“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”
ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด
แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์
ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์
ไร้พลัง และอ่อนแอ
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด
เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง
แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก
“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”
สวัสดีครับ TENTENs ครับ
ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ
ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที
จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ
โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ
ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ
ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ชายผู้สวมหน้ากากยางยืนแน่นิ่งอยู่บนซากปรักหักพัง สายตาทุกคู่ยังคงจับจ้องเขาอย่างไม่วางตา ใบหน้าของซอมบี้สีเขียวแลดูยียวนอย่างน่าประหลาด
ทันใดนั้น...
“...!!?”
คลื่นพลังมหาศาลพลุ่งพล่านทั่วทั้งถ้ำ อัดอยู่ในอากาศอย่างหนาแน่น ก่อนหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของชายปริศนา มันคือมานาของมอนสเตอร์ทุกตัวที่ตายไปทั้งหมด รวมถึงเศษเสี้ยวของพลังอสูร
“นั่นมันอะไรกัน!?”
เสียงบรรยายที่เงียบกริบไปนานพลันโพล่งขึ้น
<นะ...นั่น!! หรือว่า!? ...เขากำลังดูดกลืนมานาของมอนสเตอร์ไปเป็นพลังของตัวเองหรือเปล่าครับ!? >
นักพากย์อีกคนพูดเสริมทันที
<มีพลังแบบนั้นด้วยเหรอครับ!? หรือว่าจะเป็นวิซของเขา!? >
หลังจากดูดกลืนพลังจนหมดสิ้น ชายปริศนาหันมามองทุกคน ก่อนจะหายวับไปในเงามืดด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองทัน
ทั้งซิกซ์ โซรัน และนักเรียนทุกคนหันมาสบตากันด้วยแววตาสับสน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ราวกับกำลังรอให้ใครสักคนมาอธิบายสิ่งที่ทุกคนเห็นเมื่อครู่
โซรันที่เพิ่งตั้งสติได้รีบหันมากวาดตามองเด็กนักเรียน
“อยู่กันครบหรือเปล่า? มีใครบาดเจ็บไหม?”
เธอนับจำนวนนักเรียนอย่างวิตกกังวลก่อนจะขมวดคิ้วแน่น
“หายไปหนึ่งคน!? เรย์ล่ะ? เรย์หายไปไหน!?”
“ผมอยู่นี่ครับ...”
เรย์ตอบพลางเดินออกมาจากเงามืดด้านหลัง โซรันกับซิกซ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลังจากทุกคนกลับมาถึงงานเทศกาล บริเวณทางเข้าถูกเบียดแน่นด้วยกลุ่มนักข่าวที่ต่างกรูเข้าหาซิกซ์ด้วยคำถามไม่หยุด
“คุณซิกซ์ครับ! ภูเขาทั้งลูกถูกเคลียร์แล้วใช่ไหมครับ?”
ซิกซ์พยักหน้า
“...ตอนนี้ไม่มีมอนสเตอร์หลงเหลือแม้แต่ตัวเดียวแล้วครับ ภายในคืนนี้รัฐบาลจะเข้ามาตรวจสอบและสร้างบาเรียล้อมรอบให้กลายเป็นเขตกรีนโซน”
นักข่าวอีกคนรีบถามต่อทันที
“แล้วชายสวมหน้ากากคนนั้นล่ะครับ? คุณรู้จักเขาไหมครับ!?”
ซิกซ์ส่ายหน้า
“ไม่ครับ...ผมก็เห็นเขาพร้อมๆ กับทุกคน”
นักข่าวอีกคนโพล่งขึ้นมา
“แต่เขาใส่ชุดนักเรียนไอโอนิคนะครับ! หรือว่าเป็นหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนี้?”
