ซานตาคลอส ตำแหน่งที่ตัวตนเช่นเขาไม่ควรครอบครอง แม้รู้ดีแต่ก็มิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของใคร
แฟนตาซี,ดาร์ค,ไทย,ตะวันตก,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,คริสต์มาส,ซานต้า,ซาตาน,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ซาตานคลอสซานตาคลอส ตำแหน่งที่ตัวตนเช่นเขาไม่ควรครอบครอง แม้รู้ดีแต่ก็มิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของใคร
◇ ซาตานคลอส ◇
อัพทุกวันจันทร์และวันศุกร์ เวลา 03:00 น.
เรื่องและภาพโดย : อิ่มหมู
ประกายแสงสีทองเย็นเฉียบกะพริบเหนือฝ่ามือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเวลานั้นกำลังนับถอยหลัง ซาตานหนุ่มรู้เรื่องนี้ดี ด้วยตัวตนเช่นเขากำลังทำให้พลังวันคริสต์มาสนั้นสั่นไหว
แต่มิอาจยกตำแหน่งนี้ให้ใคร
หนึ่งคำสัญญาทำให้ตัวเขาต้องอดทน ไม่ว่าจะทรมานสักเพียงใดก็ตาม จนกว่าจะได้พบ…กับเสียงระฆังดังก้องในหัวใจ
“ผมไม่อยากทำมันอีกต่อไปแล้ว”
ทุกถ้อยคำถูกกลั่นออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ ความรู้สึกของการไม่เป็นที่ต้อนรับหนักอึ้งอยู่บนบ่าทั้งสองเสมอมา
เมื่อไหร่จะจบลงซักที...วันคริสต์มาส
.........
ช่องทางการติดตาม พูดคุย ส่งมุก ตบแปะ หรือทวงงาน
Facebook : เสมียนน้อย ชอบกินหมู
Twitter/X : @Immhu_
Tiktok : @Immhu_uu
*แวะเวียนมาพูดคุย เล่นมุก ด่าตัวละครได้ตามสบาย นักเขียนค่อนข้างชอบ ขอรับคำติชมเหล่านั้นไว้ด้วยใจ♡*
ณ ลานหิมะขาวโพลนติดกับประตูบานใหญ่สีแดงสดทั้งสองบานคือทางเข้าหลักของโรงงาน แต่เพราะอากาศที่หนาวเย็นตามปกติทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดอยากจะออกมาเดินเพ่นพ่านมากนักจนทำให้มันเงียบสงบอยู่ตลอดเวลา
กระทั่งเอลฟ์แคระกว่าสิบสองตนเดินเรียงแถวใกล้เข้ามาจากทางป่าหนาทึบ พวกเขาสวมชุดมิดชิดสีเดียวกับใบสน แบกกระเป๋าใบโตคล้ายนักเดินทางไกลมาหยุดอยู่ที่ลานด้านหน้า เรียงแถวตอนลึกแถวละสามอย่างเป็นระเบียบ โดยมีเน็ตต์ยืนอยู่หน้าสุดและหันมาทางลูกน้องของตน
ครืดดด…
ขณะที่กำลังเฝ้ารออยู่นั้นประตูสีแดงบานหนึ่งก็ได้เปิดออกแต่แทนที่จะเป็นผู้ที่เรียกพวกตนมากลับเป็นแดนนี่เอลฟ์แคระซึ่งมีหัวโตกว่าใคร ในมือของเขากำถุงกระดาษบรรจุขนมแน่น
“พี่!!”
