ไดอารี่ของคนที่ไม่เคยเข้าใจโลก—แม้จะเข้าใจมันมากพอก็ตาม
เรื่องสั้น,เล่าประสบการณ์,อื่นๆ,ไทย,ชีวิต ,ชีวิตประจำวัน,ชีวิตประ,ปรัชญา,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกที่รอวันถูกลืม (The Diary Awaiting Oblivion)วันนี้ฉันตื่นเช้ากว่าทุกวัน ไอหมอกด้านนอกฟาดผ่านด้วยริ้วแสง
ท้องฟ้าถูกแบ่งด้วยสีม่วงซีดตัดเหลืองน้ำผึ้ง เสียงนกร้องบ่งบอกถึงวันใหม่
ฉันลุกขึ้นเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปเดินเล่น ก้าวเดินไปอย่างๆช้าๆ รู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงตลาดใกล้หมู่บ้าน—ตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คน
บ้างตะโกนเรียกลูกค้า, บ้างสาละวนอยู่กับการจัดของ, บ้างชงกาแฟให้ตื่นนอน, บ้างพูดคุยถึงนักการเมือง
พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิต ทำให้จิตใจมีชีวิตชีวาอย่างยากที่จะอธิบาย ฉันเดินเลือกซื้ออาหาร มีขนมโบราณที่ไม่ได้เห็นมาหลายปีอยู่หลายชนิด ฉันซื้ออย่างละเล็กอย่างละน้อยพอให้ชิมได้ครบทั้งฉันและพ่อ
พอกลับถึงบ้าน ฉันก็เอาขนมและข้าวไปวางหน้าห้องของเขาแล้วส่งข้อความบอก ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้อง อาบน้ำสระผมล้างกลิ่นควัน หยิบเรื่อง the picture of dorian gray แล้วนั่งลงที่โซฟาข้างชั้นหนังสือ พร้อมกับกินขนมไปพลางๆ
เวลาได้ผ่านไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีเมื่อวางหนังสือลงก็ถึงเวลาบ่ายโมง ฉันเดินไปหน้าโต๊ะคอม เริ่มเขียนนิยายเหมือนในทุกๆวัน แม้จุดเริ่มต้นของวันจะต่างไป แต่ชีวิตฉันก็ได้กลับเข้าไปสู่จุดเดิม ไม่ใช่เพราะไร้ทางเลือก แต่แม้ว่าจะเลือกแล้ว—มันก็ยังคงไร้ทางออก...
ไม่สิ....จริงๆอาจจะตรงกันข้าม ฉันอาจจะแค่ชอบให้มันวนซ้ำ ซ้ำไปเรื่อยๆ แล้วกระซิบบอกตัวเองว่า
“มันไร้ทางออก”
กลางคืนมาเยือน พร้อมเสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน ฉันเขียนต่อ ปิดไฟในห้องให้เหลือเพียงโคมไฟบนโต๊ะ การเขียนตอนนี้ไหลลื่นกว่าก่อนหน้า ไม่ใช่เพราะสมองโล่ง แต่เพราะความง่วงช่วยตัดเสียงโต้เถียงในหัวออกไป
"คงถึงเวลานอนได้แล้ว.." ฉันพึมพำ
ยื่นมือออกไปปิดจอ อาบน้ำ สวมชุดคลุม ถอดคอนแทคเลนส์ สวมแว่นตา เป่าผม — แม้ต้องการจะนอน แต่กลับมีเรื่องยุ่งยากมากมาย 'บางทีก็อยากเกิดเป็นหุ่นยนต์' ฉันบ่นในหัวระหว่างนั้น
แต่เมื่อเอนกายลงบนเตียง ความง่วงกลับหนีไป ทิ้งไว้เพียงฉันกับความคิดที่ฟุ้งซ่าน
ฉันหยิบโน็ตบุ๊คข้างเตียงมาจดบันทึกอีกครั้ง ระหว่างจดไป ความคิดก็ยิ่งฟุ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวอักษรที่เพิ่มขึ้นทีละตัว ไม่ต่างจากความคิดในหัวที่เพิ่มทีละเรื่อง
เรื่องเศร้า — จนอยากร้องไห้
เรื่องน่าอาย — จนอยากดื่มน้ำลบความจำ
เรื่องโกรธ — จนเผลอกัดฟันจนเจ็บกราม
เรื่องสนุก — ที่เพียงนึกถึงก็ยิ้มจนแก้มแทบฉีก
แต่ไม่ว่าจะคิดไปกี่เรื่อง ความคิดและความทรงจำเหล่านั้นก็อยู่ได้เพียงในหัว ไม่ว่าจะจินตนาการมากแค่ไหน มันก็เป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
ฉันจดเรื่องของวันนี้ลงไป จัดฉากความทรงจำของวันลงไปช้าๆอย่างปราณีต แม้อ้างว่าจะไม่ใส่เรื่องโกหกหรือแต่งเรื่องเกินจริง แต่กลับแอบขยายความด้วยถ้อยคำสวยหรูไม่ต่างจากศิลป์ประดับหอ แล้วเรียกมันว่า “วันหนึ่งของชีวิต” เพื่อหลอกทั้งตัวเอง และผู้อ่าน ว่านี่แหละคือความจริงที่เกิดขึ้น
พอเป็นแบบนี้ก็ยิ่งยากจะนอนหลับลง ทำไมกันนะ...
ทั้งๆที่จุดเริ่มต้นของวันนี้เริ่มต้นด้วยแสงอาทิตย์และเสียงนกร้อง แต่จุดจบของวันกลับจบลงด้วยคำถามเสียอย่างนั้น...