“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด
แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์
ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์
ไร้พลัง และอ่อนแอ
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด
เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง
แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก
“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”
สวัสดีครับ TENTENs ครับ
ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ
ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที
จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ
โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ
ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ
ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
โครม!!!
“อั่กกกก...!”
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกร้าวดังสะท้อนก้อง ร่างของเรย์กระแทกพื้นเบื้องล่างอย่างรุนแรง ความเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว เลือดไหลทะลักออกมาจากแผลทุกแห่งราวกับร่างนั้นกำลังจะแตกสลาย
เขาพยายามจะขยับ แต่เพียงแค่คิดจะเคลื่อนไหว
แปล๊บ!!
‘อึ่ก…เจ็บ…’
ฝุ่นควันในอากาศค่อยๆ จางลงทีละน้อย ท่ามกลางความมืดที่เริ่มเปิดเผย เขารวบรวมสติ ใช้พลังตรวจจับไปรอบๆ
ไร้สิ่งมีชีวิต มีเพียงซากศพของทีมสำรวจนอนเกลื่อนอยู่โดยรอบ
” อึ่กก…”
เรย์พยายามดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ลมหายใจหอบกระชั้น ความเจ็บปวดเกาะกินทุกการเคลื่อนไหว
“แฮ่ก…แฮ่ก…”
‘นี่ฉัน…ต้องมาตายอย่างนี้งั้นเหรอ’
” หืม? “
มือข้างหนึ่งของเขาสัมผัสเข้ากับร่างหนึ่งที่นอนอยู่ใกล้ๆ ความเย็นและแห้งผากสัมผัสปลายนิ้ว
มันเป็นผิวหนังของศพที่เหี่ยวแห้งจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม คล้ายกับท่อนไม้แห้งที่ผ่านเปลวไฟมาแล้ว
‘นี่มันอะไรกัน...? ‘
เขาหลับตาลง รวบรวมพลังตรวจสอบสภาพศพโดยรอบ
เป็นเหมือนกันหมด ผิวหนังทุกคนแห้งเหี่ยวราวกับถูกสูบสิ้นวิญญาณ
หัวใจของเรย์เต้นถี่ เขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินในจิตใจ
“หึหึหึ “
เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังขึ้นจากความมืด มันเป็นน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกและหลอกหลอน
” ...!!? ...คะ...ใครอยู่ตรงนั้น!?”
เรย์รีบใช้พลังตรวจจับอย่างรวดเร็ว
ทว่ามันกลับว่างเปล่า เขาไม่พบอะไรเลย
“มีหนูหลงมาอีกตัว...เด็กงั้นหรือ? “
“...แกเป็นใคร? ออกมาซะ!! “
“เด็กไร้มารยาทสินะ…ถือว่าโชคดีแล้วที่ได้กลายเป็นอาหารของข้า”
เสียงนั้นขยับเข้ามาใกล้ทีละก้าว…ทีละลมหายใจ…จนกระทั่ง...
ฟุ่บ!
“…!!?”
แสงสีขาวกลมเล็กเท่าฝ่ามือ ปรากฏขึ้นต่อหน้า มันลอยอยู่ในอากาศ สั่นไหววูบวาบราวกับเปลวเทียนกลางพายุ
“ลูกไฟ...?”
ไม่ทันที่เรย์จะตั้งตัว แสงนั้นพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาด้วยความเร็วสูง
ฟุ่บ!
เขาหลับตาปี๋ ยอมรับความตายที่กำลังใกล้เข้ามา
“อึ่ก... “
ความรู้สึกบางอย่างไหลวาบไปทั่วโสตประสาท อะไรบางอย่าง...มันแทรกเข้ามาอยู่ภายในร่างของเขา
[หึหึหึ...]
เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองนั้นยังคงอยู่ แต่คราวนี้มันดังก้องภายในหัว
“กะ...แกจะทำอะไร...ออกไปนะ!!”
[ข้าก็จะทำให้เจ้าเป็นเหมือนศพพวกนั้นยังไงล่ะ...]
“อย่า...!! หยุดนะ!!”
เรย์พยายามดิ้นรน สะบัดจิตใจให้หลุดจากบางสิ่งในร่าง แต่เขาแทบไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว
[ถึงเวลาตายแล้ว…ข้าจะดูดกินจนหมดเกลี้ยง]
ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าพลันวาบขึ้นจากในตัวเขา
[ดูดกลืนมานา!!]