แดนนี่ตะโกนลั่นด้วยท่าทางดีใจก่อนจะเริ่มออกวิ่งแต่ยังไม่ทันที่จะพ้นขอบบันไดขั้นสุดท้ายกลับสะดุดจนล้มลงจนหน้ากระแทกพื้นดังตุ้บ เรียกเสียงหัวเราะให้กับเหล่าเอลฟ์แคระลาดตระเวนได้เป็นอย่างดีเพราะคาดการณ์เอาไว้แล้ว
แดนนี่รีบผุดลุกขึ้นตรวจตราขนมในมือและพบว่ามันยังคงอยู่ดีจึงได้วิ่งอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้กลับชูขนมในมือขึ้นจนสุดแขนเพื่อไม่ได้มันแตกหัก
“บอกแล้วไงว่ามีของในมือห้ามวิ่ง”
เอลฟ์แคระเพศหญิงเพียงตนเดียวกล่าวเสียงดุพลางดึงให้น้องชายเข้ามาใกล้เพราะมิอาจขยับจากที่ของตนได้ตามคำสั่ง มือซึ่งสวมถุงมือหนาปัดเอาเศษหิมะออกจากบนหัวใหญ่โตก่อนจะเป็นหวัด
“แดนนี่เอาขนมมาให้” มือเล็กจิ๋วชูขนมในห่อกระดาษขึ้นมายื่นให้กับพี่สาว ครอบครัวที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของตน
“ทำไมไม่กินไปซะล่ะ จะเก็บไว้ทำไม”
ผู้เป็นพี่สาวส่ายหัวเบาๆ อย่างเอือมระอาก่อนจะรับไว้เพราะทนรับสายตาอ้อนวอนไม่ไหวเช่นเคย
“แดนนี่มีขนมเยอะเลย เดี๋ยวไปเอามาให้เน็ตต์กับคนอื่นๆ ด้วย”
“ไม่ต้องหรอก กว่าเจ้าจะหกล้มตีลังกากลับมาคงเหลือแค่ถุงเปล่า”
เอลฟ์แคระเสียงเข้มข้างตัวเอ่ยแซว ช่วยเรียกเสียงหัวเราะโดยรอบเพราะคิดในแบบเดียวกัน
ซุบ…ซุบ ซุบซุบ
แต่ความสุขนั้นผ่านไปไวดังคำเล่าลือ เสียงฝีเท้าทั้งหนักและเบาจากทางด้านขวาก็ดังขึ้น พวกซูร์คนแคระหลังโรงงานทั้งที่มีความสูงเทียบเท่ากับพวกตนและมากกว่าเดินเข้าใกล้ด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรนัก
ทั้งๆ ที่ควรจะถูกเรียกว่าครึ่งคนแคระหรืออะไรก็ตามแต่ ทว่าพวกเขากลับยืนยันหนักแน่นว่าเด็กทั้งหมดนั้นคือคนแคระที่มีความผิดปกติก็เท่านั้น…น่าสงสัยนัก
เหล่าเอลฟ์แคระลาดตระเวนพ่นลมหายใจออกมาอย่างขัดใจที่มีผู้มารบกวนบรรยากาศแสนสุขก่อนจะดันแดนนี่ให้เข้าไปอยู่ตรงกลางก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งการยืนให้กลายเป็นวงกลม
“ต้องการอะไร”
เป็นเอลฟ์แคระเสียงเข้มที่เริ่มเปิดประเด็น ดวงตาดุร้ายไม่ต่างจากนิสัยส่วนตัวจ้องเขม็งยังผู้มาใหม่ด้วยท่าทีหยาบคายอย่างไม่ต้องการปิดบัง
แต่อีกฝ่ายซึ่งถืออาวุธจนครบทั้งสองมือก็มิได้กลัวเกรง หนุ่มน้อยซูร์ผู้มีตำแหน่งหัวหน้าแผนกห่อของขวัญขยับก้าวเดินขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันราวกับโลกทั้งใบอยู่ใต้เท้า
“ก็ซานต้าเรียกมา เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้รึไง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเอลฟ์แคระลาดตระเวนต่างหยุดนิ่งไปชั่วครู่ พวกเขาหันมองเน็ตต์หัวหน้าของตนที่ยังคงสงบนิ่งด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม
ถ้าเรียกแผนกลาดตระเวนและพวกซูร์มาพร้อมๆ กันนั่นหมายความว่า…
