ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอาไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
ใต้แสงหมอกเย็นเฉียบ เหล่าพรางจากทั่วบริเวณมารวมตัวกันบนกำแพงล้อมรอบต้นไม้ยักษ์ ลมหายใจอุ่นจากร่างกายที่ร้อนระอุ หลอมรวมไปกับม่านสีขาวเบื้องบน เมื่อพรางแถวหน้ากำลังวุ่นวายกับเหล่าผู้ต้องสาปที่เริ่มพยายามปีนข้ามกำแพงไม้ ระหว่างที่แถวหน้าทยอยกันใช้ไม้ยาวดันพวกเขาให้กลับไปทางเดิม แทนที่จะสังหารพวกเขาเสีย นี่เป็นเพราะคำสั่งของผู้เฒ่าดามูลย์ ที่กล่าวไว้ว่าให้เฝ้าดูสถานการณ์ไปก่อน ค่ำคืนที่เงียบสงบกลับมาคึกคักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหตุการนี้ทำให้พรางมากมายได้กลับมารวมตัวกันเป็นครั้งแรกหลังจากคืนแห่งการล่มสลาย แม้แต่พวกโร้คที่ยังคงหลงเหลือสติอยู่บ้าง ยังต่างพากันมาเฝ้าสังเกตเหตุการนี้จากรอบๆ ต้นไม้ยักษ์
สองฝั่งดันยื้อกันไปมาอยู่พักใหญ่ ผู้ต้องสาปที่ปีนพ้นกำแพงขึ้นมาต่างก็ถูกผลักกลับลงไป หล่นไปยังร่างพวกที่เบียดเสียดกันขึ้นมาเรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อร่างมากมายดันขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน จนในที่สุด พวกแถวหน้าก็ถูกดันทะลักผ่านกำแพงออกมา พรางแถวหน้ารีบกระโดดถอยเว้นระยะพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับพวกผู้ต้องสาป และต่างก็ถอยออกมาเมื่อพวกเขาถูกดันขึ้นมาใกล้เรื่อยๆ จนทั้งหมดเริ่มเสียการควบคุม
“ถ้าหยุดมันไม่ได้ ก็ฟันมันทิ้งซะ!” เสียงตะโกนสั่งจากผู้เฒ่าริวดังขึ้น ทำให้พรางแถวหน้าทั้งหมดชักดาบและหอกของตัวเองออก เริ่มจัดการเหล่าผู้ต้องสาปที่ล้ำหน้าขึ้นมาทันที ร่างอันเหี่ยวแห้งขาดสะบั้น ร่วงหล่นสู่ความมืดตนแล้วตนเหล่า ทว่า การเดินขบวนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอลงแต่อย่างใด พวกเขายังคงเดินหน้ารับคมดาบโดยไร้การตอบโต้ จนกระทั้งดาบของพรางนายหนึ่งถูกหยุดเอาไว้โดยพรางด้วยกันที่ต่อสู้อยู่เคียงข้าง เขามองไปยังอีกฝ้ายด้วยความสับสน ดาบเสียดสีไปมาก่อนที่เขาจะสบัดมันออก เขาตกใจระคนประหลาดใจอย่างมาก เมื่อคนที่หยุดดาบของเขาไว้มองผู้ต้องสาปตรงหน้าด้วยความอาลัยอาวรณ์
“นี่มันซิลโอฟอร์ ลูกชายข้า ได้โปรด อย่าทำอะไรเขาเลย!” เขาพูดขึ้นพลางเข้าไปขวางผู้ต้องสาปตนหนึ่งที่หน้าตาแห้งกรัง แต่ยังบ่งบอกได้ว่าเคยเป็นใคร พร้อมปัดป้องอาวุธที่พุ่งเข้าใส่ลูกชายต้องสาปขอตัวเอง
“นี่เจ้าเป็นอะไรไปแล้วน่ะ!?” พรางอีกคนข้างๆ ก็เริ่มทำแบบเดียวกัน
“ขอร้อง! นี่พี่ชายข้า!” เขาเข้าไปขวางคมดาบที่กำลังจะตัดพี่ชายของตน ที่ตอนนี้เป็นร่างเดินได้ไร้จิตใจ บนแถวหน้าของพวกผู้ต้องสาปอีกมากมายที่ทยอยกันดันขึ้นมาเรื่อยๆ
