“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด
แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์
ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์
ไร้พลัง และอ่อนแอ
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด
เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง
แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก
“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”
สวัสดีครับ TENTENs ครับ
ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ
ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที
จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ
โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ
ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ
ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
คืนฉลองจบลงด้วยรอยยิ้ม เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ชาวบ้านแห่งป่าลึกได้นอนหลับโดยไร้เงาแห่งความหวาดกลัวต่อเทพเจ้าจอมปลอม
เสียงนกร้องประสานกับแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านชายคากระท่อม เรย์ลืมตาตื่นขึ้นกลางบรรยากาศสงบสุข
และพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว
“หืม?”
เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเบิกตากว้าง
เด็กหญิงคนหนึ่งนอนซุกอยู่ข้างซ้าย เด็กชายอีกคนซุกอยู่ทางขวา...และทั้งคู่กำลังกอดเขาแน่นเหมือนตุ๊กตานุ่มๆ
“เหวอออ!!?”
เรย์สะดุ้งสุดตัว ลุกพรวดพร้อมถอยกรูดไปติดผนังด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
ไอลาและโนเอลสะลึมสะลือตื่นตาม ทั้งสองคนยืดแขนบิดขี้เกียจราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ ไอลาขยี้ตาอย่างงัวเงีย ส่วนโนเอลนั่งจ้องเรย์ตาแป๋ว
“พวกเธอ...เข้ามากันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?”
โนเอลยังคงมองเขาด้วยแววตาใสซื่อ ไม่ใช่แววตาเคียดแค้นแบบที่เคยเห็นในวันที่เรย์ฆ่าพ่อของเขา
“นาย...ไม่โกรธฉันแล้วเหรอ?”
เรย์ถามเสียงเบา
เด็กชายส่ายหน้า
“เจ้ามอบชีวิตใหม่แก่ข้า...เจ้าเป็นเจ้านายคนใหม่”
“...เจ้านาย?”
“ตาบอกว่าเจ้าคือผู้มีพระคุณ ต้องคอยรับใช้”
เรย์ยิ้มแห้ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ
“ตาแก่นั่น...สอนอะไรเด็กเนี่ย...”
เขาหันไปหาไอลา
“แล้วเธอน่ะ เข้าห้องคนอื่นมั่วซั่วได้ยังไง?”
เด็กหญิงเอียงคออย่างงุนงง
“ทำไมล่ะ?”
“เป็นผู้หญิงห้ามนอนกอดผู้ชายเด็ดขาด!”
“หือ?”
ไอลาทำหน้าตาไม่เข้าใจ ก่อนจะหาวปากกว้าง
เรย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
‘นี่ฉันต้องมาพูดอะไรเหมือนคนแก่แบบนี้ด้วยเหรอ...ชีวิตฉันกำลังจะวุ่นวายแน่ๆ’
เขาลุกเดินออกมานอกกระท่อม พร้อมกับเด็กทั้งสอง
ท้องฟ้าสดใส อากาศบริสุทธิ์สดชื่น ชาวบ้านกำลังช่วยกันซ่อมแซมหมู่บ้านอย่างขยันขันแข็ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวังและรอยยิ้ม
สายตาเขาเหลือบไปเห็นไอลาที่ยังคงสวม มงกุฎเถาวัลย์ไว้บนหัว
รูปร่างของมันกลับไปเป็นมงกุฎไม้โบราณตามเดิม ในขณะที่ไม่ได้ใช้พลัง
“เธอไม่คิดจะถอดมันเลยเหรอ? ...ใส่แม้กระทั่งตอนนอนเนี่ยนะ?”
เรย์ถาม
ไอลาพยักหน้า
“ท่านเอไลเซร่าบอกว่าต้องใส่ไว้ตลอด”
ตูม!!
“หวาาา!”
เสียงท่อนซุงกระแทกพื้นดังสนั่น ชายร่างใหญ่สองคนที่ช่วยกันแบก นอนล้มหงายไปทั้งคู่
ก่อนที่เรย์กำลังจะก้าวเข้าไปช่วย
“ให้ข้าช่วยเอง!”
เสียงใสๆ ของโนเอลดังขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้าไป เด็กน้อยเพียงใช้สองมือเล็กๆ ยกท่อนซุงขนาดยักษ์สามท่อนขึ้นเหนือหัวอย่างง่ายดาย...ราวกับว่ามันเบาเหมือนปุยนุ่น
“หาาา!?”
