“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง - ตอนที่ 7 ดวงวิญญาณปริศนา โดย TENTENs @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง โดย TENTENs @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”

ผู้แต่ง

TENTENs

เรื่องย่อ

ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด

แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์

ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์

ไร้พลัง และอ่อนแอ

ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด

เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง

แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก

“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”



สวัสดีครับ TENTENs ครับ

ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ

ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที 


จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ


โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ


ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ


ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ


สารบัญ

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-บทนำ Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 1 รถหรู กับ รถพัง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 2 เด็กผู้ทำคะแนนเต็ม,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 3 เด็กเก้าวงแหวน กับ เด็กผู้ไร้มานา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 4 ฉันรู้สึกได้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 5 พลังตรวจจับ?,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 6 เหมืองร้าง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 7 ดวงวิญญาณปริศนา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 8 ฉันจะไปฝึกวิชา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 9 การต่อสู้ที่ไม่คาดฝัน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 10 มานาจากธรรมชาติ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 11 เสียงคำรามจากเงามืด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 12 พลังสีดำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 13 มนุษย์ถ้ำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 14 เวลาแห่งการล่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 15 ไอโอนิค,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 16 การสอบรอบที่ 1,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 17 การสอบรอบที่ 2,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 18 เพียงวูบเดียว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 19 การสอบรอบที่ 3,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 20 ม่านหมอก,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 21 มาสู้กับผมสิ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 22 สัตว์ป่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 23 โพรงลึก,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 24 ประตูสู่ไอโอนิค,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 25 ห้องแห่งการประเมิน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 26 ขีดจำกัด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 27 มานาธาตุ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 28 เปลวไฟ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 29 วงแหวน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 30 การต่อสู้ระยะใกล้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 31 ดาบไร้คม,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 32 เรมไนร์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 33 ประกาศิต,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 34 ชีวิตแลกชีวิต,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 35 ความฝัน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 36 กริฟฟอน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 37 สัตว์ประหลาด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 38 แสงสว่างท่ามกลางสายฝน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 39 หุบเหว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 40 คืนที่ไร้ดวงดาว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 41 ประกายสีดำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 42 เพลิงดับสูญ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 43 อาร์คดูเอล,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 44 ใต้แสงจันทร์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 45 วงแหวนของไลออน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 46 การยืนหยัดของผู้ไร้พรสวรรค์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 47 ก้าวแรกที่ผ่านพ้น,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 48 งานเทศกาลของซิกซ์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 49 ผู้ครอบครองวงแหวนทั้งเก้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 50 สนามรบที่แท้จริง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 51 เมื่อแสงหมดสิ้น...ความมืดจึงเผยตัว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 52 ผู้ยืนอยู่เหนือซากบัลลังก์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 53 หน้ากากซอมบี้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 54 พลังอสูร?,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 55 กลับบ้าน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 56 เหนือฟ้ายังมีฟ้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 57 เด็กหญิงผู้ไม่เคยได้ยินเสียงเพลง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 58 เทพเจ้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 59 มงกุฎแห่งเอไลเซร่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 60 วงแหวนที่สอง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 61 หาง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ประกาศสำคัญ จากผู้เขียน

เนื้อหา

ตอนที่ 7 ดวงวิญญาณปริศนา

โครม!!!

“อั่กกกก...!”

กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกร้าวดังสะท้อนก้อง ร่างของเรย์กระแทกพื้นเบื้องล่างอย่างรุนแรง ความเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว เลือดไหลทะลักออกมาจากแผลทุกแห่งราวกับร่างนั้นกำลังจะแตกสลาย

เขาพยายามจะขยับ แต่เพียงแค่คิดจะเคลื่อนไหว

แปล๊บ!!

‘อึ่ก…เจ็บ…’

ฝุ่นควันในอากาศค่อยๆ จางลงทีละน้อย ท่ามกลางความมืดที่เริ่มเปิดเผย เขารวบรวมสติ ใช้พลังตรวจจับไปรอบๆ

ไร้สิ่งมีชีวิต มีเพียงซากศพของทีมสำรวจนอนเกลื่อนอยู่โดยรอบ

” อึ่กก…”

เรย์พยายามดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ลมหายใจหอบกระชั้น ความเจ็บปวดเกาะกินทุกการเคลื่อนไหว

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

‘นี่ฉัน…ต้องมาตายอย่างนี้งั้นเหรอ’

” หืม? “

มือข้างหนึ่งของเขาสัมผัสเข้ากับร่างหนึ่งที่นอนอยู่ใกล้ๆ ความเย็นและแห้งผากสัมผัสปลายนิ้ว

มันเป็นผิวหนังของศพที่เหี่ยวแห้งจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม คล้ายกับท่อนไม้แห้งที่ผ่านเปลวไฟมาแล้ว

‘นี่มันอะไรกัน...? ‘

เขาหลับตาลง รวบรวมพลังตรวจสอบสภาพศพโดยรอบ

เป็นเหมือนกันหมด ผิวหนังทุกคนแห้งเหี่ยวราวกับถูกสูบสิ้นวิญญาณ

หัวใจของเรย์เต้นถี่ เขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินในจิตใจ

“หึหึหึ “

เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังขึ้นจากความมืด มันเป็นน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกและหลอกหลอน

” ...!!? ...คะ...ใครอยู่ตรงนั้น!?”

เรย์รีบใช้พลังตรวจจับอย่างรวดเร็ว

ทว่ามันกลับว่างเปล่า เขาไม่พบอะไรเลย

“มีหนูหลงมาอีกตัว...เด็กงั้นหรือ? “

“...แกเป็นใคร? ออกมาซะ!! “

“เด็กไร้มารยาทสินะ…ถือว่าโชคดีแล้วที่ได้กลายเป็นอาหารของข้า”

เสียงนั้นขยับเข้ามาใกล้ทีละก้าว…ทีละลมหายใจ…จนกระทั่ง...

ฟุ่บ!

“…!!?”

แสงสีขาวกลมเล็กเท่าฝ่ามือ ปรากฏขึ้นต่อหน้า มันลอยอยู่ในอากาศ สั่นไหววูบวาบราวกับเปลวเทียนกลางพายุ

“ลูกไฟ...?”

ไม่ทันที่เรย์จะตั้งตัว แสงนั้นพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาด้วยความเร็วสูง

ฟุ่บ!

เขาหลับตาปี๋ ยอมรับความตายที่กำลังใกล้เข้ามา

“อึ่ก... “

ความรู้สึกบางอย่างไหลวาบไปทั่วโสตประสาท อะไรบางอย่าง...มันแทรกเข้ามาอยู่ภายในร่างของเขา

[หึหึหึ...]

เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองนั้นยังคงอยู่ แต่คราวนี้มันดังก้องภายในหัว

“กะ...แกจะทำอะไร...ออกไปนะ!!”

[ข้าก็จะทำให้เจ้าเป็นเหมือนศพพวกนั้นยังไงล่ะ...]

“อย่า...!! หยุดนะ!!”

เรย์พยายามดิ้นรน สะบัดจิตใจให้หลุดจากบางสิ่งในร่าง แต่เขาแทบไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว

[ถึงเวลาตายแล้ว…ข้าจะดูดกินจนหมดเกลี้ยง]

ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าพลันวาบขึ้นจากในตัวเขา

[ดูดกลืนมานา!!]

เรย์หลับตาสนิทราวกับยอมรับจุดจบ

......

......

“......”

[......]

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรย์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

“เมื่อกี้...แกพูดว่า ดูดกลืนอะไรนะ?”

[...มานา]

“...ฮะๆ ...ขอโทษนะ...แต่ของแบบนั้น ฉันไม่มีหรอก “

[...ว่าไงนะ?]

“ฉันไม่มีมานาให้กินหรอก...ไอ้ปีศาจ “

[...มนุษย์ที่ไหนไม่มีมานากัน?]

” ฉันนี่แหละ...เพราะงััน รีบๆ ออกไปซะ “

[......]

” ว่าไง? ออกไปหรือยัง? “

[ออกไม่ได้...]

“อะไร?”

[ข้าออกไม่ได้]

“......”

[ดูดกลืนมานา!! ดูดกลืนมานา!!!]