พรางมากมายพอเห็นใบหน้าที่คุ้นตาก็เริ่มหยุดการโจมตี แล้วหันกลับไปปกป้องพวกผู้ต้องสาป พวกที่เหลือต่างพากันสับสนและถอยออกมา ทุกอย่างดูจะวุ่นวายขึ้นเมื่อขบวนยังคงเคลื่อนที่ต่อ ทั้งสองฝ่ายได้แต่จ้องหน้ากัน พรางแถวหน้าเริ่มทยอยกันถอยออกจากพรางที่แปรพักตร์ กำแพงไม้ถูกกลืนกินโดยร่างเบียดเสียด แต่ก็ยังไม่มีรับสั่งใดๆ จากผู้เฒ่าดามูลย์
“ถ้าพวกแกไม่ถอย งั้นจงตายไปพร้อมกัน ทั้งหมด!” ผู้เฒ่าริวที่อยู่แนวหน้ายกมือออกคำสั่งพรางที่เหลือ พวกแถวหน้าพุ่งเข้าใส่ทันทีโดยไม่ลังเลในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับคนพวกนั้นที่กำลังพยายามปกป้องลูกหลานของตน พวกที่แปรพักตร์ต่อสู้กับพรางทั้งหมดอย่างสูสี แม้จำนวนจะน้อยกว่ามาก ขบวนผู้ต้องสาปยังคงเดินหน้าต่อดันร่างผู้ที่อยู่ด้านบนขึ้นไป
พรางที่เริ่มสังเกตเห็นใบหน้าคุ้นเคยของผู้ต้องสาป ต่างก็พากันลดดาบลง และหันหน้าเขาหาพวกพรางด้วยกันเอง ความโกลาหลเกิดขึ้นจนพวกโร้คเองก็เริ่มถอยร่นหนีหายขึ้นไปในม่านหมอก ต่างฝ่ายต่างฟาดฟันกันอย่างสุดกำลัง ระหว่างที่ความสูญเสียทวีขึ้น พร้อมกับจำนวนพรางที่แปรพักตร์ไปปกป้องผู้ต้องสาป หน่วยป้องกันกำแพงถูกทำลายในที่สุด พรางที่เหลือรอดทยอยกันถอยออกมา จนกระทั่ง ท่านผู้เฒ่าดามูลย์ต้องเข้ามาหยุดเหตุการไว้ทั้งหมด
“หยุดก่อนทุกท่าน ที่พวกเราทำกันอยู่ ก็เพื่อการมีอยู่ของพวกพ้องไม่ใช่รึ ถ้าการมาถึงของขบวนนี้ต้องทำให้เราฆ่ากันเอง ก็ปล่อยให้มันขึ้นมาเถอะ”
“แต่ท่านผู้เฒ่า —” ผู้เฒ่าริวโหนเถาวัลย์เข้าหาเพื่อคัดค้านแต่ก็ไร้ผล
พรางทุกตนหยุดนิ่ง สายตาจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย พวกเขาต่างลดอาวุธลง แต่การฆ่าฟันเมื่อครู่ยังคงทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตาอันหวั่นเกรงจากกันได้ อย่างน้อยการตัดสินใจของผู้เฒ่าดามูลย์ ก็ได้หยุดการนองเลือดเอาไว้ หน่วยป้องกันกำแพงทั้งหมดกระจายกำลังถอยออกมา รวมถึงพรางที่แปรพักตร์เองก็ด้วย ทั้งหมดเปิดทางให้ขบวนผู้ต้องสาป ที่พวกเขาเองก็ยังคืบคลานขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ยั้ยเยี้ยเบียดเสียดกันราวกับกำลังแย่งกันวิ่งรับอากาศบริสุทธิ์จากเบื้องบน
แต่เมื่อเหล่าพรางทั้งหมดเริ่มสงบลง ราวกับปฏิหาริย์ ขบวนที่ยั้ยเยี้ยกลับเริ่มเปลี่ยนท่าที จากด้านบนลงล่าง ร่างผู้ต้องสาปเริ่มพากันสงบนิ่ง ราวกับสัตว์ป่าที่ทอดทิ้งสัญชาตญาณของตนไป ความเงียบสงบแห่งพรางกลับมาอีกครั้ง พอผ่านไปสักพัก ร่างด้านบนก็เริ่มขยับ แถวบนสุดเริ่มปีนป่าย ตามมาด้วยผู้ต้องสาปแถวต่อๆ ไป และต่อไปอีก