กล้องหลายตัวหันวูบไปที่กลุ่มนักเรียน นักข่าวบางคนถึงกับชะโงกหน้าและส่องไฟเข้ามาดูทีละคน
ซิกซ์หัวเราะเบาๆ
“ไม่ใช่หรอกครับ เขาคนนั้นปราบลิชด้วยตัวคนเดียว ทุกคนก็เห็นกันแล้วใช่ไหมครับ ว่าเขาไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งแบบนั้น...จะเป็นพวกนักเรียนได้ยังไงกันครับ”
อีกเสียงถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
“แล้วทำไมคุณถึงจัดการลิชไม่ได้ล่ะครับ!? คุณคือผู้แข็งแกร่งที่สุดของประเทศนะครับ!”
คำถามนั้นจี้จุดเต็มๆ ความเงียบปกคลุมแทบจะทันทีที่เขาถาม
แม้จะไม่มีใครพูดออกมา แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า เวทมนตร์สายระยะไกลของซิกซ์ แพ้ทางลิชที่สามารถต้านทานเวทได้เกือบสมบูรณ์แบบ แต่ซิกซ์ยังคงยืนนิ่ง สายตามั่นคงไร้ความลังเล
“ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองแข็งแกร่งที่สุดในประเทศเลยนะครับ มันเป็นคำที่คนอื่นเรียกผมกันเอง”
เขาพูดเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วกลับหนักแน่นอย่างประหลาด
“แน่นอนว่าผมสู้ลิชไม่ได้ หากไม่มีชายลึกลับคนนั้น...ผมและนักเรียนทุกคนคงไม่รอดมายืนอยู่ตรงนี้”
เขาเงยหน้าขึ้นพูดต่อ
“ถ้าเขากำลังฟังอยู่...ผมอยากจะขอบคุณจากใจจริง และถ้ามีโอกาส ผมจะหาทางตอบแทนเขาอย่างแน่นอนครับ”
“คุณจะบอกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าคุณงั้นเหรอครับ?”
ซิกซ์พยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ครับ...วันนี้ทุกคนก็เห็นแล้วว่าเขาแข็งแกร่งกว่าผม”
คืนนั้นผ่านไป วันรุ่งขึ้น...
พาดหัวข่าวใหญ่ขึ้นเต็มเว็บไซต์ข่าวสาร
{บัลลังก์อันดับหนึ่งถูกโค่นแล้ว! ซิกซ์ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งอันดับ 1 อีกต่อไป!}
{ชายสวมหน้ากากซอมบี้ ผู้ปลิดชีพจ้าวแห่งความตาย!}
{ตัวตนปริศนา หรือฮีโร่ที่แท้จริง? }
ท่ามกลางกระแสโซเชียลที่ร้อนแรง บุคคลปริศนา กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดทั่วทั้งประเทศ
แฮชแท็ก #หน้ากากซอมบี้ ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งภายในไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่คลิปการต่อสู้ถูกแชร์ซ้ำไปนับล้านครั้ง
เรย์นั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่ไอโอนิค กดสมาร์ทโฟนไถข่าวไปมา ขณะพูดพึมพำกับตัวเอง
“หน้ากากซอมบี้?”
เนียร์ที่กำลังเก็บของเงยหน้ามอง
“ก็ฉายาใหม่นายไง...คนเขาไม่รู้จะเรียกนายว่าอะไร ก็เลยเรียกกันตามที่เห็นนั่นแหละ...ไม่ชอบเหรอ?”
เรย์รีบเบือนหน้าหนี
“พูดเรื่องอะไร? ไม่เห็นเข้าใจเลย...”
เนียร์หัวเราะนิดๆ
“ไม่ต้องแกล้งปิดบังหรอก พวกเราเห็นกันหมดว่านายได้หน้ากากนั่นมาจากร้านปาโป่ง”
เรย์เหงื่อตก
“ดะ...ดูออกด้วยเหรอ!? ฉันว่าเนียนแล้วนะนั่น!”
ไลออนที่เก็บของอยู่เงยหน้าขึ้นทันที
“เนียนก็บ้าแล้ว...แค่เห็นหน้ากากนั่น พวกเราก็รู้กันหมดแล้วว่าเป็นนาย!”
