“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง - ตอนที่ 42 เพลิงดับสูญ โดย TENTENs @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ยุคปัจจุบัน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรงเรียนเวทมนตร์,พระเอกเทพ,เทพ ,พลังวิเศษ,พระเอกเก่ง,เวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง โดย TENTENs @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“เขาคือเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีค่ามานาเป็นศูนย์ ท่ามกลางผู้ใช้เวทนับล้าน ในโลกที่พลังคือทุกสิ่ง… เขาจะล้มล้างทุกกฎที่ขวางทางเพื่อไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด”

ผู้แต่ง

TENTENs

เรื่องย่อ

ในโลกที่มานาคือทุกสิ่ง มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อต่อสู้ ดำรงอยู่ และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด

แต่เขากลับเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีพลังมานาเท่ากับศูนย์

ใช่...ฟังไม่ผิด เท่ากับศูนย์

ไร้พลัง และอ่อนแอ

ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งไขว่คว้าหาอำนาจ เขาทำได้เพียงแค่เดินอยู่ในเงามืด

เส้นทางของเขา ไม่ได้เริ่มต้นจากแสงสว่าง

แต่มันจะจบลง…ด้วยการสะเทือนไปทั้งโลก

“ไม่มีมานา…แล้วยังไงล่ะ?”



สวัสดีครับ TENTENs ครับ

ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดหน่อยนะครับ

ผมมีความฝันอยากเขียนนิยายมานานแล้ว ถึงจะเคยลองเขียนแล้วอ่านเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะให้ใครอ่านสักที 


จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องใหม่ที่เขียนเองแต่งเองทั้งหมด ด้วยความตั้งใจจริงมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ


โดยนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายรายตอนที่จะมีเนื้อเรื่องที่ยาวพอสมควร ผมจะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ อาทิตย์ละ 3 ตอน เป็นอย่างน้อย ด้วยความที่ภาระหน้าที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะเขียนได้ช้าไปบ้าง แต่สัญญาว่าจะไม่มีวันหยุดเขียน ตราบใดที่ยังมีคนรออ่านอยู่ แม้เพียงคนเดียวก็ตามครับ


ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน ต้องขออภัยมากๆ และสามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะครับ


ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในหัวใจทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ


สารบัญ

Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-บทนำ Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 1 รถหรู กับ รถพัง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 2 เด็กผู้ทำคะแนนเต็ม,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 3 เด็กเก้าวงแหวน กับ เด็กผู้ไร้มานา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 4 ฉันรู้สึกได้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 5 พลังตรวจจับ?,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 6 เหมืองร้าง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 7 ดวงวิญญาณปริศนา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 8 ฉันจะไปฝึกวิชา,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 9 การต่อสู้ที่ไม่คาดฝัน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 10 มานาจากธรรมชาติ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 11 เสียงคำรามจากเงามืด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 12 พลังสีดำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 13 มนุษย์ถ้ำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 14 เวลาแห่งการล่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 15 ไอโอนิค,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 16 การสอบรอบที่ 1,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 17 การสอบรอบที่ 2,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 18 เพียงวูบเดียว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 19 การสอบรอบที่ 3,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 20 ม่านหมอก,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 21 มาสู้กับผมสิ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 22 สัตว์ป่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 23 โพรงลึก,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 24 ประตูสู่ไอโอนิค,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 25 ห้องแห่งการประเมิน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 26 ขีดจำกัด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 27 มานาธาตุ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 28 เปลวไฟ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 29 วงแหวน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 30 การต่อสู้ระยะใกล้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 31 ดาบไร้คม,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 32 เรมไนร์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 33 ประกาศิต,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 34 ชีวิตแลกชีวิต,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 35 ความฝัน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 36 กริฟฟอน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 37 สัตว์ประหลาด,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 38 แสงสว่างท่ามกลางสายฝน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 39 หุบเหว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 40 คืนที่ไร้ดวงดาว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 41 ประกายสีดำ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 42 เพลิงดับสูญ,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 43 อาร์คดูเอล,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 44 ใต้แสงจันทร์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 45 วงแหวนของไลออน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 46 การยืนหยัดของผู้ไร้พรสวรรค์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 47 ก้าวแรกที่ผ่านพ้น,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 48 งานเทศกาลของซิกซ์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 49 ผู้ครอบครองวงแหวนทั้งเก้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 50 สนามรบที่แท้จริง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 51 เมื่อแสงหมดสิ้น...ความมืดจึงเผยตัว,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 52 ผู้ยืนอยู่เหนือซากบัลลังก์,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 53 หน้ากากซอมบี้,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 54 พลังอสูร?,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 55 กลับบ้าน,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 56 เหนือฟ้ายังมีฟ้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 57 เด็กหญิงผู้ไม่เคยได้ยินเสียงเพลง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 58 เทพเจ้า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 59 มงกุฎแห่งเอไลเซร่า,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 60 วงแหวนที่สอง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ตอนที่ 61 หาง,Mana Zero : กำเนิดราชันไร้พลัง-ประกาศสำคัญ จากผู้เขียน

เนื้อหา

ตอนที่ 42 เพลิงดับสูญ

“วงแหวนที่หนึ่ง...”

ท่ามกลางความสิ้นหวัง วงแหวนสีดำปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

“เพลิงดับสูญ”

เมื่อสิ้นคำ เปลวเพลิงสีดำสนิทพลันระเบิดออกจากมือของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของทุกสายตา

มันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมกับเสียงระเบิดที่เหมือนกับเสียงคำรามของปีศาจนรก

มันไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา มันไม่มีควัน ไม่มีแสงเจิดจ้า มีแต่ความมืดอันบริสุทธิ์ สีดำสนิทยิ่งกว่ารัตติกาล ทว่าแผ่ความร้อนรุนแรงระดับที่อากาศรอบข้างสั่นไหว

ลูกไฟยักษ์ของบาห์ราซัสพลันสลาย มันถูกกลืนกินโดยเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับ ราวกับถูกลบหายไปจากโลกในทันที

“คุณเรย์!!”

อัลล์ร้องขึ้นสุดเสียง ใบหน้าที่เปื้อนเลือดฉายแววประหลาดใจ

เพลิงสีดำลุกลามขึ้นสู่ฟ้าอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยพู่กันแห่งความตาย

เมื่อบาห์ราซัสตนใดแตะต้องไฟ มันจะลุกไหม้ในทันที ร่างกายของมันจะถูกย้อมด้วยไฟสีดำ และมันจะไม่มีวันดับจนกว่าร่างนั้นจะตาย

จากหนึ่ง เป็นสิบ จากสิบ เป็นร้อย จากร้อย เป็นพัน

เปลวไฟสีดำลามต่อเนื่องจากตัวหนึ่งไปสู่อีกตัว เหมือนเชื้อโรคที่แพร่กระจายอย่างไร้ความปรานี เพียงไม่นานร่างของบาห์ราซัสนับพันตัวก็ติดไฟทั่วท้องฟ้า

เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังก้อง ฝูงบาห์ราซัสที่เคยไร้เทียมทาน บัดนี้กลายเป็นกลุ่มสัตว์ที่กำลังดิ้นทุรนทุราย ร่วงลงมาราวห่าฝนแห่งศพ

“นั่นมันเวทมนตร์อะไรกัน!?”

“มันยิ่งกว่าเวทระดับสูงอีก...”

“เขาไม่ใช่คนแล้ว...”

ทุกคนต่างมองขึ้นไปบนฟ้าตาไม่กะพริบ

สิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่แค่เปลวไฟ แต่มันคือ ขุมนรกที่สถิตอยู่ในมือของเด็กอายุสิบห้า

เรย์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผู้ใช้เปลวเพลิงสีดำ เขาคือคนที่อ้าปากกว้างมากกว่าใคร สองตามองเปลวไฟบนฟ้าด้วยความตกตะลึง

เขาเองก็เพิ่งเห็นไฟสีดำตรงหน้าเป็นครั้งแรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป

‘นี่คือเวทมนตร์ของนายงั้นเหรอเรมไนร์? สุดยอดเป็นบ้า!!’

[ทะ...ทำไม ‘เพลิงดับสูญ’ อันเจิดจ้า และแสนบริสุทธิ์ของข้า ถึงกลายเป็นสีดำไปได้!?]

