“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง - ตอนที่ 59 มงกุฎแห่งเอไลเซร่า โดย TENTENs @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง โดย TENTENs @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”

ผู้แต่ง

TENTENs

เรื่องย่อ

ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด

แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์

ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์

ไร้พลัง และอ่อนแอ

ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด

เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง

แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก

“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”



สวัสดีครับ TENTENs ครับ

ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ

ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที 


จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ


โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ


ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ


ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ


สารบัญ

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-บทนำ Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 1 รถหรู กับ รถพัง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 2 เด็กผู้ทำคะแนนเต็ม,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 3 เด็กเก้าวงแหวน กับ เด็กผู้ไร้มานา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 4 ฉันรู้สึกได้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 5 พลังตรวจจับ?,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 6 เหมืองร้าง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 7 ดวงวิญญาณปริศนา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 8 ฉันจะไปฝึกวิชา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 9 การต่อสู้ที่ไม่คาดฝัน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 10 มานาจากธรรมชาติ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 11 เสียงคำรามจากเงามืด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 12 พลังสีดำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 13 มนุษย์ถ้ำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 14 เวลาแห่งการล่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 15 ไอโอนิค,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 16 การสอบรอบที่ 1,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 17 การสอบรอบที่ 2,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 18 เพียงวูบเดียว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 19 การสอบรอบที่ 3,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 20 ม่านหมอก,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 21 มาสู้กับผมสิ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 22 สัตว์ป่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 23 โพรงลึก,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 24 ประตูสู่ไอโอนิค,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 25 ห้องแห่งการประเมิน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 26 ขีดจำกัด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 27 มานาธาตุ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 28 เปลวไฟ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 29 วงแหวน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 30 การต่อสู้ระยะใกล้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 31 ดาบไร้คม,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 32 เรมไนร์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 33 ประกาศิต,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 34 ชีวิตแลกชีวิต,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 35 ความฝัน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 36 กริฟฟอน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 37 สัตว์ประหลาด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 38 แสงสว่างท่ามกลางสายฝน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 39 หุบเหว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 40 คืนที่ไร้ดวงดาว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 41 ประกายสีดำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 42 เพลิงดับสูญ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 43 อาร์คดูเอล,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 44 ใต้แสงจันทร์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 45 วงแหวนของไลออน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 46 การยืนหยัดของผู้ไร้พรสวรรค์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 47 ก้าวแรกที่ผ่านพ้น,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 48 งานเทศกาลของซิกซ์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 49 ผู้ครอบครองวงแหวนทั้งเก้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 50 สนามรบที่แท้จริง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 51 เมื่อแสงหมดสิ้น...ความมืดจึงเผยตัว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 52 ผู้ยืนอยู่เหนือซากบัลลังก์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 53 หน้ากากซอมบี้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 54 พลังอสูร?,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 55 กลับบ้าน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 56 เหนือฟ้ายังมีฟ้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 57 เด็กหญิงผู้ไม่เคยได้ยินเสียงเพลง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 58 เทพเจ้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 59 มงกุฎแห่งเอไลเซร่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 60 วงแหวนที่สอง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 61 หาง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ประกาศสำคัญ จากผู้เขียน

เนื้อหา

ตอนที่ 59 มงกุฎแห่งเอไลเซร่า

“จงสวมข้า”

เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับสายลมกระซิบ แต่กลับดังก้องอยู่ในหัวของไอลา

เด็กหญิงที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำจ้องไปยังมงกุฎที่วางแนบกับหน้าอกที่แน่นิ่งของเรย์

เสียงนี้...เธอจำได้

“ท่านต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เหรอ?”

มือเล็กๆ สั่นไหวขณะยื่นไปจับมงกุฎเถาวัลย์อันเก่าแก่ ก่อนจะค่อยๆ ยกมันขึ้นมาสวมลงบนศีรษะของตนเองอย่างไม่มั่นใจนัก

“แบบนี้เหรอ?”

ทันใดนั้น...

แสงสีทองเปล่งประกายสว่างจ้าไปทั่วผืนป่า มงกุฎเถาวัลย์แห้งกรอบที่ดูราวกับพร้อมจะแตกสลายทุกเมื่อ ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่าง แปรเปลี่ยนเป็นมงกุฎเถาวัลย์สีทองบริสุทธิ์ที่งดงามราวเครื่องราชของเทพเจ้า

ร่างน้อยๆ ของไอลาค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นทันที เสื้อผ้ากระพือจากแรงลมที่ไม่มีที่มา เส้นผมสีแดงปลิวสะบัดไปทุกทิศทาง ดวงตากลมโตที่เคยเปี่ยมด้วยความสดใส บัดนี้ขาวโพลน ไร้แววชีวิต

เธอพูด ขณะจ้องมองร่างของเรย์ที่กำลังจะสิ้นลมหายใจ

เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ ไม่ใช่เสียงของเด็กหญิงอีกต่อไป แต่มันคือเสียงของหญิงสาวผู้หนึ่ง เต็มเปี่ยมด้วยอำนาจและบารมี แผ่ก้องไปทั่วหมู่บ้านและป่าโดยรอบ

“มนุษย์ผู้นี้...ข้าจำกลิ่นของเรมไนร์ได้...กลิ่นนั้นมันออกมาจากร่างของเขา...”

เรมไนร์สะดุ้งเฮือกทันที เสียงของเขาดังขึ้นในหัวเรย์ด้วยความตกตะลึง

[สะ...เสียงนี้...หรือว่า...เอไลเซร่า!?]

ชื่อที่เขาเอ่ยคือหนึ่งในเทพเจ้า ‘เอไลเซร่า’ เทพีในตำนาน หนึ่งในเทพทั้งเจ็ดที่ถูกวาลเทียร์ เทพเจ้าสูงสุดทรยศและผนึกให้กลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์

เทพีเอไลเซร่า...บัดนี้ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า...ในร่างของเด็กหญิงตัวเล็กนามว่าไอลา

ร่างนั้นค่อยๆ ยื่นมือออกไป แสงสีทองเจิดจ้าทะลุผ่านฝ่ามือออกมาอย่างนุ่มนวล ห่อหุ้มร่างของเรย์ไว้ทั้งตัว ดั่งสายลมอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ทว่าเต็มเปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจหยั่งถึง

บาดแผลทั้งหมดของเรย์สมานกันในพริบตา...แม้แต่เศษเสี้ยวของความบอบช้ำก็ไม่หลงเหลือ

เขาลืมตาขึ้นทันที แล้วลุกพรวดขึ้นมานั่ง

“กะ...เกิดอะไรขึ้น!?”

เขามองไปรอบตัวอย่างงุนงง ก่อนจะพบว่าไอลากำลังยืนอยู่ข้างๆ

เธอเป็นตัวของเธอเองอีกครั้ง แต่ยังคงมีน้ำตาเอ่อคลอ เธอปรี่เข้ามากอดเขาเต็มแรง

“เรย์!!”

“อะ...ไอลา...”

เรย์หันมาคุยกับเรมไนร์ในใจ

‘นายรักษาฉันเหรอ?’

[ไม่ใช่...บาดแผลของเจ้านั้นสาหัสเกินกว่าข้าจะรักษาได้ทัน เจ้ากำลังจะตาย...ผู้ที่ช่วยเจ้าไว้คือ เอไลเซร่า เธออยู่ในมงกุฎนั่น]

‘...เอไลเซร่า?’

ชื่อคุ้นๆ ...เหมือนเขาเคยได้ยินมาก่อน

[เธอคือหนึ่งในเทพที่เคยรับใช้ไอ้วาลเทียร์...]

‘...เทพ?’

เรย์เบิกตากว้าง มองไปที่มงกุฎบนหัวของไอลาอย่างไม่เชื่อสายตา

‘งั้นมงกุฎนั่น...ก็เป็นหนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์?’

ไอลาคลายอ้อมกอด ถอดมงกุฎออกจากศีรษะ แล้วยื่นให้เขา

“ท่านต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์บอกว่าอยากคุยกับแก...”

เรย์รับมันมาอย่างลังเล...ทันใดนั้น เสียงของเทพีเอไลเซร่าก็ดังก้องขึ้นในหัว

[จงบอกข้ามา...เหตุใดข้าถึงได้กลิ่นของเรมไนร์จากตัวเจ้า?]