ความโกลาหลจางคลาย เงียบสงบเป็นหนึ่งเดียวกับม่านหมอก ทั้งหมดพากันไต่ขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบ แถวแล้วแถวเล่าโดยไม่ถูกตัวกัน พรางทั้งหมดหยุดนิ่ง เหนือขึ้นไปล้อมรอบต้นไม้ยักษ์ ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
เสียงเรียกแห่งพรางอันลืมเลือนดังขึ้นอีกครั้ง บทเพลงแรกแห่งยุคล่มสลาย สื่อความทรงจำผ่านสายหมอก ต้อนรับการกลับมาของเหล่าพรางผู้ต้องสาป
ณ เผ่าฟานา นอสที่ตัดสินใจอยู่ต่อ คอยตามติดเซเวญ่าไม่ห่างในฐานะแขกของเธอ ระหว่างที่ลีโอเองขลุกตัวอยู่กับแมซที่หน่วยวิชาการ ทั้งสองพยายามทำเหมือนว่าพวกเขาลืมการสนทนาก่อนหน้านี้ เพราะการที่พวกเขาต้องจากกันมันช่างเจ็บปวดเสียเหลือเกิน หรือความเจ็บปวดนี้ อาจจะเกิดขึ้นกับแค่ลีโอเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะในคืนก่อน นอสก็หลับสบายไม่ต่างจากคืนที่ผ่านๆ มา แม้ลีโอเองจะยังไม่หายจากอาการนอนไม่หลับที่เขาเป็นมาตลอด เรื่องราวเมื่อคืนก็ดูเหมือนจะทำให้มันทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก แต่อย่างน้อยๆ ทุกคนที่นี่ก็ปฏิบัติกับพวกเขาเป็นอย่างดี ต้องบอกว่าเป็นชีวิตที่ยอดเยี่ยมไปเลยสำหรับพวกเขา ด้วยบารมีของเซเวญ่า และหมู่บ้านที่สงบสุข ความเงียบเหงาไม่เคยมีอยู่ ณ ที่แห่งนี้ อาหารการกินก็มีพร้อมอย่างสม่ำเสมอ ความสะดวกสบายนี้ ดูเหมือนจะทำให้ลีโอใจชื้นขึ้นได้บ้าง
เซเวญ่าพานอสเดินดูกิจการหมู่บ้าน ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างไม่ชอบใจนัก ผู้คนพากันพูดถึงความเหมาะสม ในการที่คูร์บานจะให้คนนอกมาสนิทสนมกับเธอถึงเพียงนี้ แม้ทุกคนจะรู้ว่ามันเป็นความต้องการของเซเวญ่าเอง แต่การที่บางอย่างมันผิดไปจากขนบธรรมเนียมนั้น ก็อาจจะไปขัดใจกลุ่มคนที่ยึดถือระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวดอยู่บ้าง บางคนเมินเฉยนอส และทำความเคารพเซเวญ่าเพียงคนเดียวก่อนเดินจากไป
“พวกเขาดูเหมือนจะไม่ชอบฉันนะ” นอสเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติจึงพูดออกมา
“ก็นายเป็นคนนอก และฉันเป็นคูร์บาน ไม่แปลกหรอกที่มันจะไปขัดตาใครสักคนเข้า อย่าใส่ใจไปเลย” เธอไม่สนใจ เพราะอำนาจการตัดสินใจสูงสุดเป็นของเธออยู่แล้ว
ระหว่างนั้น ลุงนอร์แมนก็เดินเข้ามาหาพวกเขา พร้อมกับแผนการบางอย่างที่เซเวญ่าเตรียมไว้ให้นอส หน้าตาจริงจัง เขาทำความเคารพเซเวญ่าและพยักหน้าให้นอส
“ถ้านายอยากจะอยู่ที่นี่ นายก็ต้องไปฝึกกับลุงนอร์แมน” เธอพูดขึ้นราวกับว่าอ่านใจเขาออก
“อะไรนะ?”