เรมไนร์พึมพำออกมาอย่างเจ็บใจ

เวทเปลวเพลิงของเขา เป็นศิลปะอันงดงาม เปล่งประกายเจิดจ้าเสมอ แต่เมื่อเรย์ใช้...มันกลับกลายเป็นสีดำสนิท และโหดร้ายราวกับปีศาจ

สัตว์อสูรระดับสูงกว่าหลายพันตัวถูกเผาทำลายหมดสิ้นในเวลาไม่ถึงนาที

ท้องฟ้าที่เคยมืดมัวกลับมีแสงอาทิตย์สาดลงมาอีกครั้ง

ความเงียบปกคลุมอยู่เพียงชั่วอึดใจ

ก่อนที่เสียงร้องแห่งความยินดีจะดังขึ้นพร้อมกันทั่วพื้นที่

“เรารอดแล้ว!!”

“พระเจ้า...เรารอดแล้ว!!!”

“เขาช่วยเราไว้!”

ผู้อพยพที่เหลืออยู่รอดชีวิตทั้งหมด ทุกคนหันไปมองเรย์ ราวกับเขาคือปาฏิหาริย์ เป็นสายตาเดียวกับที่มองวีรบุรุษ

วินาทีนี้ เรย์รู้สึกได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่เด็กไร้พลังอีกต่อไป เขาคือ...ผู้ที่ใช้เปลวไฟของพระเจ้า

อัลล์ทรุดลงกับพื้น น้ำตาคลอด้วยความโล่งใจ

ทันใดนั้น...

[ดูดกลืนมานา!]

อากาศพลันสั่นสะเทือน

ร่างของบาห์ราซัสนับพันที่ยังไม่กลายเป็นเถ้าถ่าน แปรเปลี่ยนกลายเป็นเงาสีดำจำนวนมาก

พลังงานบางอย่างลอยออกมาจากทุกทิศทาง แล้วพุ่งเข้าสู่ร่างของเรย์ในทันที

‘ทำอะไรของนายเนี่ย!!?’

[แล้วเจ้าจะทิ้งพลังอสูรพวกนี้ไปหรือไง?]

เรมไนร์ตอบกลับอย่างไม่สนใจ

ทุกคนเริ่มแตกตื่นอีกครั้งเมื่อเห็นพลังสีดำพวยพุ่งไปรวมอยู่ที่เด็กหนุ่มตรงกลางสนามรบ

“เกิดอะไรขึ้นกัน!?”

“นั่นเขากำลังดูดพลังของพวกมันงั้นเหรอ!?”

ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ เสียงเครื่องยนต์เฮลิคอปเตอร์ก็ดังขึ้นจากขอบฟ้า ดึงความสนใจของทุกคนในทันที

ลำแรก สองลำ สามลำ...จนกระทั่งเต็มท้องฟ้า

ฝูงบินของรัฐบาลมาถึงในที่สุด

เสียงประกาศจากวิทยุของหน่วยรัฐบาลดังขึ้น

“นี่คือหน่วยค้นหาและช่วยเหลือแห่งรัฐบาลกลาง! พวกท่านปลอดภัยแล้ว!”

เสียงโห่ร้องดังขึ้น ผู้อพยพหลายคนทรุดลงร้องไห้ หลายคนยกมือขึ้นฟ้า ขอบคุณฟ้า ขอบคุณโชคชะตา...แต่ไม่มีใครรู้เลย ว่าที่พวกเขารอดมาได้ ไม่ใช่เพราะโชค

แต่เป็นเพราะเด็กคนหนึ่ง...เด็กที่ไม่ควรมีอยู่ในระบบพลังใดๆ บนโลกใบนี้




ภายในห้องประชุมใหญ่ เสียงเอกสารกระทบโต๊ะดังขึ้นแผ่วเบา บรรยากาศภายในตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด หน้าจอแสดงผลรายงานการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก ฉายภาพที่เป็นข่าวใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ชายหญิงในเครื่องแบบนั่งเรียงรายรอบโต๊ะยาว ทุกคนล้วนเป็นผู้มีตำแหน่งสูงในรัฐบาล เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“คิดบ้าอะไรอยู่!? ออกไปปฏิบัติภารกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วยังพา ‘เด็ก’ ไปด้วย?”

อัลล์นั่งนิ่งหลังโต๊ะประชุม ฝ่ามือที่วางบนเข่ากำแน่น

“...แต่ถ้าผมไม่ไป พวกเขาจะตายกันหมดครับ”

“ไม่ใช่ข้ออ้าง!”

อีกคนโพล่งขึ้น

“หน่วยข่าวกรองต้องสูญเสียทรัพยากรไปเท่าไรในการปิดข่าวนี้รู้มั้ย? เด็กอายุสิบห้าเนี่ยนะ!? ...ประชากรจะยอมรับได้ยังไงว่ารัฐบาลฝากชีวิตของผู้อพยพไว้กับเด็กคนหนึ่ง?”

เสียงอื้ออึงดังขึ้นรอบโต๊ะ ก่อนจะเงียบลงทันทีที่ชายผู้หนึ่งวางฝ่ามือลงบนโต๊ะด้วยเสียงแผ่วเบา แต่กดดันราวสายฟ้า

“พอได้แล้ว”

ทุกคนเงียบเสียง หันไปมองชายสูงวัยในชุดคลุมดำปักลายทองที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ผมสีเทาเรียบเสยขึ้นอย่างเป็นระเบียบ และดวงตาคมดั่งเหยี่ยว

เขาคือ ผู้บัญชาการใหญ่แห่งรัฐบาลกลาง พลเอกออเรนจ์ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในประเทศไทย

ออเรนจ์มองไปที่อัลล์นิ่งๆ

“ฉันได้ยินมาว่า...นายสู้กับฝูงบาห์ราซัสนับพัน และรอดกลับมาได้?”

อัลล์สบตาผู้บัญชาการ ก่อนตอบเรียบๆ

“ไม่ใช่เพราะผมหรอกครับ...แต่เป็นคุณเรย์ต่างหาก”

“...!!?”

“เด็กไร้มานานั่นน่ะเหรอ?”

ออเรนจ์ถามเสียงเรียบ ในขณะที่ทุกคนในห้องแสดงสีหน้าแปลกใจ

“เด็กที่มีวิซตรวจจับที่นายสงสัยว่าเป็นวิซที่สูงกว่าระดับ S นั่น?”

อัลล์ส่ายหน้า

“เป็นความเข้าใจผิดของผมครับ เขาไม่ได้มีวิซ หรือมานาแม้แต่น้อย”

“......”

“แต่เขาครอบครองพลังที่ไม่อาจระบุได้ มันไม่ใช่มานา ไม่ใช่วิซ แต่คือพลังที่ ‘เด็ดขาด’ อย่างแท้จริง”

ห้องประชุมเงียบงัน

“พูดเพ้อเจ้ออะไรของนาย?”

ออเรนจ์ขมวดคิ้ว

อัลล์ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนพูดชัดเจนทุกถ้อยคำ

“คนที่ฆ่าสัตว์อสูรกว่าหลายพันตัว ด้วยการร่ายเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว คือเขาครับ”

เสียงอุทานเบาๆ ดังขึ้นจากหลายคนในห้อง ไม่มีใครเชื่อคำพูดเหลวไหลของอัลล์แม้แต่น้อย

ออเรนจ์ชะงัก ดวงตาแคบลง

“เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือไง?”

อัลล์สบตาตรงๆ

“...เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลยครับ”

เป็นคำพูดที่ทำให้ทุกคนในห้องเงียบกริบในทันที

ออเรนจ์นิ่งงัน ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักคำพูด ก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ แต่จริงจัง

“นายจะบอกว่า เขาแข็งแกร่งกว่า ‘ซิกซ์’ อีกงั้นเหรอ?”

อัลล์เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตอบด้วยเสียงหนักแน่น

“ไม่ใช่...ก็ใกล้เคียงครับ”

ออเรนจ์เบิกตากว้าง ลุกพรวดขึ้นในทันที เขาค่อยๆ หรี่ตาลง ก่อนจะพูดเสียงหนักแน่น

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว...”

