ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น

หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา - บทที่ 7 การเดินทางอันแสนเงียบเหงา โดย ประตูตู้ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา โดย ประตูตู้ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น

ผู้แต่ง

ประตูตู้

เรื่องย่อ

ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด


สารบัญ

หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-ปฐมบท ฝันร้าย,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 1 ผิดคาด,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 2 เขตมืด,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 3 ผู้หวนคืน,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 4 หอคอยและคำสาป,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 5 สะพานต้องห้าม,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 6 ก้าวแรก,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 7 การเดินทางอันแสนเงียบเหงา,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 8 มนต์สะกด,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 9 เซเวญ่า,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 10 เผ่าฟานา,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 11 กระทันหัน,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 12 พวกพ้อง,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 13 คนนอก,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 14 เพื่อนใหม่,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 15 หน่วยลับ,หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอา-บทที่ 16 คูร์บาน

เนื้อหา

บทที่ 7 การเดินทางอันแสนเงียบเหงา

ในม่านหมอกขาวไกลออกไป เป็นคืนที่แสงจันทร์ส่องสว่าง ทำให้ความทรงจำอันครึกครื้นบนต้นไม้ยักษ์กลับมาอีกครั้ง พรางที่เคยสนุกไปกับแสงจันทร์ ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น เงียบสงัดเช่นคืนก่อนๆ ของยุคล่มสลาย ด้านบนที่แสงจันทร์โอบกอดอย่างอบอุ่น มันน้อยนิดถ้าเทียบกับจุดที่หน่วยป้องกันเริ่มจัดตั้งที่พัก และแนวป้องกันตามต้นไม้ยักษ์ ลึกลงไปยังบริเวณเขตต้องห้าม ณ ปากทางเข้าเขตมืด ขวางกั้นเส้นทางทั้งหมดที่ตรงมายังใจกลาง


ผู้เฒ่าริว และผู้เฒ่าฟา ทั้งสองจัดตั้งทัพอยู่แนวหน้าของการป้องกัน คอยออกคำสั่ง ผู้เฒ่ากาซารอตกับผู้เฒ่าดามูลย์ ยังคงอยู่เหนือขึ้นไปที่ใจกลาง พวกเขาคอยส่งหน่วยกระจายข่าวออกไป เพื่อเรียกรวมพลเหล่าพรางให้มารวมตัวกันอีกครั้ง


ด้วยเหตุผลที่พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดถึงสาเหตุที่ผู้ต้องสาปกลับขึ้นมา ทุกหน่วยจึงได้แต่เฝ้าป้องกันรอคอยการเผชิญหน้าเท่านั้น ถ้าเรื่องราวที่ลีโอกับนอสพูดเป็นความจริง ผู้เฒ่ากาซารอตก็หวังว่าทุกอย่างจะจบลงได้โดยปราศจากการนองเลือด




ในโพรงไม้ใหญ่ ณ ใจกลาง ท่านผู้เฒ่าดามูลย์กำลังนั่งหลับรับไออุ่นอยู่หน้ากองไฟ ระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งหนึ่งที่เสียงเรียกแห่งพรางเคยดังกึกก้องไปทั่วทุกทิศ นานมาแล้วภายใต้ม่านสีขาว พรางที่มีสติปัญญา ได้เลียนแบบเสียงเรียกของเจ้าเวหาที่โบยบินอยู่เหนือต้นไม้ยักษ์ เสียงเรียกที่สะท้อนกังวานถูกใช้สื่อสารข้อมูลถึงกัน แม้ผู้เฒ่าดามูลย์จะหวนนึกถึงบรรยากาศอันครึกครื้นมากเพียงใด แต่ในยุคที่ล่มสลาย ทุกอย่างต่างอยู่รอดได้ภายใต้ความเงียบงัน 


ภวังค์จางคลายเมื่อเสียงของการมาเยือนกระทบลงเบาๆ ผู้เฒ่าดามูลย์ถูกปลุกขึ้นอย่างนุ่มนวลโดยอาดินต์ หนึ่งในพรางที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ผู้เฒ่ากาซารอต เขายืนอยู่ในชุดหนังและขนนกสีขาวประดับอย่างปราณีต เขาเพิ่งนำข่าวมาจากผู้เฒ่าริว ถึงความคืบหน้าของพวกขบวนผู้ต้องสาป ผู้เฒ่าหันไปหาพรางหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยความเคารพ


“ว่าไงอาดินต์” ท่านผู้เฒ่าดามูลย์พูดด้วยน้ำเสียงแห่งวัยชรา

“หัวขบวนใกล้จะถึงเขตม่านแล้วครับ”​ อาดินต์ตอบ “ดูจากความเร็วแล้ว น่าจะอีกไม่เกินหกคืน”

“งั้นรึ แล้วหน่วยป้องกันล่ะ?”

“ท่านผู้เฒ่าทุกหน่วยเข้าประจำการเรียบร้อยครับ” 


ท่านผู้เฒ่าขยับมือและเท้าอันหนาวเหน็บเข้าไปในเสื้อหนัง จัดท่าทางเพื่อที่จะนอนต่อ 


“พรุ่งนี้เช้าเราจะไปรอต้อนรับพวกเขา”


“ครับ ท่านผู้เฒ่า”   




ในความมืดมิด ผู้ต้องสาปมากมายกำลังคลืบคลานผ่านข้ามโถงใหญ่ ตอนนี้ที่นั่นเต็มไปด้วยผู้คนในอดีต อันเบียดเสียดแน่น ปีนขึ้นมาอย่างช้าๆ อีกไม่นานพวกเขากำลังจะได้สัมผัสแสงแรกของชีวิตหลังจากที่หายสาบสูญไปอย่างยาวนาน เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไรกันแน่ การเผชิญหน้ากับเหล่าบรรพบุรุษ ที่ ณ ตอนนี้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติไปเสียแล้ว




ใต้รังนกยักษ์ นอสพาลีโอปีนผ่านเส้นทางปลอดภัยรอดพ้นจากเผ่าหน้ากากใต้พิภพ มีเพียงช่องว่างใต้รังของพวกนกยักษ์เท่านั้น ที่พวกเขาเว้นระยะห่างเอาไว้ โครงสร้างอันซับซ้อนของมวลไม้ที่ยึดทุกอย่างไว้ด้วยกัน เป็นทางที่ต้องอาศัยการปีนผ่านก้านไม้ที่คดเคี้ยวไปมา หนทางที่อยู่เหนือการเข้าถึงของมนุษย์ใต้ดินโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าพรแห่งหมอกยังคงคอยคุ้มครองพวกเขาอยู่เสมอ เพราะการปีนป่ายเป็นเรื่องที่พวกเขาฝึกฝนกันมาตั้งแต่เด็ก เส้นทางนี้ จึงเหมือนถูกสร้างมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ ทั้งสองทั้งปีนทั้งโหนผ่านช่องแคบที่หนาแน่นไปด้วยพงไพร อีกไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็จะผ่านพวกเผ่าหน้ากากไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก


นกยักษ์เหนือพวกเขาดูท่าทางจะตั้งใจจัดแต่งรังของพวกมันเป็นพิเศษ บางตัวมีสิ่งประดิษฐ์จากมนุษย์อย่างเช่นลูกธนูและเชือก ส่วนมากจะออกไปทางด้านเสริมความแข็งแกร่งโดยการมัดเชือกให้แน่นหรือติดลูกธนู ป้องกันรังตัวเองจากผู้ไม่หวังดีด้วยหนามแหลม ดูเหมือนว่าเจ้าพวกยักษ์พวกนี้ยังคอยสอนการใช้สิ่งของต่างๆ ที่เป็นประโยช ให้แก่เหล่านกตัวดำที่เล็กกว่า ในบางรัง จะมีพวกที่ตัวเล็กมาจับกลุ่มกัน คอยดูว่าพวกที่ตัวโตกว่าเขาทำอะไรกันยังไง พวกตัวใหญ่ที่ท่าทางใจดียังคอยแบ่งอาหารที่พวกเขาเก็บได้ให้พวกตัวเล็กๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแมลงปีกหนา ผลไม้ตามยอดสูง หรือแม้กระทั่งมนุษย์ที่ไม่ได้ระวังตัวเองมากพอ และหลงเข้ามาใกล้พวกมันจนเกินไป


“นายคิดว่าเราจะเป็นเพื่อนกับเจ้ายักษ์พวกนี้ได้ไหมนอส?” ลีโอพูดขึ้น “เราอาจจะขี่มัน บินไปทุกที่เลยก็ได้” 


เขาทำท่ากางแขนบินไปในอากาศ พอผ่านไปสักพัก พวกเขาก็มาหยุดอยู่ใต้รังนกยักษ์ตัวหนึ่งเพื่อพักเอาแรง รังของมันเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายจากพื้นดิน และบางอย่างที่คุ้นตาก็มาจากพวกเผ่าหน้ากาก มีทั้งแผ่นไม้ที่ดูเหมือนจะเคยเป็นโล่มาก่อน ที่ตอนนี้มันถูกใช้เป็นที่ลับเล็บจนไม่เหลือสภาพเดิม และยังมีไม้ปลายแหลมที่เหมือนจะเคยถูกเหลาไว้เป็นหอก วางอยู่ตรงกลางรังของมัน พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าเจ้าพวกนี้มีไม้ปลายแหลมไว้ทำอะไร