เสียงอุทานจากชาวบ้านดังกระหึ่ม ใบหน้าตกตะลึงกันถ้วนหน้า โนเอลยิ้มแป้น ถือท่อนซุงเดินไปวางอย่างสบายใจ ก่อนจะหันมาถามด้วยใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กน้อย
“วางตรงนี้ใช่ไหม?”
ชาวบ้านหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กน้อย
“อื้มม วางไว้ตรงนั้นแหละ ขอบใจนะ โนเอล”
เด็กน้อยยิ้มตอบอย่างสดใส เขี้ยวเล็กๆ ยังคงโผล่ออกมาให้เห็นผ่านริมฝีปาก
เรย์มองเงียบๆ เด็กคนนี้ แม้จะเป็นแค่เด็กน้อยตัวเล็กๆ แต่ก็เป็นถึงครึ่งอสูร...มีร่างกายที่แข็งแกร่ง และพลังกำลังที่เหนือมนุษย์
“ท่านเรย์ ตื่นแล้วหรือ?”
เสียงออร์เดดังขึ้นจากด้านข้าง เขาเดินถือไม้เท้ามาช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม
“เชิญทางนี้หน่อย”
เรย์เดินตามออร์เดไปที่ลานกลางหมู่บ้าน ก่อนจะเบิกตามองอย่างตื่นตะลึง เบื้องหน้าของเขา คือลูกเบอร์รี่จำนวนมหาศาล กองสูงราวกับภูเขาที่สูงเท่าหอคอย
“ยะ...เยอะขนาดนี้เลย!?”
“ท่านบอกว่าอยากได้เยอะๆ ใช่ไหม ข้าก็เลยให้ทุกคนช่วยรวบรวมกันตั้งแต่เมื่อคืน”
“นี่ขนกันมาทั้งป่าเลยหรือไงเนี่ย!?”
“นี่แค่นิดหน่อยเองนะ...ผลอาซาน่ะ หาได้ไม่หมดสิ้นหรอก ฮ่าๆๆ!”
เรย์ยิ้ม
“ขอบใจมากนะ ออร์เด”
เขายื่นมือไปข้างหน้า แหวนช่องว่างมิติพลันเรืองแสง
วาบบบบ...
ภูเขาเบอร์รี่หายวับเข้าไปในแหวนต่อหน้าต่อตาชาวบ้าน
เสียงฮือฮาดังสนั่น
“หาาา!?”
“นั่นเวทมนตร์ล่ะ!!”
“อย่างกับผู้วิเศษเลย!”
“เวทมนตร์นี่มันดีจริงๆ”
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ เรย์กับไอลาเตรียมออกเดินทางมุ่งสู่น้ำตก ขณะที่ชาวบ้านทุกคนยืนรอส่งที่ด้านหน้าหมู่บ้าน
“ไอลา ดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำตัวเป็นภาระของท่านเรย์ เข้าใจไหม?”
ออร์เดกอดหลานแน่น
“ปู่...ไอลาเป็นเด็กดี”
เด็กหญิงพูด พลางกอดตอบอย่างร่าเริง
เรย์เดินเข้าไปหาโนเอล ย่อตัวลง ยื่นมือลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ
“โนเอล นายแข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านนี้แล้วนะ หลังจากนี้อาจจะมีพวกมอนสเตอร์หรือสัตว์ป่าดุร้าย นายต้องคอยปกป้องทุกคนจากพวกมัน...เข้าใจไหม?”
เด็กชายพยักหน้าหงึกๆ
“เข้าใจแล้ว!”
“พวกข้ารู้เส้นทางไปน้ำตกนั่นดี จะไม่ให้คนนำทางไปจริงๆ หรือ?”
ออร์เดถาม
“ไม่เป็นไรน่า...ไปนะ...ไว้จะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ”
เรย์พูดก่อนจะหันหลังเดินจากไป โดยมีสองเท้าน้อยๆ ของไอลาวิ่งตามไปติดๆ
ออร์เดคุกเข่าลงทันที ตะโกนไล่หลังเสียงดังลั่น
“ท่านเรย์! ดูแลตัวเองด้วยยย!!!”
ชาวบ้านคุกเข่าลงตามอย่างพร้อมเพรียง
“ดูแลตัวเองด้วยย!!!”
โนเอลมองซ้ายขวา ก่อนจะคุกเข่าตามอย่างเลิ่กลั่ก
“ทะ...ทำแบบนี้เหรอ?”
