โลกทั้งใบของฉัน มีแค่โทราโอะ
โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,onepiece ,lawlu,one-piece,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Silent Screams • Law x Luffy #Omegaverseโลกทั้งใบของฉัน มีแค่โทราโอะ
"โอเมก้า เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าเกิดมาและไร้ค่า"
ทำไมต้องเป็นฉัน..
--Monkey D Luffy--
"นี่นาย เป็นโอเมก้าเหรอ"
--Trafalgar D Water Law--
ถ้าฉัน เชื่อฟัง เอสกับซาโบ้ก็คงดี
ถ้าฉัน ไม่ขอไปไหน ให้ห่างสายตาของพี่ๆ
คงไม่เจอคนอย่างนาย โทราโอะ
"ท..ทรา...ชื่อนายเรียกยากจัง ขอเรียกโทราโอะได้มั้ย?"
--Luffy--
เนื้อหามีความรุนแรง ข่มขู่ไปจนข่มขืน และอารมณ์บีบคั้นกดดัน การทำร้ายตัวเอง กระทบจิตใจและหดหู่ การลักพาตัวและแบ่งชนชั้น ดูถูกชาติพันธุ์
บางตอนจะขึ้น Warning นะคะ ไม่สามารถระบุได้ว่าทั้งเรื่องมีอะไรบ้างค่ะ คิดว่าแต่งจบแล้วจะมาสรุปทีเดียวค่ะว่า 'มีอะไรบ้าง' นะคะ
#SilentScreams
𝓒𝓱𝓪𝓹𝓽𝓮𝓻 𝓢𝓲𝔁𝓽𝓮𝓮𝓷
"ฉันจะถามอีกครั้ง นายพาโอเมก้ามาทำไม ลอว์! "
เสียงที่เอ่ยอย่างไม่พอใจของ โดฟลามิงโก้ ชายผู้เป็นลุงแท้ๆ ของเขา ในตอนนี้ความรู้สึกแทบจะผิดหวังที่พาในสิ่งที่เขาไม่ชอบมาถึงที่ ไม่ใช่แค่นี้คนที่พามากลับเป็นหลานชายสุดที่รักอย่าง ทราฟัลการ์ ลอว์
ตอนนี้โดฟลามิงโก้ได้จบงานไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ ซึ่งเขามารู้ตอนที่ซูการ์วิ่งมาหาคนเป็นพ่ออย่างโดฟลามิงโก้ แถมบอกว่า หลานชายสุดที่รักพาโอเมก้ามาถึงที่ ช่างทำให้เขาอารมณ์เสียทันใด
"โอเมก้าเหรอ? "
คำตอบที่ยังคงแสดงออกไปโดยที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่าง ทราฟัลการ์ ลอว์ ยิ่งทำให้โดฟลามิงโก้ถึงกับเส้นเลือดขึ้นปูดตรงเหนือคิ้วของเขา
"อย่าทำเป็นไม่รู้นะ ซูการ์เป็นคนพูดเองว่านายพามา และเธอก็เห็นว่าอยู่ในห้องนาย ใครพามาล่ะถ้าไม่ใช่แก! "
แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าคนที่บอกเป็นซูการ์ แถมตอนนี้เธอกำลังนั่งกินองุ่นข้างๆ ตัวคนเป็นพ่อฝั่งขวา ทำเอาลอว์ถอนหายใจเหนื่อยใจเลยก็ว่าได้
"แค่พามาเอง จะโกรธทำไม"
สิ่งที่เอ่ยออกมาจากปากของลอว์ทำให้หลายคนในห้องโถงถึงกับตกใจ โดยเฉพาะเวอร์โก้ที่ยืนหลังโซฟาตรงโดฟลามิงโก้นั่งจะตกใจมากกว่าใครเพื่อน
'ทำไมถึงยอมรับตรงๆ ไปอย่างนั้นล่ะ?! '
เวอร์โก้รู้สึกแปลกใจเลยก็ได้ การหาข้อแก้ตัวอะไรแบบนี้เป็นงานถนัดของลอว์ ทำไมถึงเลือกที่จะยอมรับกัน
"พี่ลอว์!! นั่นน่ะโอเมก้านะ! "
ซูการ์ที่นั่งข้างคนเป็นพ่อฝั่งขวาก็ได้พูดขึ้นมา หลังได้ยินคำเอ่ยของคนเป็นพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง และเบโปะที่นอนตรงพื้นข้างๆ ซูการ์ก็แยกเขี้ยวใส่เธอ
"อย่ามาแยกเขี้ยวใส่ฉันนะ เจ้าหมีบ้า"
เธอรีบถอยหลังชิดกับคนเป็นพ่อ ส่วนหมีขาวก็เดินไปหาลอว์ที่เป็นเจ้าของ
"เห็นน่าสนใจดีเลยพามาด้วยเฉยๆ ซูการ์"
"แกกัดที่คอกับเอามันรึยัง? "
โดฟลามิงโก้ถามเสียงเรียบขึ้นมาแต่เต็มไปด้วยความกดดันใส่ลอว์ คนถูกถามอย่างเขาก็ยิ้มบางให้
"ยังครับ"
"ดี ทีหลังอย่าพามาอีก นี่ครั้งที่1" โดฟลามิงโก้ยกนิ้วให้ "ถ้ามีอีก ฉันจะจัดการเจ้าโอเมก้านั่น"