แสงในร่างวูบวาบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

” ...... “

[แกใช่มนุษย์แน่เหรอ!?”]

” ...... “

[นี่ข้าทำอะไรลงไป...มนุษย์ที่ไม่มีมานางั้นเหรอ? มีขยะแบบนั้นอยู่ในโลกด้วยหรือไง? “]

เรย์ไม่เหลือแรงที่จะตอบอะไร เขารู้สึกถึงเปลือกตาที่หนักขึ้นเรื่อยๆ จิตใจที่พร่าเลือน…และความเจ็บที่แผดเผาไปทั่วร่าง

เขาหลับตาลงก่อนที่จะคิดในใจ

‘ไอ้ลูกไฟเวรนี่...พูดมากหนวกหูชะมัด’

[ข้าได้ยินนะ!]

” ...... “

ในที่สุด สติของเขาก็ดับวูบไปท่ามกลางความมืด




แสงสว่างค่อยๆ แยงตาก่อนที่สติของเรย์จะคืนกลับมาอย่างช้าๆ

กลิ่นของโรงพยาบาลตีเข้าจมูก ท่ามกลางความเงียบสงัดของห้องพักผู้ป่วย ร่างของเขายังคงอ่อนล้า แต่สมองเริ่มทำงาน หัวใจเต้นเป็นจังหวะหนักหน่วง

” เรย์!!...คุณคะ ลูกตื่นแล้ว!! “

เสียงของแม่ดังขึ้น พร้อมกับแรงกุมมือแน่นที่ส่งผ่านความอบอุ่นมาให้ ดวงตาของเธอบวมช้ำ แค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเธอร้องไห้มาตลอด

“เรย์...เจ็บตรงไหนไหมลูก?”

” พี่จำหนูได้ใช่ไหม? “

เสียงของพ่อและเรอาดังขึ้นต่อกัน ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความห่วงใย

เรย์กะพริบตาถี่ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง มันเป็นห้องส่วนตัวของโรงพยาบาลหรู ดูจากสภาพโดยรอบแล้ว…ค่ารักษาคงไม่ใช่ถูกๆ

” ผมสบายดี...”

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแห้งผาก

“สบายดีอะไร!...รู้ไหมว่าลูกหลับไปตั้งสามวัน? “

“สะ..สามวัน?”

ยังไม่ทันได้ตั้งสติ เสียงคำถามจากครอบครัวก็ถาโถมเข้าใส่ จนหูดับ เรย์พยายามประมวลผลเหตุการณ์ แต่ก่อนที่เขาจะตอบอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ก๊อก ก๊อก...

ครืดด...

ประตูเปิดออก เป็นอัลล์ที่ก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เขาโค้งคำนับที่หน้าประตู ก่อนจะเดินเข้ามากลางห้องและโค้งอีกครั้ง

” คุณเรย์ครับ ผมต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น...”

บรรยากาศในห้องพลันเย็นยะเยือก ดวงตาของพ่อและแม่จ้องมองอัลล์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

” เอ่อ...ทุกคนครับ ผมขอเวลาคุยกับคุณอัลล์สักครู่ “

ครอบครัวของเขามองอัลล์อีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจหนักแล้วเดินออกจากห้อง

เมื่อประตูปิดลง เรย์หันกลับไปทันที

” เกิดอะไรขึ้นครับ? “

“คุณตกลงไปในโพรงครับ หลังจากนั้นไม่นานผมได้เรียกหน่วยสนับสนุนเข้ามา และช่วยเหลือคุณไว้ได้...โชคดีที่คุณไม่เป็นอะไรมาก “

เรย์พยักหน้า ฟังอย่างเงียบๆ ก่อนที่อัลล์จะโค้งคำนับอีกครั้ง

“ขอบคุณคุณเรย์มากนะครับ คุณช่วยชีวิตผมไว้”

เรย์พลันชะงัก

เขาจำได้ว่าก่อนที่หินจะถล่ม เขาเป็นคนพุ่งเข้าไปช่วยอัลล์…แต่ถ้าคิดตามจริง คนระดับอัลล์คงไม่เป็นอะไรจากแค่หินพวกนั้น อันที่จริงแล้ว เขานี่แหละที่เกือบตายจากการกระทำนั้น