เรย์หลับตาสนิทราวกับยอมรับจุดจบ
......
......
“......”
[......]
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรย์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
“เมื่อกี้...แกพูดว่า ดูดกลืนอะไรนะ?”
[...มานา]
“...ฮะๆ ...ขอโทษนะ...แต่ของแบบนั้น ฉันไม่มีหรอก “
[...ว่าไงนะ?]
“ฉันไม่มีมานาให้กินหรอก...ไอ้ปีศาจ “
[...มนุษย์ที่ไหนไม่มีมานากัน?]
” ฉันนี่แหละ...เพราะงััน รีบๆ ออกไปซะ “
[......]
” ว่าไง? ออกไปหรือยัง? “
[ออกไม่ได้...]
“อะไร?”
[ข้าออกไม่ได้]
“......”
[ดูดกลืนมานา!! ดูดกลืนมานา!!!]
แสงในร่างวูบวาบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
” ...... “
[แกใช่มนุษย์แน่เหรอ!?”]
” ...... “
[นี่ข้าทำอะไรลงไป...มนุษย์ที่ไม่มีมานางั้นเหรอ? มีขยะแบบนั้นอยู่ในโลกด้วยหรือไง? “]
เรย์ไม่เหลือแรงที่จะตอบอะไร เขารู้สึกถึงเปลือกตาที่หนักขึ้นเรื่อยๆ จิตใจที่พร่าเลือน…และความเจ็บที่แผดเผาไปทั่วร่าง
เขาหลับตาลงก่อนที่จะคิดในใจ
‘ไอ้ลูกไฟเวรนี่...พูดมากหนวกหูชะมัด’
[ข้าได้ยินนะ!]
” ...... “
ในที่สุด สติของเขาก็ดับวูบไปท่ามกลางความมืด
แสงสว่างค่อยๆ แยงตาก่อนที่สติของเรย์จะคืนกลับมาอย่างช้าๆ
กลิ่นของโรงพยาบาลตีเข้าจมูก ท่ามกลางความเงียบสงัดของห้องพักผู้ป่วย ร่างของเขายังคงอ่อนล้า แต่สมองเริ่มทำงาน หัวใจเต้นเป็นจังหวะหนักหน่วง
” เรย์!!...คุณคะ ลูกตื่นแล้ว!! “
เสียงของแม่ดังขึ้น พร้อมกับแรงกุมมือแน่นที่ส่งผ่านความอบอุ่นมาให้ ดวงตาของเธอบวมช้ำ แค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเธอร้องไห้มาตลอด
“เรย์...เจ็บตรงไหนไหมลูก?”
” พี่จำหนูได้ใช่ไหม? “
เสียงของพ่อและเรอาดังขึ้นต่อกัน ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความห่วงใย
เรย์กะพริบตาถี่ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง มันเป็นห้องส่วนตัวของโรงพยาบาลหรู ดูจากสภาพโดยรอบแล้ว…ค่ารักษาคงไม่ใช่ถูกๆ
” ผมสบายดี...”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแห้งผาก
“สบายดีอะไร!...รู้ไหมว่าลูกหลับไปตั้งสามวัน? “
“สะ..สามวัน?”
ยังไม่ทันได้ตั้งสติ เสียงคำถามจากครอบครัวก็ถาโถมเข้าใส่ จนหูดับ เรย์พยายามประมวลผลเหตุการณ์ แต่ก่อนที่เขาจะตอบอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก...
ครืดด...
ประตูเปิดออก เป็นอัลล์ที่ก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เขาโค้งคำนับที่หน้าประตู ก่อนจะเดินเข้ามากลางห้องและโค้งอีกครั้ง
” คุณเรย์ครับ ผมต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น...”
บรรยากาศในห้องพลันเย็นยะเยือก ดวงตาของพ่อและแม่จ้องมองอัลล์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
” เอ่อ...ทุกคนครับ ผมขอเวลาคุยกับคุณอัลล์สักครู่ “
ครอบครัวของเขามองอัลล์อีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจหนักแล้วเดินออกจากห้อง
เมื่อประตูปิดลง เรย์หันกลับไปทันที
” เกิดอะไรขึ้นครับ? “
“คุณตกลงไปในโพรงครับ หลังจากนั้นไม่นานผมได้เรียกหน่วยสนับสนุนเข้ามา และช่วยเหลือคุณไว้ได้...โชคดีที่คุณไม่เป็นอะไรมาก “
เรย์พยักหน้า ฟังอย่างเงียบๆ ก่อนที่อัลล์จะโค้งคำนับอีกครั้ง
“ขอบคุณคุณเรย์มากนะครับ คุณช่วยชีวิตผมไว้”
เรย์พลันชะงัก
เขาจำได้ว่าก่อนที่หินจะถล่ม เขาเป็นคนพุ่งเข้าไปช่วยอัลล์…แต่ถ้าคิดตามจริง คนระดับอัลล์คงไม่เป็นอะไรจากแค่หินพวกนั้น อันที่จริงแล้ว เขานี่แหละที่เกือบตายจากการกระทำนั้น
แต่อัลล์กลับไม่ได้ตำหนิอะไร กลับกัน…เขากลับรู้สึกผิด และขอบคุณอย่างจริงใจ
“คะ...ครับ…ไม่เป็นไรครับ”
เรย์ตอบไปอย่างเคอะเขิน
อัลล์ยิ้มบาง ก่อนจะพูดต่อ
“แล้วก็...เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมยังไม่ได้บอกอะไรครอบครัวของคุณเลยครับ ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลผมจะเป็นคนออกให้ทั้งหมด...และนี่ครับ”
เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา เปิดหน้าจอโฮโลแกรมที่ฉายภาพยอดเงินการโอนเข้าในบัญชีของเรย์
5 ล้านบาท
“...!!? “
“เป็นค่าจ้างในการทำงานครับ...คุณช่วยพวกเราได้มากเลย”
เรย์จ้องตัวเลขในจอด้วยความตกตะลึง
“แต่...มากขนาดนั้น ผม...”
“รับไว้เถอะครับ”
อัลล์ชิงตอบเสียงแข็ง
“คะ...ครับ! ขอบคุณมากนะครับ คุณอัลล์”
เรย์ออกปากรับเงินไปด้วยความลังเล เขาไม่แน่ใจว่าค่าจ้างปกติของงานนี้ควรเป็นเท่าไหร่ แต่สำหรับเด็กอายุสิบห้าอย่างเขา นี่มันมากเกินกว่าจะจินตนาการได้
อัลล์ยิ้ม ก่อนจะกล่าวต่อ
“มีคนๆ หนึ่งต้องการพบคุณเรย์ครับ”
เขาเดินออกไป แล้วกลับเข้ามาพร้อมกับรถเข็นวีลแชร์ ที่มีชายวัยห้าสิบนั่งอยู่ ในขณะที่เด็กสาววัยสิบห้าเดินตามเข้ามาอย่างเงียบๆ
เรย์จำได้ทันที ชายคนนี้เป็นหนึ่งในทีมสำรวจที่รอดชีวิต
เมื่อเห็นเรย์ ชายคนนั้นก้มศีรษะลงอย่างหนักแน่น
“ขอบคุณมากนะครับ คุณช่วยชีวิตผมไว้”
“...!!? “
“ผมได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว หากไม่ได้คุณเรย์ ผมคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาพบหน้าลูกสาว”
ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข น้ำตาแห่งความซาบซึ้งไหลอาบไปทั่วแก้ม ก่อนจะกล่าวแนะนำตัว
“ผมชื่อเจอร์นี่ และนี่ลูกสาวของผม…มินนี่”
เรย์เหลือบสายตาไปมองเด็กสาวร่างเล็ก
เธอมีผมสีชมพู ดวงตากลมโต เธอกำลังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านหลังพ่อของเธอ ดูเหมือนจะเขินอายเล็กน้อย
” ...... “
บรรยากาศดูเงียบลงชั่วขณะ ก่อนที่คำพูดประโยคถัดไปจะทำให้เรย์แทบช็อก
“ผมรู้สึกเป็นหนี้ชีวิตคุณเรย์ด้วยใจจริง ตัวผมไม่มีอะไรจะตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้ได้เลย...เพราะฉะนั้น ผมขอมอบลูกสาวของผมให้กับคุณ”
“หาาาา…!!?”
เรย์เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง จนแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง เขาหันควับไปมองอัลล์อย่างสิ้นหวัง ราวกับหวังว่าคนตรงหน้าจะช่วยแปลภาษามนุษย์ให้เข้าใจง่ายขึ้นว่าเขากำลังฝันอยู่รึเปล่า
อัลล์ทำหน้าเหวอพอกัน เหงื่อผุดกลางหน้าผาก ราวกับกำลังตั้งคำถามในใจว่า ‘ฉันควรรีบพาคนเจ็บคนนี้กลับไปนอนพักดีไหม’
“เอ้า มินนี่ ยืนเฉยทำไม แนะนำตัวสิลูก”
เด็กสาวขยับตัวออกมาข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใสเปล่งประกายเหมือนพระอาทิตย์ยามเช้า
“สวัสดีเรย์…ฉันมินนี่ ฉันจะเป็นภรรยาที่ดีนะ~”
“หาาาา…!!?”
รอบนี้ไม่ใช่แค่เรย์ อัลล์ที่อยู่ข้างๆ ก็อ้าปากค้างตามไปด้วยอย่างพร้อมเพรียง ราวกับถูกสายฟ้าฟาดตรงกลางศีรษะ
มินนี่ยังคงยิ้มแป้น ใบหน้าเปล่งประกายเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา
ในขณะที่เจ้าตัวต้นเหตุอย่างพ่อมินนี่ ยืนพยักหน้าอย่างภูมิใจ ราวกับเพิ่งส่งมอบของขวัญสุดล้ำค่าให้ลูกเขยคนใหม่ไปหมาดๆ
เรย์แทบอยากทรุดตัวลงกับเตียง
‘...พ่อลูกคู่นี้มันอะไรกันฟระ? ‘
หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดสงบลง เรย์กำลังแต่งตัวเตรียมออกจากโรงพยาบาล
เขายืนนิ่งอยู่หน้ากระจก สำรวจร่างกายของตัวเองอย่างละเอียด
‘แปลก... ‘
ทั้งๆ ที่เขาควรจะมีบาดแผลเต็มตัวจากเหตุการณ์ในเหมือง ร่างกายที่ควรจะพังยับแทบเอาชีวิตไม่รอด…กลับหายดีเหมือนไม่เคยเป็นอะไร
ภายในเวลาเพียงแค่สามวัน
‘เกิดอะไรขึ้น...บาดแผลทั้งหมดหายไปได้ยังไง? ‘
เรย์ขมวดคิ้ว สมองประมวลผลอย่างหนัก เขารู้สึกเหมือนตัวเองลืมอะไรบางอย่างไป
อะไรบางอย่างที่สำคัญ…
จนกระทั่ง...
[ข้านี่แหละเป็นคนรักษาให้กับเจ้า!]
” เหวอออ!! “
เสียงที่ดังขึ้นในหัวทำให้เรย์สะดุ้งสุดตัว เขาถอยหลังไปชนกับโต๊ะที่อยู่ข้างเตียง แทบจะล้มลงไปกองกับพื้น
[ตกใจอะไร?]
เรย์เบิกตากว้าง ก่อนจะตะโกนลั่น
” แก...ฉันนึกออกแล้ว!! “
[จะเสียงดังทำไม? แค่คิดในใจข้าก็ได้ยินแล้ว]
” ...... “
เขากลืนน้ำลาย ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์
” กะ...แกเป็นตัวอะไรกันแน่…? “
[เจ้าเป็นเพียงแค่มนุษย์...แต่กลับกล้าถามถึงตัวตนของข้าอย่างนั้นหรือ?]
เรย์ขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจยาวเมื่อพบว่าดวงวิญญาณที่สิงอยู่ในร่างเขานั้นคุยไม่รู้เรื่อง
เขาเงียบไปชั่วขณะ พลางสูดหายใจลึกอย่างมีสติ แล้วจึงนั่งลงบนเตียงผู้ป่วยอย่างใจเย็น ก่อนจะพูดกับตัวเองในใจ
‘โอเค…เริ่มใหม่ละกัน ฉันชื่อเรย์ แล้วนายล่ะ? ชื่ออะไร?’
[มนุษย์ชั้นต่ำ…ยังกล้าเอ่ยถามนามของข้า...]
‘ถ้าไม่บอก ฉันจะเรียกนายว่า ไอ้ลูกเห็บ ก็แล้วกัน ‘
[ข้ามีนามว่าเรมไนร์]
‘...งั้น...นายบอกว่าเป็นคนรักษาฉันไว้ใช่ไหม? ทำไมกัน? ‘
[เพราะหากเจ้าตาย...ข้าก็ตายด้วย]
’ หืม? ...แล้วเข้ามาอยู่ในร่างฉันทำไม? ออกไปสิ ‘
[คิดว่าข้าอยากอยู่หรือไง? ข้าออกไปไม่ได้]
‘ทำไมล่ะ?’
[ข้าแทรกเข้ามาในร่างเจ้าเพื่อดูดกลืนมานาจากภายใน แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไร้มานาโดยสิ้นเชิง หากไม่ฆ่าเจ้าด้วยการกลืนกิน ข้าก็ไม่สามารถหลุดออกจากร่างนี้ได้…]
เรย์หยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะถามอย่างร้อนรน
‘มะ...หมายความว่านายจะอยู่ในร่างฉันตลอดไปเลยหรือไง!?’
[คิดว่าข้าอยากอยู่เหรอ!]
‘...... ‘
เรย์สูดหายใจลึก เขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สติแตก
’ งั้นบอกมา!...ต้องทำยังไงนายถึงจะออกจากร่างฉันได้? ‘
ขณะที่เรย์กำลังรอคำตอบอย่างจดจ่อ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน
ครืดดด...
“พี่...เสร็จหรือยัง?”
เสียงของเรอาแทรกเข้ามา เรย์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพลันสะดุ้งโหยง ก่อนที่เขาจะตอบเสียงเรียบ
“อะ...อื้ม ไปกันเถอะ “
เรย์เดินตามเรอาออกจากโรงพยาบาล พ่อกับแม่กำลังรออยู่ที่รถด้านหน้า บริเวณลานกว้างของโรงพยาบาลมีรูปปั้นสีทอง ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง
มันคือเทพเจ้าผู้ช่วยโลก และมอบมานาให้แก่มนุษย์ ‘วาลเทียร์’
ทันใดนั้นเอง เรย์รู้สึกถึงแรงอาฆาตบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ ราวกับมันไม่ได้เป็นของเขาเอง
” อึ่ก... “
‘นายเป็นอะไร?’
[......]
แม้จะไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ แต่เรย์ก็มั่นใจว่าความรู้สึกนั้นมาจากเรมไนร์อย่างแน่นอน
เขาหันไปมองรูปปั้น วาลเทียร์ ด้วยความสงสัย ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังที่จอดรถ
ตลอดทางกลับบ้านเรย์เล่าเรื่องที่เหมืองให้ครอบครัวฟังอย่างไม่ปิดบัง ยกเว้นเรื่องของเรมไนร์
สีหน้าของทุกคนพลันตกตะลึง
“วิซ...? ลูกมีวิซเหรอ? “
” ผมไม่แน่ใจ...อุปกรณ์ตรวจไม่เจออะไร...แต่ผมมีพลังอยู่จริงๆ “
แม้จะยังสับสน แต่ทั้งบ้านกลับดีใจจนเก็บไม่อยู่
“โชคดีจริงๆ แบบนี้ถึงไม่เข้าไอโอนิค ลูกก็ทำงานให้รัฐบาลได้ใช่ไหม? ความสามารถในการตรวจจับเหรอ...ยอดเยี่ยมไปเลย! “
” แต่ผมยังไม่ยอมแพ้เรื่องสอบเข้าไอโอนิคหรอกนะ...แล้วก็...นี่ครับ เงินที่ได้จากคุณอัลล์ “
เรย์เปิดหน้าบัญชีของเขาผ่านหน้าจอโฮโลแกรม
” หะ...ห้าล้าน!!!? “
ทุกคนอ้าปากค้าง เงินจำนวนมากแบบนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
” ทำไมมากขนาดนี้? นี่คือค่าจ้างวันเดียวเหรอ?
” ผมให้พ่อกับแม่ครับ เอาไปใช้หนี้ แล้วก็ซื้อรถใหม่กันนะ “
เรย์พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้า
น้ำตาเริ่มคลอในตาทุกคน พวกเขาต่างมองเรย์อย่างภาคภูมิใจ
” พี่นี่ยอดเยี่ยมที่สุด!”
“ลูกชายของเราเก่งที่สุดเลย! “
” คุณอัลล์เขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ ฮ่าฮ่าฮ่า! “
“เย็นนี้เรากินเนื้อกันไหม?”
“หนูอยากกินช็อกโกแลตด้วย! “