“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด
แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์
ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์
ไร้พลัง และอ่อนแอ
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด
เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง
แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก
“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”
สวัสดีครับ TENTENs ครับ
ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ
ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที
จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ
โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ
ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ
ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
หลังจากที่พายุพลังงานสงบลง หลงเหลือเพียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่านไปทั่วบริเวณ เศษละอองพลังยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ ราวกับประกายแสงสุดท้ายจากปรากฏการณ์มหัศจรรย์
เด็กๆ ยังคงหลับตาแน่น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยจากแรงสะเทือนก่อนหน้านี้ พวกเขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกประหลาดแล่นผ่านทั่วร่าง มันร้อนวูบวาบ หนักแน่น และแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเคยรู้จัก
เมื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้น แสงสีจางๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นรอบกาย
ตัวเลขและออร่าสีสันหลากหลาย เปล่งประกาย เหนือศีรษะของแต่ละคน ทอแสงส่องสว่างกลางอากาศ ราวกับดวงดาวที่เพิ่งถือกำเนิด
เหล่าเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าสังเกตการณ์ ต่างเริ่มกวาดตามองไปทั่ว พวกเขากำลังมองหาคนที่โดดเด่นที่สุด
จนกระทั่ง…
“924!!? “
เสียงอุทานดังขึ้นทั่วทั้งดาดฟ้า สายตาของทุกคนถูกดึงดูดไปยังออร่าสีทองอร่ามที่เด่นชัดที่สุดในหมู่เด็กๆ
ฟอล์คที่ปกติสุขุมและเข้มงวด บัดนี้ถึงกับชะงัก
“บะ..บุคคล 9 วงแหวน คนที่ 2 ของประเทศ...! “
เขาหันไปทางเจ้าหน้าที่ทันที
“พาตัวเธอมา!!”
เป้าหมายของทุกสายตาคือ เด็กสาวผู้มีผมยาวสีน้ำตาลครีม นัยน์ตาสีม่วง ผิวขาวละมุน ใบหน้าเรียวสวยราวกับตุ๊กตา เธอมีชื่อว่า เอรีน
“หืม? เธอคือคนที่สอบได้อันดับที่ 2 นี่”
เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งพูดพึมพำขึ้นมา
ฟอล์คเดินเข้าไปหาเธอทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เอรีน...เธอรู้ไหมว่าตัวเองพิเศษแค่ไหน? “
เธอยังไม่ทันตอบ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นตัวอักษร S บนหน้าจอเครื่องวัดพลังที่เธอกำลังสวมอยู่
ฟอล์คเบิกตากว้าง
“ระดับ S...!!! เธอมีวิซระดับ S!? “
“...!? “
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกรอบ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย....”
“อัจฉริยะของแท้....”
