ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอาไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
เซเวญ่าพานอสผ่านทางเดินแคบที่เปิดออกระหว่างต้นไม้รกทึบ ทั้งสองขยับตัวเฉียงๆ ผ่านช่องเข้าไปได้สักพักจนพบกับที่โล่ง ต้นไม้ตรงนี้หายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่อน และชั้นดินก็โผล่ขึ้นมาแทนที่ เท้าที่เคยได้รับแต่ความชื้นจากต้นไม้ เปลี่ยนเป็นความเย็นที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสกับสิ่งที่นิ่มและร่วน นอสจินตนาการไม่ออกว่าคนเหล่านี้ขนย้ายดินจำนวนมากขนาดนี้ขึ้นมาได้ยังไง คงเป็นเพราะพลังวิเศษบางอย่างของเหล่าคูร์บานเป็นแน่ เธอวิ่งไปรอบๆ อย่างสนุกสนาน บนดินที่ร่วนและอุดมสมบูรณ์ ตรงกลางเป็นต้นกล้าเล็กๆ หลายต้นที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่สัปดาห์ เรียงรายอย่างสวยงาม เปราะบางดุจตัวอ่อนหิ่งห้อย คอยรับแสงแดดอ่อนๆ ที่แทรกผ่านกิ่งไม้ลงมา พื้นที่ป่ารกตรงนี้และเซเวญ่า พยายามอย่างมากในการปกป้องชีวิตอันเปราะบางเช่นนี้ไว้
“ต้นกล้าน้อยๆ พวกนี้ เป็นผลจากความพยายามของเหล่าคูร์บานมาหลายชั่วอายุคนแล้ว”
“ทั้งที่ต้นไม้ก็มีมากมายขนาดนี้?” นอสมองไปยังต้นไม้รอบตัว
“นี่ไม่ใช่ต้นกล้าธรรมดานะ” เธอนั่งลงข้างๆ ต้นกล้าน้อยอย่างระมัดระวัง “ทั้งหมดนี่ เป็นยา” เธอพูดต่อพลางลูบไปที่ใบต้นกล้าน้อยอย่างเบามือ “เมื่อก่อน พวกเราต้องเสี่ยงชีวิตเดินทางไกล ผ่านอันตรายมามากกว่าจะได้สิ่งนี้มา เราเสียผู้กล้าไปมาก”
“งั้นรึ” เขาตอบนิ่งๆ
“ใช่แล้ว” เธอพูดต่ออย่างใส่ใจ “แถมสีของมันก็น่าหลงไหลมาก และยังมีรูปลักษณ์ที่แปลกมากอีกด้วย สีม่วงเข้มไปทางดำ พอสะท้อนกับแสงแดดจะเกิดสีม่วงเป็นประกาย มีหางที่ยาวออกมาเหมือนผีเสื้อ รักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย — ”
แต่เสียงของเซเวญ่าก็ดับไป เมื่อสายตาเขาจ้องมองไปที่ความงดงามของดวงตากลมโตตรงหน้า ความร่าเริงที่เธอได้มอบให้เขา ความพิเศษที่เขาไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน ความรู้สึกที่ทำให้เขาสบายใจได้ถึงเพียงนี้ นอสที่ทั้งชีวิตต้องดิ้นรนฆ่าฟันกันอยู่ตลอดเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเซเวญ่ากำลังทำให้เขาลืมความเป็นอยู่อันยากลำบาก เริ่มมองเห็นมุมที่งดงาม และเป้าหมายใหม่ของชีวิต
“ — มันถึงสำคัญมาก เห็นไหมล่ะ” เสียงของเซเวญ่ากลับมาอีกครั้ง
“เอ่อ เข้าใจๆ”
“ไปกันเถอะ ใกล้ถึงเวลามื้อค่ำแล้ว”
ทั้งสองพากันเดินออกมาจากสวนสมุนไพร กลับไปหาลีโอยังหน่วยวิชาการ คบเพลิงตามทางเดินเริ่มให้แสงสว่าง แทนแสงอาทิตย์ที่ลาลับไปเมื่อถึงเวลา ผู้คนต่างทยอยพากันเดินไปยังโรงอาหาร พอมาถึง ลีโอที่นั่งรออยู่ก่อนรีบเดินมาหาพวกเขา หน้าตาอิดโรย มือจับท้อง พร้อมกับเสียงที่ดังออกมาบ่งบอกว่าเขากำลังต้องการพลังงานตรงนั้นเป็นอย่างมาก เซเวญ่าหัวเราะเบาๆ และรับประกันว่าเขาจะต้องพอใจกับอาหารที่พวกเธอเตรียมไว้ให้อย่างแน่นอน แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ไปกินอาหารค่ำกัน เซเวญ่าก็ขอตัวไปทำหน้าที่ประจำวันของเธอก่อน จึงบอกให้ทั้งคู่ร่วมเดินไปกับฝูงชน และไปรอเจอเธอตรงทางเข้าโรงอาหาร
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงพลบค่ำ หลังจากที่เซเวญ่าพานอสไปดูพื้นที่ต่างๆ ลีโอเองก็ใช้เวลาทั้งวันอยู่กับรุ่นพี่ที่หน่วยวิชาการ เล่นซนกับสิ่งประดิษฐ์ ทั้งสองได้มาเจอกันอีกครั้ง แต่กลับพบว่านอสมีท่าทีที่แตกต่างไปจากเดิม การตัดสินใจที่อาจทำให้แผนการตามหาความจริงของลีโอทั้งหมดจบลง นอสยังคงติดอยู่ในวังวนของความสับสนนั้น จนในที่สุด ลีโอเองก็เริ่มจะจับสังเกตได้
“ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว ดีจัง ที่นี่เขาเตรียมอาหารให้กับทุกคนด้วย!” ลีโอทักทายนอสที่ยังคงจมอยู่กับความคิด
“ฉันไม่อยากไปจากที่นี่”
“อะไรนะ” ลีโอชะงัก เขารู้สึกได้ว่านอสเปลี่ยนไปตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกับเซเวญ่า แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาล้มเลิกแผนการกลางคันเช่นนี้
“นายก็เห็นแล้วนี่ ที่นี่มันต่างจากข้างนอกนั่นยังไง เราจะได้ไม่ต้องดิ้นรนกันอีกแล้ว”
“แล้วเรื่องที่เราจะช่วยผู้ต้องสาปทั้งหมดล่ะ พ่อกับแม่อีก ทุกคนต้องตายกันหมดแน่ถ้าเราไม่ — ”
“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นอีกแล้วลีโอ ฉันขอโทษ” ในที่สุดเขาก็พูดออกมา ไร้เยื่อใยจนน่าใจหาย
“ฉันไม่เคยอยากออกมาจากม่านหมอกเลย นายก็รู้ ฉันมาที่นี่ก็เพื่อปกป้องนายเท่านั้น และความต้องการของฉันคืออะไรกันล่ะ? ฉันเอง ก็อยากที่จะมีเป้าหมายเหมือนกัน!”
ไม่มีอะไรที่ลีโอจำเป็นต้องบอกอีกเพื่อให้เขาเปลี่ยนใจ เขาเข้าใจดีกับความเอาแต่ใจของตัวเองที่เลือกที่จะออกมา ลากนอสที่ไม่ทันได้ตัดสินใจให้ออกมาเสี่ยงอันตรายด้วย พี่ชายที่ทำตามสัญชาตญาณที่ต้องการปกป้องน้องชายของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ว นอสเองเมื่อได้พบหนทางที่มอบความสุขแก่เขา ได้เอ่ยปากเป็นครั้งแรก ถึงความต้องการที่แท้จริง แม้มันจะต้องแลกมาด้วยน้องชายที่เขาคอยปกป้องมาโดยตลอดก็ตาม
“เป็นเพราะเซเวญ่ารึเปล่า?”
นอสไม่ได้ตอบอะไร เขาก้มหน้าหลบสายตาจากลีโอ แต่นั่นก็ชัดเจนที่สุดแล้ว ทั้งสองยังคงเดินต่อไปยังโรงอาหาร ท่ามกลางผู้คนที่คุยกันอื้ออึง ความคึกคักยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลง แม้ดวงอาทิตย์ของพวกเขาจะลาหลับไหล ไม่ต่างจากความรู้สึกของลีโอ ที่ตอนนี้ความผิดหวังเมื่อครู่ กำลังดึงจิตใจเขาดิ่งลงเหว ถึงแม้ว่าเขาเองจะยังไม่มีแผนในการออกเดินทางต่อ แต่เมื่อได้รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มีนอสคอยปกป้องเขาอีกแล้ว ความเป็นไปได้ที่เขาจะออกเดินทางต่อตามลำพังจึงแทบจะกลายเป็นศูนย์ และผู้ต้องสาปทั้งหมดต้องถูกทำลาย รวมถึงพ่อและแม่ของเขาเองก็ด้วย และพรางจะไม่มีทางกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก
ความเงียบสงัดกัดกินจิตใจทั้งสองตลอดทาง จนกระทั้งท้องฟ้าด้านบนที่เคยเปิดโล่ง คอยๆ ขยับปิดลงเข้าหากันอย่างช้าๆ ด้วยต้นไม้ที่ขยายออก และเถาวัลย์หนามที่คืบคลานเข้ามาบรรจบกัน ลีโอชี้ให้นอสดูว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเหล่าคูร์บานตามเขตต่างๆ เซเวญ่าเอง ก็คงกำลังทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ที่ไหนสักแห่งเหมือนกัน
ลุงนอร์แมนเห็นทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับ พิธีปิดท้องฟ้า จึงเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เขาจำความได้ ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็เป็นสิ่งต้องห้ามมาโดยตลอด พวกเขาทำแบบนี้เป็นประจำหลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า จนถึงตอนนี้ น้อยคนนักที่จะจำได้ว่า นอกจากแสงดาวที่ส่องสว่างงดงามอยู่บนนั้น อะไรกันแน่ที่เป็นภัยกับพวกเรา ถึงขนาดที่ต้องยอมทิ้งอัญมณีล่องนภา ที่พวกเราสามารถชื่นชมได้ไม่รู้จบ ไปกับการปกป้องผู้คน ที่ไม่แม้แต่จะมองขึ้นไปเพื่อชื่นชมความงดงามใดๆ พอพูดจบลุงนอร์แมนก็เดินจากไป เข้าไปในโรงอาหาร
“แล้วฉันต้องทำยังไง ถ้าไม่มีนายข้างนอกนั่น ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว”
“ฉันขอโทษลีโอ ฉันขอโทษ”
เซเวญ่าเดินเข้ามาหาทั้งสองที่ยืนรอกันอยู่ตรงทางเข้า นอสพยายามลืมการสนทนาเมื่อครู่ที่อาจจะทำให้ความร่าเริงของเซเวญ่าหม่นหมองลง ลีโอเองก็ไม่ได้ว่าอะไร และทำตัวปกติตามเขาไป เธอจึงพาทั้งคู่เข้าไปยังโรงอาหาร
ผู้คนมากมายนั่งอยู่บนโต๊ะยาวเหยียด เรียงกันไปแถว และที่นั่งของเหล่าคูร์บานก็อยู่บนแท่นข้างหน้าของแถวทั้งหมด ลีโอเห็นซานีอานั่งอยู่กับยายของเธอบนโต๊ะยาวแถวแรก ทั้งสองดูสนิทสนมกับทุกคน และดูเหมือนพวกเขาจะเอ็นดูซานีอา และเคารพยายของเธอมากๆ
เซเวญ่าพาทั้งสองไปนั้งกับเหล่าคูร์บาน ซึ่งสายตาที่มองมายังพวกเขา ไม่แปลกที่จะให้ความรู้สึกไม่พอใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พวกเขาก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว
อาหารมากมายถูกเสิร์ฟ ซึ่งส่วนมากจะเป็นผลไม้ท้องถิ่นที่เก็บได้ทั่วไป พร้อมกับเนื้อสัตว์เล็กน้อย จากนกที่ขุนจนอ้วนที่เลี้ยงไว้บนฟาร์มต้นไม้ และดอกไม้ที่เชื่อว่าถ้ากินเป็นประจำแล้วจะไม่ป่วย อาหารทั้งหมดถูกปรุงสุกให้มีกลิ่นหอมชวนหิว อบอุ่นไปด้วยสีสันของมันใต้แสงคบเพลิง ผู้คนต่างเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ แม้กระนั้น เสียงกระซิบที่ไม่เห็นด้วย ก็ยังคงแว่วมาถึงเซเวญ่า นอสกับลีโอเอง ก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่หวังดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่สายตาพวกนั้น เพราะอาหารตรงหน้ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขาเหลือเกิน ทั้งสองกินอย่างเอร็ดอร่อย จนเหล่าคูร์บานต่างก็มองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ ในเมื่อพวกเขาได้กินแค่เนื้อย่างแห้งๆ มาโดยตลอด พวกเขาไม่เคยคิดว่าอาหารจะเป็นอะไรไปมากกว่านั้นได้เลย เซเวญ่าหยุดพวกเขาไว้ โดยการบอกให้เก็บท้องไว้กินส่วนของวันต่อๆ ไปบ้าง
เซเวญ่ายืนขึ้นหลังจากที่เธอสังเกตว่าทุกคนเริ่มทยอยกันอิ่ม และการที่เธอจะพูดอะไรบางอย่างจะไม่ไปขัดขวางการเอาอาหารเข้าปากของทุกคน ผู้คนหยุดคุยกันทันทีเมื่อพวกเขาเห็นเซเวญ่า โดยที่เธอเองก็ยังไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ทั้งโรงอาหารเงียบสงัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกสายตาจับจ้องไปที่เซเวญ่า ผู้ที่เป็นคูร์บานสูงสุดของเหล่าฟานา ทุกสิ่งอย่างนิ่งไม่ไหวติง
“ทุกคนคะ จากเหตุการที่น้องสาวของฉันหายตัวไป ถ้าไม่ใช่เพราะสองคนนี้ ซานีอาคงไม่ได้กลับมานั่งทานอาหารกับพวกเราอีกแล้ว ขอให้ทุกคนโปรดเข้าใจในความต้องการของฉันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอนั่งลง พร้อมกับเสียงฮือฮาเรื่องราวของสองพรางแปลกหน้าที่นั่งอยู่ด้วย ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ยกเว้นพายุโหม ที่กำลังก่อตัวขึ้นในจิตใจของพรางทั้งสอง ถึงการจากลาที่พวกเขาไม่เคยได้จินตนาการมาก่อน