“เดี๋ยวก่อนน่ะ” นอสหน้านิ่ว “ก่อนหน้านั้นเราคงเป็นอาหารของมันไปแล้ว —”

“อาหารเหรอ! ใช่เลยนอส! ถ้าเราเอาอาหารไปให้มัน มันอาจจะไว้ใจเราก็ได้”​ ลีโอพูดขัดขึ้นแววตาเป็นประกาย


“ไม่! ลีโอ!” นอสรีบรวบรวมของมากมายลงกระเป๋าหนัง โดยที่เจ้านกยักษ์ยังคงวุ่นวายอยู่กับขนของตัวเอง “ตอนนี้เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ ก่อนที่มันจะเห็นเรา และหันมาจับเราเป็นมื้อเย็น แบ่งกับเพื่อนตัวน้อยของมัน”


เจ้านกยักษ์ทยอยจัดแต่งขนของมันต่อไป ทำให้ไม่ได้สังเกตเห็นนอสที่แอบหยิบลูกธนูและเชือกบางส่วนติดมา ขนอ่อนของมันที่ร่วงอยู่ ก็ถูกเก็บมาด้วย อย่างน้อยขนนกพวกนี้ก็ช่วยให้พวกเขารอดจากความหนาวเหน็บของค่ำคืนในป่าชื้นได้ พรางมักจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการหาประโยชต่างๆ จากสิ่งรอบตัวเสมอ ลีโอที่ไม่เน้นเรื่องใช้กำลังมักจะเก่งเรื่องนี้กว่าใคร


นอสตามเคยต้องลากลีโอออกมาจากรัง ก่อนที่เขาจะพยายามหาอะไรไปให้เจ้ายักษ์นั่น จนมันรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา และสถานะการคงกลับไปวุ่นวายอีก เขาพาลีโอปีนไปตามทางข้ามเผ่าหน้ากาก ที่ด้วยความสูงระดับนี้ พวกเขาเหลือเพียงแค่กลุ่มควันเล็กๆ ที่ลอยขึ้นจากผืนป่าตามจุดต่างๆเท่านั้น อีกเพียงไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็จะพ้นเขตของเผ่าหน้ากากแล้ว ชุดของทั้งสองเริ่มเปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อม ด้วยขนนกและใบ้ไม้แห่ง ปรับตัวให้กลื่นไปกับธรรมชาติ 


ถึงแม้ทั้งสองจะเลยเขตเผ่าหน้ากากเข้ามาค่อนข้างลึก แต่พื้นที่แถบนี้กลับยังไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใด ทั้งป่ากลับมาเงียบสงัดไม่ต่างจากที่ๆ พวกเขาจากมาเท่าไร นี่อาจจะเป็นสัญญาณให้พวกเขาต้องหาที่พัก ยามค่ำคืนนั้น แม้แต่ในเขตของพรางเอง ก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะออกไปเดินเล่นใต้แสงจันทร์ 


ในม่านสีข่าวเองนั้น มีเรื่องเล่าอยู่ว่า พอตกกลางคืน จะมีดวงตายักษ์ลอยไปในอากาศ คอยหาเหยื่อที่ไม่ทันระวังตัว พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า เทพเจ้าดวงตาแห่งหมอก พรางที่เคยรอดจากการได้เห็นมันออกล่า บอกว่าเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของอากาศ ที่พัดไหวเมื่อเหล่าเจ้าเวหาโบยบินเข้ามาใกล้ เมื่อเพื่อนของเขาที่ไม่ทันได้ระวังตัว ถูกมันดึงหายเข้าไปในม่านหมอก และสิ่งเดียวที่เขาจำได้ในคืนนั้น คือดวงตากลมโตขนาดมโหฬาร ที่สะท้อนแสงจันทร์เพียงชั่วพริบตา


ที่นี่ก็ไม่ต่าง แสงอาทิตย์ที่สะท้อนลงมาในยามค่ำคืนแต่ก่อน เคยเชิญชวนให้สัตว์น้อยใหญ่ออกมาชื่นชมผืนป่า แต่ปัจจุบันนั้นเงียบสงัด ไร้แม้แต่เสียงบรรเลงของแมลง นอสและลีโอ จึงตัดสินใจสร้างที่พักท่ามกลางต้นไม้สูงตามสัญชาตญาณอีกครั้ง เฉกเช่นเดียวกับแมลงที่ต้องหลับไหลหลีกจากภัยอันตราย เฝ้ารอแสงอาทิตย์ และการเดินทางครั้งใหม่