ทุกคนกำลังตกตะลึง เด็กสาวที่สอบได้คะแนนสูงถึงอันดับ 2 ไม่เพียงแต่มีมานาระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ยังครอบครองวิซระดับตำนานอีกด้วย
นี่ไม่ใช่แค่การถูกหวยรางวัลใหญ่…แต่มันยิ่งกว่านั้น
เอรีนยังคงนิ่งอึ้ง ไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สายตาของทุกคนที่จ้องมองเธอเต็มไปด้วยความยินดี ความอิจฉา และความหวาดหวั่น
เด็กสาวที่เคยดูจืดจาง ไร้ตัวตนในสายตาผู้อื่นมาตลอด บัดนี้กลับกลายเป็นศูนย์กลางของทุกสายตา
ออร่าสีทองอร่ามเปล่งประกายออกจากร่างของเธอ แสงนั้นเจิดจ้าราวกับเปลวไฟแห่งรุ่งอรุณ สะท้อนบนใบหน้าของทุกคนที่ยืนล้อมรอบ พลังของเธอไม่อาจถูกมองข้ามได้อีกต่อไป
ในช่วงเวลานี้ เธอไม่ใช่แค่เด็กสาวธรรมดาอีกแล้ว แต่คือ นางเอกของพิธีวันนี้อย่างแท้จริง
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างเริ่มตั้งสติได้ และทำการคัดแยกเด็กๆ ตามระดับพลัง ด้วยความรวดเร็วและระมัดระวัง
เด็กๆ กว่า 90% แสดงพลังมานาเป็นสีขาว และไม่มีวิซ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาถูกจัดอยู่ในระดับต่ำ ไม่มีความโดดเด่นอะไรในสายตาของเจ้าหน้าที่
แต่สำหรับบางคนที่มีพลังมานาสูงกว่ามาตรฐาน แม้จะดูมีความสามารถในตัวเอง พวกเขากลับดูเหมือนเป็นเพียงแค่เงาเมื่อเทียบกับออร่าสีทองที่ส่องสว่างของเอรีน
ช่างน่าเสียดาย ถ้าหากในพิธีวันนี้ไม่มีเธอสักคน พวกเขาคงจะได้รับความสนใจมากกว่านี้
ในขณะเดียวกัน
“ว้าวว เนียร์! 794 เชียวเหรอ...แล้วนั่น! วิซระดับ A!!...สุดยอด!!...พ่ออัจฉริยะ! “
ไลออนหัวเราะด้วยความยินดีพลางตบบ่าเพื่อนของเขา หลังจากที่สำรวจตัวเองว่ามีมานาระดับ 500 และไม่มีวิซ
เนียร์ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงจ้องมองมองมานาสีม่วงของตัวเองด้วยแววตาเรียบเฉย
เขาไม่ได้แสดงความตื่นเต้นใดๆ แม้จะรู้ว่าการได้รับมานา 7 วงแหวน และวิซระดับ A นั้นพิเศษแค่ไหน
เขามองออร่าสีส้มของไลออน ก่อนจะกวาดสายตาไปยังเรย์ที่อยู่ด้านหลังสุด
ทันทีที่เห็นตัวเลขบนหัวของเรย์ ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง ใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยให้กับทุกสิ่ง บัดนี้กลับบิดเบี้ยวราวกับเห็นขี้
“หาาา..!!?”
เนียร์ขยี้ตาเพื่อดูให้แน่ใจ แต่ไม่ว่าจะมองยังไง...
“ละ..เลข 0...!?”
เนียร์อุทานเสียงดังลั่น
เสียงของเขาทำให้ทุกคนรอบข้าง รวมถึงไลออน หันขวับไปมองพร้อมกันในทันที ก่อนที่ทุกสายตาจะเบิกกว้าง
“.....!?”
ตัวเลข 0 ปรากฏเด่นชัดอยู่เหนือศีรษะของเรย์ มันลอยอยู่ท่ามกลางออร่ามานาสีดำสนิท ราวกับเป็นเงามืดที่กำลังกลืนกินความหวังทั้งหมด
“เป็นไปได้ยังไง? เรย์...นี่นายจะตายเหรอ?”
ไลออนอุทานขึ้นเสียงดัง แต่ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ
เรย์กำลังยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาของเขาหม่นหมองราวกับสูญเสียแสงแห่งชีวิต เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของไลออนด้วยซ้ำ ภาพของทุกอย่างรอบตัวค่อยๆ มืดลง เหมือนโลกทั้งใบดับลงตรงหน้า
‘คนที่มีมานาต่ำกว่า 100 จะเสียชีวิตทันทีที่ปลุกพลัง’
เสียงคำพูดนั้นดังก้องในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับเป็นประโยคตัดสินโทษประหาร
‘จบสิ้นแล้วสินะ’
ภาพของพ่อแม่และน้องสาวพลันแวบเข้ามาในความคิด เหตุใดเขาถึงไร้ค่าเช่นนี้ เขาเสียใจอย่างที่สุดที่ไม่สามารถทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นได้
หยาดน้ำตาลูกผู้ชายไหลรินจากดวงตา ก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆ ปิดลง เรย์ยอมรับชะตากรรมของตน
เขากำลังรอคอยความตาย...
