ไดอารี่ของคนที่ไม่เคยเข้าใจโลก—แม้จะเข้าใจมันมากพอก็ตาม
เรื่องสั้น,เล่าประสบการณ์,อื่นๆ,ไทย,ชีวิต ,ชีวิตประจำวัน,ชีวิตประ,ปรัชญา,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกที่รอวันถูกลืม (The Diary Awaiting Oblivion)เวลา 7.24 นาฬิกาในไทย ในที่สุดฉันก็เสร็จงานแปลเอกสารที่ค้างคามาหลายวัน
แม้จะง่วง แต่ด้วยความที่ไม่อยากเสียเวลาไปกับการนอน ฉันจึงเลือกที่จะเปิด douyin ขึ้นมาเพื่อพยายามฝึกทักษะการฟังภาษาจีน
ถึงอย่างนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ฉันกลับมาจบลงด้วยการดูชุดแต่งกายโบราณในจีน และเมื่อนิ้วตวัดไปเรื่อยๆ ฉันก็สะดุดเข้ากับคลิปๆหนึ่ง... ไม่สิ ไลฟ์หนึ่งทื่ชื่อว่า “晚风很温柔 ” ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดจีนโบราณสีขาว แต่ต่างจากคนอื่นๆที่ฉันดูมาจนถึงตอนนี้ เพราะเธอกำลังทำงานบางอย่างตั้งแต่เช้าตรู่ที่หมอกลง คลับคล้ายกับการแกะเมล็ดจากข้าวโพดดิบ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
“แปลกชะมัด” เสียงหลุดออกมาจากริมฝีปากแผ่นเบา เมื่อเห็นภาพรวมที่คล้ายกับหลุดออกมาจากยุคโบราณ
มันทำให้ฉันหยุดดูอยู่นานด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นชุดโบราณที่ฉันชอบ การที่เธอพูดเรื่อยๆก็ช่วยให้ฉันคุ้นชินภาษา ชนบทก็เป็นสิ่งที่ฉันชอบ รวมถึงชีวิตชนบทก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากลองสัมผัส
ฉันที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมจดไดอารี่ของวันนี้ก็ได้หยิบโน็ตบุ๊คข้างเตียงขึ้นมาเปิดอีกครั้ง
ขณะที่กำลังคิดว่าจะเขียนอะไรลงไปนั้นเอง ก็ได้สังเกตว่าผู้หญิงคนนั้นได้ย้ายมาอีกห้องแทนและกำลังเริ่มทานข้าว จากของใช้แล้วน่าจะเป็นห้องครัว ถึงจะน่าแปลกใจเล็กน้อยที่ทานข้าวในห้องครัวแทนที่จะเป็นห้องทานอาหาร แต่ก็พอเข้าใจเรื่องความต่างของวัฒนธรรมได้
บอกตามตรงว่าฉันไม่รู้เลยว่าเธอกำลังพูดอะไร ทั้งสำเนียง ภาษาและวิธีการพูด มันทำให้ฉันที่มีพื้นฐานภาษาจีนกลางเพียงเล็กน้อยยากจะเข้าใจคำพูดของเธอแม้เพียงส่วนหนึ่ง ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังดูต่อไป
แทนที่จะหลับ ฉันกลับลุกไปที่โต๊ะคอม เปิดโคมไฟให้แสงสว่างคลุมโต๊ะ ก่อนจะเริ่มเขียนนิยายขณะฟังเธอพูดถึงเรื่องต่างๆที่ฉันไม่อาจเข้าใจได้
ระหว่างเขียนเรื่องราวลงไปในนิยายนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ได้เรียกความสนใจจากฉัน มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งร่วมไลฟ์กับเธอ หลังจากผ่านไปสักพักฉันก็เข้าใจว่ามันคือการแข่งสนับสนุนจากผู้ติดตาม และน่าเสียดายว่าเธอแพ้
ฉันไม่ได้หมายถึงแพ้เพียงเล็กน้อย แต่ความต่างคือ 19 : 15000 แต้ม ทำให้ฉันยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นใจ
แต่หลังจากนั้นไม่นานอีกเสียงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้ชายสวมแว่น อืม...เขาดูหล่อมาก ฉันไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะชนะ...
ถูกต้อง สุดท้ายแล้วผู้ชายคนนั้นก็ชนะไป ด้วยแต้มห่าง 0:575
หลังจากนั้นเธอก็ได้แข่งอีกหลายครั้ง... แต่ไม่ว่าครั้งไหนเธอก็แพ้ด้วยคะแนนที่ต่างอย่างชัดเจน ฉันที่กำลังคิดว่าจะช่วยดีไหมก็ได้ลองเช็คราคาของเหรียญและพบว่ามันถูกจนน่าแปลกใจ การจะทำให้เธอชนะทุกการแข่งคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความรอบคอบฉันก็ลองเช็คจำนวนเงินที่เธอจะได้ และพบว่ามันเพียง 50%ของเงินที่จ่ายไป ฉันเลยเลิกความตั้งใจ และมองว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะทำเป็นเพียงการสนับสนุนระบบที่ฉันไม่ได้ชอบตั้งแต่แรก
หลังจากนั้นเธอยังคงแข่งอีกหลายครั้ง เมื่อเกินครั้งที่ 6 ฉันก็เลิกนับไป และไม่รู้ว่าสุดท้ายมันจบครั้งที่เท่าไหร่
น่าแปลก แม้ผู้หญิงคนนั้นยังคงยิ้มเหมือนเดิม ทว่ารอยยิ้มนั้นในสายตาฉัน...ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ฉันที่จมอยู่กับความคิดเหล่านั้น ก็ได้ปล่อยมือออกจากแป้นพิมพ์
คิดว่าถ้าเป็นตัวฉันเองอยู่จุดนั้น ฉันจะรู้สึกยังไงและจะทำยังไง
‘ถ้าฉันยิ้มคนดูยังคงพูดด้วย ถ้าฉันเศร้ากว่าครึ่งอาจจะออกไป’
‘ถ้าฉันลองใหม่ ฉันอาจชนะในรอบหน้า ถ้าฉันพอ มันก็ไม่มีครั้งต่อไป’
‘แต่ถ้ามันทำได้ง่าย โลกนี้คงเต็มไปด้วยคนที่ไม่ยอมแพ้และทำต่อไป’
‘ถึงอย่างนั้น ถ้าไม่ทำต่อไป แล้วจะทำอะไร...?’
ในท้ายที่สุดก็ได้คำตอบว่า“ถ้าฉันเป็นเธอเองก็คงจะยิ้มต่อไปเหมือนกัน”
เพราะฉันฉลาดพอจะรู้ว่า—ความเศร้าไม่เคยเปลี่ยนอะไร หากว่าสุดท้ายฉันยังต้องทำมันต่อไป
เพราะฉันโง่พอจะเชื่อว่า—บางทีรอยยิ้มอาจเปลี่ยนฉันได้…ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง