“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด
แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์
ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์
ไร้พลัง และอ่อนแอ
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด
เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง
แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก
“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”
สวัสดีครับ TENTENs ครับ
ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ
ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที
จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ
โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ
ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ
ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ข้อ 21. การแปรเปลี่ยนมานาให้เป็นพลังธาตุ มีหลักการอย่างไร?
1. รวบรวมมานาไว้ที่ฝ่ามือแล้วปล่อยออกมา
2. นึกถึงพลังธาตุแล้วปล่อยออกไป
3. ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละบุคคล
4. ไม่สามารถทำได้
“......?”
‘บ้าไปแล้ว!? ใครจะไปรู้คำตอบฟะ!?’
ไลออนกำกระดาษแน่น อยากจะขยำแล้วปาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด
เขากำลังสติแตกกับคำถามในแบบทดสอบ เหตุใดพวกเขาถึงเอาคำถามเกี่ยวกับ “มานา” มาถามเด็กที่ยังไม่ได้รับการปลุกพลัง ซึ่งแน่นอนว่าเด็กทุกคนในหอประชุมยังไม่มีประสบการณ์ในการใช้มานามาก่อน
ฟู่ววว!!!
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองข้อสอบตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเหลือบมองไปทางเรย์กับเนียร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งคู่กำลังก้มหน้าทำข้อสอบอย่างตั้งใจ
’ ต้องลอก!! ‘
ไลออนแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาค่อยๆ ขยับคอหันไปทางเรย์อย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาเพ่งมองกระดาษสอบของเพื่อนราวกับเหยี่ยวที่จ้องจะจับเหยื่อ เป้าหมายคือคำตอบข้อ 21
ในขณะที่ลูกตาของเขาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
ทันใดนั้นเอง
“คุณเหน่ง ทำการทุจริต!!! “
เสียงประกาศดังก้องไปทั่วหอประชุม
“....เชี่ย!!!?”
ไลออนสะดุ้งเฮือกแทบตกเก้าอี้
เมื่อสิ้นเสียงประกาศ ทหารและเจ้าหน้าที่ก็พุ่งตรงไปยังเด็กที่ถูกเรียกชื่อ ก่อนจะเข้าจับกุมอย่างรวดเร็ว เสียงฮือฮาดังไปทั่วทั้งห้อง เด็กทุกคนหยุดทำข้อสอบและหันไปมองเหตุการณ์ด้วยความตกตะลึง
” ปล่อยนะ!! ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!! “
เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายถูกใส่กุญแจมือก่อนจะถูกลากออกจากห้อง บรรยากาศที่เคยเงียบสงบ บัดนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ทุกคนต่างรู้ว่าโทษของการโกงข้อสอบคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ไลออนรีบหันกลับมานั่งตัวตรง เหงื่อเม็ดเป้งไหลออกมาจากทั่วร่างกาย มือไม้เย็นเฉียบ เขากลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ หัวใจเต้นรัวจนแทบทะลุออกจากอก
‘กะ..เกือบไปแล้ว’
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ เขาก็ก้มหน้าลงไปมองข้อสอบอย่างช้าๆ มือของเขากำปากกาแน่น พร้อมกับสุ่มกาคำตอบลงไปบนกระดาษอย่างมั่นใจ
ใช่แล้ว...เขามั่วแหลก
หลังจากการสอบจบลง เด็กทุกคนได้รับคำสั่งให้มุ่งหน้าไปยังห้องรับรองกลาง เพื่อรับประทานอาหารในระหว่างรอคณะกรรมการตรวจสอบคะแนน
วืดดดด...