เนียร์เสริมทันที
“ทั้งไอเดน ลาวิน มินนี่...พวกนั้นรู้กันหมดแหละ แม้แต่เอรีนกับปังปังก็ด้วย”
ไลออนขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะเบิกตาโต
“ว่าแต่นายมีวงแหวนด้วยเหรอ!? วงแหวนสีดำนั่นมันอะไรอะ! สุดยอดไปเลย ทั้งไฟสีดำ ทั้งดูดมานา! นายเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย!”
“......”
เรย์ไม่พูดอะไร เขาเพียงก้มหน้าก้มตาเก็บของต่ออย่างเงียบๆ
เนียร์มองเรย์ด้วยสายตานิ่งขึ้น
“ฉันไม่คิดจะถามหรอกนะ ว่านายทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง เพราะรู้อยู่แล้วว่านายคงไม่ตอบ...แต่ไปโชว์พลังออกสื่อขนาดนั้น นายคิดอะไรอยู่?”
เรย์ยักไหล่
“ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกแล้วนี่...แล้วนายก็เป็นคนบอกให้ฉันสู้ไม่ใช่หรือไง?”
เนียร์ถอนหายใจเบาๆ ขณะที่ไลออนพูดต่อ
“นี่ก็หมายความว่า...นายแข็งแกร่งกว่าซิกซ์จริงๆ งั้นเหรอ? มัน...เป็นไปได้ยังไงฟะ!!?”
ความเงียบปกคลุมในห้องอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เสียงแจ้งเตือนข้อความจะเด้งขึ้นในกลุ่มแชท ‘มิตรภาพติดลบ’
ไอเดน : เฮ้ย หน้ากากซอมบี้ ฮีโร่ของพวกเรา ลองดูข่าวสดตอนนี้สิ เขากำลังพูดเรื่องนายอยู่แน่ะ
เรย์ยกมือขึ้นปิดหน้า ถอนหายใจยาว
“เฮ่อออ...”
ไลออนคว้าสมาร์ทโฟนสามเหลี่ยมของตัวเองขึ้นมากด หน้าจอโฮโลแกรมลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนฉายภาพขึ้นสู่ผนังห้องข้างหนึ่งเป็นจอขนาดใหญ่
หน้าจอแสดงให้เห็นรายการข่าวสด พิธีกรชายวัยกลางคนนั่งอยู่คู่กับชายอีกคนในชุดนักวิจัยจากรัฐบาล ด้านหลังพวกเขามีภาพหน้ากากซอมบี้ขนาดใหญ่แสดงอย่างชัดเจน
“เรากำลังอยู่กับผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฎีมานาจากรัฐบาลครับ วันนี้เราจะมาคุยกันถึงปรากฏการณ์ที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก ว่าหน้ากากซอมบี้ที่โผล่ขึ้นมาในภารกิจนั้น แท้จริงแล้วแข็งแกร่งกว่าซิกซ์จริงหรือไม่?”
“ครับ...ในความเป็นจริง การตัดสินว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันนั้น ไม่สามารถดูได้จากการต่อสู้กับมอนสเตอร์แค่ตัวเดียวหรอกนะครับ”
“แต่ซิกซ์พูดเองเลยนะครับว่าหน้ากากซอมบี้เก่งกว่าเขา?”
“ทุกคนก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าซิกซ์เป็นคนถ่อมตัว...ตามความเห็นผม ความสามารถของลิชตัวนั้นถือเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของซิกซ์ครับ เนื่องจากลิชมีพลังป้องกันเวทมนตร์สูง ในขณะที่ซิกซ์ถนัดเวทระยะไกลมากกว่า ส่วนหน้ากากซอมบี้...เขาใช้การโจมตีทางกายภาพ จึงสามารถทำลายลิชได้ครับ”
“แต่ว่าหน้ากากซอมบี้ก็ใช้เวทธาตุไฟเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ? ไฟสีดำของเขาดูรุนแรงยิ่งกว่าไฟของซิกซ์อีกนะครับ...”