เสียงวุ่นวายรอบข้างพลันเงียบสงัด ทุกสายตาจับจ้องไปที่เรย์อย่างวิตกกังวล
เวลาผ่านไปชั่วครู่ เสียงซุบซิบเริ่มค่อยๆ ดังขึ้น
“ตายหรือยัง? “
” ดูเหมือนจะยังนะ...หมายความว่ายังไงกัน? “
“......”
เรย์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง
เขากวาดตาสำรวจร่างกายของตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับไลออนและเนียร์ พลางหันซ้ายหันขวา คนรอบข้างยังคงมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
ในขณะที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความสับสน เนียร์ตั้งสติได้ก่อนใคร
เขาหันไปมองรอบๆ เพื่อหาเจ้าหน้าที่ จนสายตาหยุดลงที่กลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังรวมตัวกันอยู่ พวกเขากำลังวุ่นวายกับการดูแลเอรีน
เนียร์รีบวิ่งฝ่าฝูงชนไปหาฟอล์ค ซึ่งกำลังมีสีหน้าปลื้มปีติกับผลการปลุกพลังของเอรีน
“คุณฟอล์คครับ!!”
เสียงของเนียร์ดึงความสนใจของชายชรา เขาหันมามองด้วยสายตาเคร่งขรึม พลางกวาดสายตาประเมินความสามารถของเด็กหนุ่มที่เครื่องวัดพลังกำลังแสดงผล
สายตาที่เคยเต็มไปด้วยความพึงพอใจ บัดนี้กลับดูแข็งและเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด
“มีอะไร?”
เขาถามเนียร์ด้วยน้ำเสียงห้วน
เนียร์พลันสะอึก เขารับรู้ได้ทันทีถึงความคิดของฟอล์ค
เด็กหนุ่มเหลือบไปมองเอรีน ผู้ที่มีเส้นออร่าสีทองเปล่งประกายรอบกาย แสดงถึงตัวตนอันยิ่งใหญ่
‘หึ...คะแนนเต็มในรอบ 20 ปี ของฉันมันก็แค่เรื่องไร้สาระ เมื่อเทียบกับการถือกำเนิดของผู้ครอบครอง 9 วงแหวน สินะ...ช่างน่าขำ ‘
เป็นเรื่องที่น่าสลดใจ ถึงแม้ว่าเนียร์จะมีมานาระดับ 7 วงแหวน และวิซระดับ A ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีค่ามหาศาล แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเอรีนแล้วเขากลับดูธรรมดาไปโดยปริยาย
ทว่าเนียร์กลับไม่ได้รู้สึกน้อยใจกับมันมากนัก ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น
“เรย์มีมานา 0 ครับ!”
เนียร์พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ฟอล์คขมวดคิ้ว ก่อนจะตอบกลับเสียงเข้ม
” …อะไรนะ?”
“เขามีมานา 0 ที่สำคัญคือ…เขายังไม่ตายครับ!”
“เป็นไปไม่ได้”
ฟอล์คปฏิเสธทันที ตลอดชีวิตในการปลุกพลังให้กับผู้คน เขายังไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนที่สามารถรอดชีวิตได้ด้วยมานาที่ต่ำกว่า 100
“นำทางไป!”
เขาออกคำสั่ง ก่อนจะก้าวเท้าตามเนียร์ไปด้วยความเร่งรีบ
เมื่อสายตาของฟอล์คสบเข้ากับเรย์
“...!?”
เขาชะงักในทันที
ไม่ใช่เพราะตัวเลข 0 บนหัวของเด็กหนุ่ม
แต่เป็น… ออร่ามานาสีดำสนิท ที่กำลังพวยพุ่งออกมาจากร่างของเรย์
“อะไรกัน? มานาสีดำ!?”