เขาลุกขึ้นมองไปรอบโต๊ะ ก่อนจะพูด

“ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร เราต้องดึงเด็กคนนี้มาเป็นของรัฐบาลให้ได้ เข้าใจใช่ไหม?”

“ครับ!!”

อัลล์ลุกขึ้นรับคำทันที




เรย์นั่งบนเก้าอี้พับ ใต้ร่มชั่วคราวที่ตั้งไว้ลวกๆ เขายังคงมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าเหม่อลอย

‘หมายความว่าวงแหวนของฉันมันทำหน้าที่กักเก็บมานาธรรมชาติไว้จำนวนมากงั้นสินะ’

[ใช่...มันมีหน้าที่ดูดซับและกักเก็บมานาธรรมชาติโดยเฉพาะ]

‘แล้วเวท ‘เพลิงดับสูญ’ ล่ะ ทำไมฉันถึงใช้มันได้?’

[เพราะข้าสลักวงแหวน เพลิงดับสูญ ของข้าไว้ในวงแหวนของเจ้าไงล่ะ]

‘แบบนี้ฉันก็สามารถใช้มันได้ทุกครั้งที่ต้องการเลยเหรอ? เพียงแค่เอ่ยชื่อ?’

[ใช่…แต่มันใช้มานาธรรมชาติทั้งหมดที่วงแหวนของเจ้ามีในคราวเดียว...หลังจากนั้นเจ้าต้องรอให้วงแหวนดูดซับมานาธรรมชาติใหม่ก่อนจึงจะใช้ได้อีกครั้ง]

‘อืมมม...แล้วถ้าฉันอยากเปลี่ยนเวทล่ะ?’

[ทำไม่ได้หรอก...เมื่อข้าสลักวงแหวนใดลงไปแล้ว มันจะคงอยู่ตลอดไป เปลี่ยนแปลงไม่ได้...วงแหวนเพลิงดับสูญ จะอยู่ภายในวงแหวนของเจ้าไปตลอดกาล]

เรย์พลันขมวดคิ้วเป็นเด็กในทันที

[แต่หากเจ้าดูดกลืนพลังอสูรมากพอ จนวงแหวนสามารถกักเก็บมานาธรรมชาติได้มากกว่านี้ ข้าก็อาจสลักวงแหวนเพิ่มลงไปได้อีก ถึงตอนนั้นเจ้าอาจมีเวทให้ใช้มากกว่าหนึ่ง]

‘จริงเหรอ!? ...งั้นคราวหน้า ก่อนจะสลักวงแหวนใหม่ ให้ฉันเลือกเวทมนตร์ของนายก่อนนะ ฉันไม่ได้อยากได้เพลิงดับสูญนั่นสักหน่อย!!’

[......]

‘นายไม่มีเวทแบบที่ทำให้ฉันเหาะได้มั่งเหรอ?’

[......]

เสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามาขัดจังหวะ

“เสร็จเรื่องแล้วล่ะครับ...กลับไอโอนิคกันครับ ผมจะไปส่งคุณเอง”

เรย์หันมา ยิ้มเล็กน้อย

“...ครับ”

ในทางเดินก่อนจะไปถึงลานจอดรถ อัลล์ที่กำลังเดินเคียงข้าง เขาพูดเบาๆ ระหว่างทาง

“ขอโทษด้วยนะครับที่รัฐบาลออกข่าวไปแบบนั้น ถ้าขืนประกาศว่าเด็กอายุสิบห้าเป็นคนช่วยรัฐบาล...มันคงวุ่นวายไปหมด”

เรย์ส่ายหน้า

“ดีแล้วล่ะครับ...ผมไม่อยากโดนจ้องมองเหมือนตัวประหลาด”

อัลล์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมายื่นให้เรย์ดู

“แล้วก็นี่ครับ...ค่าจ้างของคุณ”

เรย์ชำเลืองมองก่อนชะงัก

“...ยะ...ยี่สิบล้าน!?”

เขาตะโกนสุดเสียง

อัลล์ยิ้ม

“มันยังน้อยไปกับสิ่งที่คุณทำด้วยซ้ำครับ”

เรย์เหงื่อแตกพลั่ก

“ผมไม่ใช่ทหารรับจ้างนะครับ...แล้วปกติเขาได้เงินกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ!?”

“ตอนนี้คุณเป็นมากกว่านั้นแล้วครับ”

อัลล์พูดพร้อมกับยื่นมือออกมา

“ผมขอสมาร์ทโฟนคุณหน่อยสิครับ”

“......”

เรย์ยื่นให้ อัลล์แตะสมาร์ทโฟนทั้งสองเข้าด้วยกันเบาๆ จนมีเสียงสัญญาณเชื่อมต่อดังขึ้น เขายิ้มบางๆ อย่างจริงใจ

“นี่เป็นเบอร์ของผมครับ คุณสามารถติดต่อผมได้ทุกเมื่อ ผมจะจัดการให้คุณทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร”

“คะ...ครับ ขอบคุณนะครับ...”

อัลล์พยักหน้ายิ้ม พร้อมผลักประตูรถตู้กันกระสุนให้เรย์ขึ้นไปด้านใน




กำแพงสูงลิบฉาบด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น ประตูเหล็กขนาดมหึมาเปิดออกอย่างช้าๆ รถแล่นผ่านเข้าไป ก่อนจะหยุดลงหน้าทางเข้า

เมื่อประตูรถเปิดออก ร่างหนึ่งก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวผมยาวในชุดคลุมสีเงินสะอาด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

“คุณเซเรน…”

อัลล์พึมพำเบาๆ

เซเรนจ้องตรงมา น้ำเสียงเย็นเยือก

“นายบอกว่าจะกลับในทันที แต่นี่มันจะสิบวันเข้าไปแล้ว...”

อัลล์ก้มหัวทันที

“ขอโทษครับ ผมผิดคำพูด”

เธอกลับไม่ได้ต่อว่าเขานานนัก เพียงถอนหายใจเบาๆ

“ช่างเถอะ ในเมื่อเรย์รอดชีวิตกลับมาแล้วก็พอ”

เซเรนหรี่ตามองเรย์ ก่อนจะพูดเบาๆ

“รีบเข้าไปด้านในซะ ทุกคนรออยู่”

ประตูทางเข้าโถงหลักเปิดออก

ทุกสายตาเงียบงันแล้วหันขวับมาทางต้นเสียง

ทันทีที่เห็นใบหน้าของเขา

“เรย์!”

เสียงใสของเด็กสาวคนหนึ่งแหวกความเงียบราวกับสายฟ้า มินนี่วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างไม่ลังเล น้ำตาเอ่อล้นราวกับรอเพียงจังหวะนี้มานานแสนนาน

“ฮึก...ฮือ ฉันนึกว่านายจะไม่กลับมาแล้ว!”

เธอโผเข้ากอดแน่นจนเรย์ผงะเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างค้างกลางอากาศด้วยความลังเล

“มะ...มินนี่...”

เขาอึ้งไปชั่วครู่

“จะร้องไห้ทำไม...ฉันยังไม่ตายน่า”

แต่เขาไม่มีโอกาสพูดจบ เธอซุกหน้าลงกับอกเขา สะอื้นแรงจนเสื้อเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา

เรย์เงียบไป ก่อนจะเงยหน้ามองเหล่าเพื่อนๆ ที่ยืนรออยู่ตรงหน้า

ไลออน ยิ้มกว้างจนตาแทบปิด ความยินดีเปล่งประกายอย่างสดใส

เนียร์ ยืนกอดอกยิ้มเรียบๆ แต่แววตาอ่อนโยนจนน่าประหลาด

ไอเดน ยักคิ้วให้พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประจำตัว แต่ครั้งนี้ดูอบอุ่นกว่าทุกที

ลาวิน พยักหน้าให้เขาด้วยแววตาเป็นห่วง

แต่สายตาสุดท้ายที่เขาสบเข้า กลับทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย

เอรีน ยืนอยู่เงียบๆ ริมประตู ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ใบหน้าเรียบสงบ แต่ในดวงตานั้น...เต็มไปด้วยความโล่งใจเล็กๆ

เธอเพียงพยักหน้าให้เขาเบาๆ

เรย์สบตาเธอ แล้วพยักหน้ากลับ

เขาเพียงยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดเบาๆ

“ฉันกลับมาแล้ว...”