“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด
แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์
ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์
ไร้พลัง และอ่อนแอ
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด
เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง
แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก
“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”
สวัสดีครับ TENTENs ครับ
ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ
ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที
จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ
โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ
ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ
ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
สนามฝึกเงียบงัน ไม่มีใครเอ่ยคำใด ขณะที่สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังเรย์กับเอรีนที่เดินเข้าหากันช้าๆ
เรย์ยกคิ้ว
“เธอแน่ใจเหรอ?”
เอรีนพยักหน้า
“ฉันอยากลองสู้กับนาย”
น้ำเสียงของเธอเรียบเย็น แต่แฝงด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่
เรย์ไม่พูดอะไรอีก เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย ยืนนิ่งในท่าผ่อนคลาย ร่างกายดูไม่ต่างจากคนธรรมดาแม้แต่น้อย ไม่มีออร่ามานา ไม่มีแรงกดดัน
ขณะที่เอรีนค่อยๆ ยกมือขึ้น
อากาศรอบตัวเธอเริ่มบิดเบี้ยว
พลังเวทบริสุทธิ์เริ่มแผ่ไปรอบลำตัว มานาสีทองเปล่งประกายไหลเวียนรอบตัวเธออย่างแข็งกล้า
“เริ่มได้เลย”
เรย์กล่าวสั้นๆ
ทันใดนั้นเอง...
เอรีนพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วราวสายฟ้า
หมัดแรก ซัดเข้าที่ดวงตาด้านซ้าย เรย์เบี่ยงตัวเพียงนิดเดียวก็หลบได้
หมัดต่อไปตามมาทันที รัวติดเป็นชุด แต่เรย์กลับเคลื่อนตัวด้วยจังหวะน้อยนิด ราวกับเห็นล่วงหน้าว่าหมัดไหนจะมาจากทางไหน มือของเขายกขึ้นปัดเบาๆ ชนิดที่ไม่ได้ใช้แรงแม้แต่น้อย
เอรีนเริ่มขมวดคิ้ว
“...นายอ่านจังหวะฉันออก?”
“......”
หมับ
มือของเขากระชากแขนเธอหมุน ก่อนใช้แรงดึงให้ร่างของเธอเสียสมดุลหวังให้เธอล้มลง
แต่เอรีนกลับต้านไว้ได้ เธอปักเท้ากับพื้น พ่นลมหายใจสั้นๆ แล้วระเบิดมานาออกจากฝ่ามือในระยะประชิด
ตูม!
ระลอกคลื่นมานาอัดอากาศดังสนั่น ฝุ่นควันพวยพุ่ง
เด็กหลายคนสะดุ้งเฮือก ขณะที่ภาพตรงกลางเริ่มชัดเจนขึ้น
เรย์ถอยออกมาหนึ่งก้าว เสื้อแขนยาวด้านหนึ่งขาดวิ่น แต่ใบหน้ายังคงนิ่ง
“รุนแรงไม่เบา”
“นี่นาย...”
เอรีนหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย
“ออมมือให้ฉันเหรอ?”
เรย์เงียบ ทั้งสองยืนจ้องกันนิ่ง ราวกับสัตว์นักล่าที่วัดเชิงกันด้วยความนิ่งงัน
ท่ามกลางความเงียบ เรย์ชะงักทันที เมื่อสังเกตเห็นว่าเอรีนกำลังพึมพำบางอย่าง
เธอถอยหลังเล็กน้อย มือหนึ่งวาดขึ้นกลางอากาศ ทุกอย่างพลันเย็นเฉียบ ราวกับฤดูหนาวแผ่เข้ามาในลานฝึก
กรอบแกรบ...
ละอองน้ำแข็งลอยขึ้นจากพื้น
แท่งน้ำแข็งบางเฉียบราวใบมีดจำนวนมากปรากฏรอบตัวเธออย่างเงียบงัน พร้อมพุ่งเข้าใส่เรย์จากทุกทิศทาง
“นะ...นั่นใช่เวทระดับต่ำแน่เหรอ?”
“เวทระดับนี้...แทบไม่ใช้เวลาร่ายเลยหรือไง?”
เรย์ยังคงยืนนิ่ง สายตาไล่ตามทิศทางของคมเวทแต่ละเล่มที่พุ่งมา
เมื่อแท่งน้ำแข็งชุดแรกทะลวงอากาศเข้ามา...
เขาขยับ
ก้าวเดียวหลบไปด้านข้าง แล้วใช้ฝ่ามือปัดแท่งน้ำแข็งเบี่ยงออกเป็นจังหวะ
ฟุ่บ...ฟุ่บ...ฟุ่บ...
ราวกับว่ามันลอยเข้ามาช้าเกินไปสำหรับเขา
“ยังไม่พอ”
เอรีนพึมพำกับตัวเอง
เธอวาดมือเป็นวง เสาน้ำแข็งพลันผุดขึ้นจากพื้นข้างหลังเรย์หวังปิดทางถอย แล้วสั่งแท่งน้ำแข็งอีกระลอกพุ่งอ้อมด้านข้างมาพร้อมกัน
เรย์ต้องเคลื่อนตัวเร็วขึ้นกว่าเดิม หลบทั้งด้านหน้าและหลังในเวลาเดียวกัน
“โหดไปแล้ว...”
“เวทแบบนี้ไม่ใช่เด็กใหม่แล้ว!”
แต่แม้เวทจะรุนแรงเพียงใด จังหวะการเคลื่อนไหวของเรย์กลับ ‘สมบูรณ์’ อย่างน่าเหลือเชื่อ
ไม่มีพลังเวท
ไม่มีมานา
แต่ทุกย่างก้าวกลับเหมือน ‘เห็นล่วงหน้า’ ว่าจะต้องหลบไปตรงไหน
เขาขยับราวกับสายน้ำ เลี้ยวไหลไปตามแรงบีบของอันตรายโดยไม่ต่อต้าน
เอรีนกัดฟัน
เธอยกสองมือขึ้นพร้อมกัน พ่นลมหายใจออกมาในจังหวะสั้น
แท่งน้ำแข็งแตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กๆ แล้วควบแน่นรวมกันกลางอากาศ กลายเป็นหอกน้ำแข็ง ขนาดใหญ่ที่แหลมคมราวกับขีปนาวุธ
พลังอัดแน่นจนพื้นรอบตัวเธอแตกร้าวเป็นวงกว้าง
เรย์ยังไม่ขยับ
เอรีนวาดมือออกมาด้านหน้า หอกน้ำแข็งแทงเข้าหาเขาในเสี้ยววินาที
ฉึก!!
หรืออย่างน้อย...มันก็ควรจะ ‘แทงโดน’
แต่ในวินาทีที่หอกปะทะ...
เรย์หายไปจากจุดเดิม
เขาปรากฏอีกทีด้านหลังของเธอ
ไม่ใช่ด้วยเวทมนตร์
แต่ด้วย ‘การเคลื่อนที่ล่วงหน้า’ ที่ล่อให้เธอลงมือในจังหวะที่เขาต้องการ
เอรีนรู้ตัวช้าไป
เธอหันขวับมาโดยสัญชาตญาณ แต่สายเกิน
แปะ...
เรย์ใช้สันมือเคาะลงบนกลางหน้าผากของเธอเบาๆ ไม่แรงพอที่จะเจ็บ
แต่ชัดเจนเกินพอจะสื่อว่า ถ้าเป็นสนามรบจริงล่ะก็...
“เธอตายแล้ว”
เรย์พูดเพียงแผ่วเบา
เอรีนยืนนิ่งอึ้ง
สายตาเธอเบิกเล็กน้อยด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อยๆ ก้มหน้าลง
เธอยอมรับอย่างไม่มีข้ออ้าง
“ฉันแพ้...”
เสียงรอบสนามเงียบไปนานหลายวินาทีด้วยความตกตะลึง ก่อนจะมีเสียงอุทานดังขึ้นจากใครสักคน
“บ้าไปแล้ว!...เอรีนแพ้เหรอ?”
“แพ้คนที่ไม่มีเวทมนตร์เนี่ยนะ?”
ทั่วทั้งสนามพลันระเบิดเสียงฮือฮา เด็กสาวผู้ครอบครองเก้าวงแหวน กลับแพ้ให้กับเด็กหนุ่มผู้ไม่มีแม้แต่มานาสักหยด
ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เวทของเธอเก่งกาจ
พลังของเธอรุนแรง
แต่กับชายตรงหน้า...เหมือนทุกอย่างจะไร้ผล
คาน่าเงียบกริบ มองเรย์ด้วยแววตาประหลาด
โซรันยืนกอดอกด้วยสีหน้าฉายแววพอใจ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย
“น่าสนใจ...”
โซรันหันไปยิ้มบางๆ ให้คาน่า
“ดูเหมือนดาบไร้คมที่เธอว่า...อาจเฉือนได้ลึกกว่าใครโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งคมเลยก็ได้นะ “
“......”
จากความเงียบ กลับกลายเป็นความคึกคัก เด็กๆ ที่เฝ้าดูการประลองต่างมีไฟลุกโชนขึ้นในดวงตา
ฉากต่อสู้เมื่อครู่ทำให้เด็กทุกคนที่เห็นต่างเปลี่ยนความคิด
‘ขนาดคนไม่มีมานาอย่างเรย์ยังทำได้ แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้’
ความพยายามนั้นสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง เด็กหนุ่มตรงหน้าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว
เรย์ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของเด็กทุกคนในกลุ่มต่อสู้ระยะใกล้อย่างไม่รู้ตัว
ทุกคนเริ่มกลับไปฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมีภาพของเรย์ในหัวใจ
หลังจบคาบเรียน คาน่าเดินออกมาพร้อมกระดาษในมือ
“รายชื่อต่อไปนี้ ฉันประเมินแล้วว่าพวกเธอเหมาะสมกับการต่อสู้ในสายอื่น”
เธอประกาศด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“พวกเธอจะต้องย้ายไปเรียนในกลุ่มที่ฉันเลือกให้”
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น
“ไม่ใช่ว่าคนที่ถูกย้าย เพราะไม่มีคุณสมบัติหรอกนะ...มันตรงกันข้ามเลย...พวกเธอจะมีโอกาสพัฒนาตัวเองได้ไกลกว่าในสายอื่น และได้เลือกวงแหวนที่เหมาะกับตัวเองจริงๆ”
เด็กๆ บางคนโดนเรียกชื่อ ย้ายกลุ่มด้วยสีหน้าหลากหลาย บางคนอึ้ง บางคนพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ
แล้วชื่อหนึ่งก็ดังขึ้น
“มินนี่”
เด็กสาวชะงักงันทันที
“ร่างกายของเธอค่อนข้างอ่อนแอ ไม่เหมาะกับการปะทะโดยตรง และด้วยวิซระดับ S ของเธอ...ไปอยู่สายสนับสนุนจะเหมาะสมกว่า”
มินนี่คอตกในทันที ขณะกำมือแน่น เธอไม่อยากแยกจากกลุ่มเพื่อน
แต่เรย์แตะไหล่เธอเบาๆ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า...นี่มันเรื่องสำคัญนะ”
เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มจางๆ ทั้งที่ยังไม่อยากจากไป
“ชื่อต่อไป...เนียร์”
เนียร์ยิ้มขึ้นอย่างยอมรับ เขาคาดไว้อยู่แล้วว่าตัวเองจะถูกเรียกชื่อ
“เธอมักจะใช้ความคิดมากกว่าไหวพริบ และด้วยพรสวรรค์การใช้มานาของเธอ...ไปอยู่กลุ่มโจมตีระยะไกลจะเหมาะสมกว่า”
เนียร์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันมาหาเพื่อน
“ไปนะ”
เขาพูดเรียบๆ แล้วเดินแยกไปอย่างสงบ
เหลือเพียงเด็กไม่กี่คนในสายต่อสู้ระยะใกล้ บรรยากาศดูเงียบลงอย่างประหลาด
เย็นวันนั้น ข่าวลือว่าเรย์ชนะเอรีนแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน
หลังจากหมดคาบเรียน เด็กๆ ทยอยกลับห้องนอนของตัวเอง
เรย์ ไลออน มินนี่ และเนียร์ เดินลัดผ่านลานน้ำพุกว้างมุ่งหน้าสู่ตึกพัก
“เธอไม่ต้องจ๋อยไปหรอกน่า แค่แยกกันเรียนช่วงสั้นๆ เท่านั้นแหละ”
ไลออนพูดขึ้น ขณะที่มินนี่เดินคอตก เธอเงยหน้าขึ้นใบหน้าแดงก่ำ
“นายไม่ได้โดนย้ายกลุ่มก็พูดได้นี่!”