เรย์อึ้งเงียบ

เป็นเสียงของเรมไนร์ที่ตอบกลับทันควัน

[จำกลิ่นของข้าได้เสียด้วย...เป็นหมาหรือไง?]

[สะ...เสียงนั่น!?]

[ใช่...ข้าเอง...เรมไนร์]

[นี่มัน!!? ...เกิดอะไรขึ้น!?]

[วิญญาณของข้าอยู่ในร่างมนุษย์ผู้นี้]

[…!!?]

[เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วสินะ เอไลเซร่า ข้ายินดีที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง]

เอไลเซร่าหยุดชะงักไปราวกับกำลังซึมซับความจริง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

[เรมไนร์...เจ้าพูดถูกทุกอย่าง...ท่านวาลเทียร์ทรยศพวกเรา...]

[เฮอะ...ตอนที่ข้าบอก มีใครฟังข้าบ้างล่ะ? สุดท้ายเจ้าก็ต้องมาอยู่ในมงกุฎเน่าๆ แบบนี้นั่นแหละ]

[...งั้นมนุษย์ผู้นี้ ก็คือผู้ถือครองของเจ้ารึ?]

[ไม่ใช่! ข้าไม่ได้ถูกผนึกแบบพวกเจ้าหรอกนะ!]

[!!?]

[ข้ารู้ทันไอ้วาลเทียร์...จึงแยกวิญญาณออกจากกายเนื้อ แล้วหลบซ่อนเพื่อรอวันคืนชีพ]

[แยกวิญญาณ...? เจ้าทำได้ยังไง...?]

[......]

เรมไนร์ไม่ตอบ

เรย์ยังคงนั่งนิ่งอึ้ง ขนลุกไปทั่วร่างกาย

บัดนี้เทพเจ้าตัวเป็นๆ สององค์ กำลังคุยกันอยู่ในหัวของเขา

เสียงในหัวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอไลเซร่าจะถามต่อ

[แล้วเหตุใด...เจ้าจึงอยู่ในร่างมนุษย์ผู้นี้?]

[เรื่องมันยาว...แต่มนุษย์ผู้นี้...เรย์ เขาจะเป็นคนช่วยให้ข้าคืนชีพ...ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เหลือแค่รอเวลา]

[……]

[เอไลเซร่า...เจ้าจงตามข้ามา...หากข้าคืนชีพได้ ข้าสัญญาว่าจะหาทางคืนชีวิตให้กับเจ้าด้วยเช่นกัน]

[……]

[จงให้เรย์เป็นผู้ถือครองเจ้า จงมอบพลังให้กับเขาเสีย...เรย์จะต้องแข็งแกร่งขึ้น...เพื่อข้า]

[...เจ้าเปลี่ยนไปเยอะนะ เรมไนร์...ผู้ที่เหยียดหยันทุกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ และมั่นใจในตัวเองยิ่งกว่าผู้ใด...กำลังร่วมมือกับมนุษย์งั้นหรือ?]

[หุบปาก!]

[...แต่เสียใจด้วยนะ อาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างข้า เลือกผู้ถือครองได้ทีละคน และข้าได้เลือกไปแล้ว...เด็กหญิงคนนั้นคือผู้ถือครองข้า]

[......]

เรย์เบนสายตามองไปยังไอลา ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ดวงตาใสซื่อไร้เดียงสา ยังคงเปื้อนน้ำตา โดยไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ เธอคือผู้ถือครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเทพีเอไลเซร่า

เรมไนร์นิ่งงัน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

[ไม่เห็นจะยาก...เรย์...จงฆ่าเธอซะ!]

[...!!?]

‘...หาาา!?’

[ฆ่าเธอซะ แล้วพลังของเอไลเซร่าจะตกเป็นของเจ้า]

[อย่านะ!!]

‘......’

เรย์หันขวับมองไปยังเด็กน้อยไร้เดียงสา ที่ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตา นั่งหัวเราะฮี่ๆ อยู่ตรงหน้าเขา

‘...เรมไนร์...นายสมองกลับหรือเปล่า?’

[หาา!?]

‘พอได้คุยกับเทพเพื่อนเก่าหน่อยแล้วคลั่งเลยเหรอ? นี่มันร่างกายของฉัน...คนที่ต้องฟังคำสั่งคือนาย ไม่ใช่ฉัน’

[……]

‘ให้ฉันฆ่าเด็กเนี่ยนะ? นายเป็นเทพ หรือปีศาจกันแน่?’

[……]

‘ฟังนะ...ถ้านายพูดอะไรแบบนี้อีก ฉันจะเลิกช่วยนายคืนชีพ...เข้าใจไหม?’

[…...]

‘ฉันถามว่าเข้าใจไหม?’

[อะ...อืม...เข้าใจแล้ว]

เสียงหัวเราะของเอไลเซร่าดังก้องทันที

[ฮ่าๆๆๆๆๆ!! เรมไนร์ นี่เจ้าตกต่ำขนาดนี้เชียวรึ? โดนมนุษย์ด่าปาวๆ แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง]

[……]

[น่าสนใจแฮะ...ข้าชอบเจ้ามนุษย์คนนี้...ข้าจะช่วยเจ้าเอง จงพาเด็กผู้หญิงคนนี้ไปกับเจ้าด้วย]

เรย์ส่งมงกุฎคืนให้ไอลา เธอยิ้มดีใจรับมา แล้วสวมไว้บนหัวอีกครั้ง ราวกับเจ้าหญิงตัวน้อย

“ท่านต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์...บอกว่า ให้ไอลาออกจากหมู่บ้าน และไปกับแก...”

คำพูดนั้นเหมือนเสียงระเบิดกลางป่า ชาวบ้านทุกคนอึ้ง ออร์เดถึงกับร้องลั่น

“มะ...ไม่ได้! แกจะพาไอลาไปไม่ได้!”

เด็กน้อยย้ำอีกครั้ง

“แต่ท่านต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์บอกให้ไอลาไป...และไอลาก็ชอบเรย์...ไอลาอยากไปกับเรย์...ไปในที่ที่มีเสียงเพลง”

“ไม่ได้!! ข้าไม่อนุญาต!!”

เสียงของออร์เดดังลั่นด้วยอารมณ์ปะทุ เขาก้าวเข้ามาหาเรย์ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

แต่แทนที่จะทำสิ่งใดลงไป เขากลับชะงัก แล้วค่อยๆ ก้มตัวลงจนหัวเข่ากระแทกพื้น หัวก้มต่ำแทบชิดปลายเท้าของเรย์

“ท่าน...ท่านคือผู้มีบุญคุณของหมู่บ้านเรา...”

น้ำเสียงของออร์เดแผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยแรงสั่นสะเทือนในใจ

“พวกข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริง หากมีสิ่งใด...บอกข้ามาได้เลย ข้ายินดีตอบแทนทุกอย่าง”

มือทั้งสองของออร์เดกำแน่น

“แต่...ได้โปรด อย่าพรากหลานเพียงคนเดียวของข้าไปเลย...”

เรย์ยืนนิ่ง ไม่ได้ตอบกลับทันที

ออร์เดพลันหันขวับไปตวาดเสียงกร้าวใส่ชาวบ้านที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

“พวกแกมัวยืนทำอะไรอยู่!? ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณเสียสิ!!”

เหล่าชาวบ้านที่ยังสับสนกับเหตุการณ์ ต่างตกใจสะดุ้ง ก่อนจะค่อยๆ ทยอยคุกเข่าลงทีละคน

เสียงพร้อมเพรียงดังก้อง

“ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณ!!”

เรย์ยกมือขึ้นเก้ๆ กังๆ พลันทำตัวไม่ถูก

“มะ...ไม่เป็นไรครับ ยืนขึ้นเถอะ...”

ออร์เดคว้าไม้เท้าก่อนจะลุกขึ้นยืน กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นบนแขน สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะ

“ไอ้ปีศาจนั่น...มันหลอกหมู่บ้านเรามาเป็นเวลานานแสนนาน แถมยังมาเอาคนจากหมู่บ้านไปเป็นจำนวนมาก...”