แต่ยังไม่ทันได้ใขข้อสงสัย เซเวญ่าก็ยิ้มให้เขา ขอตัวไปทำธุระของเธอ และปล่อยเขาไว้ให้งงงวยอยู่กับทหารเฒ่า
“ตามมา” เขานำนอสไปยังลานกว้าง มีเหล่าทหารหนุ่มสาวมากมายกำลังฝึกรางกายอยู่ โดยการไต่เถาวัลย์แข่งกัน
บนพื้นดินเอง ต่างก็จับคู่กันประลองฝีมืออย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าพื้นตรงนี้จะยังคงเป็นสัมผัสของต้นไม้อันเย็นชื่นที่เขาคุ้นเคย เสียงอันคึกคักดังไปทั่ว ราวกับว่าการฝึกเป็นกลุ่มแบบนี้จะไม่ต่างอะไรจากการสันทนาการสำหรับพวกเขา ซึ่งก็ทำให้นอสรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าการฝึกฝนนั้น ดูจะไม่จริงจังเอาเสียเลย
“ทำไมข้าต้องมาฝึกกับท่านด้วย ข้าไม่ใช่คนของที่นี่สะหน่อย”
“ท่านเซเวญ่าบอกให้ทำก็ทำไปเถอะ” ทหารเฒ่าเดินพานอสไปรวมกับกลุ่มเด็กใหม่ที่ตัวยังสูงไม่พ้นไหล่ เมินสายตาเขาที่มองมาด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับกำชับพวกเขาว่าห้ามแตกแถวจนกว่าเขาจะกลับมา
ในระหว่างเดียวกัน ที่ประตูหนามชายแดนหมู่บ้าน ทางเข้าเถาวัลย์หนามกำลังค่อยๆ เปิดออก ผู้คนบริเวณนั้นต่างรีบพากันไปมุงดู เมื่อคนแรกเดินผ่านประตูหนามเข้ามา ทุกคนไม่รอช้า รีบต่างพากันโค้งทำความเคารพให้ ต้อนรับการกลับมาของเหล่าหน่วยลาดตระเวน โดยหัวหน้าหน่วยเป็นคูร์บานหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเซเวญ่า เขาเดินนำหน้าอย่างสง่างาม ผ่านผู้คนที่มองเข้ามาอย่างปลื้มปริ่ม แสงบนดอกไม้รอบๆ ส่องสว่างระยิบระยับ ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพียงเพราะการมาถึงของเขา
“ท่านนาสิเอลกลับมาแล้ว!” เด็กใหม่คนหนึ่งพูดขึ้น ความเป็นระเบียบห้ามพวกเขาไม่ให้วิ่งเข้าไปดู หน่วยลาดตระเวนที่เพิ่งกลับมาจากการออกสำรวจเขตแดน พวกเขาคอยควบคุมเผ่าหน้ากากที่ดูเหมือนจะพยายามขยายอาณาเขตอยู่ตลอดเวลา ทำให้พวกเขาต้องคอยออกทำหน้าที่อยู่เสมอ
เหล่าหน่วยลาดตระเวนเดินฝ่าฝูงชนที่มายืนต้อนรับพวกเขา สีหน้าดูไม่สบอารมกับความยินดีที่ผู้ต้อนรับมอบให้สักเท่าไร ความกังวลใจบางอย่างสะท้อนผ่านสายตา แต่ผู้คนมิอาจรับรู้ได้เพราะหลงไหลในตำแหน่งอันสูงลิ่วของเขา เครื่องหนังประดับอย่างประณีตแบบเดียวกับของเซเวญ่า ผ้าคลุมขนสัตว์สีเทา ชุดเกราะเบาที่ป้องกันแค่บางส่วน เมื่อเข้ามาใกล้ นอสยิ่งเห็นความสง่างามที่เหมาะสมกับตำแหน่งคูร์บานที่น่าเคารพยิ่งมากขึ้นไปอีก พวกเขาเดินมาเรื่อยๆ จนคูร์บานหนุ่มสังเกตเห็นนอสที่ยืนสูงเด่นอยู่ท่ามกลางเด็กๆ ที่มองมายังเขาด้วยดวงตาลุกวาว
ด้วยชุดที่แปลกตา และสายตาที่ดูจะไม่เข้าพวก คูร์บานหนุ่ม จึงขอแวะทักทายกับผู้มาเยือนแปลกหน้าคนนี้สักหน่อย