ฟอล์คเคยเห็นมนุษย์ที่มีมานาต่ำกว่า 100 มาบ้าง แม้จะแทบนับครั้งได้ แต่เขาก็มั่นใจว่าทุกคนจะตายในทันทีที่ปลุกพลัง
พวกเขาจะมีมานาสีเทาอ่อนจางๆ ที่เบาบาง ก่อนที่ร่างจะเย็นเฉียบราวกับไม่มีชีวิต
แต่เรย์กลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
มานาของเขาเป็นสีดำสนิท พวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ฟอล์คยืนนิ่ง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความงุนงง
แม้แต่เขา ประธานศูนย์กำเนิดพลังแห่งชาติ ยังไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้
เขาขมวดคิ้วก่อนจะถามเสียงขรึม
“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
เด็กที่ยืนข้างๆ หันมามอง ก่อนตอบทันควัน
“เอ่อออ...ถามผมเหรอครับ? “
“......”
“......”
พวกเขายืนมองหน้ากันอย่างเงียบงัน
ภายในห้องประชุมสุดหรูห้องหนึ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความหนักอึ้งจากสิ่งที่เกิดขึ้น
เรย์กำลังนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาเบาะนุ่ม เขาเหลือบตามองเครื่องวัดพลังที่ถูกเปลี่ยนมาแล้วหลายสิบเครื่อง เจ้าหน้าที่หลายคนที่รับหน้าที่ตรวจสอบเดินเข้าออกห้องไปมา ด้วยสีหน้าหนักใจ
“มานา 0...”
“มันเป็นไปได้ยังไง? เขาควรจะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เขามีวิซหรือเปล่า? อาจจะเป็นเพราะความสามารถของวิซ?”
“เราตรวจสอบหลายรอบแล้ว...ไม่มีวิซ ไม่มีมานา...ไม่มีอะไรเลย “
เสียงเหล่านั้นเป็นเหมือนคมมีดกรีดลงบนจิตใจเรย์ เด็กหนุ่มกำมือแน่น ความผิดหวังท่วมท้นภายในอก ภาพฝันทั้งหมดของเขาพังทลายลง ความรู้สึกด้านลบกำลังถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย ก่อนที่เขาจะเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
‘เอรีน’
เด็กสาวผู้ครอบครอง 9 วงแหวน เธอกำลังจ้องมองตัวเลข 0 บนหัวของเขาด้วยแววตาใสซื่อ
“ทำไมนายถึงไม่ตายล่ะ?”
เด็กสาวเอ่ยถามด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“......”
เรย์ไม่ตอบ เขากำมือแน่นขึ้นกว่าเดิม เขาได้ยินคำถามนี้มาเป็นร้อยรอบแล้ว มันเปรียบเสมือนว่าผู้คนกำลังไล่ให้เขาไปตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คำพูดของเธอเป็นเพียงความสงสัยธรรมดา แต่สำหรับเรย์มันเหมือนคำตัดสินจากทุกคนบนโลก
ทันใดนั้นเด็กสาวพลันยื่นสิ่งหนึ่งมาให้
“......”
“กินสิ...อร่อยนะ”
มันคือลูกอมรสมินท์ช็อก
เอรีนฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปกับรอยยิ้มชวนหลงไหลชั่วขณะก่อนที่จะตอบกลับไป
” ...ฉันไม่ชอบมินท์ช็อก “
“......”
เอรีนกะพริบตาปริบๆ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างนิ่งเงียบในบรรยากาศอันวุ่นวาย ก่อนที่เสียงของชายชราจะดังขึ้น
“ใช่!! ผมยืนยันอีกครั้ง...เธอเป็นผู้ถือครอง 9 วงแหวน คนที่สองของประเทศ และมีวิซระดับ S"
เป็นเสียงของฟอล์ค เขากำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะกระจกกลางห้อง รายล้อมไปด้วยหน้าจอโฮโลแกรมรอบตัว
บนหน้าจอเหล่านั้นมีบุคคลสำคัญจากสถาบันเวทศาสตร์ องค์กรนักวิจัย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล
“เราต้องการข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเธอ “
“พวกเราขอสิทธิ์ในการศึกษาตัวอย่างมานาของเธอ “
” ยังไงเธอก็ต้องเข้าไอโอนิค อคาเดมี่อยู่แล้วใช่ไหม? “
“วิซระดับ S ของเธอมีความสามารถแบบไหน?”
เสียงฮือฮาและคำถามนับไม่ถ้วนกำลังถาโถมใส่ฟอล์คอย่างไม่ขาดสาย พวกเขากำลังตื่นเต้นไปกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างเอรีน
“แล้วเด็กที่มีมานา 0 ล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่ตาย? “
“ไม่ใช่ว่ามานา 0 เท่ากับไร้ซึ่งมานาเหรอ? แล้วออร่าสีดำคืออะไร?”
“ฉันอยากคุยเรื่องของเด็ก 9 วงแหวนมากกว่า เราต้องให้ความสำคัญกับเด็กที่ไร้พลังด้วยหรือไง?”
ฟอล์คถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากดปุ่มวางสายที่อยู่โต๊ะกระจก ก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง
“ให้ตายเถอะ...เจ้าพวกบ้าพวกนี้ “
เขาเอามือขึ้นกุมขมับก่อนที่จะมองมายังเรย์และเอรีน ที่นั่งอยู่ที่โซฟา
ก่อนที่เขาจะคิดอะไรต่อ เสียงประตูห้องประชุมก็ถูกผลักออกอย่างแรง
ปัง!
“ฟอล์ค!”
เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น เธอแต่งกายด้วยสูทยาวหรูหรา ท่าทีมั่นใจ บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยพลังอำนาจ
ฟอล์คพลันขมวดคิ้ว
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
หญิงคนนั้นไม่ตอบคำถาม แต่สายตาของเธอจับจ้องไปที่เอรีนในทันที ดวงตาทอประกายความสนใจอย่างแรงกล้า
“เธอ...นี่สินะ เด็กคนนั้น”
เรย์มองดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ ก่อนที่ฟอล์คจะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“ให้ตายสิ...หยุดวุ่นวายกับเรื่องของฉันสักทีได้ไหม เซเรน “
เธอคือเซเรน ผู้อำนวยการของ ไอโอนิค อคาเดมี่ โรงเรียนอันดับ 1 ของประเทศ
หญิงวัยกลางคนฉีกยิ้ม ก่อนจะกอดอกเอียงคอมองเขา
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ฟอล์ค...นี่มันเรื่องใหญ่ระดับประเทศนะ ฉันอยากมาเจอหน้าเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง! “
เธอหันขวับไปที่เอรีน พร้อมกับเดินเข้าไปประชิดหน้า
“เอรีน...ฉันรอคอยวันที่จะได้เจอเธอ”
รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ สายตากวาดมองเอรีนตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่หางตาพลันสะดุดเข้ากับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
เธอเบิกตากว้างในทันที
“อะ..อะไรกัน!? มานา 0!!? ...ออร่าสีดำ!!? ...เด็กนี่ใคร?”
เซเรนแปลกใจไม่น้อย เธอขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่เรย์ที่ยังคงสวมอุปกรณ์วัดพลังอยู่
เรย์เม้มปากแน่น ก่อนที่ฟอล์คจะชิงพูดขึ้นก่อน
“อย่างที่เห็น...มนุษย์คนแรกที่มีมานาต่ำกว่า 100 แล้วยังมีชีวิตอยู่...เขาชื่อเรย์”
เซเรนหันไปมองฟอล์ค เธอชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหันขวับมามองเรย์อีกครั้ง
“อะไรนะ!?”
“......”
เรย์พลันกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ให้กับสายตาที่จ้องเขม็งด้วยความสงสัยของเซเรน
“...ทำไมเธอถึงไม่ตาย?”
ฟอล์คถอนหายใจอีกครั้ง
“เรื่องของเขาฉันจะจัดการเอง...เธอไม่ต้องสนใจหรอก ยังไงเขาก็ไม่ได้เข้าไอโอนิคอยู่แล้ว”
“......”
คำที่เหมือนดั่งลิ่มตอกเข้าที่หัวใจของเรย์ ทำให้เขาทวีความรู้สึกที่อยู่ในใจ เขากัดฟันแน่น ออร่าสีดำสนิทรอบกายพันพวยพุ่งรุนแรง ราวกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้
“...!!!?”
“เห...? เด็กนี่ แรงกดดันไม่ธรรมดาเลยแฮะ!...คงโมโหสินะ”
เซเรนพูดจาหยอกล้อด้วยความสนใจ
“......”
“อะ...เอ่อ ขอประทานโทษครับคุณฟอล์ค “
เสียงของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งดังขึ้น ทุกสายตาหันไปมองเขาในทันที
” เรย์ทำคะแนนสอบได้ 90% ครับ “
” ......!? “
” แม้ว่าเขาจะไม่ติดใน 10 อันดับแรก แต่เขาได้ 180 คะแนน ติดอันดับที่ 11 ของวันนี้ครับ! “
เรย์เบิกตากว้าง เขาได้ยินไม่ผิด
90% ...เป็นคะแนนมากพอจะได้ทุนเรียนฟรีที่ไอโอนิค อคาเดมี่
สิ่งที่เขาตั้งใจอย่างสุดความสามารถ แท้จริงแล้วมันประสบผลสำเร็จ แววตาเขาเต็มไปด้วยความหวัง ก่อนที่ฟอล์คจะพูดขึ้น
” ...แล้วยังไงล่ะ? ถึงจะน่าเสียดาย แต่กฎของไอโอนิค เด็กที่มีมานาต่ำกว่า 300 จะไม่สามารถเข้า... “
“ผมอยากเข้าเรียนที่ไอโอนิค ครับ!! “
เรย์ชิงพูดแทรกเสียงดังลั่น ทุกคนชะงัก หันขวับมามองเด็กหนุ่มที่ปกติแทบไม่ปริปากพูด
ฟอล์คหรี่ตาลง
“......เธอมีมานาเท่ากับ 0 นะ...ไม่ใช่ 200 หรือ 100 แต่เป็น 0...เธอไม่สามารถใช้มานาได้ด้วยซ้ำ...ตัดใจซะเถอะ “
” ใช้ได้สิ! นี่ไงล่ะ มานาของผม!! “
เรย์ตอบทันควัน พร้อมกับกำมือออกมาด้านหน้า ออร่าสีดำสนิทพลันสั่นไหววูบวาบ ที่มุมปากพลันปรากฎ รอยยิ้มเจื่อนๆ ที่ฉาบไปด้วยความกล้าๆ กลัวๆ แต่ยังคงแฝงแววสู้ไม่ถอย
” ผมจะใช้มันให้ดูเอง! “
เซเรนหลุดหัวเราะออกมาในทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่า...ดูเด็กนี่สิฟอล์ค...ฉันถูกใจเขาแฮะ!”
เธอเดินเข้าไปหาเรย์ โน้มตัวลงจ้องเขม็ง
“ได้สิ!...แต่มีข้อแม้นะ...เธอจะต้องทำการสอบเข้า...ถ้าเธอสอบผ่าน ฉันจะอนุญาตให้เธอเข้าเรียนที่ไอโอนิคได้ เป็นกรณีพิเศษ”
เรย์รู้สึกเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนในอก แตกต่างจากเด็กหมดอาลัยในตอนแรกราวกับเป็นคนละคน
เขาเงยหน้าขึ้นด้วยแววตามุ่งมั่น
“ครับ!”