เสียงเขาเริ่มสั่น น้ำตาเอ่อล้นไหลลงมาบนใบหน้าของชายชราที่กร้านแดด

“น่าแค้นใจนัก!! ลูกสาวของข้า!...ลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าก็โดนมันเอาตัวไป!!”

เสียงสะอื้นดังแผ่วเบาจากหลายทิศทาง

บางคนทรุดตัวลงร้องไห้ บ้างก็โอบกอดกันแน่นราวกับต้องการปลอบประโลมซึ่งกันและกัน

ความรู้สึกสูญเสียที่เคยซุกซ่อนไว้ภายใน ถูกปลดปล่อยออกมาราวกับประตูน้ำที่แตกพัง

“หากไม่ได้ท่าน...”

ออร์เดยังเอ่ยต่อ

“...เราคงต้องโดนไอ้เทพเจ้าจอมปลอมนั่น...มันหลอกไปตลอดกาล...”

เรย์ยังคงยืนอยู่เงียบๆ ท่ามกลางความเศร้าโศกอันหนักหน่วง

ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาเบาๆ

“พวกนายไม่ผิดหรอกนะ...เพราะพวกนายอ่อนแอ จึงไม่มีทางเลือก...เลยโดนไอ้อสูรนั่นหลอก”

คำพูดนั้นไม่ได้มีเจตนาตำหนิ หากแต่เป็นการปลดเปลื้อง

เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะชี้นิ้วไปที่มงกุฎซึ่งสวมบนศีรษะของไอลา

“เทพเจ้าของจริงน่ะ...อยู่ในนั้นต่างหาก”

“หาาา!? เทพเจ้า!?”

เสียงร้องของชาวบ้านหลายคนดังขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

เรย์พยักหน้าเบาๆ

“มงกุฎนั่นน่ะ...เทพเจ้าตัวจริงเสียงจริงเลยแหละ”

ออร์เดทรุดเข่าลงทันที แรงสั่นของร่างกายทำให้ฝุ่นพื้นกระจายขึ้นเล็กน้อย

“ทะ...ท่านต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คือเทพเจ้างั้นหรือ!? ท่านคอยคุ้มครองหมู่บ้านของเรามานานแสนนานแท้ๆ ...แต่...แต่ข้ากลับไม่รู้ถึงตัวตนของท่าน...”

เขากราบลงกับพื้นอย่างแนบแน่น

“ท่านเทพเจ้า! โปรดอภัยให้ข้าด้วยยย!!”

เสียงหมอบกราบของชาวบ้านดังระงมตามมา

“โปรดอภัยให้ด้วยย!!”

ไอลาค่อยๆ ยิ้มบาง แล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงใส

“ท่านบอกว่า...ให้เรียกท่านว่า เอไลเซร่าก็พอ”

“ทะ...ท่านเอไลเซร่าาา!! โปรดอภัยให้ข้าด้วยย!!”

เรย์มองภาพเบื้องหน้าอย่างปลงตก ก่อนจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผากตัวเอง พลางหันไปพูดกับไอลา

“หมู่บ้านของเธอนี่ เล่นใหญ่จนเป็นเรื่องเคยชินไปแล้วสินะ...เอะอะก็คุกเข่า...เอะอะก็ก้มกราบ...หัวเข่าด้านกันหมดแล้วมั้งนั่น...”

ไอลาหลุดหัวเราะร่า ก่อนจะประกาศต่อ

“ท่านเอไลเซร่าบอกว่า...เพื่อเป็นการตอบแทน จงให้ไอลาติดตามเรย์ไปด้วย”

ออร์เดเงยหน้าขึ้นทันที

“ตะ...แต่ว่า...!”

“ไม่มีข้อแม้”

ไอลาพูดแทรกทันควัน ดวงตาของเธอเปล่งประกายลึกล้ำ

“นี่คือคำสั่งของท่านเอไลเซร่า”

ออร์เดก้มกราบลงอีกครั้ง อย่างยอมจำนน

“พวกเราน้อมรับคำสั่ง...ท่านเอไลเซร่าาา!!”




เสียงของการสรรเสริญของชาวบ้านดังแว่วไปทั่วหมู่บ้าน บ้างกำลังเตรียมมื้ออาหาร บ้างกำลังซ่อมแซมบ้านเรือน

เรย์เดินแยกออกมาอย่างเงียบงัน

ปลายเท้าของเขาพาร่างกายอันอ่อนล้าเดินข้ามผ่านแนวไม้ ผ่านกลิ่นควันจากการต่อสู้ กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า

ซากร่างของ ดารุกซ์...อสูรทูตตนที่เพิ่งตายไป

แม้จะถูกเผาด้วยเปลวไฟสีดำสนิทของ ‘เพลิงดับสูญ’ จนไหม้เกรียมไปทั้งร่าง แต่สิ่งที่เหลืออยู่...ไม่ใช่เพียงเถ้าถ่าน

เศษซากร่างอสูรยังคงเกาะแน่นอยู่บนพื้นดิน ขยับไหวเล็กน้อยด้วยแรงลมราตรี กล้ามเนื้อแข็งราวเหล็กกล้า สีดำแดงแตกระแหง บ่งบอกถึงความทนทานอันน่าสะพรึง

เรย์ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาจับจ้องร่างนั้นด้วยสายตามั่นคง

“พลังอสูรของแก...คงเยอะน่าดูเลยสินะ”

มุมปากเขาแสยะยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“ฉันจะเอามันมาทั้งหมด...”

เขาเหยียบเท้าเข้าใกล้ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ

“จัดการเลย...เรมไนร์”

เสียงกระซิบคล้ายคำสั่งของราชัน

ทันใดนั้น...

[ดูดกลืนมานา...]

ออร่าสีเทาดำพวยพุ่งขึ้นจากศพของอสูรทูต ราวหมอกแห่งความมืดที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แผ่ไอเย็นและพลังปะทะอากาศรอบข้าง

ม่านสีเทาดำ กลางอากาศขมวดตัวกันแน่น จนกระทั่ง

ซู่...!!

กลุ่มออร่าทั้งหมดถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างของเรย์ในพริบตาเดียว

ฝุ่นปลิวกระจาย...แผ่นดินสั่นสะเทือนเพียงชั่วอึดใจ

“อึ่ก…!”

เสียงครางต่ำหลุดจากปากของเรย์ เขาทรุดเข่าลง มือหนึ่งยันพื้นไว้แน่น

‘ออร่ามหาศาลอะไรกันนี่...!?’

ภายในร่างของเขา เหมือนมีบางสิ่งกำลังดิ้นรน ราวกับจะทะลุออกมา

พลังงานมหาศาลไหลเวียนเข้ามาในเส้นเลือดทุกส่วน ความรู้สึกหนักแน่น แข็งแกร่ง และน่าสะพรึงเกินจะบรรยาย

และในวินาทีนั้นเอง...

ซู่มมมมม!!!

เบื้องหน้าของเรย์...วงแหวนวงใหม่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันมืดมน บิดเบี้ยวราวกับหลุมดำที่กลืนกินแสงดาว

มันหมุนช้าๆ ท่ามกลางออร่าดำทมิฬที่ปั่นป่วนรอบกาย ราวกับมิติทั้งมวลกำลังสั่นคลอน

แรงกดดันมหาศาลจากวงแหวนนั้นแผ่ซ่านทั่วทั้งผืนป่า

เรย์เบิกตากว้าง ดวงตาสะท้อนภาพของวงแหวนที่กำลังเรืองแสงสีดำ

เขาเอ่ยเสียงต่ำด้วยความไม่อยากเชื่อ

“...นี่มัน...วงแหวนวงที่สองงั้นเหรอ?”

พลังอสูรที่เขาดูดกลืน นั้นมีปริมาณมากพอจนปลดผนึกวงแหวนขั้นถัดไปได้ในทันที

ริมฝีปากเขาแสยะเล็กน้อย

หัวใจเต้นแรง มือทั้งสองข้างแน่นิ่ง

จากเพลิง...จากศพ...จากความตายของอสูร ในที่สุด เขาก็ได้สัมผัสกับ

พลังใหม่...