แค่นี้ลอว์ก็รู้แล้วว่า โดฟลามิงโก้ เป็นคนพูดจริงทำจริงแน่นอน ซึ่งเขารู้ดีว่าคงไม่ดีสำหรับลูฟี่และตัวเองด้วย
"เข้าใจแล้วครับ ผมขอไปนอนก่อนนะลุง"
ลอว์รับคำและเดินจากไปพร้อมกับเบโปะสัตว์เลี้ยงที่นั่ง ซึ่งโดฟลามิงโก้ไม่คิดจะเรียกไล่หลังแต่อย่างใดเพราะหลานชายคนนี้เป็นคนที่พูดและฟังคำเดียวรู้เรื่อง และไม่คิดจะลงโทษด้วย เพราะเขาถือว่าเป็นครั้งแรกเท่านั้น
ทราฟัลการ์ ลอว์ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทดำได้ทิ้งตัวลงที่นอนลงไปยังที่นอน แถมถอนหายใจออกมา
"วุ่นวายจริงๆ วันนี้"
ลอว์เอ่ยกับกับตัวเอง เพราะวันนี้มันหลายเหตุการณ์มาก ไหนจะลูฟี่ ไหนจะไปส่งบ้าน ไหนจะงานเลี้ยงเปิดตัว แต่สิ่งที่หนักกว่าคือ พี่ชายที่ชื่อว่า ซาโบ้ คนนี้หวงน้องชายมาก ซึ่งเขาดูออกตั้งแต่เห็นครั้งแรก
เบโปะก็โผล่หัวออกมาตรงขอบเตียงพร้อมกับสีหน้าเป็นห่วงให้ลอว์
"รู้แล้วเป็นห่วงฉันเหรอ ขอบใจนายนะ"
มือหนาที่มีรอยสักสลักได้ลูบหัวของหมีขาวอย่างเอ็นดู ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เจ้าหมีขาวตัวนี้พร้อมจะคอยเคียงข้างเสมอ
ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลอว์ก็อนุญาตให้เข้ามา ซึ่งคนที่เข้ามานั้นคือเวอร์โก้
"อะไรกัน ไม่ไปดูแลลุงต่อเหรอ? "
ลอว์ลุกขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอน เพราะหน้าที่หลักของเวอร์โก้นั้น เดิมทีต้องดูแลคุณลุงอยู่แล้ว ส่วนเรื่องดูแลเขานั้นแล้วแต่บางเหตุการณ์
"ทำไมถึงบอกไปแบบนั้นครับ คุณหนู"
เวอร์โก้ก้มหน้าเล็กน้อย และถามขึ้นมาเพราะเรื่องแบบนี้มันโกหกหรือเลี่ยงคำตอบได้แท้ๆ
"บอกอะไร? "
"เรื่องของเด็กโอเมก้านั่นไงครับ ทำไมถึงบอกว่าพามาล่ะ?! " เขาดันแว่นขึ้น "แทนที่บอกว่า ไม่ได้พามาแท้ๆ ยังไงคุณชายเขาก็เชื่อคุณอยู่แล้วนี่ครับ"
นึกว่าเรื่องอะไรถึงกับมาหาเขาถึงที่ เพื่อมาบอกเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ ใช่ว่าลอว์จะไม่รู้ แต่พูดอะไรไปคนเป็นคุณลุงอย่าง โดฟลามิงโก้ ก็เชื่อเขาแล้วเพราะเขาเป็นคนที่พูดจริงและไม่ปิดบังเสมอยังไงล่ะ
"คุณลุงน่ะเชื่อ แต่ยัยเด็กนั่นไม่เชื่อไงล่ะ เวอร์โก้"
"คุณหนูซูการ์? "
"ใช่ ยัยเด็กนั่นเห็นลูฟี่แล้ว ต่อให้แก้ต่างจนคุณลุงเขาเชื่อยังไง ซูการ์ก็จะหาหลักฐานมาเสมอ ฉันก็เลยยอมรับว่าพามาแค่นั้นเอง แต่ถ้าฉันเลี่ยงคำตอบ ซูการ์คงสั่งคนให้ตามหาลูฟี่อยู่ดี"
นัยน์ตาสีหินอ่อนได้จ้องตากับเวอร์โก้แม้เขาจะสวมแว่นอยู่ก็ตาม และจริงจังทุกน้ำเสียง
"ฉันไม่อยากให้ลูฟี่เจอซูการ์ และน่าจะรู้จักนิสัยของเธอดีนะ 'ตื้อไม่เลิก' นี่คือสิ่งที่ฉันรำคาญที่สุด"
"ไม่เข้าใจครับ"
เวอร์โก้เอ่ยออกมา ทำให้ลอว์ถึงกับนิ่งใส่พร้อมกับลั่กคิ้วขึ้น
"ทำไมต้องห่วงโอเมก้านั่นด้วยครับ คุณหนู เด็กนั่นมีอะไรดีเหรอครับ? ทั้งต่ำต้อยและไม่มีใครยอมรับ แม้ตอนนี้จะเป็นยุคที่หลายคนเริ่มยกระดับบทบาทของโอเมก้าให้เท่าเทียมกันก็ตาม แต่ยังไงชนชั้นล่างก็ยังเป็นชนชั้นล่างอยู่ดี"
เวอร์โก้อธิบายด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง แม้ ลูฟี่ หนุ่มน้อยโอเมก้านั้นมีท่าทีไม่เหมือนคนที่จะมาตามวอแวคุณหนูของเขาก็ตาม