“เรื่องนั้นยังพิสูจน์ไม่ได้ครับ ไฟสีดำที่เห็นนั้นแตกต่างจากไฟทั่วไป และยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด”
“แล้วเรื่องที่มานา และวงแหวนเวทของเขาเป็น ‘สีดำ’ ทั้งหมดล่ะครับ? มันหมายความว่ายังไง?”
“ตามทฤษฎีพื้นฐาน มานานั้นล้วนมีต้นกำเนิดจากแสง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นสีดำสนิทเช่นนั้น และ ‘วงแหวนเวทสีดำ’ ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน...ผมจึงตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่มานาครับ”
“หืม? ถ้าไม่ใช่มานา? แล้วมันคืออะไร?”
“ยังสรุปไม่ได้ครับ...ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่จากที่เห็น...มันอาจเป็นพลังอีกประเภทหนึ่งก็ได้”
“พูดถึงเรื่องพลัง...ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถดูดกลืนมานาของมอนสเตอร์ได้ นั่นมันคืออะไรกันแน่ครับ?”
“ผมคาดเดาว่านั่นอาจจะเป็น ‘วิซ’ ของเขาครับ...พูดถึงเรื่องนี้ก็ดีแล้วครับ ผมมีข้อสังเกตหนึ่ง...”
ชายจากรัฐบาลหยิบรูปขึ้นมาจากแฟ้มหนึ่งใบ เป็นภาพเศษหินมานาสีหม่นจำนวนหนึ่ง
“นี่คือหินแกนมานาที่เรายังพอเก็บมาได้จากถ้ำหลังการสู้รบครับ ไม่ใช่ของลิชตัวนั้น เพราะร่างมันถูกไฟเผาจนไม่เหลือ แต่เป็นของซอมบี้ในบริเวณใกล้เคียง...”
“แล้วมันสำคัญยังไงครับ?”
“หินพวกนี้ไม่มีมานาหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย ซึ่งมัน ‘เหมือนกัน’ กับเหตุการณ์ที่เหมืองร้าง เมื่อประมาณหกเดือนก่อน...”
“เดี๋ยวนะ!...คุณกำลังจะบอกว่า...”
“ใช่ครับ หินแกนมานาพวกนี้มีลักษณะเดียวกับตอนที่เอลเดอร์โทรลล์ถูก ‘มนุษย์ถ้ำปริศนา’ จัดการที่เหมืองร้าง จึงเป็นไปได้ว่า...หน้ากากซอมบี้กับมนุษย์ถ้ำคนนั้น อาจจะเป็น ‘คนเดียวกัน’ หรือไม่...ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกันครับ”
ผู้ประกาศข่าวเบิกตากว้างทันที
“นะ...นี่มันข่าวใหม่เลยนะครับ!”
“บุคคลนี้มีความลึกลับอย่างมาก...เขาอาจจะไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ...พลังของเขานั้นต่างจากมนุษย์มาก…”
“มะ…ไม่ใช่มนุษย์? เป็นมอนสเตอร์?”
“ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดครับ เป็นแค่การคาดเดา”
“ได้ยินมาว่าทางรัฐบาลกำลังตามหาตัวเขาอย่างหนัก?”
“ใช่ครับ...พลังของเขา จะช่วยประเทศของเราได้อย่างแน่นอนครับ นอกจากนี้...ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา หรือ จีน ก็ยังติดต่อเข้ามาเพื่อต้องการข้อมูลของชายคนนี้ครับ”
“เรื่องใหญ่เลยสินะครับ...แล้วข่าวลือที่ว่าเขาเป็นมนุษย์ทดลองของรัฐบาลล่ะครับ?”
“เป็นเรื่องเหลวไหลครับ”
“เนื่องจากเขาสวมชุดของนักเรียนไอโอนิค...มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาอาจเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียน คุณคิดว่ายังไงครับ?”
“จากระดับพลังที่แสดงออกมาแล้ว เป็นไปไม่ได้แน่นอนครับว่าจะเป็นนักเรียน และทางไอโอนิคก็ได้ออกมาปฏิเสธอย่างเป็นทางการแล้ว”
“แล้วทำไมเขาถึงใส่ชุดนักเรียนล่ะครับ?”
