ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอาไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
“เจ้าคนเสื้อผ้ารุงรังตรงนั้น เจ้ามาจากไหนน่ะ?” นาสิเอลเอ่ยขึ้น คูร์บานหนุ่ม หัวหน้าหน่วยลาดตระเวน ท่ามกลางสายตามากมายที่มองเข้ามายังทั้งสอง ผู้คนมักจะชอบจับกลุ่มกันเข้ามาดู เมื่อคูร์บานที่เคารพรักของพวกเขากำลังจะทำการบางอย่างเสมอ
หัวจรดเท้า เขาสังเกตการแต่งกายของนอส ในชุดที่ดูจะขาดการตัดเย็บอย่างประณีตจากช่างยอดฝีมือ บวกกับสายตาอันดื้อรั้นของเขาที่มองกลับไป นาสิเอลที่เพิ่งกลับมาจากการลาดตระเวนด้วยสถานะการที่ตึงเครียด ก็ดูจะไม่สบอารมกับการมีอยู่ของนอสสักเท่าไร
“ข้าถามว่าเจ้ามาจากไหน เจ้าคนนอก เจ้าพูดภาษาเดียวกับเราใช่ไหม?” นอสยังคงนิ่ง เขาสายตาเปลี่ยนไปเมื่อรู้สึกว่ากำลังโดนสบประมาท ก่อนจะถอนหายใจ และตอบกลับไปอย่างเบื่อหน่าย
“ข้ามาจากม่านสีข่าว” หลังจากได้ฟังคำตอบ นาสิเอลก็เปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง
“เผ่าพันธุ์หายากงั้นรึ” เขาจ้องมาที่นอสด้วยความสนใจ “เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงมาที่ป่าแห่งนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกเผ่ากินคนขยายอาณาเขตมาจนจะถึงชายแดนเราอยู่แล้ว เจ้าคงไม่ใช่สายของพวกมันหรอกนะ?”
“สาย? …” นอสทำท่างุนงงระหว่างที่เขามองหาลุงนอร์แมน หวังจะให้ช่วยตอบคำถามจากบุคคลช่างสงสัยนี้
“ทหาร! จับตัวมันไว้!” นาสิเอลสั่งหน่วยลาดตระเวนของเขาที่ติดตามมาด้วย ทั้งหมดตั้งท่าเตรียมเข้าจับกุม นอสเองไม่คอยท่า กระโดดออกมาเว้นระยะห่าง พร้อมกับมีดสั้นในมือที่เขาชักออกมาอย่างรวดเร็ว พวกเด็กใหม่พอเห็นอย่างนั้นก็พากันวิ่งหนีกระเจิง เมื่อทหารเห็นว่าทางสะดวก ทั้งหมดไม่รอช้า โจมตีใส่เขาพร้อมกันทันที ไม้ด้ามยาวพุ่งใส่เขาจากทั้วทุกทิศ แต่นอสก็ปัดป้องมันออกได้อย่างชำนาญ ก่อนที่จะโจมตีกลับไปอย่างแม่นยำ ปลดอาวุธของคู่ต่อสู้
ในเมื่อสถานะการณ์ดูจะไม่คืบหน้า นาสิเอลที่ยืนดูอยู่ เลยจำเป็นต้องเข้ามาลงมือเอง เขาผายมือไปทางนอสพร้อมกับหลับตาลง เส้นเลือดบนขมับปูดขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่เขาเพ่งสมาธิ ทันใดนั้น พื้นใต้เท้าทั้งสองของนอสก็แยกออก เกิดเป็นพื้นที่ว่างขนาดเท่าเท้าของเขาอย่างพอดิบพอดี มันดูดเท้าเขาเข้าไปและยึดมันไว้กับพื้นไม้ที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง นอสทั้งตกใจทั้งหัวเสียเมื่อรู้ว่าเขาหมดทางสู้ เขาทิ้งอาวุธลงและยอมจำนนในที่สุด ขณะเดียวกัน ลุงนอร์แมนก็กลับมาถึงลานกว้างเสียจนได้
“ท่านนาสิเอล! ท่านทำอะไรกับแขกของท่านเซเวญ่า!?” เขารีบเข้ามาห้ามทหารที่กำลังจะจับนอส
“ห้ะ! แขกงั้นรึ เจ้าหนุ่มรุงรังคนนี้เนี่ยนะ”
“ขอรับท่านนาสิเอล หนุ่มคนนี้กับน้องชายของเขาเป็นคนช่วยซานีอาเอาไว้ ท่านเซเวญ่าเลยขอให้พวกเขาได้อยู่ที่นี่ต่อได้ขอรับ”
“งั้นรึ” หลังจากนั้นพื้นไม้ก็กลับมานุ่มอีกครั้ง และดันนอสให้หลุดออกมา ปลดปล่อยเขา “งั้นฝากลุงดูแลเขาต่อด้วยละกัน ข้าจะกลับไปนอน”
นาสิเอลส่งสัญญาณให้หน่วยของเขา และเดินจากไปเสียอย่างนั้น ทิ้งนอสไว้กับคำถามที่จะเป็นภาระของลุงนอร์แมนต่อไป
“อะไรกัน? เมื่อกี้น่ะ” เขาลุกขึ้นพร้อมกับปัดฝุ่นจากการต่อสู้ออก
“ท่านนาสิเอลน่ะ คูร์บานที่เป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน”
“พลังเมื่อกี้นี้น่ะ มันอะไรกัน เวทมนต์ คำสาป?”
“พลังของคูร์บานนั้น ยังเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก ข้าก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่าที่เจ้าเห็นหรอก”
นอสและเด็กใหม่ถูกต้อนกลับเข้าแถวหลังจากที่ความวุ่นวายจางคลายลง เขาเริ่มมองหาเซเวญ่าเมื่อรู้สึกว่าการมาฝึกกับลุงนอร์แมนจะเสียเวลาเปล่า แต่การขัดคำสั่งไม่ใช่สิ่งที่ลุงนอร์แมนต้องการ นอสจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่ตรงนี้ และเข้าร่วมการฝึกกับพวกเด็กใหม่ต่อไป ถึงแม้ว่าความเก่งกาจทางด้านกายภาพหรือการใช้อาวุธของนอสจะเป็นที่โดดเด่นอยู่แล้วแม้แต่กับในหมู่พรางด้วยกัน แต่เซเวญ่าก็ยังอยากให้เขาได้เรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่ต้นเหมือนกับทหารใหม่ทุกคนที่นี่ การฝึกซ้อมดำเนินไปจนถึงช่วงเย็น พอเสร็จ เซเวญ่ากับลีโอก็เดินมารับเขาไปยังโรงอาหาร ลีโอที่ได้เรียนรู้การสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ จากแมซ ดูเหมือนจะช่วยให้เขาลืมความกังวลไปได้บ้าง แม้ทั้งสองจะยังไม่ได้คุยกันถึงเรื่องราวทั้งหมด แต่ชีวิตใหม่ที่แสนสุขนี้ ก็ดูเหมือนจะทำให้ความอึดอัดที่พวกเขามีอยู่เจือจางลง
กาลเวลาผ่านร่วมเดือน พวกเขาทั้งสองยังคงเพลิดเพลินกับชีวิตใหม่ ในขณะเดียวกัน การสนทนาระหว่างทั้งสอง ก็ลดน้อยลงมาก ด้วยกิจกรรมที่ทำให้พวกเขาได้มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น เรื่องราวที่โยงพวกเขาเข้าด้วยกัน จึงค่อยๆ เบาบางลง จนเหลือเพียงแค่ลีโอเท่านั้นที่ยังนึกถึงเจตนารมณ์อันเป็นเหตุผลของการเดินทางครั้งนี้ หลังจากที่เขาขลุกตัวอยู่กับหน่วยวิชาการมาสักพัก เขาเองก็เริ่มกลับมาคิด ถึงเรื่องที่จะออกเดินทางอีกครั้ง จุดหมายที่เขาต้องไปคือแท่นเหล็กกล้า และตามที่ลุงฟอกส์บอก มันอยู่เพียงอีกด้านหนึ่งของป่าแห่งแสงเท่านั้น เพื่อตามหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมด และช่วยพ่อแม่ของเขา ลีโอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเตรียมอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เขามีชีวิตรอดได้โดยที่ไม่มีนอส ฝึกฝนร่างกายและจิตใจทุกเช้าให้เข้มแข็ง ปรับตัวให้ชินกับการที่จะต้องออกเดินทางโดยลำพัง ในคืนสุดท้าย ลีโอตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟัง นาสิเอลเอง ก็มาร่วมวงสนทนาในครั้งนี้ด้วย
“พี่ชายที่แสนดี เจ้าจะปล่อยให้น้องชายไปคนเดียวแบบนี้จริงดิ?” นาสิเอลยิ้มเยาะ
“ปล่อยเขาไปเถอะน่า เขาเองต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว” เซเวญ่ากล่าว
“ช่างเป็นการติดสินใจที่ยากลำบากนะ” ลุงนอร์แมนเสริม
“แล้วพี่จะกลับมาอีกไหม?” ซานีอาที่นั่งอยู่บนตักคุณยายถามขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีโอเองก็ต้องการคำตอบอยู่เหมือนกัน
เขาแค่หวังอยู่ลึกๆ ว่านอสจะตามเขาไป แทนที่เขาจะต้องกลับมาที่นี่ เพราะป่าแห่งนี้เองก็ไม่เคยเป็นจุดหมายของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว เขาพูดต่อถึงเหตุผลที่ทั้งสองออกมา แต่เมื่อลีโอเล่ามาถึงคำสาปที่พรากพ่อและแม่ไปจากเขา พร้อมกับพรางจำนวนมากจนนำมาสู่การล่มสลาย ทั้งหมดกลับหน้าถอดสีและเงียบไป นอสสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ แต่เลือกที่จะทำให้การสนทนาดำเนินต่อ เขาพูดไปถึงโร้คที่เสียสติ เขตดำมืดที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ นอกจากลีโอที่บ้าบิ่นในวันนั้น แต่สุดท้ายก็วนมาที่ลีโอต้องออกเดินทางต่อโดยที่ไม่มีเขา เพราะเขาเลือกแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป เซเวญ่าสั่งการให้จัดเตรียมเสบียงเท่าที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง และยังขอพรจากพนาลัยให้คุ้มครองเขาตลอดเขตแดนของป่าอีกด้วย การพูดคุยจบลงด้วยดี และในที่สุด มันก็ถึงเวลาแล้ว ที่นอสเองจะต้องเปิดใจคุยกับน้องชายของตน
วันรุ่งขึ้น ลมแรงพัดเถาวัลย์หนามที่แข็งแกร่งจนสั่นไหว ความหนาวเหน็บทำให้ทุกคนที่มาส่งลีโอที่ประตูหนาม ดูเด่นสง่าไปด้วยผ้าคลุมขนสัตว์สีเทา นำ้ตาที่อาบแก้มซานีอาเย็นเฉียบ ทำให้เธอเองก็ทรมานจากการร่ำลาครั้งนี้ด้วยไม่น้อย เซเวญ่ายังคงร่าเริงเหมือนอย่างเคย เธอปลอบซานีอาและคอยพยายามทำให้เธอมีความสุขอยู่เสมอ ลุงนอร์แมนเองก็มาส่งลีโอด้วยเช่นกัน เขาเองที่เป็นคนจัดหาเสบียงและอุปกรต่างๆ มาให้ นาสิเอลยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ ก่อนที่จะโบกมือให้ลีโอและหายกลับเข้าไปในหมู่บ้าน
บรรยากาศยามเช้าอันขมขื่น ลีโอที่เตรียมใจมาแล้ว เก็บท่าทีอาลัยได้อย่างมิดชิด ผ้าคลุมสีเทาที่เซเวญ่ามอบให้ปลิวไสว เผยให้เห็นกระเป๋าหนังที่จัดเก็บอุปกรการเดินทางต่างๆ มากมาย ชุดหนังใหม่ถูกตัดเย็บอย่างดี และยังยืดหยุ่นให้เหมาะกับความคล่องแคล่วของพราง บนหัวถูกตกแต่งด้วยใบไม้หลากสีเพื่อเป็นเกียรติแก่พนาลัย ท่าทางเขากล้าหาร และสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะหาคำตอบ เขาดูโตขึ้นมากหลังจากวันแรกที่ออกมาจากม่านสีขาว
นอสนิ่งสงบระหว่างที่รอให้คนอื่นๆ บอกลาลีโอเสร็จ เขาขอเป็นคนสุดท้ายที่จะได้พูดคุยกับน้องชายก่อนที่พวกเขาอาจจะต้องจากกันไปตลอดกาล ทั้งหมดหลีกทางให้นอสได้พูดคุยกับลีโอตามลำพัง เซเวญ่าพาซานีอาที่หันกลับมามองลีโอเป็นครั้งสุดท้าย กลับเข้าผ่านประตูหนามพร้อมกับลุงนอร์แมน เหลือไว้เพียงเสียงลมพัด และใบหน้าที่จ้องกันของสองพรางหนุ่ม
แม้ยังไม่ได้เอ่ยปาก สายตาก็บ่งบอกถึงความรู้สึกทั้งหมดอยู่ดี
“ลีโอ” นอสพูดขึ้นมาในที่สุด
“ว่าไง”
“นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ ไม่มีใครสั่งให้นายต้องทำอะไรแบบนี้เลยนะ”
“แล้วปล่อยให้พรางฆ่าผู้ต้องสาปทั้งหมดที่กลับมานะเหรอ พ่อแม่ของฉันด้วย”
“พรางล่มสลายไปแล้ว นายก็รู้ —”
“แต่การกลับมาครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเราก็ได้”
ทั้งสองกลับไปจมกับความเงียบอีกครั้ง ราวกลับว่าการสนทนาทั้งหมดถูกยับยั้งไว้โดยเส้นทางชีวิตที่ต้องแยกจากกัน เรื่องราวต่อจากนั้นคงยังไม่ถูกเขียนไว้ในจินตนาการของพวกเขา
“ฉันจะกลับมา”
“นายว่าไงนะ?!” เขาไม่เคยคิดว่าลีโอจะรอดกลับมาได้ แต่ก็ไม่เคยกล้าพอที่จะบอกเขาไป ถึงลีโอจะแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างก็ตาม แต่การเดินทางด้วยตัวคนเดียวของลีโอในครั้งก่อน ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าลีโออาจไปไม่รอดถ้าไม่มีเขา
พูดอะไรไม่ออก นอสได้แต่มองออกไปยังความว่างเปล่าตรงหน้า เขาที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว ทำได้เพียงแค่ยอมรับผลที่ตามมาเท่านั้น
“ฉันจะรอดกลับมาให้ได้ ฉันจะช่วยพรางทั้งหมดจากการล่มสลายให้ได้”