เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นกลางทะเล หลักฐานทุกอย่างถูกทำลายลงกลางทะเลไปจนหมด ไอวี่จะเจอฆาตกรไหม หลักฐานชิ้นนั้นยังเหลืออยู่ไหมและ ฆาตกรทำไปเพื่ออะไรกัน
ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ผู้ใหญ่,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฆาตกรรมในทะเลดำเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นกลางทะเล หลักฐานทุกอย่างถูกทำลายลงกลางทะเลไปจนหมด ไอวี่จะเจอฆาตกรไหม หลักฐานชิ้นนั้นยังเหลืออยู่ไหมและ ฆาตกรทำไปเพื่ออะไรกัน
ไอวี่เป็นตำรวจสายสืบสวน เธอกำลังนั่งทำงานอย่างคึกคัก อยู่มาวันหนึ่งมีคนโทรมาหาเธอให้ไปตรวจสอบบ้านพักบังกะโลที่ทะเลของเมืองเค ซึ่งเกิดคดีฆาตกรรมตอนกลางคืน ไม่มีใครเห็นฆาตกร ชาวบ้านแถวนั้นหลับหมด และหลักฐานถูกทำลายไปกับทะเล เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้ต้องสงสัยสามคนเป็นชาวประมง อาศัยอยู่หมู่บ้านใกล้กับบังกะโลที่ผู้ตายมาพัก คดีนี้เธอต้องไขปริศนากับ ชารีน เพื่อนจอมกวนประสาทของเธอ ใครคือฆาตกร แล้วเขาทำได้อย่างไร ติดตามกัน
“งั้นก็ดีสิ..ฉันอยากระบายจะแย่ละ” ฉันพูดดีใจปรบมือรัวๆ
ชารีนมองไปที่สมุดของฉันอีกรอบ ประมาณว่าเหมือนเธอสงสัยอะไร ระหว่างนั้นฉันนั่งมองจ้องตาเธอไปด้วย
“อะไรเล่า” ชารีนหยิบสมุดของฉันมาอ่านอีกรอบ
“เอาล่ะ ถ้าผู้ชายร้านกาแฟนั้นเป็นคนร้าย อะไรคือแรงจูงใจล่ะ”
“อืม..ไม่รู้น่ะสิ อาจจะเป็นไม่ชอบเด็ก เธอเคยเห็นพ่อเลี้ยงตีลูกไหมล่ะ”
“นี่เธอยังคิดว่าเขาเป็นพ่อเลี้ยงอีกเหรอ…จริงอย่างที่ว่า พ่อเขาดูไม่สนใจลูกเลย ไม่มีอารมณ์เศร้า หรือว่าลูกตายไปนานแล้ว จึงทำใจได้แล้ว“
”เฮ้อ ไม่เอาน่า เราลองไปบ้านคนอื่นอีกจะดีกว่า เพื่อได้ข้อมูลเยอะกว่านี้“
”แหะๆ แล้วต่อไปเธอจะถามใครล่ะ“
”ไม่มีแล้วน่ะสิ เอาอย่างนี้ เราลองคิดไปก่อน ใครที่น่าจะเป็นแรงจูงใจได้บ้าง“
หลังจากนั้นไม่นานแพทย์ชันสูตรศพโทรมาหาฉัน ศพนั้นเป็นของคุณลุงที่เกาะบ้านพักหลังนั้น เขาบอกว่า จากการตรวจสอบศพพบไข่ไม่สุกในบริเวณหน้าท้อง ลำไส้ใหญ่ ดูท่าทางเหมือนกำลังจะอาเจียนแต่อาเจียนไม่ออก คาดการณ์ว่าน่าจะโดนเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อของตุ๊กตาต้องคำสาป หมอพูดจบฉันวางสายทันที