“...แล้วผมจะไปรู้ไหมล่ะครับ?”
“......”
ผู้ประกาศข่าวหันกลับมาทางกล้อง
“เอาล่ะสิครับ! เบาะแสใหม่เพียบเลยล่ะครับ! หน้ากากซอมบี้...อาจเป็นคนเดียวกันกับมนุษย์ถ้ำในตำนานคนนั้น และเขายังอยู่ในประเทศของเรา! คุณผู้ชมคิดเห็นยังไงบ้างครับ?”
จอภาพดับลง...
เรย์ ไลออน และเนียร์ หันมามองหน้ากันอย่างเงียบงัน เหงื่อผุดขึ้นที่ขมับแทบพร้อมกัน
ไลออนพึมพำเสียงเบา
“...ชิ*หายแล้วไง”
เนียร์ถอนหายใจหนัก
“นี่มันเรื่องใหญ่ระดับโลกแล้วนะ คนทั่วโลกกำลังตามหานายอยู่”
เรย์นิ่งเงียบ
ไลออนแทรกขึ้น
“เขาบอกด้วยว่านายอาจจะไม่ใช่มนุษย์ล่ะ...ทำไมนายไม่เปิดตัวไปเลยล่ะ? จะได้กลายเป็นคนดังเหมือนซิกซ์ไง!”
เนียร์หันมาตะคอกใส่
“นายโง่หรือเปล่า? พลังของเรย์ยังเป็นปริศนา ถ้าเปิดตัวไป มีหวังถูกลากไปทดลองแน่ๆ แล้วอย่าลืมว่าเขายังมีครอบครัว โลกนี้มันไม่ได้สวยหรูนะ!...แล้วเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่นายคิด...จะทำอะไรเราต้องคิดให้ดีก่อน”
ไลออนพยักหน้าหงึกๆ ก่อนหันไปถามเรย์
“แล้วนายจะเอายังไงต่อ?”
เรย์ตอบเรียบๆ
“ก็ไม่ต้องทำอะไร ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นฉัน ตราบใดที่พวกนายไม่พูด...และฉันก็ไว้ใจพวกนาย เดี๋ยวเรื่องก็คงเงียบไปเองแหละ”
เนียร์เลิกคิ้ว
“อย่าลืมสิ ไม่ได้มีแค่พวกเราที่รู้...ยังมีเอรีน นายจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่พูด?”
เรย์ยิ้มมุมปาก
“ไม่ต้องห่วง...ยัยนั่นไม่พูดหรอก”
ไลออนกับเนียร์พลันหันมามองกัน ก่อนจะส่งเสียงแซว
“เห~~รู้ใจกันดีนี่!!”
เรย์ตะโกนเสียงแข็ง
“หุบปากน่า...”
เสียงประกาศพลันดังขึ้นขัดจังหวะ
<ขอให้นักเรียนใหม่ไปรวมตัวกันที่ลานกว้างโดยพร้อมเพรียง>
ทั้งสามคนสะพายกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นหลัง
“ไปกันเถอะ”
เรย์พูด
“ได้เวลากลับบ้านแล้ว”
นักเรียนใหม่ทุกคนยืนรวมตัวอยู่กลางลานกว้าง ท่ามกลางแสงแดดอ่อนยามบ่าย
เซเรนยืนอยู่เบื้องหน้า เธอกล่าวประโยคปิดท้ายสั้นๆ
“สิ้นสุดการเป็นนักเรียนใหม่แล้ว...ขอบคุณที่อดทนกันมาตลอด...ถึงเวลาพักผ่อน พบกันใหม่เดือนหน้า”
เสียงโห่ร้องดีใจดังขึ้นในหมู่นักเรียน ก่อนจะเริ่มแยกย้ายกันกลับ
แต่ก่อนที่เรย์จะก้าวออกไป เสียงเซเรนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เรย์...ตามฉันมาที่ห้องเดี๋ยวนี้”
“......?”