากเหมือนจะทำให้ลีโอปวดหัวไหล่ขึ้นมา แต่สำหรับนอสแล้ว เขานั้นยืดหยุ่นกว่ามาก ความตื่นเต้นปลุกพวกเขาให้มีสมาธิอีกครั้งกับเหตุการไม่ขาดฝันที่กำลังเกิดขึ้น บนความเวิงว้างกลางอากาศ ฝูงนกปากแหลมที่อยู่ไม่ไกลนักสังเกตเห็นพวกเขา ที่ ณ ตอนนี้เป็นจุดสนใจมากที่สุด เพราะทั้งสองไม่ต่างอะไรจากหนอนบนปลายคันเบ็ดอันน่าโปรดปราน
ไม่รอช้า พวกมันพุ่งเข้าใส่ด้วยปากอันแหลมคมทันที นอสที่อยู่ข้างหลังจับมีดสั้นขึ้นมาปัดป้อง พวกมันจิกกัดเขาไม่หยุด แต่ลีโอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั้งพวกเขาหลุดออกมาจากม่านหมอกได้ทั้งหมด
“พวกมันเลิกตามมาแล้ว” ลีโอพูดขึ้นหวังจะปลอบใจนอส “มันคงทนแสงตรงๆ ไม่ได้”
นอสมองมาทางลีโอไม่ได้พูดอะไร แผลจากนกปากแหลมทำได้เพียงแค่สะกิดเขาเท่านั้น นกยักษ์ยังคงพาพวกเขาลอยสูงขึ้นไปในอากาศ ข้ามสะพ้านต้องห้าม ออกจากเขตที่พวกเขาคุ้นเคย เบื้องล่างมีต้นไม้หลากสีสัน ที่ขึ้นบนดาดฟ้าตึกใต้เท้าพวกเขา ทั้งหมดเคลื่อนผ่านสายตาพวกเขาไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่ตึกสูงขึ้นมาอีก และดาดฟ้าบนนั้น ก็เข้าใกล้พวกเขามากขึ้น
“เราต้องโดดแล้ว ลีโอ!” นอสตะโกนบอก
ยอดตึกอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ความสูงระดับนี้ แม้อาจทำให้พวกเขาแสบเท้าอยู่บ้าง ทั้งสองมองไปยังจุดที่ใกล้ที่สุด มือปล่อยจากเถาวัลย์ กระโดดพลิกตัวเข้าหาดาดฟ้าว่าง
เท้าเปล่าๆ ที่สัมผัสบนใบหญ้าให้ความรู้สึกที่ต่างแตก มันทั้งหยาบและสีอ่อนกว่าพื้นไม้ที่พวกเขาจากมา พื้นที่แถบนี้อยู่ต่ำลงมาจากม่านสีขาวของพวกเขา และพื้นน้ำเบื้องล่างก็อยู่ไม่ห่างจากพวกเขามากเท่าไร ถ้าตอนนี้พวกเขายังอยู่ในม่านหมอก ตรงนี้ก็คือเขตความมืดชั้นลึกพอควร
ทั้งคู่รีบกระโดดขึ้นที่สูงตามสัญชาตญาณ เกาะบนต้นไม้ที่ใกล้พวกเขาที่สุด มองสำรวจไปทั่ว ตามชั้นต้นไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป และพุ่มไม้สีส้มเบื้องล่าง ที่ขึ้นตามซากปรักหักพังจากโลกเก่า บรรยากาศยังดูเงียบสงบ เว้นเสียแต่เสียงร้องจากพวกสัตว์มีปีก ที่ส่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะๆ สะท้อนก้องไปทั่วทั้งผืนป่า แม้จะดูวังเวง แต่ก็มีสีสันกว่าที่ที่พวกเขาจากมา
“ไปกันต่อเถอะ” ลีโอว่า “เริ่มจากขึ้นที่สูงก่อนละกัน”
พวกเขารีบพากันกระโดดขึ้นไป โดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่า มีใครบางคนแอบมองพวกเขาอยู่จากใต้เงาไม้รอบๆ