แต่อัลล์กลับไม่ได้ตำหนิอะไร กลับกัน…เขากลับรู้สึกผิด และขอบคุณอย่างจริงใจ

“คะ...ครับ…ไม่เป็นไรครับ”

เรย์ตอบไปอย่างเคอะเขิน

อัลล์ยิ้มบาง ก่อนจะพูดต่อ

“แล้วก็...เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมยังไม่ได้บอกอะไรครอบครัวของคุณเลยครับ ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลผมจะเป็นคนออกให้ทั้งหมด...และนี่ครับ”

เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา เปิดหน้าจอโฮโลแกรมที่ฉายภาพยอดเงินการโอนเข้าในบัญชีของเรย์

5 ล้านบาท

“...!!? “

“เป็นค่าจ้างในการทำงานครับ...คุณช่วยพวกเราได้มากเลย”

เรย์จ้องตัวเลขในจอด้วยความตกตะลึง

“แต่...มากขนาดนั้น ผม...”

“รับไว้เถอะครับ”

อัลล์ชิงตอบเสียงแข็ง

“คะ...ครับ! ขอบคุณมากนะครับ คุณอัลล์”

เรย์ออกปากรับเงินไปด้วยความลังเล เขาไม่แน่ใจว่าค่าจ้างปกติของงานนี้ควรเป็นเท่าไหร่ แต่สำหรับเด็กอายุสิบห้าอย่างเขา นี่มันมากเกินกว่าจะจินตนาการได้

อัลล์ยิ้ม ก่อนจะกล่าวต่อ

“มีคนๆ หนึ่งต้องการพบคุณเรย์ครับ”

เขาเดินออกไป แล้วกลับเข้ามาพร้อมกับรถเข็นวีลแชร์ ที่มีชายวัยห้าสิบนั่งอยู่ ในขณะที่เด็กสาววัยสิบห้าเดินตามเข้ามาอย่างเงียบๆ

เรย์จำได้ทันที ชายคนนี้เป็นหนึ่งในทีมสำรวจที่รอดชีวิต

เมื่อเห็นเรย์ ชายคนนั้นก้มศีรษะลงอย่างหนักแน่น

“ขอบคุณมากนะครับ คุณช่วยชีวิตผมไว้”

“...!!? “

“ผมได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว หากไม่ได้คุณเรย์ ผมคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาพบหน้าลูกสาว”

ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข น้ำตาแห่งความซาบซึ้งไหลอาบไปทั่วแก้ม ก่อนจะกล่าวแนะนำตัว

“ผมชื่อเจอร์นี่ และนี่ลูกสาวของผม…มินนี่”

เรย์เหลือบสายตาไปมองเด็กสาวร่างเล็ก

เธอมีผมสีชมพู ดวงตากลมโต เธอกำลังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านหลังพ่อของเธอ ดูเหมือนจะเขินอายเล็กน้อย

” ...... “

บรรยากาศดูเงียบลงชั่วขณะ ก่อนที่คำพูดประโยคถัดไปจะทำให้เรย์แทบช็อก

“ผมรู้สึกเป็นหนี้ชีวิตคุณเรย์ด้วยใจจริง ตัวผมไม่มีอะไรจะตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้ได้เลย...เพราะฉะนั้น ผมขอมอบลูกสาวของผมให้กับคุณ”

“หาาาา…!!?”

เรย์เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง จนแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง เขาหันควับไปมองอัลล์อย่างสิ้นหวัง ราวกับหวังว่าคนตรงหน้าจะช่วยแปลภาษามนุษย์ให้เข้าใจง่ายขึ้นว่าเขากำลังฝันอยู่รึเปล่า

อัลล์ทำหน้าเหวอพอกัน เหงื่อผุดกลางหน้าผาก ราวกับกำลังตั้งคำถามในใจว่า ‘ฉันควรรีบพาคนเจ็บคนนี้กลับไปนอนพักดีไหม’

“เอ้า มินนี่ ยืนเฉยทำไม แนะนำตัวสิลูก”

เด็กสาวขยับตัวออกมาข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใสเปล่งประกายเหมือนพระอาทิตย์ยามเช้า

“สวัสดีเรย์…ฉันมินนี่ ฉันจะเป็นภรรยาที่ดีนะ~”

“หาาาา…!!?”