“พวกเจ้ามันทำงานไม่ได้เรื่องจนซานต้าต้องไปร้องขอให้พวกเราช่วย เหอะ กระจอกชะมัด”
“ไม่จริงน่า…”
เอลฟ์แคระสาวถึงกับอุทานออกมาเพราะมิอาจยอมรับมันได้
แผนกลาดตระเวนซึ่งคอยตรวจตราดูโดยรอบของเขตแดนซานต้า โดยมีหน้าที่หลักในการตามหารูดอล์ฟเกิดใหม่
กวางคาริบูจะอพยพหนีฤดูหนาวขึ้นเหนือและลงใต้สลับกันเพื่อให้ลูกน้อยที่จะลืมตาดูโลกในแต่ละปีมีอาหารกินอย่างอุดมสมบูรณ์ และด้วยพลังคริสต์มาสหากมีกวางตนได้เกิดในดินแดนของซานต้าจะมีจมูกสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของเรนเน่ ร่างกายของมันจะแข็งแกร่งและมีอายุยืนยาวกว่ากวางปกติทั่วไปเป็นที่ส่งผ่านพลังของวันคริสต์มาสโดยตรงเพื่อรับใช้ซานตาคลอส
ทว่าหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ไม่มีกวางจมูกสีแดงเกิดขึ้นมาเลยแม้แต่ตัวเดียว ทำให้รูดอล์ฟซึ่งมีอายุมากยังคงต้องคอยลากเลื่อนต่อไป
แต่งานนี้มันควรจะเป็นของเอลฟ์แคระแต่เพียงผู้เดียว เพราะพวกเขาคือสิ่งที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวันคริสต์มาส
ซานต้าคิดอะไรอยู่กันแน่…
“ดูท่าพวกเจ้าคงจะได้กลับไปทำของขวัญแล้วล่ะนะ” หนุ่มน้อยซูร์ยังคงถากถาง
เน็ตต์พยายามที่จะไม่แสดงอาการใดแต่คิ้วทั้งสองกลับขมวดเข้าหาจนแทบจะชนกัน แม้รู้ดีว่าคำสั่งของซานต้าพวกเขามิอาจขัดขืนแต่ยังคงไม่เข้าใจ
หัวหน้าแผนกลาดตระเวนยืนนิ่งงันกระทั่งสัมผัสได้ถึงบรรยากาศผิดปกติรอบกาย
“อะนี่”
กล่องเก็บเข็มและด้ายถูกควักออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อของหนุ่มน้อยซูร์และยื่นออกมาตรงหน้าของพวกเขา
“รับแล้วก็ไปซะ ชิ่วๆ”
ก่อนจะทิ้งลงกับพื้นและเตะออกไปทางประตูสีแดง
“นี่เจ้า!!”
เอลฟ์แคระเสียงเข้มขาดสติก่อนใครพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่าย แต่กลับถูกดึงให้กลับไปด้วยเชือกของเน็ตต์ที่มัดขาตนไว้ตั้งแต่เมื่อไรก็มิอาจทราบได้ ขณะเดียวกันนั้นเองที่กลุ่มควันสีม่วงดำระเบิดออกคั่นกลางทั้งสองฝ่ายเอาไว้
“อรุณสวัสดิ์ครับ~~”
เป็นซานต้าที่โผล่ออกมากล่าวทักทายด้วยท่าทีสดใสราวกับดอกทานตะวันบานสะพรั่งท่ามกลางหมู่มวลผีเสื้อผิดกับสถานการณ์รอบกาย
“คุยอะไรกันน่าสนุกจังเลย>[]<”
“ซานต้าเรียกพวกเรามา” เน็ตต์รีบพูดเข้าประเด็นขณะส่งสัญญาณให้ลูกน้องถอยหลังไป
ความรู้สึกเมื่อครู่คงจะเป็นของซานต้าที่แอบดูอยู่นานแล้วไม่ผิดแน่…
แต่ทั้งๆ ที่ได้เห็นกับตาว่าซูร์หาเรื่องพวกเขาก่อน ใบหน้าคมกริบกลับยังคงยิ้มกว้างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เน็ตเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นต่อสิ่งที่ตนพึ่งถามไปเมื่อครู่เสียจนอยากจะแทรกตัวลงกับพื้นหิมะและหายไปตลอดกาลไม่ต้องรับรู้สิ่งใดอีก