ฉันกลับมานั่งคุยกับชารีนต่อ ระหว่างนั้นเธอได้ยินเสียงฉันพูดกับแพทย์เนื่องจากฉันเปิดลำโพงโทรศัพท์ไว้
“เดี๋ยวนะ แพทตี้บอกเธอว่า อยู่ในชมรมหน้ากาก สิ่งที่เราเจอคือเขาใส่หน้ากากปิดบังไว้แล้วนี่ตุ๊กตาต้องคำสาป อะไรกัน“
ฉันชักจะสงสัยกับคำพูดที่ว่า โดนคำสาป มันมีจริงได้ยังไงกัน เห็นทีฉังคงต้องลองถามชาวบ้านละแวกนี้สักหน่อยแล้ว
”สำหรับฉันคิดว่า เราลองไปถามคนแถวนี้กันดูอีกครั้งไหม“
”เธอจะถามอะไรนักหนาล่ะ ถามไปก็ไร้ประโยชน์ บางคนโกหกบ้างล่ะ โดนคนอื่นบังคับให้พูดบ้างล่ะ แล้วแถวนี้คนแก่เยอะมาก เรื่องราวผ่านไปไม่กี่วันเดี๋ยวเขาก็ลืมหมด“
ฉันคิดเช่นเดียวกับอย่างที่ชารีนพูด เธอดูเหมือนไม่อยากให้ฉันไปถามใครแล้ว ดังนั้นฉันตัดสินใจว่าจะเลิกถาม คอยสังเกตไปในแต่ละวัน เดินไปเรื่อยๆจนเจอเบาะแสแบบตอนที่แล้วจะดีกว่า
ต่อจากนั้นมาฉันเริ่มเดินสำรวจชายทะเล เป็นเวลาห้าโมงเย็น พระอาทิตย์กำลังตก นับได้ว่าเป็นเวลาที่ทุกคนเตรียมปิดประตูบ้าน ทำไมกันล่ะ พวกเขาต้องมีความเชื่ออะไรแฝงอยู่แน่ ความเชื่อที่ไม่เคยบอกใครให้รู้
”ไม่เอา..ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด อย่า อย่าไปสบตามัน นี่เป็นเวลาเข้านอน“ฉันพึมพำในใจ จู่ๆมีใครสะกิดหลังฉันไม่ทันตั้งตัว
“เป็นอะไรของเธอ ฉันแค่อยากมาสูดอากาศด้วย”
“โอ๊ย..ฉันก็ตกใจหมด”
“นี่เธอเชื่อเรื่องผีด้วยเหรอ” ชารีนยิ้มสีหน้าเยาะเย้ย
“ก็ไม่เชิง ฉันเป็นคนกลัวผีมากเลยนะ ไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านแต่ละหลังแถวนี้ปิดประตูหมด เรือไม่ทำงาน พวกเขามีความเชื่อเรื่องผีกันเหรอ”
“ฉันไม่เข้าใจเหมือนกับเธอ แทนที่จะออกมานั่งรับลมชมวิว พวกหาปลาก็น่าจะออกเรือตอนนี้สิ ปลามันไม่มาตอนสายนะ ร้อนจะตาย”
“จะว่าไป สิ่งที่เธอพูดก็ถูก บางทีคนแถวนี้อาจจะเข้าเป็นเวลาก็ได้ ไม่มั่วสุม ไม่เมายา”
“เธอแน่ใจเหรอว่าเขาไม่เมายา บางทีเขาอาจจะกินในบ้านก็ได้”
ท้องฟ้าเริ่มมืดมัวแล้ว แสงไฟสลัวๆติดๆดับๆราวกับหนังผี ฉันจับมือชารีนด้วยความหวาดกลัว รีบวิ่งพาเธอเข้าหอพักทันที เธอตกใจพร้อมกับฉัน จากนั้นทั้งสองรีบนั่งสวดมนต์ภาวนา
“โอ๊ย ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว”
“นี่ทำไมแถวนี้เขาไม่ติดไฟกลางคืนให้มันดีหน่อยนะ”
“นั่นสิ ใครคือหัวหน้าหมู่บ้านเนี่ย”