"ห่วงเหรอ? "
ลอว์ลุกออกจากที่นอนก็ตรงไปยังหน้าระเบียงที่ประตูเลื่อนยังคงปิดอยู่ โดยมีเบโปะตามมาด้วย นัยน์ตาสีหินอ่อนได้มองไปยังดวงจันทร์เต็มดวง ที่ส่องประกายสวยเต็มใบ มันทำให้เขาคิดถึงเด็กคนนี้อีกแล้ว
ลูฟี่
ช่างเป็นชื่อที่เขาลืมไม่ลงจริงๆ และร่างกายของเขามักจะมีอารมณ์ทุกที แค่ได้ยินชื่อหรือคิดถึงเด็กคนนั้น
'ต้องจัดการอารมณ์ตัวเองที่ฟุ้งซ่านด้วยสินะ'
แม้ตอนแรกตั้งใจจะทำสิ่งนั้นกับลูฟี่ที่รถด้วยซ้ำ แต่ที่ไม่ทำเพราะไม่อยากให้มองเป็นคนบ้ากามเท่าไหร่
'แต่จับจูบไปแล้ว ช่างมันเถอะ'
เขาบ่นในใจ
"ไม่มีทางหรอก ของแบบนั้น"
ลอว์ก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำให้คนฟังอย่างเวอร์โก้ถึงกับยิ้มดีใจ ที่อย่างน้อยคุณหนูคนนี้เขารู้ตัวเองดี
"งั้นผมไปก่อนนะครับ เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับคุณหนู"
คนใช้หนุ่มในชุดสูทดำก็เดินออกไป พร้อมกับล็อคประตูให้ ส่วนลอว์ก็ถอนหายใจออกมา เพราะพรุ่งนี้เขาก็ต้องลุยงานแล้วล่ะ ในฐานะนักธุรกิจดองกีโฆเต้ และเบโปะก็ยังคงเอาหน้าตัวเองมาคลอเคลียที่ขาของลอว์พร้อมกับส่งสายตาที่เหมือนคิดถึงคนอื่นให้ ซึ่งเขารู้ว่าไม่ใช่ เจ้านายมันแน่นอน ทำเอาชายหนุ่มหัวเราะเล็กๆ ออกมา
"อะไร เจอลูฟี่แค่วันเดียวถึงกับชอบเขาเลยเหรอ? "
ร่างสูงได้ย่อตัวและเอามือหนาได้เอาลูบหัวเบโปะอย่างเอ็นดู
"ฉันเองก็ไม่ต่างกับนายนั่นแหละ แต่มากกว่าอยู่หน่อย"
ลอว์ก็ยิ้มออกมา นานแล้วที่เขาไม่ได้ยิ้มกว้างมุมปากแบบนี้ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาแสดงออกมาแบบนี้ คือตอนที่ชายหนุ่มอยู่ในวัยเพียง 10 ขวบ ที่ได้ฉลองงานคริสต์มาสท่ามกลางหิมะกับพ่อของเขา โรชินันเต้ วันนั้นเป็นความทรงจำที่ไม่ลืมเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นวันที่มีความสุขที่สุดกับเศร้าที่สุดในเวลาเดียวกัน
"ตอนนี้พ่อไปอยู่ไหนกันนะ? "
เป็นคำถามที่ยังคงรอคอยคำตอบเสมอมา แม้ว่าจะไม่มีใครตอบเขาเลยก็ตามจนถึงตอนนี้
"นอนกันเถอะ พรุ่งนี้น่าจะไปแต่เช้า"
ไม่รอช้าเขาก็ถอดชุดสูทออกและไปปิดไฟที่อยู่ตรงประตู มือหนาก็ได้เอาชุดสูทที่ถอดมาพาดบนโซฟาที่วางไม่ไกลจากเตียง นาทีนี้เขาแทบจะไร้เสื้อผ้าจนเหลือแค่ชั้นในอย่างบ็อกเซอร์เท่านั้น และเบโปะก็โดดขึ้นมาบนที่นอน ซึ่งหมีขาวได้ชิงหลับไปก่อน ทำเอาเจ้านายอย่างลอว์ถึงกับหัวเราะเล็กๆ ในลำคอ และเขาก็นอนลงไปที่นอนพร้อมกับเอาผ้าห่มมาห่มตัวเองกับหมีขาวข้างๆ ด้วย
ความรู้สึกของลอว์ในตอนนี้ อยากให้ลูฟี่มาอยู่ตรงนี้เสียเหลือเกิน เพราะอยากกอดและหอมแก้ม หอมหัว ไม่สิ ทุกอย่างบนร่างกายของลูฟี่ เขาคิดถึงร่างกายที่บอบบางนั่น เสียงพูดน่าฟังของลูฟี่ ทำเอาเขาคิดถึงอีกแล้ว ทั้งๆ ที่วันนี้อยู่ด้วยกันแทบทั้งวันแท้ๆ
"เด็กนั่น จะคิดถึงฉันรึเปล่านะ"
พูดเสร็จเปลือกตาก็ได้ปิดลงทันที ปล่อยให้ยามวิกาลนั้นพาเขาหลับให้สนิทไปเอง ความคิดถึงนี้ไม่ได้มีแค่ลอว์คนเดียวเท่านั้น มีอีกคนที่นั่งบนโซฟาเล็กของห้องนอนตัวเอง ลูฟี่ เจ้าของร่างเล็กแสนบอบบาง แววตากลมสวยที่ได้มองไปยังท้องฟ้าผ่านทางระเบียง แถมเสื้อผ้าที่สวมนั้นก็ยังคงเป็นของที่ลอว์ซื้อให้เขา
"คิดถึงโทราโอะจัง.."