รอบนี้ไม่ใช่แค่เรย์ อัลล์ที่อยู่ข้างๆ ก็อ้าปากค้างตามไปด้วยอย่างพร้อมเพรียง ราวกับถูกสายฟ้าฟาดตรงกลางศีรษะ

มินนี่ยังคงยิ้มแป้น ใบหน้าเปล่งประกายเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา

ในขณะที่เจ้าตัวต้นเหตุอย่างพ่อมินนี่ ยืนพยักหน้าอย่างภูมิใจ ราวกับเพิ่งส่งมอบของขวัญสุดล้ำค่าให้ลูกเขยคนใหม่ไปหมาดๆ

เรย์แทบอยากทรุดตัวลงกับเตียง

‘...พ่อลูกคู่นี้มันอะไรกันฟระ? ‘




หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดสงบลง เรย์กำลังแต่งตัวเตรียมออกจากโรงพยาบาล

เขายืนนิ่งอยู่หน้ากระจก สำรวจร่างกายของตัวเองอย่างละเอียด

‘แปลก... ‘

ทั้งๆ ที่เขาควรจะมีบาดแผลเต็มตัวจากเหตุการณ์ในเหมือง ร่างกายที่ควรจะพังยับแทบเอาชีวิตไม่รอด…กลับหายดีเหมือนไม่เคยเป็นอะไร

ภายในเวลาเพียงแค่สามวัน

‘เกิดอะไรขึ้น...บาดแผลทั้งหมดหายไปได้ยังไง? ‘

เรย์ขมวดคิ้ว สมองประมวลผลอย่างหนัก เขารู้สึกเหมือนตัวเองลืมอะไรบางอย่างไป

อะไรบางอย่างที่สำคัญ…

จนกระทั่ง...

[ข้านี่แหละเป็นคนรักษาให้กับเจ้า!]

” เหวอออ!! “

เสียงที่ดังขึ้นในหัวทำให้เรย์สะดุ้งสุดตัว เขาถอยหลังไปชนกับโต๊ะที่อยู่ข้างเตียง แทบจะล้มลงไปกองกับพื้น

[ตกใจอะไร?]

เรย์เบิกตากว้าง ก่อนจะตะโกนลั่น

” แก...ฉันนึกออกแล้ว!! “

[จะเสียงดังทำไม? แค่คิดในใจข้าก็ได้ยินแล้ว]

” ...... “

เขากลืนน้ำลาย ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์

” กะ...แกเป็นตัวอะไรกันแน่…? “

[เจ้าเป็นเพียงแค่มนุษย์...แต่กลับกล้าถามถึงตัวตนของข้าอย่างนั้นหรือ?]

เรย์ขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจยาวเมื่อพบว่าดวงวิญญาณที่สิงอยู่ในร่างเขานั้นคุยไม่รู้เรื่อง

เขาเงียบไปชั่วขณะ พลางสูดหายใจลึกอย่างมีสติ แล้วจึงนั่งลงบนเตียงผู้ป่วยอย่างใจเย็น ก่อนจะพูดกับตัวเองในใจ

‘โอเค…เริ่มใหม่ละกัน ฉันชื่อเรย์ แล้วนายล่ะ? ชื่ออะไร?’

[มนุษย์ชั้นต่ำ…ยังกล้าเอ่ยถามนามของข้า...]

‘ถ้าไม่บอก ฉันจะเรียกนายว่า ไอ้ลูกเห็บ ก็แล้วกัน ‘

[ข้ามีนามว่าเรมไนร์]

‘...งั้น...นายบอกว่าเป็นคนรักษาฉันไว้ใช่ไหม? ทำไมกัน? ‘

[เพราะหากเจ้าตาย...ข้าก็ตายด้วย]

’ หืม? ...แล้วเข้ามาอยู่ในร่างฉันทำไม? ออกไปสิ ‘

[คิดว่าข้าอยากอยู่หรือไง? ข้าออกไปไม่ได้]

‘ทำไมล่ะ?’