ระหว่างที่พวกเขากำลังดึงตัวเองผ่านกิ้งก้านต้นไม้ จู่ๆ หางตานอส ก็ไปจับเข้ากับสิ่งมีชีวิตร่างเล็กบางอย่าง พอเข้าไปใกล้ ก็พบว่าเป็นเด็กน้อยดวงตาไร้เดียงสา เธอยืนนิ่งและมองมาที่พวกเขา ทั้งสองยังคงอยู่บนที่สูงมองเข้าไปอยู่ห่างๆ บนหัวเด็กน้อยประดับไปด้วยกิ่งไม้ ที่ถูกถักขึ้นเป็นราวกับมงกุฎ ใบไม้สีน้ำตาลและสีเหลือง ปักซ้อนกันไปกับเส้นผม และเสื้อหนังสีเข้มที่กลื่นไปกับผืนป่า
“นั่นมันเด็กนี่” นอสว่า “เหมือนจะเห็นพวกเรานะ เดี๋ยวก่อนลีโอ” พวกเขาหยุดมอง เว้นระยะห่างไว้ ทันใดนั้น เจ้าเด็กน้อยก็ยื่นมือมาทางนอส ที่ก็กำลังพยายามห้ามลีโอ ไม่ให้เขาเข้าใกล้ไปมากกว่านี้
“มีอะไรจะให้พวกเราเหรอ?” ลีโอถามออกไป แต่อาจจะด้วยภาษาที่ต่างกัน เขาไม่ได้เสียงตอบรับใดๆ กลับมา เด็กน้อยหันกลับมามองลีโอ ยังคงยื่นมือมาทางพวกเขา
“ว่าไงเจ้าหนูน้อย?” ลีโอทำท่าจะลงจากต้นไม้ไปหาเด็กน้อยที่ยืนอยู่บนใบไม้แห้ง ที่ขึ้นปกคลุมอยู่บนพื้นแข็งๆ
“เดี๋ยว!” นอสพยายามตะโกนให้เงียบที่สุด “เราจะแน่ใจได้ไงว่ามันจะไม่อันตราย” เสียงเริ่มแหบด้วยความหงุดหงิด
“นอส น้องเป็นแค่เด็กเองนะ” ลีโอห้อยลงมาใกล้ตรงหน้าเด็กน้อย และรับของที่น้องยื่นมาให้ มันเป็นเหมือนเนื้อตากแห้งแข็งๆ เขาเอามาดมและกำลังจะเอามันเข้าปาก ขณะที่เด็กน้อยยังคงยืนมองอย่างใจเย็น แต่ไม่ทันที่เขาจะได้กินมัน นอสก็เข้ามาขวางเสียก่อน
เขาคว้าเนื้อแห้งมาจากลีโอ พร้อมยื่นมันกลับคืนไปที่เด็กน้อย ที่ดูจะไม่พอใจนอสสักเท่าไร
ดวงตาอันไร้เดียงสาแปรเปลี่ยน สายตาเปี่ยมไปด้วยความก้าวราว เด็กน้อยหยิบหน้ากากไม้ขึ้นมา ปิดบังใบหน้าน้อยๆ ด้วยดวงตาโตสีดำสองข้าง ที่วาดอยู่บนหน้ากากชวนขนลุก เจ้าหนูเดินถอยหลังช้าๆ ก่อนที่จะวิ่งทะลุพุ่มไม้หายกลับเข้าไปในป่า ทันใดนั้น ชนเผ่าในชุดหนังและหน้ากากไม้เหมือนกับของเด็กน้อย ก็โผล่ขึ้นมาจากเงาไม้รอบๆ ในมือมีอาวุธที่ทำมาจากไม้และหิน บางคนถือเหล็กปลายแหลมจากโลกเก่า ทั้งหมดเริ่มเดินเข้าใส่หวังจะปลิดชีวิตพวกเขา ลีโอออกอาการตกใจ จนแทบจับมีดสั้นในมือไว้ไม่อยู่
มันวิ่งใส่ลีโอ พร้อมแทงมีดปลายแหลมาที่เขา แต่นอสที่ยืนอยู่ด้วยไม่ใช่คนเชื่องช้า มือเขาที่จับมีดสั้นอยู่ก่อนแล้วปัดมีดที่พุ่งเข้าใส่ พร้อมกับเหวี่ยงมันลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว ชนเผ่าเมื่อเห็นเพื่อนเสียท่าก็เลือดขึ้นหน้า วิ่งเข้าใส่พวกเขาไม่ยั้ง
ลีโอพยายามถึงที่สุดที่จะปัดป้องอาวุธพร้อมกับหนีขึ้นที่สูงไปด้วย นอสเองก็ถอยตามลีโอไม่ห่างและจัดการไปอีกสองคนให้นอนลงกับพื้น ความโกลาหลเกิดขึ้นอยู่สักพัก จนพวกเขาต้องตัดสินใจปีนหนีออกมาให้พ้นจากบริเวณนั้น ไล่หลังมาด้วยเสียงของพวกชนเผ่าที่ตามมาสมทบ แต่แล้วทั้งคู่ก็หลบขึ้นไปสูงมากพอ จนพวกมันได้แต่หยุดมอง และพากันล่าถอยออกไปพร้อมกับทำสัญลักษณ์บูชาอะไรบางอย่างมายังพวกเขา
“เหมือนพวกมันจะไม่ตามเราขึ้นมานะ” พวกมันได้แต่ยืนมองดูพวกเขา และหายกลับเขาไปยังเงาไม้ตามเดิม ทั้งคู่ยังคงปีนขึ้นไปเรื่อยๆ พอมองกลับลงไป พวกเผ่าหน้ากากก็ไม่ได้อยู่ตรงบริเวณนั้นอีกแล้ว
“ไหนลุงฟอกส์บอกว่าพวกมันอยู่ไกลออกไปอีกไม่ใช่รึไง” นอสพูดอย่างหงุดหงิด
“แต่จากตอนนั้น มันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วนะ” ทั้งคู่หยุดอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ที่ยื่นออกมาจากซากตึกอีกที
ทันใดนั้น เงาปริศนาก็ปรากฏขึ้นเหนือพวกเขา มันลากยาวบดบังแสงแถวๆ นั้นทั้งหมด ทั้งสองรีบหาที่ซ้อนทันที มุดตัวแทรกไปหลบกับใบต้นไม้ ระหว่างที่นอสพยายามมองขึ้นไปหาที่มาของเงานั่น ปรากฏเป็นร่างของนกยักษ์ขนดำสนิทแถมมันวาว ร่อนลงมาจอดอยู่บนต้นไม้ผ่านหัวพวกเขา
นกยักษ์เริ่มจัดแต่งขน และสะบัดตัวเพื่อผ่อนคลาย ทำให้ต้นไม้สั่นไหวจนนอสต้องจับลีโอไว้ไม่ให้เขาร่วง ทั้งสองทำตัวนิ่งสุดขีด ระหว่างที่เจ้านกยักษ์เองก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา มันเอนตัวลงนอนแล้วหลับไป บนรังที่สร้างมาจากซากสิ่งของที่ดูจะไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย
หนึ่งอาทิตย์ผ่าน หลังจากที่พวกเขาออกมาจากม่านหมอก การเดินทางช่วยให้ลีโอลืมเรื่องฝันร้ายไปได้บ้าง แต่เรื่องราวเหล่านั้นที่กลับมาในบางเวลา ก็เป็นเครื่องช่วยเตือนใจที่ทำให้เขามีแรงออกเดินทางต่อ ทั้งสองรอจนเจ้านกยักษ์หลับสนิท พวกเขาจึงค่อยๆ ขยับออกจากพื้นที่ ที่เป็นราวกับหมู่บ้านของเจ้านกยักษ์อีกหลายร้อยตัว รังของพวกมัน อยู่บนต้นไม้ในแถบที่สูงแถวนี้ทั้งหมด นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เผ่าหน้ากากไม่กล้าตามพวกเขาขึ้นมา เมื่อท้องฟ้าถูกปกครองโดยเจ้าแห่งเวหา ไม่น่าแปลกที่จะถูกสรรเสริญโดยชนเผ่าที่มีสติปัญญาเช่นพวกเขา
ขนนกมันวาวหายไปพร้อมกับความมืดมิดของค่ำคืน ที่ก็บังคับให้พวกเขาเองต้องหาที่พัก ท่ามกลางฝูงนกยักษ์ที่หลับไหล อาหารของพวกเขาในคืนนี้ จึงเป็นเพียงแค่เศษนกย่างแห้งกรัง ที่เอาติดตัวออกมาจากใจกลางพราง และแสงดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า ที่คอยส่องสว่างให้เท่านั้น