“สายสนับสนุนก็น่าสนใจอยู่นา...อาจารย์ลูเมียร์ก็ดูใจดีสุดๆ”
“เฮ่อออ~”
มินนี่ถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยว ก่อนที่ไลออนจะหันไปมองเรย์ที่ยังเดินเงียบ
“ไม่คิดเลยนะว่านายจะชนะเอรีนได้จริงๆ ...ฉากสู้นั่นยังวนเวียนในหัวฉันอยู่เลย...นายไปฝึกแบบไหนมากันแน่...ชาติก่อนเป็นนินจาหรือไง?”
“นายไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำใช่ไหม?”
เนียร์หันมาถามในทันที เรย์เพียงยักไหล่เบาๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงน่ารำคาญอันคุ้นเคยพลันดังมาจากด้านหน้า
“แหม แหม แหม...คนดังมาแล้วเหรอวะ?”
มาโนชก้าวออกจากเงามืด พร้อมสมุนอีกสองคน ยืนขวางทางด้วยสีหน้ากวนประสาท
“......”
“ได้ข่าวว่าเอรีนแพ้แกเหรอ? ฮ่าๆๆ คิดได้ไงวะ...มุขตลกยังไม่ขำขนาดนี้เลย”
ไลออนขยับขึ้นหน้า
“ถ้าไม่เห็นกับตา ก็อย่าพูดมากดีกว่า”
“เฮอะ...นิทานหลอกเด็กมันจะไปเห็นกับตาได้ยังไง?”
มาโนชหัวเราะเหยียด
“ดูก็รู้ว่าไอ้พวกกากมันสร้างข่าวลือขึ้นมาเองชัดๆ”
เนียร์หรี่ตา
“นอกจากแกแล้วยังมีพวกกากคนอื่นอีกหรือไง?”
“แกว่าไงนะ!!?”
มาโนชตะโกนลั่น ออร่าสีแดงพลันลุกโชนรอบกาย
“...สู้กันโดยที่ไม่ยื่นขอท้าประลองมันผิดกฎนะ...ฉันรู้นะว่าแกโง่มาก...แต่ต่อให้โง่ขนาดไหนก็ควรจะรู้เรื่องนี้ไม่ใช่หรือไง?”
เนียร์พูดด้วยแววตาเย็นเฉียบ มาโนชพลันกัดฟันแน่น เส้นเลือดปูดไปทั่วใบหน้า
“ไอ้เวรนี่!!”
ยังไม่ทันที่เรื่องจะเลยเถิด เด็กหนุ่มสองคนก็เดินเข้ามาจากข้างหลัง
“พวกเราเป็นพยานได้นะ”
“......?”
พวกเขาคือไอเดน และลาวิน เด็กใหม่ที่อยู่ในกลุ่มการโจมตีระยะใกล้
“ทุกคนเห็นกับตาว่าเรย์ชนะเอรีนจริงๆ ...ถ้านายไม่เชื่อก็ไปถามอาจารย์คาน่าสิ”
ไอเดนพูดขึ้น มาโนชพลันชะงักไป
“เฮอะ...เธอคงยอมอ่อนให้เพราะความสมเพชซะมากกว่า”
มาโนชพูดทิ้งท้าย แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแต่ก็ไม่อาจหาเหตุผลมาเถียงกลับได้ เขากระแทกเท้าหันหลังเดินจากไปอย่างหัวเสีย ทิ้งเพียงออร่าสีแดงที่ค่อยๆ สลายไปตามจังหวะฝีเท้า
สองเด็กหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เรย์มากขึ้น ไอเดนมีผมสีขาวทรงยุ่งเล็กน้อย ดวงตาดูฉลาดเฉียบแหลม ส่วนลาวินมีผมสีบลอนด์ทองยาวประบ่า ถักเปียเล็กไว้ข้างหนึ่งดูเรียบร้อยและขี้อาย
“ขอบใจนะ”
เรย์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มบางเบา
“คราวหลังไม่ต้องลำบากหรอก”
“เรายังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลยนี่นา”
ไอเดนพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันชื่อไอเดน ส่วนนี่ลาวิน”
“สวัสดี”
ลาวินพยักหน้าน้อยๆ สีหน้าดูจริงจังแต่ไม่แข็งกร้าว
ไอเดนก้มหัวให้เรย์เล็กน้อย ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ฉันอยากจะขอโทษนายด้วย”
เรย์และเพื่อนๆ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาฉายแววประหลาดใจ
“แม้ว่าฉันจะไม่เคยพูดอะไรใส่นาย...แต่ก็เคยคิดว่านายอ่อนแอ ไร้พรสวรรค์ และไม่เหมาะกับที่นี่”
ไอเดนพูดตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม
“ฉันยังเคยหัวเราะเยาะนายไปพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ...ฉันรู้สึกผิดจริงๆ”
บรรยากาศพลันเงียบลงชั่วขณะ เหมือนทุกคนกำลังย่อยคำพูดเหล่านั้นอยู่ในใจ
“วันนี้...นายทำให้ฉันเห็นแล้วว่าคนไม่มีมานาก็แข็งแกร่งได้”
“ช่วยฝึกให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
ไอเดนเงยหน้ามองเรย์ด้วยแววตาแน่วแน่
“ฉันอยากจะแข็งแกร่งเหมือนนาย”
“ฉันด้วย”
ลาวินก้มหัวตามอย่างสุภาพ
“ช่วยฉันด้วยนะ”
เรย์เงียบไปชั่วครู่ ดวงตานิ่งสงบ มองสองคนตรงหน้าเหมือนกำลังประเมินบางอย่าง
“ฉันไม่ได้เก่งขนาดที่จะฝึกให้ใครได้หรอกนะ”
คำตอบนั้นทำให้เด็กทั้งสองชะงักไปเล็กน้อย
แต่ก่อนที่ความผิดหวังจะฉายชัด เรย์ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“แต่ถ้าจะมาซ้อมด้วยกัน ฉันก็ยินดี”
สีหน้าไอเดนกับลาวินพลันสดใสขึ้นทันที รอยยิ้มเบิกบานปรากฏบนใบหน้าทั้งคู่
“อื้ม!”
เสียงตอบรับหนักแน่นอย่างพร้อมเพรียง
สายลมเย็นโชยพัดผ่านลานกว้างที่เงียบลงแล้ว หลงเหลือเพียงเสียงซ่าของบ่อน้ำพุ ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างเด็กทุกคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
...และทั้งหมดนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
“กลุ่มมิตรภาพติดลบไม่ได้เข้ากันง่ายๆ หรอกนะ”
ไลออนเอ่ยขึ้นเบาๆ เด็กหนุ่มทั้งสองพลันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