[ข้าแทรกเข้ามาในร่างเจ้าเพื่อดูดกลืนมานาจากภายใน แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไร้มานาโดยสิ้นเชิง หากไม่ฆ่าเจ้าด้วยการกลืนกิน ข้าก็ไม่สามารถหลุดออกจากร่างนี้ได้…]

เรย์หยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะถามอย่างร้อนรน

‘มะ...หมายความว่านายจะอยู่ในร่างฉันตลอดไปเลยหรือไง!?’

[คิดว่าข้าอยากอยู่เหรอ!]

‘...... ‘

เรย์สูดหายใจลึก เขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สติแตก

’ งั้นบอกมา!...ต้องทำยังไงนายถึงจะออกจากร่างฉันได้? ‘

ขณะที่เรย์กำลังรอคำตอบอย่างจดจ่อ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน

ครืดดด...

“พี่...เสร็จหรือยัง?”

เสียงของเรอาแทรกเข้ามา เรย์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพลันสะดุ้งโหยง ก่อนที่เขาจะตอบเสียงเรียบ

“อะ...อื้ม ไปกันเถอะ “

เรย์เดินตามเรอาออกจากโรงพยาบาล พ่อกับแม่กำลังรออยู่ที่รถด้านหน้า บริเวณลานกว้างของโรงพยาบาลมีรูปปั้นสีทอง ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง

มันคือเทพเจ้าผู้ช่วยโลก และมอบมานาให้แก่มนุษย์ ‘วาลเทียร์’

ทันใดนั้นเอง เรย์รู้สึกถึงแรงอาฆาตบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ ราวกับมันไม่ได้เป็นของเขาเอง

” อึ่ก... “

‘นายเป็นอะไร?’

[......]

แม้จะไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ แต่เรย์ก็มั่นใจว่าความรู้สึกนั้นมาจากเรมไนร์อย่างแน่นอน

เขาหันไปมองรูปปั้น วาลเทียร์ ด้วยความสงสัย ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังที่จอดรถ

ตลอดทางกลับบ้านเรย์เล่าเรื่องที่เหมืองให้ครอบครัวฟังอย่างไม่ปิดบัง ยกเว้นเรื่องของเรมไนร์

สีหน้าของทุกคนพลันตกตะลึง

“วิซ...? ลูกมีวิซเหรอ? “

” ผมไม่แน่ใจ...อุปกรณ์ตรวจไม่เจออะไร...แต่ผมมีพลังอยู่จริงๆ “

แม้จะยังสับสน แต่ทั้งบ้านกลับดีใจจนเก็บไม่อยู่

“โชคดีจริงๆ แบบนี้ถึงไม่เข้าไอโอนิค ลูกก็ทำงานให้รัฐบาลได้ใช่ไหม? ความสามารถในการตรวจจับเหรอ...ยอดเยี่ยมไปเลย! “

” แต่ผมยังไม่ยอมแพ้เรื่องสอบเข้าไอโอนิคหรอกนะ...แล้วก็...นี่ครับ เงินที่ได้จากคุณอัลล์ “

เรย์เปิดหน้าบัญชีของเขาผ่านหน้าจอโฮโลแกรม

” หะ...ห้าล้าน!!!? “

ทุกคนอ้าปากค้าง เงินจำนวนมากแบบนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

” ทำไมมากขนาดนี้? นี่คือค่าจ้างวันเดียวเหรอ?

” ผมให้พ่อกับแม่ครับ เอาไปใช้หนี้ แล้วก็ซื้อรถใหม่กันนะ “

เรย์พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้า

น้ำตาเริ่มคลอในตาทุกคน พวกเขาต่างมองเรย์อย่างภาคภูมิใจ

” พี่นี่ยอดเยี่ยมที่สุด!”

“ลูกชายของเราเก่งที่สุดเลย! “

” คุณอัลล์เขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ ฮ่าฮ่าฮ่า! “

“เย็นนี้เรากินเนื้อกันไหม?”

“หนูอยากกินช็อกโกแลตด้วย! “