เรย์หันไปมองพวกเขาแล้วส่ายหน้า
“เล่นใหญ่เป็นบ้า...พวกหมู่บ้านเธอนี่ชอบคุกเข่านักหรือไง...กลับมาคราวหน้าโนเอลคงไม่เป็นไปอีกคนนะ”
ไอลาหัวเราะร่า พลางจับมือเรย์ไว้แน่น
สองคนเดินเลาะไปตามลำธารสายใหญ่ เสียงน้ำไหลขับกล่อมเหมือนท่วงทำนองเบาๆ
เรย์เหลือบมองไอลาที่เดินนำหน้าอย่างร่าเริง
‘เรมไนร์ ว่าแต่...พลังของเอไลเซร่าทำอะไรได้บ้างเหรอ?’
[เธอคือเทพีแห่งความหวัง พลังของเธอคือการรักษาทุกสิ่ง]
‘รักษา? แค่นั้นเรอะ? หมายความว่า...ไม่มีพลังที่ใช้ต่อสู้เลย?’
[ใช่...]
‘อะไรกัน? เป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์แท้ๆ’
[เจ้านี่จะดูถูกเทพเกินไปแล้ว...พลังของเธอรักษาได้ทุกสิ่งในทันที...แม้แต่สิ่งที่มนุษย์คิดว่าไม่มีวันรักษาได้]
‘เช่น คนตาย?’
[นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกนะ...พลังรักษาไม่ใช่พลังคืนชีวิต มันคืนชีพให้คนตายไม่ได้หรอก]
‘แล้วอย่างพวก โรคร้าย’
[ย่อมรักษาได้]
‘หืม? แล้วถ้า...คนพิการล่ะ?’
[ย่อมได้]
เรย์ชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาหรี่ลงอย่างครุ่นคิด
‘น่าสนใจแฮะ...’
ซ่าาาาาาาาา!!
เสียงซ่าของน้ำตกค่อยๆ ดังแว่วเข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุด เรย์และไอลาก็เดินมาจนสุดปลายสายของลำธาร
พวกเขากำลังหยุดยืนอยู่บนม่านน้ำตก
สายน้ำที่สูงเสียดฟ้าทิ้งตัวลงสู่แอ่งเบื้องล่าง ผาหินสูงตระหง่านล้อมรอบราวกับเป็นอัฒจันทร์จากธรรมชาติ พืชพรรณโดยรอบเจริญงอกงามอย่างอุดมสมบูรณ์
ความอลังการของสถานที่ทำให้ทั้งสองต้องหยุดยืนชื่นชมเหมือนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าวิหารของโลก
“ถึงแล้วล่ะ”
เรย์พูดเรียบๆ
“ไหนล่ะเสียงเพลง?”
ไอลามองซ้ายขวา
“ยังไม่ใช่ที่นี่หรอกนะ...ต้องผ่านม่านน้ำตกไปก่อน แล้วก็ต้องจัดการ...ผู้พิทักษ์”
“พูดพิทัด? ...คือไรอะ? ...มันอร่อยไหม? ...หวาาา!!”
เรย์อุ้มร่างน้อยๆ ของไอลาขึ้น ก่อนจะลัดเลาะลงไปจนถึงเบื้องล่าง ฝ่าม่านน้ำตกไปยังโพรงแคบด้านหลัง
“โห...!! มีถ้ำอยู่ในนี้ด้วยเหรอ!? ไอลาแอบมาเล่นน้ำที่นี่บ่อยๆ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“ด้านในมีแต่กับดัก...และศัตรู”
เรย์วางร่างเด็กหญิงลงอย่างเบามือ ก่อนจะก้มลงจ้องตาเธอ
“เธอนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ ห้ามเข้าไปเด็ดขาด”
“เอ๋!? ไม่เอา! ไอลาจะไปกับแกด้วย!”
“ทำตามที่ฉันบอก...นั่งรอเงียบๆ แล้วเดี๋ยวจะให้ฟังเพลง”
เด็กหญิงปีนขึ้นไปนั่งบนโขดหินใกล้ๆ อย่างสงบเสงี่ยมทันที ก่อนจะเอามือสองเล็กๆ ขึ้นปิดปาก
“ไอลาจะอยู่ตรงนี้...นั่งเงียบๆ ...ไม่ขยับไปไหน!”
“เก่งมาก...”
เรย์ยิ้ม ก่อนจะก้าวเข้าไปด้านใน ผ่านกับดักจำนวนมาก
ลึกเข้าไปในโพรง ม่านพลังบาเรียบางๆ กำลังสั่นไหว...ก่อนจะค่อยๆ สลายไป เมื่อเขายกมือขึ้นไปสัมผัส
กึก...กึก...
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเคลื่อนออกมาในโพรงมืด ความเงียบเย็นของถ้ำข้างในถูกทำลายด้วยเสียงโลหะหนักหู
ครืดดดดด...!!
เสียงกึกก้องดังสะท้อน ดาบสีเงินวาววับลากผ่านพื้นหินจนเกิดเป็นทางยาว
ผู้พิทักษ์ในชุดเกราะขาวบริสุทธิ์ ก้าวออกมาช้าๆ
ร่างนั้นเงียบขรึม...ราวกับไร้วิญญาณ แต่เปล่งออร่าแห่งการต่อสู้ออกมาอย่างเข้มข้น
เรย์ยิ้มบาง ก่อนจะตั้งท่าช้าๆ ตาไม่กะพริบ ออร่าสีดำเข้มข้นค่อยๆ พวยพุ่งออกมาจากร่าง
“ไง...ฉันมาแก้มือ”
ยังไม่ทันสิ้นคำ...
ฟุ่บ!
ผู้พิทักษ์พุ่งเข้าใส่ทันที ดาบยาวของมันฟาดฟันลงมาอย่างไร้เสียงเตือน เรย์เบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน คมดาบเฉียดปลายจมูกเขาไปเพียงเสี้ยววินาที
ดาบต่อไปฟาดมาจากทางขวา แล้ววกกลับทางซ้ายอย่างรวดเร็ว ทุกท่าฟันราวกับสั่งสมประสบการณ์มาทั้งชีวิต
การโจมตีของมันไม่มีเวทมนตร์ ไม่มีพลังพิเศษใด ๆ นอกจาก ความเร็ว ที่มองแทบไม่เห็น และ ความแรง ที่สามารถผ่าโขดหินแหลกเป็นผุยผงได้ในดาบเดียว
ฉัวะ!! โครมม!!
พื้นด้านหลังเรย์ระเบิดออก เศษหินพลันถล่มลงจากทุกแรงฟันที่พลาดเป้า
‘มันเร็วเกินไปจริงๆ ...แต่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว’
เดิมทีเขาตามความเร็วของมันไม่ทันแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากที่ดูดกลืนพลังอสูรของดารุกซ์ ทำให้ประสาทสัมผัสทั่วร่างกายเฉียบคมขึ้นอย่างมาก
ในตอนนี้ สายตาเรย์เริ่มจับจังหวะของมันได้ เขาหลบทุกการโจมตีของมันได้โดยไม่ต้องคิด ราวกับสัญชาตญาณของอสูรในตัวกำลังแผดเสียงบอกทาง
เขาพลิกตัวหลบอีกดาบที่ฟาดลงมาจากเบื้องบน แล้วหมุนตัวไปทางขวา
มันเผยช่องว่างเล็กน้อย เรย์ไม่ปล่อยโอกาสตรงหน้าให้หลุดลอย
หมัดพุ่งสวนออกไปทันที
เปรี้ยงงง!!!
หมัดออร่าสีดำสนิท...พลังของอสูร...กระแทกเข้าที่กลางเกราะของผู้พิทักษ์อย่างจัง แรงระเบิดแผ่กระแทกโพรงหินสั่นสะเทือน ผู้พิทักษ์กระเด็นอัดกับผนังถ้ำจนหินแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
‘......’
ทว่าเมื่อฝุ่นควันจางลง ร่างในชุดเกราะขาวยังคงยืดหลังตรง ไม่มีรอยบุบ ไม่แม้แต่จะล้มลง
เรย์ยิ้มออกมามุมปาก
“...แน่ล่ะ ว่าแกไม่ใช่หมูให้เชือดง่ายๆ”
ฟุ่บ!
มันพุ่งเข้ามาในพริบตา
เพียงเสี้ยววินาที มันก็มาโผล่ข้างหน้าเขาอีกครั้ง ก่อนจะเหวี่ยงดาบในมือด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ดาบฟันเฉียดซี่โครงไปเพียงนิดเดียว...เรย์เบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด
‘มันเก่งมาก...’
เรย์เอ่ยเสียงเบาในขณะเอี้ยวตัวหลบ การโจมตีอันโหมกระหน่ำ
[ถ้าเจ้ายังเอาแต่หลบอยู่แบบนี้ มีแต่จะเหนื่อยเปล่าๆ หากพลาดขึ้นมาถึงกับตาย]
‘ฉันรู้...แต่มันทั้งเร็วและแรง...แต่ไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่ฉันยังหลบได้...’
เขากัดฟัน หลบคมดาบที่พุ่งเข้ามาไม่หยุด
‘ปัญหาคือ...ดาบของมัน นี่แหละ!’
แม้เรย์จะอ่านการเคลื่อนไหวของมันออก แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่หลบหลีกการโจมตีอย่างเต็มกลืน ทั้งท่วงท่าของมัน ทั้งวิถีของการฟัน มันไม่ใช่แค่การฟาดมั่วๆ แต่มันคือ...วิชาดาบ ราวกับอัศวินนักรบที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย
คมดาบหนานั้นทั้งยาวและมีพลังทำลายสูง มันมีน้ำหนักจนแม้แต่แรงจากพลังอสูรของเรย์เองยังไม่อาจสู้แรงฟาดได้ในระยะประชิด
เขากระโจนถอยหลัง ตั้งหลักชั่วครู่
‘ถ้าฉันมีดาบสักเล่ม...หรืออาวุธยาวๆ บ้างล่ะก็...’
ทันใดนั้น เขาพลันนึกอะไรบางอย่างได้
‘อาวุธยาวงั้นเหรอ? จริงสิ...!!!’
แววตาของเขาคมกริบขึ้น ก่อนเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว
“วงแหวนที่สอง”
เงาทมิฬวาบขึ้นเบื้องหลัง วงแหวนสีดำพลันปรากฏกลางอากาศ...หมุนวนราวกับดวงอาทิตย์แห่งความมืดที่มาจากโลกอื่น พร้อมแรงกดดันมหาศาล เกิดเป็นสายลมพัดแรงไปทั่วโพรงถ้ำ
ทันใดนั้น...
พลังบางอย่างแผ่กระจายออกจากร่างของเรย์...ไม่ใช่แค่รุนแรง แต่หนาวเย็น...และชวนขนลุก
ผิวของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดราวหิมะ ผมสีดำปลิวสะบัดขึ้นตามแรงกดดันที่แผ่ซ่านออกไปรอบตัว
เบื้องหลังของเขา...ออร่าทมิฬกำลังก่อตัว
และมันยืดยาวขึ้นเรื่อยๆ ลอยสูงขึ้นเหนือไหล่
ไม่ใช่ดาบ ไม่ใช่หอก ไม่ใช่อาวุธใดๆ
แต่มันคือ...หาง
หางออร่าดำสนิท ที่ยาวนับหลายเมตร รูปทรงเรียวพลิ้วไหว มันขดเลื้อยกลางอากาศอย่างอิสระ คล้ายกับหางของอสรพิษ ที่พร้อมจะพุ่งฉีกเนื้อศัตรูให้แหลกในเสี้ยววินาที
เขาไม่ต้องขยับมือ ไม่ต้องออกแรงใดๆ
เพียงแค่คิด...หางนั้นก็กวัดแกว่งอย่างแม่นยำและรุนแรงราวคลื่นกระแทกอากาศ
และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง...
ผู้พิทักษ์พุ่งเข้าหาเรย์อีกครั้ง
คมดาบของอัศวินฟาดลงมาอย่างไร้ปรานี
แต่ครั้งนี้...
เรย์ไม่หลบ
หางออร่าสีดำพุ่งออกไปในพริบตา กวาดเข้ารับวิถีดาบอย่างแม่นยำ
เคร้งงง!!!
เสียงโลหะปะทะกันดังกระหึ่ม รอยปะทะแตกระเบิดเป็นประกายไฟสว่างจ้า
ดาบของผู้พิทักษ์ที่รุนแรงและเด็ดขาด
บัดนี้ มันหยุดชะงักกลางอากาศ
หยุดไว้ได้จริงๆ ...
ด้วยหางสีดำ
ผู้พิทักษ์ชะงักไปชั่วขณะ ส่วนเรย์ยังคงยืนนิ่ง
เรย์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น...
ใบหน้าขาวโพลน ดวงตาคมกริบ มุมปากแสยะยิ้มเย็นเยือก
“ถึงตาของฉัน...ฟันแกบ้างแล้ว”