น่าแปลกที่ลูฟี่กลับคิดถึง แม้วันนี้อยู่ด้วยกันทั้งวันแท้ๆ ยิ่งไปกว่านั้นสัมผัสรสจูบของลอว์ที่มีให้เขา ทำให้ลูฟี่ไม่ลืมอีกแล้วและใบหน้าก็ดันแดงขึ้นมาอีกต่างหาก
"จะได้เจอกันอีกมั้ยนะ? "
รอยยิ้มสดใสได้เผยออกมาจากใบหน้าที่ยังแดงระเรือของลูฟี่
"ลูฟี่ นอนยัง"
เสียงของเอสดังขึ้นมาจากหน้าห้อง ทำให้ลูฟี่หลุดภวังค์ความคิดกันเลยทีเดียว
"จะนอนแล้ว! "
เขาตอบกลับไป และรีบถอดเสื้อผ้าที่ลอว์ซื้อให้ออกพร้อมกับไปวางไว้ตรงตะกร้าผ้าตรงตู้เสื้อผ้าใหญ่ ไม่รอช้าเด็กหนุ่มก็รีบใส่ชุดนอนและปิดไฟห้องนอน พร้อมกับตรงไปยังที่นอนทันที
"ขอเข้าไปได้มั้ย"
"อา..เข้ามาสิ"
ประตูก็ได้เปิดออก เอส พี่ชายคนโตได้เข้ามาในห้องนอน ก็เห็นน้องชายตัวเองใส่ชุดนอนอยู่ที่นอนแล้ว ตัวเขาก็ได้มาหาลูฟี่และนั่งตรงขอบเตียง มือหนาก็มาลูบหน้าผาก
"มีอะไรเหรอเอส ฉันไม่ได้ป่วยนะ"
ลูฟี่ถามตาโตสงสัย ทำให้คนเป็นพี่ชายถึงกับอมยิ้มเอ็นดูจริงๆ
"รู้ แต่อยากลูบมีปัญหามั้ย"
"ปล่อยเลย จะนอนแล้ว"
ลูฟี่พลิกายหันหลังใส่ ให้ตายสิเป็นเด็กจริงๆ การกระทำแบบนี้ แต่ตอนที่เห็นรอยจูบที่คอตอนกินข้าวนั้น ทำเอาเอสถึงกับเลื่อนมือไปดึงคอเสื้อลง โดยใช้นิ้วเกี่ยวเบาๆ เพื่อไม่ให้ลูฟี่รู้สึกตัวว่าเขานั้นถูกแอบดูตรงรอยจูบที่ซ่อนอยู่ในเสื้อที่เขาได้สงสัยในตอนนั้น
ชัดเจนมาก รอยสีแดงเล็กจางเป็นจ่ำๆ ที่ปรากฎให้เห็น 2 จุด แม้ไฟในห้องจะปิดอยู่ก็ตาม
รอยจูบจริงๆ ด้วย...
เป็นสิ่งที่ทำให้เอสรู้สึกแค้นใจที่ไม่รู้ว่าใครทำ ได้แต่ภาวนาว่าลูฟี่ยังไม่โดนอัลฟ่าหรือเบต้าคนไหน กระทำล้วงลับมากไปกว่านั้น
"เอส..ราตรีสวัสดิ์นะ"
เสียงเล็กดังขึ้นสดใส มือหนาที่ใช้นิ้วเกี่ยวคอเสื้อก็รีบผละออก และเอสก็โน้มตัวลงไปกอดคนที่นอนอย่างแน่บแน่น จนลูฟี่ตกใจที่อยู่ๆ คนเป็นพี่ชายก็เข้ามากอดเสียอย่างนั้น
“อ..เอส!!”