ประตูอัตโนมัติขนาดมหึมาของห้องรับรองเปิดออก มันเลื่อนขึ้นจากด้านล่างราวกับเป็นชั้นของแสงโปร่งใส เด็กหลายพันคนหลั่งไหลเข้าไปด้านใน
ภายในห้องรับรองมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับหอประชุม เพดานสูงโปร่งประดับด้วยโคมไฟมานาที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ให้แสงสว่างสีนวลตาโดยที่ไม่ใช้เส้นลวดใดๆ
เสียงพูดคุยจอแจปะปนกับเสียงช้อนส้อมกระทบจานดังก้องทั่วบริเวณ เด็กหลายพันคนที่เพิ่งผ่านการสอบเสร็จกำลังทยอยเข้ามาจับจองที่นั่งอย่างเร่งรีบ บางคนดูผ่อนคลาย บางคนดูเคร่งเครียด และบางคนถึงกับกุมขมับหลังจากต้องเผชิญกับข้อสอบที่คาดไม่ถึง
” เฮ่อออออ...”
เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น ขณะที่ไลออนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ในห้องรับรอง มือลูบใบหน้าด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาเขี่ยผักในจานอย่างเอื่อยเฉื่อย
“ข้อสอบอะไรฟะ!? ยากชะมัด!! แถมให้เวลาทำแค่ 120 นาที ฉันทำไม่ทันหรอก..รู้ไหม? ฉันมั่วไปครึ่งหนึ่งเลยนะ!! ครึ่งหนึ่ง!!”
เด็กหนุ่มที่ปกติร่าเริงไร้ความกังวล ตอนนี้กลับดูห่อเหี่ยวเหมือนผักเฉาตากแดด เขาใช้ส้อมจิ้มเนื้อชิ้นเล็กๆ ในจานและเขี่ยมันไปอย่างหมดอาลัย
เนียร์ยกช้อนขึ้นจรดริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อัตราการมั่วถูกในแต่ละข้อนั้นเท่ากับ 25% นั่นหมายความว่าถ้าข้อที่นายไม่ได้มั่วนั้นถูกมากกว่า 3 ใน 4 คะแนนของนายก็น่าจะมากกว่าครึ่งได้แบบหายห่วง”
” .....? “
ดูเหมือนเนียร์จะพยายามปลอบใจด้วยคำพูดที่ชวนปวดหัวมากกว่าเดิม ไลออนพลันชะงักช้อนกลางอากาศ เขาขมวดคิ้วก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัย
“นายหมายความว่าถ้าคะแนนไม่ถึงครึ่งจะไม่ได้รับการปลุกพลังงั้นเหรอ?”
เนียร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก พูดทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เล็กน้อย
“....นี่นายโง่หรือเปล่า? มนุษย์ทุกคนต้องได้รับการปลุกพลัง คะแนนของแบบทดสอบเมื่อกี้มันก็แค่แบบทดสอบศักยภาพ”
“แล้วคะแนนมีผลอะไร?”
ใบหน้าของไลออนทวีความสงสัย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย
“นี่นายกำลังเครียดโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ? “
เนียร์ส่ายหน้าก่อนจะวางช้อนลง แล้วโน้มมาข้างหน้าเล็กน้อย
” ฟังนะ..ถ้าทำคะแนนได้ต่ำกว่าครึ่ง นายจะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าเรียนที่ ‘ไอโอนิค อคาเดมี่’ ซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับ 1 ของประเทศ แล้วถ้านายทำคะแนนได้มากกว่านั้นก็จะได้รับสิทธิพิเศษแตกต่างกันไปในแต่ละปี...อย่างเมื่อปีก่อน หากทำคะแนนได้ 90% ก็จะได้ทุนเรียนฟรีตลอดการศึกษา แถมได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในอนาคตอีกด้วย “
ไลออนหยุดเคี้ยวข้าวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
” โอ้...แค่นั้นเองเหรอ...ถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่ต้องคิดมากแล้วล่ะ ฮี่ๆ “
รอยยิ้มไร้เดียงสากลับมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มดูสบายใจขึ้นเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องเครียดกับเรื่องนี้
เนียร์มองเขาด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
” จริงสินะ...ครอบครัวร่ำรวยของนายคงจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยาก...เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจชะมัด”
เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยการเสียดสี แต่ดูเหมือนไลออนจะไม่ใส่ใจอะไรนัก เขาแค่ยักไหล่ ก่อนจะหันไปมองเรย์ที่นั่งกินเงียบๆ มาตลอด
“ว่าแต่...พวกนายสองคนดูไม่เครียดกับข้อสอบเลยนะ มันไม่สำคัญกับพวกนายหรือไง?
“สำหรับฉันก็ง่ายๆ ล่ะนะ “
เนียร์ยักไหล่ตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เขายกแก้วน้ำขึ้นจิบ ก่อนจะมองไปทางเรย์พร้อมกับรอคำตอบ
เรย์วางช้อนลง เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“......สำคัญสิ...มันสำคัญต่อฉันมากเลยล่ะ...ฉันเตรียมตัวมาตลอดก็เพื่อวันนี้...ฉันต้องได้คะแนนมากกว่า 90% ให้ได้”
“......”
สีหน้าอันจริงจังของเขาทำให้ไลออนและเนียร์รับรู้ได้ทันทีว่าผลของการสอบครั้งนี้มีผลต่อเขามากเพียงใด
เสียงช้อนกระทบจานของไลออนพลันหยุดลง เขาไม่จำเป็นต้องถามอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่เสื้อผ้าอันซอมซ่อที่เรย์สวมอยู่ก็บอกสถานะเขาได้ทุกอย่าง
ก๊อกแก๊ก!...วี๊ดดดด...
เสียงก้องกังวานของลำโพงดังขึ้น ก้องสะท้อนไปทั่วห้องรับรอง ความวุ่นวายของเด็กๆ ที่กำลังพูดคุยและรับประทานอาหารพลันสงบลง ทุกสายตาและโสตประสาทจับจ้องไปที่เสียงประกาศอย่างใจจดใจจ่อ
“การนับคะแนนทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว โดยทางศูนย์ฯ จะประกาศคะแนนผู้ที่มีคะแนนสูงสุดเพียง 10 อันดับแรก เพื่อเป็นเกียรติ “
สิ้นเสียงประกาศ หน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่พลันปรากฎขึ้นเด่นชัดกลางโถงห้องรับรอง
< อันดับ 1 เนียร์ 200 คะแนน (100%)
อันดับ 2 เอรีน 196 คะแนน (98%)
อันดับ 3 ไอเดน 190 คะแนน (95%)
อันดับ 4 ไค 188 คะแนน (94%)
อันดับ 5 ลาวิน 185 คะแนน (92.5%)
อันดับ 5 บอนนี่ 185 คะแนน (92.5%)
อันดับ 7 ปังปัง 183 คะแนน (91.5%)
อันดับ 8 องศา 182 คะแนน (91%)
อันดับ 9 ทิวา 181 คะแนน (90.5%)
อันดับ 10 บิลลี่ 180 คะแนน (90%) >
“....!!!!!?”
เสียงอื้ออึงพลันดังขึ้นจากทุกทิศทั่วห้องรับรอง เด็กหลายคนเบิกตากว้าง รีบหันไปมองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึง ขณะที่บางคนอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ
“สองร้อยเต็ม!!? “
ใครบางคนร้องลั่น เสียงฮือฮาดังระงมขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปยังชื่อที่อยู่บนสุดของกระดานคะแนน
’ เนียร์’
ฝูงชนเริ่มแตกตื่น แบบทดสอบที่จัดว่ามีระดับที่ยากแสนสาหัส กลับมีคนที่ทำได้คะแนนเต็ม ไม่มีผิดพลาดแม้แต่ข้อเดียว เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดจากความฟลุคหรือโชคช่วยได้.... “อัจฉริยะ” คำนี้ดังขึ้นในใจของหลายคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“นะ..นาย..เนียร์!!! นายได้คะแนนเต็ม!!”
ไลออนตะโกนออกมาเสียงดังลั่น เขาตื่นเต้นเกินกว่าจะกระซิบได้
เสียงของเขาดังพอให้กลุ่มเด็กที่อยู่รอบข้างหันขวับมามองเป็นตาเดียวกัน ทุกคนอยากเห็นว่า อัจฉริยะคนนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร เสียงซุบซิบดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ
“ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร”
เสียงเรียบเฉยของเนียร์ตัดผ่านเสียงอื้ออึงรอบตัว เขาไม่แสดงดีใจแม้แต่น้อย ราวกับรู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ แทนที่จะภาคภูมิใจเขากลับรู้สึกอึดอัดกับทุกสายตาที่จับจ้องมา ก่อนที่จะเบี่ยงตัวไปหาเรย์ที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าของอีกฝ่ายมีแววผิดหวังจางๆ
“ไม่ต้องห่วง...นายยังมีโอกาสอยู่”
เนียร์พูดขึ้นราวกับว่าเขาอ่านใจเรย์ได้ เขาหมายถึงการปลุกพลัง หากผลของการปลุกพลังเป็นที่น่าพอใจ ก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับทุนการศึกษาและสิทธิพิเศษ
นั่นหมายความว่าคะแนนการทดสอบไม่ใช่ทุกอย่างของวันนี้
เรย์นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นไม่มีความท้อแท้ปะปนแม้แต่นิด
“อืม..ฉันรู้...ยินดีด้วยนะ นายเก่งจริงๆ”
เขาพูดพร้อมกับยื่นมือไปแตะบ่าเนียร์เบาๆ
เนียร์รับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่การปลอบใจตัวเองแต่เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริง เขาสบตาเรย์ครู่หนึ่งก่อนจะอมยิ้มบางๆ สายตาของเขามองอีกฝ่ายด้วยความสนใจมากขึ้น
ในที่สุดพิธีการหลักของวันนี้ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เด็กหนุ่มสาวกว่าหลายพันคนกำลังทยอยขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าตามกำหนดการที่ประกาศไว้
“ว่าแต่นายรู้อะไรเรื่องการปลุกพลังบ้างไหม? พ่อคนอัจฉริยะ?”
ไลออนเอ่ยถามพลางเหลือบมองเนียร์ที่กำลังขึ้นไปในลิฟท์แก้วขนาดใหญ่
“ถ้าไม่หยุดเรียกฉันแบบนั้น ฉันจะถีบนายออกจากลิฟท์เดี๋ยวนี้แหละ”
เนียร์ตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาเริ่มฉายแววหงุดหงิด
” เฮ้ เรย์..ดูหมอนี่กำลังเขินที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า “
ไลออนแกล้งพูดเสียงให้ดังขึ้น พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
” หนอยยย.!!! “
เนียร์กัดฟันกรอด พร้อมกับยกเท้าขึ้นขู่เตรียมตัวจะถีบใส่ไลออน
“เหวอออ...เรย์...ช่วยฉันด้วย”
” เฮ่อ......”
เรย์ส่ายหัวพลางถอนหายใจอย่างเอือมระอา ในขณะที่ลิฟท์แก้วขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าโดยที่ใช้เวลาเพียงไม่นาน
ติ๊ง!!
ประตูลิฟท์เปิดออก แสงจากดวงอาทิตย์สาดเข้ามา ทำให้ทั้งสามต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย ภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าทำให้พวกเขาชะงักไปชั่วขณะ พื้นดาดฟ้าไม่ได้เป็นคอนกรีตหรือพื้นแข็งอย่างที่คาดไว้ มันกลับเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา ดอกไม้ป่าหลากสีเบ่งบานไปทั่วบริเวณ ราวกับไม่ได้อยู่บนตึกสูง แต่เป็นสวนธรรมชาติขนาดมหึมา
ที่จุดกึ่งกลางของทุ่งหญ้า เหล่าทหาร เจ้าหน้าที่ และเด็กทุกคนกำลังรวมตัวกันอยู่ แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในสายตาทุกคน คือผลึกคริสตัลเรืองแสงขนาดยักษ์ที่กำลังเปล่งประกายอยู่ตรงกลาง
“ว้าว!!...นั่นคือคริสตัลปลุกพลังใช่ไหม...เคยเห็นแต่รูปในเน็ต อลังการชะมัด “
ไลออนกำลังตื่นเต้นสุดขีด ดวงตาเป็นประกายขณะจ้องมองไปยังผลึกมหึมา เด็กหนุ่มอีกสองคนแม้จะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็รู้สึกไม่ต่างกัน
พลังงานลึกลับบางอย่างที่แผ่ออกมาจากคริสตัลขนาดยักษ์ ทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักแน่น และเริ่มรู้สึกอึดอัดในเวลาเดียวกัน
“อะแฮ่ม..”
เสียงแผ่วเบาแต่ทรงอำนาจดังขึ้น ทำให้บรรยากาศทั่วชั้นดาดฟ้าเงียบลงในพริบตา
ฟอล์ค ประธานใหญ่ศูนย์กำเนิดพลังแห่งชาติ ก้าวเข้ามายืนเบื้องหน้าคริสตัลขนาดมหึมา สายตาของเขากวาดมองเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่กำลังยืนเรียงรายอยู่
“ก่อนจะเริ่มพิธีการ...ฉันขอเชิญผู้ที่ทำคะแนนเต็มจากแบบทดสอบศักยภาพขึ้นมาด้านหน้า...เนียร์ “
“...!? คะ..ครับ!! “
เนียร์สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง เขาเดินฝ่าฝูงชนที่พากันหลีกทางให้อย่างเงียบงัน ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมา
ฟอล์คหยิบเข็มกลัดรูปคริสตัลขึ้นมาติดลงบนหน้าอกของเขา ก่อนจะประกาศด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ขอแสดงความยินดี เธอคือผู้ทำคะแนนเต็ม 200 คะแนน เพียงคนเดียวในรอบ 20 ปี”
” ....!!!! “
‘ยะ..ยี่สิบปี!? สุดยอดด!!’
เสียงฮือฮาดังกระหึ่มไปทั่ว ผู้คนต่างมองเขาด้วยความยินดีและอิจฉาไปพร้อมกัน เนียร์ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวได้แต่โค้งคำนับรับเข็มกลัด ก่อนจะรีบเดินกลับไปยังที่เดิม
ฟอล์คมองไล่หลังเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนจะกล่าวต่อ
“เนียร์จะได้เข้าเรียนที่ ไอโอนิค อคาเดมี่ โดยไม่ต้องสอบเข้า พร้อมทุนเรียนฟรีตลอดการศึกษา และจะได้รับสิทธิพิเศษทุกอย่างภายในโรงเรียน “
เสียงปรบมือพลันดังก้อง
“สำหรับผู้ที่ทำคะแนนเกิน 90% ทุกคนจะได้เข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบ และได้ทุนเรียนฟรีตลอดการศึกษาเช่นกัน แต่จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นเดียวกับเนียร์”
สิ้นคำประกาศ เสียงปรบมือพลันดังก้องขึ้นเป็นรอบที่สอง
ฟอล์คเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม
“ต่อไป จะเข้าสู่พิธีการการปลุกพลัง ฟังให้ดี ฉันจะพูดเพียงครั้งเดียว “
เด็กทุกคนเงียบกริบและตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“เป็นที่รู้กันว่า มนุษย์ทุกคนจะต้องถูกปลุกพลังเมื่ออายุครบ 15 ปี ตามกฎหมาย จากนี้ไป เจ้าหน้าที่จะทำการแจกอุปกรณ์วัดพลัง ให้ทุกคนสวมใส่ที่ข้อมือทันทีที่ได้รับ “
เจ้าหน้าที่กว่าร้อยนายได้ทำการเดินแจกอุปกรณ์ลักษณะคล้ายกำไล เด็กทุกคนรับไปสวมใส่โดยไม่อิดออด ก่อนที่ฟอล์คจะกล่าวต่อ
” ผลึกเรืองแสงนี้คือคริสตัลปลุกพลัง เมื่อส่งพลังมานาเข้าไป มันจะปลุกมานาของทุกคนที่อยู่ในอาณาเขตโดยรอบในคราวเดียว จากนั้น อุปกรณ์วัดพลังจะทำงานอัตโนมัติ โดยพลังที่วัดจะแบ่งออกเป็นสองส่วน “
เด็กทุกคนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
” ส่วนแรกคือ ระดับมานา ค่าพลังนี้จะติดตัวไปจนวันตาย ไม่มีเพิ่มหรือลด แบ่งออกเป็น 5 ระดับ “
ฟอล์คกวาดตามองเด็กๆ ก่อนจะเริ่มอธิบาย
• 100-299 : ออร่าจะเป็นสีขาว มีวงแหวนเวทมนตร์ได้สูงสุด 1-2 วง เหมาะสำหรับคนทั่วไป ไม่เหมาะที่จะต่อสู้
• 300-499 : ออร่าสีเหลืองหรือสีฟ้า มีวงแหวนได้สูงสุด 3-4 วง เหมาะสำหรับนักรบแนวหลัง
• 500-699 : ออร่าสีส้มหรือสีเขียว มีวงแหวนได้สูงสุด 5-6 วง เหมาะสำหรับนักรบแนวหน้า
• 700-899 : ออร่าสีแดงหรือสีม่วง มีวงแหวนได้สูงสุด 7-8 วง บุคคลระดับนี้พบได้น้อยมาก
• 900+ : ออร่าสีทองอร่าม มีวงแหวนได้สูงสุด 9 วง นี่คือระดับสูงสุดที่มนุษย์เคยมี และในปัจจุบันประเทศของเราพบแค่เพียงคนเดียวที่มีระดับนี้...ซิกซ์ บุคคลที่เรารู้จักกันดี
ทันใดนั้น เด็กสาวคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
” แล้วถ้าคนที่มีมานาต่ำกว่า 100 ล่ะคะ? “
บรรยากาศพลันเงียบงัน ก่อนที่ฟอล์คจะตอบเสียงเรียบ
“...พวกเขาจะเสียชีวิตทันทีที่ปลุกพลัง”
เสียงฮือฮาดังขึ้น บางคนหน้าถอดสี ขณะที่บางคนนิ่งเฉยราวกับรู้อยู่แล้ว
“แต่ไม่ต้องกังวล โอกาสพบมนุษย์ที่มีมานาต่ำกว่า 100 นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขามักจะเสียชีวิตไปตั้งแต่กำเนิด”
เด็กหลายคนถอนหายใจโล่งอก เมื่อฟอล์คเห็นดังนั้นจึงกล่าวต่อ
“ส่วนที่สองของการวัดพลังคือ แก่นหัวใจเวทมนตร์ หรือที่เราเรียกกันว่า’ วิซ ‘พูดอย่างง่ายๆ มันคือ พลังความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคน ซึ่งพบได้ยากมาก หากมีวิซ อุปกรณ์วัดพลังจะแสดงตัวอักษรบนหน้าจอโดย ระดับความสามารถของวิซ จะแบ่งออกเป็น 5 ระดับ “
• ระดับ D ความสามารถทั่วไป แต่ไม่เหมาะสมในการต่อสู้ เช่น การเปลี่ยนวัตถุเล็กๆ ให้เป็นของอย่างอื่นชั่วคราว หรือการเร่งการเจริญเติบโตของพืชได้เล็กน้อย
• ระดับ C ความสามารถที่มีประโยชน์และสามารถใช้ในสถานการณ์จริงได้ เช่น การมองเห็นในที่มืด การเคลื่อนย้ายวัตถุเบาๆ ด้วยมานา
• ระดับ B ความสามารถระดับสูง เช่น การเสริมพลังร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นชั่วคราว หรือการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง วิซระดับนี้เริ่มมีความโดดเด่น และหากฝึกฝนให้ดี อาจเทียบเคียงระดับ A ได้
• ระดับ A ความสามารถระดับทรงพลังที่พบได้ยากยิ่ง เช่น การควบคุมกาลเวลาในระยะสั้น การสร้างภาพลวงตาที่แทบแยกไม่ออกจากความจริง
• ระดับ S ความสามารถระดับนี้ หมายถึงระดับที่ ‘ไม่สามารถประเมินค่าได้’ เครื่องตรวจวัดพลังจะไม่สามารถแสดงผลลัพท์ที่แน่ชัดออกมา บางครั้งอาจขึ้นเป็น ‘ข้อผิดพลาด ‘หรือ ‘ไม่สามารถวิเคราะห์ได้’ เนื่องจากวิซระดับ S มีความเฉพาะตัวอย่างสุดขั้ว จนไม่สามารถจัดให้อยู่ในขอบเขตของพลังปกติได้
” ระดับของวิซไม่เพียงแต่กำหนดโดยพลังของมันเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับศักยภาพและการใช้งานจริงของผู้ครอบครองด้วย ปัจจุบันมีคนไม่ถึง 100 คนที่ได้รับการยืนยันว่ามีวิซระดับ S “
เด็กๆ ทั่วชั้นดาดฟ้าต่างแสดงสีหน้ามุ่งมั่น พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับพลังระดับสูง และกลายเป็นบุคคลสำคัญต่อประเทศในอนาคต
ฟอล์คกวาดตามองด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะกล่าวต่อ
“ระดับของ ‘วิซ’ และ ‘มานา’ ที่อยู่ในตัวของแต่ละคนนั้นจะแยกขาดกันอย่างสิ้นเชิง หมายความว่าผู้ที่ครอบครองวิซระดับสูง อาจมีพลังมานาระดับต่ำ ในขณะที่บางคนที่มีมานาอันแข็งแกร่ง อาจไม่มีวิซอยู่ในตัวเลยก็ได้ “
ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่กำลังสวมเครื่องวัดพลังคนหนึ่งเดินออกมาด้านหน้า เขามีตัวเลข 438 พร้อมออร่าสีเหลืองปรากฎเหนือศีรษะ ขณะที่หน้าจอของเครื่องวัดพลัง แสดงตัวอักษร A
” จากตัวอย่าง เจ้าหน้าที่ผู้นี้มีมานา 438 มีวงแหวน เวทมนตร์ 4 วง และ...เขามีวิซ ระดับ A”
ขณะที่เด็กๆ มองด้วยความสนใจ เจ้าหน้าที่ก็ใช้มีดกรีดแขนตัวเองจนเป็นแผลลึก
” ...!!! “
เด็กหลายคนสะดุ้งโหยง บางคนถึงกับอ้าปากค้าง
ออร่าของเจ้าหน้าที่พลันขยายตัวออก วงแหวนเวทมนตร์สีเหลืองเป็นประกายปรากฎขึ้นด้านหลัง
“วิซของเขาคือ การรักษา”
เจ้าหน้าที่เพียงวางมือลงบนแผล เพียงพริบตาเดียว มันก็สมานกันอย่างไร้ร่องรอย
เสียงฮือฮาพลันดังขึ้นอีกครั้ง
ฟอล์คพยักหน้าพอใจ ก่อนจะกล่าวต่อ
” ถ้าทุกคนเข้าใจแล้ว...”
ฟอล์คกวาดมือออกไปด้านหน้า พลังมานาสีแดงแผ่กระจายออกจากร่าง ก่อตัวเป็นวงแหวนเวทมนตร์ 7 วงโอบล้อมรอบกาย ราวกับเปลวเพลิงที่มีชีวิต
วูมมมมมม--!
บาเรียโปร่งแสงขนาดมหึมาพลันปรากฎครอบคลุมทั่วบริเวณดาดฟ้า ลวดลายอักขระเปล่งแสงเรืองรอง พลิ้วไหวราวกับกำลังเต้นรำตามการสั่งการของเขา
ฟอล์คสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะนำมือไปสัมผัสกับคริสตัลที่อยู่ตรงหน้า
ครืนนนนนน....!
แรงกดดันแผ่ซ่าน ลมกรรโชกพัดแรงจนเสื้อผ้าของเด็กๆ พลิ้วไหวไปตามกระแส พวกเขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
ซู่มมมมมมม--!!!
เสียงดังกึกก้องสะท้อนทั่วชั้นดาดฟ้า แรงสั่นสะเทือนกระเพื่อมไปทั่วบริเวณ คลื่นพลังงานมหาศาลระเบิดออกเป็นวงกว้าง ราวกับการปะทุของภูเขาไฟที่ไร้ซึ่งความปราณี
บัดนี้ พิธีปลุกพลัง...ได้เริ่มขึ้นแล้ว