“โอ้~ เรื่องนี้ ผมแค่อยากแจ้งให้ทราบครับ” ซานต้ายังคงกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ดังเคย “เพราะคุณรูดอล์ฟล้มป่วย เราจึงต้องเร่งหาตัวรูดอล์ฟคนใหม่ ผมไม่อยากให้เอลฟ์แคระในโรงงานลดลงเลยเรียกซูร์ที่กำลังว่างมาช่วยและจะเพิ่มขอบเขตการค้นหาด้วยครับ”
ไม่ว่าเปล่า มือสีซีดกางแผนที่ซึ่งเขียนด้วยมือออกจนเต็มแผ่น บนนั้นมีหมึกสีแดงวงไว้ตามจุดต่างๆ ซึ่งเน็ตต์สามารถมองออกได้แม้จะในทันทีว่าคือเขตรอยต่อของดินแดนซึ่งมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยอยู่เป็นฝูง
เขาถอนหายใจออกมาเมื่อได้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องของการปลดพวกตนออก ในยามวิกฤติเช่นนี้งานสำคัญยังไงก็ต้องเป็นเอลฟ์แคระ เน็ตต์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองไปยังซูร์ด้านหลังของซานต้า
“ไปด้วยได้แต่อาวุธพวกนั้นข้าไม่อนุญาต” มือซึ่งสวมถุงมือหนาชี้ไปยังอาวุธบนหลังของซูร์ทั้งหลาย “หากเผลอไปทำร้ายกวางเข้าพวกมันจะจำได้และเปลี่ยนเส้นทางในปีถัดไป”
หากแต่ไม่ได้สนใจนักว่าซูร์จะพกอะไรไปบ้าง เขาแค่อยากลองหยั่งเชิงดูว่าซานต้าจะเลือกเข้าข้างฝั่งใดกันแน่
“ถ้าหมาป่ากับหมีทำร้ายพวกข้าล่ะ” คนแคระตัวอ้วนคัดค้านตาโต
“นั่นก็เพราะพวกเจ้าไม่เป็นที่ต้อนรับในดินแดนนี้ไง” เอลฟ์แคระเสียงเข้มกล่าวสวนทันควันพร้อมรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ “พวกคนนอก”
“แก-”
หนุ่มน้อยซูร์ขยับเข้าใกล้ กำหมัดแน่นพร้อมปะทะแต่กลับถูกห้ามไว้ด้วยคนแคระตัวอ้วนพร้อมเสียงกระซิบจากด้านหลังแว่วเข้าหูมาว่าซานต้ายังคงอยู่ตรงนี้ช่วยดึงสติไว้ได้ดีทีเดียว
แต่เมื่อมองไปยังร่างสูงโปร่งที่ยังคงยืนยิ้มดูสถานการณ์เงียบๆ ราวกับจะคอยสนับสนุนตน หนุ่มน้อยซูร์จึงเดินขึ้นมาอีกก้าวจนมาหยุดอยู่ด้านข้างของซานต้าพร้อมกอดอกแน่นคล้ายจะบอกว่าตนนั้นมีใครสนับสนุนอยู่
เพียงครู่เดียวที่เน็ตต์ได้เห็น มุมปากสีซีดลดต่ำลงพร้อมแสงเรืองรองด้านในดวงตาทมิฬ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งและยื่นแผนที่ซึ่งถูกพับอย่างลวกๆ มาให้พร้อมกับเศษกระดาษชิ้นหนึ่ง
เน็ตรับมาและเก็บทุกสิ่งใส่กระเป๋าสัมภาระอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้ผิดสังเกต
“แต่ต้องเดินทางบนหิมะกันใช่มั้ยครับ ถือของหนักไปแบบนี้จะไม่ลำบากหรอ” ซานต้าเอ่ยถาม
ซูร์ต่างมองหน้ากันไปมาและคิดตามเพราะที่ซานต้ากล่าวมานั้นไม่ผิดนัก พื้นที่ส่วนใหญ่ของที่นี่คือหิมะและเนินเขาสูงชัน การพกของหนักทั้งยังเป็นโลหะเดินไปมาคงจะเป็นภาระมากกว่าช่วยเหลือเป็นแน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงได้ปลดเปลื้องทุกอย่างออกเหลือเพียงมีดเล่มเดียว
“งั้นก็สู้ๆ นะครับทุกคนไว้ผมจะรอฟังข่าวดี”
ซานต้ากล่าวอำลาก่อนจะเดินนำหน้าไปทางประตูใหญ่ที่มีคุณเบลยืนจ้องเขม็งด้วยความโกรธมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว