ไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
แฟนตาซี,ไซไฟ,ลึกลับ,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอคอยเหล็กกล้า และปริศนาคำสาปโคอาโรอาไม่มีใครกล้าออกจากม่านหมอก เว้นเสียแต่ว่า คำตอบเดียวที่เขาตามหานั้น มันอยู่ข้างนอกนั่น
ลีโอ เด็กหนุ่มอ่อนแอ ต้องคอยให้พี่ชายของเขาปกป้องอยู่ตลอด ท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เมื่อปมในวัย ได้ลากเขา และพี่ชายผู้หวังดี ให้ต้องออกเดินทางตามหาความจริงอีกครั้ง คำสาปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ที่กลืนกินชีวิตผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่ของเขา และการเดินทางไปยังหอคอยเหล็กกล้า คือหนทางเดียวที่เขาจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
“นอร์แมนน่ะ เขาเป็นพวกใจร้อนแบบนี้เสมอแหละ อย่าไปถือสาเลย” เซเวญ่าพูดขึ้น เสียงอันนุ่มนวลเยียวยาบรรยากาศให้กลับมาชื่นมื่นอีกครั้ง
“แต่ถึงอย่างนั้น นอร์แมนก็เป็นหัวหน้ามาหลายรุ่นแล้วนะ เป็นถึงทหารเอกเลยด้วย”
นอร์แมนหันมาทางนอสและพยักหน้า เขาเองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้นอสเลยแม้แต่น้อยเมื่อเป็นเรื่องที่ต้องปกป้องพวกพ้อง นอสเข้าใจดี จึงพยักหน้าตอบ เซเวญ่าและน้องสาวของเธอ ซานีอา ที่ตอนนี้บาดแผลบนตัวถึงแม้ว่าจะผ่านการรักษาเบื้องต้นมาแล้ว แต่สภาพเธอนั้น ยังคงดูอิดโรยอยู่มากหลังจากที่หายไปจากหมู่บ้านมาหลายวัน ทั้งสองนั่งอยู่บนเจ้ายักษ์หางปุย ซานีอานั่งข้างหน้าหลังเอนพิงไปที่พี่สาว
“ว่าแต่ เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมเด็กตัวเล็กแค่นี้ถึงไปอยู่ในที่แบบนั้นได้ล่ะ?” ลีโอถามด้วยความสงสัย มองไปที่เซเวญ่า ทหารเอกก็มองไปที่เธอด้วยเช่นกัน แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เขาเลยเปลี่ยนมาถามเรื่องเจ้ายักษ์ขนปุยที่ทั้งสองขี่อยู่แทน จนได้รู้ว่าเจ้าหางปุยเป็นกระรอกแดงยักษ์ จากป่าต้นโอ๊กดึกดำบรรพ์ ที่ถูกอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ยุคก่อนที่โลกเก่าจะล่มสลาย เธอเจอมันตอนที่พวกเธอออกไปสำรวจในป่าโอ๊กเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเจ้าหนูขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่าแมลงหกขาที่พวกเขาเจอไปสักเท่าไร นอนขดตัวอยู่เพราะพ่อและแม่ของมันโดนเพรฌฆาตเวหาจัดการไปเสียทั้งหมด เธอจึงเก็บมันมาเลี้ยงตั้งแต่นั้น และตั้งชื่อให้เจ้าหนูว่า ทวิก มันทำท่าเขินเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าทุกคนกำลังพูดถึงมัน
พวกเขาพากันเดินตามดอกไม้ที่เรืองแสงขึ้นนำทางให้พวกเขาโดยเฉพาะ เซเวญ่าพึมพัมคนเดียว สื่อสารกับผืนป่า อ้อนวอนให้แสงนำทางพวกเขาไปยังจุดหมายที่เธอต้องการ ทหารพวกนี้ปีนป่ายตามเจ้าทวิกขึ้นที่สูงได้อย่างไม่ยากนัก นอสแปลกใจที่เหล่าทหารคุ้นเคยกับการดึงตัวเองขึ้น โดยที่มีอุปกรยาวๆ สะพายหลังเทอะทะ และชุดเกราะไม้ที่ดูจะหนักกว่าชุดหนังบางๆ ของเหล่าพราง พวกทหารเองก็แปลกใจไม่แพ้กันที่นอสกับลีโอดูจะไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพากันจะปีนไปมาอย่างต่อเนื่องมาสักระยะนึงแล้ว ทั้งหมดดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติ สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นเผ่าต้นไม้ ต่างจากพวกเผ่าหน้ากากที่หวาดกลัวและออกห่างจากมัน
ร่มเงาตรงหน้าเต็มไปด้วยแสงหิ่งห้อยหลากสี ตั้งแต่ส้มไปยันเขียว บางตัวสีม่วง และยังมีสีฟ้า บินวนไปมาราวกับที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยเวมนต์ที่อาจมอบพลังวิเศษบางอย่าง ลีโอที่เคยมีประสบการณ์ด้านลบกับการวิ่งตามแสงสวยๆ เรียนรู้ที่จะไม่หลงไปกับความงดงามของมันอีก และตัดใจที่จะขอแวะเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความเคยชิน นอสพยายามห้ามลีโอไม่ให้สงสัยอะไร โดยการคอยเรียกชื่อเตือนสติเขา ซึ่งก็ฟื้นฟูจิตใจที่เสียขวัญของซานีอา ให้เธอได้หัวเราะออกมาบ้าง เธอชอบใจที่ลีโอเองก็ชอบแสงสวยๆ เหมือนกัน จึงเล่าให้ฟังว่าพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านบอกเธอว่า แสงเหล่านี้เป็นดวงวิญญาณคนไม่ดีที่หลงอยู่ในป่า และบอกพวกเด็กๆ ว่าอย่าเข้าไปใกล้ แต่เซเวญ่าแอบบอกกับเธอว่า มันเป็นแค่แมลงมีแสงที่อาศัยอยู่ตามปกติเท่านั้น ซานีอากระซิบกับลีโอว่าเธอเจอพื้นที่ที่มีแต่แมลงพวกนี้เต็มไปหมด และสัญญาว่าจะพาเขาไปดูสักครั้งถ้ามีโอกาส
แสงจากดอกไม้รอบๆ คอยนำทางพวกเขาราวกับว่าทั้งผืนป่าบริเวณนี้ กำลังปกป้องคุ้มครองพวกเขาทั้งหมด ระหว่างที่ทางกลับหมู่บ้านค่อนข้างซับซ้อน ถ้าไม่เป็นเพราะแสงนำทางนี่ พวกเขาคงหลงอยู่ในนี้เหมือนกับดวงวิญญาณคนไม่ดีพวกนั้นอย่างแน่นอน ในที่สุด ลีโอก็ถามขึ้นมา เพราะความสงสัยที่อัดแน่นมันเจ็บปวดเกินคำบรรยาย
“แสงพวกนี้มันอะไรกัน” ลีโอมองไปที่พื้นแวววาวข้างหน้าเซเวญ่า
“เหล่าดอกไม้กำลังบอกทางฉันอยู่น่ะ” เธอยิ้มเล็กๆ “เวลาพวกเรามีปัญหาอะไร ป่านี้ก็จะคอยยื่นมือมาช่วยตลอด”
“ก็สะดวกดีนะ” นอสพูดเบาๆ มองไปที่เซเวญ่า เธอยิ้มร่าให้เขาและหัวเราะคิกคัก นอสที่หน้าเริ่มแดงรีบหันขวับไปทางอื่น
“ฉันเป็นแค่หนึ่งในอีกหลายคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้สามารถสื่อสารกับต้นไม้เหล่านี้ได้” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น “ชาวต้นไม้ที่ได้รับพลัง ก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไปในหมู่บ้าน ส่วนของฉันก็จะประมาณนี้ ออกสำรวจ ดูแลความเรียบร้อยโดยรอบ”
“ยังมีคนแบบเธออีกเหรอ?” ลีโอถาม
“ใช่แล้ว ด้วยพลังงานอะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจ เดี๋ยวพอถึงหมู่บ้าน พวกเธอก็จะได้เห็นเอง”
“แต่เซเวญ่าเก่งที่สุดแล้ว” เสียงน้อยๆ ของซานีอาดังขึ้น เธอพิงตัวซบพี่สาวแน่นกว่าเดิม “ไม่มีใครแข็งแกร่งเท่าเซเวญ่า”
การมาถึงของทั้งสอง ถึงแม้จะเริ่มต้นด้วยความรุนแรง แต่ตอนนี้ มันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรื่นเริง ที่ทั้งสองพรางหนุ่มไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ในที่สุด เป้าหมายของลีโอ ก็พาพวกเขามาถึงยังป่าเรืองแสง ที่ในตอนแรก พวกเขาตั้งใจเพียงแค่จะอ้อมผ่านไปเท่านั้น และก็เป็นเพราะการตัดสินใจของลีโออีกครั้ง ที่ทำให้ทั้งสองต้องเปลี่ยนแผน จนได้เจอเพื่อนใหม่ๆ และประสบการณ์ที่เหนือจินตนาการ
“พวกเราก็มีพลังวิเศษเหมือนกันนะ” ลีโออวดบ้าง “ม่านสีขาวเหมือนน้ำเย็นๆ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ไม่มีนักล่าที่ไหนกล้าเข้าไปใกล้แถวนั้นหรอก ยกเว้นแต่ก็เจ้าตาโตนั่น และก็พวกปากแหลมน่ะนะ”
“ฉันรู้ดีเลยละว่าพวกเธอเป็นใคร” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่กลับมานุ่มนวลอีกครั้ง “พวกนายเป็นชนเผ่าแห่งหมอก หายเข้าไปในหมู่เมฆ ที่หมู่บ้านมีการเรียนรู้เกี่ยวกับพวกนายด้วยนะ การที่พวกนายคอยเก็บน้ำมาดื่มจากอากาศ เป็นอะไรที่มีมานะอดทนมากเลย แต่ก็นานมากแล้วนะ ที่ใครจะได้เจอพวกนายตัวเป็นๆแบบนี้”
ทั้งสองไม่ได้ตอบอะไร เพราะในใจพวกเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อพรางแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปตั้งแต่คืนพระจันทร์เต็มดวงต้องสาป พวกเขาสบตากัน ก่อนต่างเลือกที่จะไม่พูดในสิ่งที่ชาวเผ่าต้นไม่ยังไม่รู้ออกมา ความจริงแล้ว พวกเขายังคงไม่ไว้ใจเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน และการที่อีกฝ่ายรู้เรื่องของพวกเขา แถมยังสอนให้คนอื่นๆ อีกด้วย ยิ่งเพิ่มอารมณ์ไม่พึงประสงค์ให้กับทั้งสองมากกว่าเดิม
“สุดยอดไปเลย” ลีโอพูดขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากปล่อยให้เสียงแมลงครอบครองบรรยากาศอยู่สักพัก “นี่เราไม่ได้กำลังโดนหลอกไปทำอะไรใช่ไหม”
ดูเหมือนว่าเป้าหมายของลีโอจะทำให้เขากระตือรือร้นกับการมีชีวิตมากขึ้น นอร์แมนมองไปทางลีโอ ที่ตอนนี้ดูจะกังวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าๆ เจ้าจะคิดอย่างนั้นก็ไม่ผิด พวกเจ้าเพิ่งสู้กันนี่” เซเวญ่าตอบ “และอีกอย่าง พวกนายถูกล้อมไปด้วยคนของฉัน และฉันก็อยู่บนสัตว์ขนาดใหญ่ อะไรๆ ก็ดูเป็นทางตันไปหมดใช่ไหมล่ะ?”
แสงแห่งป่านำทางพวกเขาลึกเข้าไปเรื่อยๆ บรรยากาศตรงนี้เงียบเหงาแตกต่างจากที่ผ่านๆ มา ดอกไม้หลากสีถูกแทนที่ด้วยต้นไม้ก้านหนามที่เพิ่มจำนวนขึ้น จำกัดการเข้าถึงของสัตว์น้อยใหญ่ที่สองพรางหนุ่มนับได้ตอนหิว และในที่สุด พวกเขาก็เดินมาถึงทางตัน ทางข้างหน้าถูกปิดโดยเถาวัลย์และต้นไม้มีหนามเลื้อยพันกันไปมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีทางผ่านตรงนี้ไปได้แน่
ทั้งสองพยายามส่งสายตาให้กัน ราวกับว่าความหายนะกำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้า พวกเขาอาจจะต้องมาตายตรงนี้ก็เป็นได้ และความพยายามเพื่อเป้าหมายทั้งหมดก็จะสูญเปล่า นอสเริ่มค่อยๆ ขยับมือเข้าหามีด ผ่านสายตาลีโอที่มองมาด้วยความวิตกกังวลขั้นสุดขีด แต่นอร์แมนก็สังเกตเห็นเข้าเสียก่อน จากแววตาของลีโอที่ดูเหมือนมันกำลังจะระเบิดออกมา
“ถ้าเราอยากให้พวกนายตาย เราไม่เหนื่อยพามาไกลขนาดนี้หรอก” เขาพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปตบไหล่นอสเบาๆ
เซเวญ่าอดขำไม่ได้ เธอทำเสียงคิกคักอยู่บนเจ้าทวิก ที่ยังคงไม่หยุดเดินถึงแม้ทางข้างหน้าจะเป็นทางตัน ทหารของเธอก็เช่นกัน ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดหรือเตรียมตัวที่จะทำร้ายพวกเขา คำพูดของนอร์แมนเมื่อครู่ กลับยิ่งทำให้พวกเขาสับสนและกังวลมากกว่าเดิม นอสนึกถึงเรื่องที่ลุงฟอกส์เตือนถึงความอันตรายของป่าเรืองแสง ก่อนที่จะดึงสติให้กลับมาพยายามคิดหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ต่อ ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้ทั้งหมด จะไม่ต่างอะไรจากเส้นทางที่เต็มไปด้วยหนามตรงหน้าเลยก็ตาม
ลีโอเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ คว้าแขนนอสเพื่อบอกให้เขาทำอะไรสักอย่าง ทั้งสองเริ่มก้าวขาช้าลงจนแทบจะหยุดเดิน แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะได้ตัดสินใจอะไร เมื่อเซเวญ่าเข้าใกล้ทางตัน เถาวัลย์และต้นไม้หนามทั้งหมด ก็ขยับออกอย่างช้าๆ พร้อมกลับแสงสว่างจ้าของแดดที่แทรกออกมา ประตูหนามเลื้อยออกจนหมด หนทางถูกเปิดกว้างให้กับพวกเขา ตามด้วยเสียงอันครึกครื้นของผู้คน และกลิ่นหอมโชยจากดอกไม้ ที่ถูกโรยไว้อยู่เต็มทางเดิน