“กอดหน่อยสิ ไม่ได้กอดตั้งนายตั้งสองวันเลยนะ ลูฟี่”
เอสยิ้มเห็นฟัน แม้ลูฟี่จะนอนหันหลังไม่เห็นรอยยิ้มนั้นของพี่ชายคนนี้ก็ตาม
"ราตรีสวัสดิ์ล่ะเจ้าตัวแสบ! "
เอสได้หอมแก้มลูฟี่ดังหนึ่งฟอดทั้งสองข้างด้วยความเอ็นดู แต่ทว่าลูฟี่กลับดีดตัวออกจากอ้อมกอดของเอสอย่างตกใจ และดึงผ้าห่มมากอดตัวเอง แถมร่างกายของลูฟี่นั้นกลับสั่นกลัวนิดๆ ที่สำคัญการโต้ตอบแบบนี้ สร้างความตกใจให้แก่เอสเป็นอย่างมาก
"เป็นอะไรลูฟี่ ทำไมนายถึงสะบัดตัวออกล่ะ ปกติให้ชอบหอมแก้มนี่"
เอสยิ้มแห้งให้ ภาวนาในใจว่าไม่อยากให้ลูฟี่โตไปมากกว่านี้เลย เหมือนเขาสัมผัสได้ถึงกำแพงที่เริ่มมีกันและกันระหว่างเขากับน้องชายแสนรัก
"ขอโทษนะ..ไม่มีอะไรหรอกเอส นอนก่อนนะ"
ลูฟี่ก็ยิ้มให้เช่นเคยเหมือนปกติ เขาก็ตรงมายังที่นอนและนอนลงไปพร้อมกับห่มผ้าคลุมตัว เอสก็ได้ลุกและออกจากห้องไปเขาก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้
พอเอสออกไปแล้ว ลูฟี่ก็ได้กอดตัวเองแน่นขึ้น ไม่เข้าใจร่างกายตัวเองที่อยู่ๆ ก็ต่อต้านจากคนเป็นพี่ชาย ทั้งๆ ทีเอสจะหอมแก้มเขาแบบนี้ประจำอยู่แล้ว
"สั่นไปหมดเลยแฮะ"
เขาเอ่ยกับร่างกายนี้ที่ยังคงสั่นเทา เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ลูฟี่ไม่เข้าใจอีกแล้ว พอคิดมากไปนัยน์ตากลมสวยก็หุบลงได้หลับลงไป
.
ในยามเช้าของวันต่อมา ตอนนี้เวลา10โมง มังกี้ ดี ลูฟี่ ที่กำลังอยู่ในห้องนอนตัวเอง เขาได้ยืนอยู่หน้ากระจกมองตัวเองที่สะท้อนออกมา สิ่งที่พบก็คือ ใบหน้าที่สดใสขึ้นจากเมื่อวานแต่ก็ยังหม่นหมองอยู่ และที่มากกว่าไปนั้น คือรอยจูบตามที่ต่างๆ ที่เหมือนจะจางลง
"เริ่มไม่มีแล้ว!! "
แน่นอนว่าที่จางคือรอยจูบ ยกเว้นแขนของเขาที่ยังคงฟกช้ำจากการโดนบีบเป็นรอยมือ
"ต้องใส่แขนยาวอยู่ดีสินะ"
ไม่รอช้าร่างเล็กก็หาเสื้อมาใส่ เป็นแขนยาวขายาวเช่นเคย
ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลูฟี่ก็หันไปตามเสียง แน่นอนว่าเจ้าตัวแต่งตัวเสร็จแล้ว
"ลูฟี่ ฉันเข้าไปหน่อยนะ"
ซาโบ้เอ่ยขึ้น และประตูก็เปิดออกก็เห็นพี่ชายใส่ชุดมีคอสีดำแขนยาวเลยข้อศอกรวมถึงกางเกงขายาวก็สีดำเช่นกัน ตอนนี้ชายหนุ่มผมทองก็ยิ้มให้
"วันนี้ไปคลีนิคกับฉันมั้ย"
"ทำไมถึงอยากให้ไปอะ? " ลูฟี่เอียงคอสงสัย
"ก็ไม่อยากให้อยู่บ้านคนเดียวน่ะสิ เมื่อวานปล่อยให้อยู่คนเดียว ดันไปเที่ยวกับใครก็ไม่รู้"
คำว่า 'ใครไม่รู้' เหมือนลูฟี่จะรู้จักดีที่สุดนั่นคือ ทราฟัลการ์ ลอว์ แถมคนตรงหน้าแสดงออกความไม่ชอบเสียด้วย
"โทราโอะน่ะเหรอ? "
"จะโทราโอะไหนก็ช่างมันเถอะ วันนี้นายต้องไปกับฉันที่คลีนิค"
มือหนาที่ใส่ถุงมือดำก็คว้าแขนเล็กของลูฟี่และลากออกจากห้องไป แต่แขนที่ถูกจับก็สะบัดออกจากซาโบ้
"เดี๋ยวไปเอาหมวกฟางก่อน"
ลูฟี่เอ่ยและไปเอาหมวกฟางมาสวมบนหัวอย่างไว เขาก็เดินออกจากบ้านพร้อมกันกับซาโบ้ และลูฟี่ก็ตรงไปยังรถยนต์ เขาก็จองที่นั่งหน้าข้างคนขับ แน่นอนว่าไม่ใช่ใครไหนที่ขับรถ คือเอสนั่นเอง
"พาไปจริงๆ เหรอเนี่ย? "
เอสที่อยู่ที่นั่งคนขับถามซาโบ้ เมื่อเห็นเขาได้นั่งอยู่เบาะหลังรถแล้ว เพราะเมื่อคืนจำได้ว่า ซาโบ้ไม่อยากให้ลูฟี่อยู่บ้านคนเดียว เดี๋ยวไปไหนอีกก็ไม่รู้ แถมเอสก็ได้รู้แล้วว่า เมื่อวานลูฟี่อยู่กับชายหนุ่มที่เป็นอัลฟ่าจากดวงดาวอีกต่างหาก ซึ่งทั้งเอสและซาโบ้ไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ
"หยุดถามและออกรถไปส่งฉันกับลูฟี่ที่คลีนิคได้แล้ว"
ซาโบ้ที่นั่งเบาะหลังเอ่ยขึ้น ส่วนลูฟี่ก็คาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับยิ้มแป้นให้ ช่างเป็นภาพที่เอสรู้สึกโล่งใจและดีใจในเวลาเดียวกัน ที่น้องชายกลับมาร่าเริงเหมือนแต่ก่อนแล้ว
'ยิ้มจนได้นะ'
เอสเอ่ยในใจ
"ซิ่งไปเลยเอส!! " ลูฟี่เอามือกำเป็นนิ้วชี้ไปข้างหน้า
"จัดไป!! " เอสยิ้มเห็นเขี้ยว
"อย่าลืมดูความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดด้วยล่ะ"
รถยนต์ได้สีดำได้ขับแล่นออกจากบ้านไปและประตูรั๋วก็ปิดอัตโนมัติด้วยการควบคุมจากโทรศัพท์ของเอส
เมื่อมาถึงคลีนิคที่เป็นเป้าหมายแล้ว รถยนต์ได้มาจอดตรงหน้าคลีนิคโดยเจ้าของคือซาโบ้นั่นเอง ทั้งซาโบ้และลูฟี่ได้ลงจากรถพร้อมกัน พวกเขาก็บอกลาเอสที่จะไปทำธุระของตัวเองต่อ คือการซ้อมใหญ่กีฬาบาสเกตบอลที่จะถึง
"เดี๋ยวเย็นๆ ฉันกับลูฟี่จะไปรับนายนะเอส" ซาโบ้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
"วันแข่งพวกนายก็มาเป็นแรงเชียร์ให้ฉันด้วยล่ะ" พูดเสร็จเอสก็ขับรถจากไป สองพี่น้องหน้าคลีนิคก็โบกมือลาให้
"เอาล่ะลูฟี่ไปกันเถอะ"
"อืม! "
ทั้งสองพี่น้องก็เข้าคลีนิคไปทางประตูหลัง พอเข้าไปนั้นก็อยู่ในห้องทำงานหลังคลีนิคซึ่งเป็นของซาโบ้ เจ้าของห้องก็หยิบชุดกาวที่แขวนตรงชั้นแขวนเสื้อมาใส่
ส่วนลูฟี่ก็รู้หน้าที่ตัวเองดีคือนั่งบนโต๊ะทำงานของพี่ชายคนรองที่มีโน๊ตบุ๊กพร้อม ไม่รอช้าลูฟี่ก็เปิดมันทันที แต่มันติดรหัสทำให้ขมวดคิ้วหัวเสียขึ้น
"ซาโบ้รหัสอะไรน่ะ? "
"วันเกิดนายไง 050516"
"16 คือเลขจากไหนเหรอ? "
มือเล็กของลูฟี่ก็กดพิมพ์ลงไป หน้าจอที่ล็อคอยู่ก็เปิดออก ซึ่งวอลเปเปอร์ตรงหน้าคือตัวลูฟี่ที่ใส่ชุดฤดูหนาวสีแดงลายแทบที่กำลังปั่นตุ๊กตาหิมะอยู่
"อายุนายในตอนนี้ไง"
"ถ้าฉันอายุ17 ก็เปลี่ยนเหรอ? "
"ใช่ เปลี่ยนทุกปีที่นายอายุเพิ่มขึ้นไงล่ะ"
ซาโบ้บอกและหยิบเอกสารที่เก็บในลิ้นชักมาดูเอกสารประกอบในมือไปพลาง ลูฟี่ก็นั่งเล่นเกมส์ดูหนังที่มีอยู่ในโน๊ตบุ๊กของซาโบ้ต่อไป
"ฉันออกไปทำงานดูแลคนป่วยที่นัดมาก่อนนะ อยากได้อะไรบอกฉันกับโคอาล่าได้เลยนะ ลูฟี่"
"เข้าใจแล้ว"
เมื่อเห็นสีหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใสของลูฟี่ ทำให้ซาโบ้ยิ้มรับและเดินออกจากห้องไป
ในห้องนี้มีแค่ลูฟี่คนเดียวที่อยู่ในห้องทำงาน เด็กหนุ่มก็นั่งดูหนังและการ์ตูนเรื่อยเปื่อยรวมไปถึงเล่นเกมส์เป็นครั้งคราว แต่ทว่าร่างกายของลูฟี่ก็เริ่มสั่นไหวและหัวใจเต้นรัว ความร้อนภายในกายเหมือนจะประทุ รวมไปถึงภาพตรงหน้าที่เริ่มเบลอมากขึ้น ชัดเจนเลยว่า
"แย่แล้ว ยาระงับฮีทอยู่ไหน"
ลูฟี่เอ่ยเสียงสั่นแล้วมองไปรอบๆ แม้ตอนนี้ร่างกายจะเริ่มสั่นแล้วก็ตาม เขารู้สึกเบื่อตัวเองตอนนี้เลยจริงๆ เวลาฮีทแล้วโลกหมุนตลอดแถมรุนแรงอีกต่างหาก เมื่อคิดจะหายาระงับฮีทร่างผอมบางก็ลุกออกจากที่นั่ง แต่ยังเดินไม่ห่างจากเก้าอี้เท่าไหร่เลย ขาเล็กก็เสียการทรงตัวที่จะยืนแล้ว จนล้มลงไปกับพื้นโดยมือที่สั่นยังจับขอบโต๊ะแน่น
“โท..โทราโอะ...”
เสียงเล็กได้เรียกหาคนที่คิดถึงคนแรกและภาพจากดวงตาก็เริ่มเบลอไปหมด
“ลูฟี่ ฉันมาแล้วนะ”
ผู้หญิงในชุดลำรองที่ใส่เสื้อกาวเป็นเสื้อนอกได้เข้ามาผยุงลูฟี่ให้ลุกขึ้น เด็กหนุ่มคุ้นเคยเป็นอย่างดี คนที่อยู่ตรงหน้าคือ โคอาล่า
"ยา.."
"รู้แล้วจ้า เดี๋ยวจะให้นั่งโต๊ะและกินยานะ"
พูดเสร็จโคอาล่าก็ดันตัวลูฟี่ขึ้นไปนั่งเก้าอี้ และเธอก็หยิบยาเม็ด 1เม็ด ยื่นให้ถึงมือลูฟี่โดยตรง แต่เด็กหนุ่มก็ส่ายหน้าให้
"ม..ไม่เอาได้มั้ย..มันต้องกิน3-4เม็ด และมัน..ป..ปวดหัว.."
ลูฟี่เสียงสั่นเครือและแววตาดูกลัวอย่างเห็นได้ชัด
"อยากได้..แฮ่ก..ยาแบบฉีด.."
มือบางของลูฟี่ได้กำแน่น หัวเบลอไปหมดแล้ว ทำให้โคอาล่าถึงกับงงไปตามกัน แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไรเลยออกไปข้างนอกด้วยความเร่งรีบ ไม่ปล่อยให้รอนานเธอกึเอายาและเข็มฉีดยา พร้อมกับบรรจงเข็มลงไปที่แขนเล็กของลูฟี่ พอเสร็จแล้วเด็กหนุ่มก็เอาหัวหนุนโต๊ะนอนลงไป ความรู้สึกของร่างกายค่อยๆ ดีขึ้น ตาเริ่มหายเบลอลงเล็กน้อย แต่ก็ยังปวดหัวอยู่
"ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมนายต้องใช้ยาแบบนี้ เพราะส่วนมากจะเป็นพวกเสียตัวที่ใช้กัน"
เธออธิบายด้วยน้ำเสียงที่งุนงงและเท้าสะเอวใส่ ถึงอย่างไรเธอรู้มาตลอดว่าลูฟี่อาการฮีทไม่เหมือนชาวบ้านอยู่แล้ว เลยไม่คิดมาก แต่คนฟังอย่างลูฟี่กลับสะดุ้งตกใจจนเห็นแผ่นหลังกระตุกขึ้น
"อย่..อย่าบอกใครนะ"
ลูฟี่เอ่ยเสียงสั่นและมือเล็กกำแน่น ทำให้โคอาล่าลั่กคิ้วขึ้น
"ฉัน..ฉันน่ะ.."
"ไว้ค่อยโล่งและคุยกันก็ได้ ฤทธิ์ยาสำหรับฉีดมันเร็วอยู่แล้ว คิดว่าสักพักคงหายอาการฮีทนะ"
โคอาล่าอธิบายและมองเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กนั่งอยู่บนโต๊ะด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
"เดี๋ยวฉันไปเรียกซาโบ้คุงก่อนนะ วันนี้คนไข้ในช่วงเช้าน้อยอยู่ จะให้มาเฝ้าลูฟี่คุงนะ"
พูดเสร็จโคอาล่าก็จะเดินออกไป แต่ก็ถูกจับชายเสื้อไม่ให้ไปไหนด้วยมือของลูฟี่และเขาก็มองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่วิตก
"ไม่ได้นะ จะให้รู้เรื่องฉันกับโทราโอะไม่ได้!!! "
ลูฟี่ขึ้นเสียงพร้อมกับใบหน้าที่ยังคงแดงก่ำไปด้วยอาการฮีท แววตาแสดงออกถึงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"ล..ลูฟี่คุง?! "
"มี..มีแค่..เขา..แฮ่กๆ เท่านั้น..ที่รู้ไม่ได้! "
"อย่าบอกนะว่า..ลูฟี่คุงเสียตัวแล้ว? "
คำถามที่เต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อของโคอาล่า ทำเอาเธอถึงกับอึ้งไปเลยก็ว่าได้ ตอนที่ไปเอายาก็คิดแค่ว่าลูฟี่มีอาการฮีทไม่เหมื่อนคนอื่นอยู่แล้ว เลยไม่คิดถึงจุดนี้
แต่ลูฟี่จากที่หน้าแดงก่ำและหอบหายใจแรงด้วยอาการฮีท แม้ตอนนี้จะดีขึ้นแล้วอยู่หน่อย ก็หลบสายตาหันไปทางอื่น
"ทำไมถึงให้รู้ไม่ได้ล่ะ ฉันว่าซาโบ้คุงต้องช่วยนายแน่ๆ นะ"
"อย่าบอกเลยนะ ขอร้องล่ะ ช่วยเก็บความลับที สัญญานะ"
ลูฟี่เสียงสะอื้นพร้อมกับกัดฟันด้วยน้ำตาที่เริ่มออกจากแก้วตากลมสวย เพราะลูฟี่รู้ดีกว่าใคร ถ้าหากพี่ชายทั้งสองรู้ เขาจะไม่ได้เจอกับชายหนุ่มที่ตัวเองรักอย่างแน่นอน
"ลูฟี่คุง"
โคอาล่ามองไปยังเด็กหนุ่มที่พยายามข้อร้องเธอ สายตาที่ส่งมาให้นั้นเธอเข้าใจดี ในฐานะโอเมก้าด้วยกัน
"อืม..สัญญาจ้า"
คำตอบเดียวทำให้ลูฟี่ยิ้มร่าออกมาและโล่งใจจนเอาหัวหนุนฟุบลงบนโต๊ะต่อ
"งั้นฉันอยู่กับลูฟี่คุงเป็นเพื่อนก่อนแล้วกัน เพราะอาการฮีทยังปล่อยกลิ่นอยู่ โชคดีนะที่ฉันเป็นโอเมก้าเหมือนลูฟี่ ไม่งั้นนายตายแน่ๆ "
โคอาล่าก็หยิบเก้าอี้มาวางนั่งข้างๆ ลูฟี่ และคำว่า ตายแน่ๆ มันทำให้ลูฟี่ถึงกับขมวดคิ้วให้ แต่อาการมึนหัวยังหนักอยู่
"ตายเหรอ? "
"ใช่ ตาย"
"ทำไมต้องตาย ไม่เข้าใจเลย"
"เฮ้อ ก็ลูฟี่คุงเสียตัวแล้วนี่น่า ถ้าลูฟี่คุงโดนอัลฟ่าหรือเบต้าคนอื่นทำเรื่องนั้น ร่างกายนายจะต่อต้าน เผลอๆ อาจจะทำให้ลูฟี่คุงตายได้ เพราะร่างกายไม่ตอบรับไงล่ะ"
คำอธิบายยาวเหยียดสำหรับมันเยอะมากลูฟี่ ตอนนี้หัวหมุนอยู่แล้วมาเจอแบบนี้อีกควันออกจากหัวเลยก็ว่าได้ ซึ่งทำให้โคอาล่าหัวเราะเล็กๆ และยิ้มให้คนที่เอาหัวฟุบกับโต๊ะ
"ถ้าลูฟี่โดนขืนใจนอกจากโทราโอะก็จะตายไงล่ะ"
โคอาล่าเสริมให้เข้าใจง่ายขึ้น ทำให้ลูฟี่ถึงกับตาเหลือกตกใจ จากหน้าที่ฟุบนอนกับโต๊ะก็ลุกขึ้นมามองโคอาล่าอย่างฉับพลัน
"ตายเลยเหรอ!!? "
"ไม่ต้องตกใจหรอกถ้าโดนกัดแล้วนะ ตอนนี้ไม่เป็นไรหรอก อาการดีขึ้นรึยัง? "
"อืม.."
ลูฟี่พยักหน้าให้ พร้อมกับเอามือทาบหน้าผากตัวเองที่มันร้อนน้อยลง โคอาล่าก็กระแอ่มเบาๆ พร้อมกับจ้องตาเด็กหนุ่มอย่างจริงจัง
"สิ่งที่ลูฟี่คุงต้องรู้ไว้อย่างเลยคือร่างกายมันยังคิดถึงโทราโอะคุง จนเรียกหาและไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเขาได้ทำเรื่องนั้นไปแล้วกับลูฟี่คุง"
เธอเอ่ยชื่อบุคคลที่สาม เพื่อให้ลูฟี่เข้าใจง่ายขึ้น และพอได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าบอก ทำเอาลูฟี่เขินหน้าแดงจนหลบหน้าไปทางอื่น
"อย่าบอกนะว่า ที่ฉันเรียกหาเขาตอนฮีทก็.."
"ใช่ อยากให้ทำเรื่องนั้นตอนฮีทแหละ"
ลูฟี่ที่ได้ยินก็หน้าแดงมากกว่าเดิมและก้มหน้าให้อีกต่างหาก ไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นแบบนี้ คิดมาตลอดว่าอาจเป็นเพราะคิดถึงหรือรักแรกอะไรเทือกนั้นเสียอีก พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมเอสกับซาโบ้ถึงเป็นห่วงก็คงเป็นเพราะเหตุนี้สินะ
“ลูฟี่คุง”
“อะไรเหรอ” ลูฟี่เงยหน้าและหันไปตามเสียง
“มันไม่ได้เกิดจากความรักหรอกนะ มันมาจากอาการฮีททั้งนั้น และคิดว่าคนที่ชื่อ โทราโอะ อะไรนั่นคงคิดแบบเดียวกันนั่นแหละ ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบของพวกนายทั้งสองคน”
โคอาล่าอธิบาย
“ทางที่ดีคือลืมเขาให้เกิน1เดือนให้ได้ เวลาฮีทก็จะเบาลงจนร่างกายไม่เรียกหาเขาและกลับไปเป็นอาการฮีทปกติ เพราะฉะนั้นอย่าลืมฉีดยาระงับฮีท 3 เวลาหลังอาหารล่ะ”
“อืม...”
ลูฟี่พยักหน้าเข้าใจ
‘ต้องลืมเขาให้ได้ 1 เดือนเลยเหรอ ยากจัง’
เด็กหนุ่มเอ่ยในใจ มือทั้งสองของเขาก็กำแน่น ลูฟี่เข้าใจทุกอย่างที่โคอาล่าพูดมา แต่ทำไมหัวใจมันกลับรู้สึกเจ็บมาก เหมือนมีอะไรบางอย่างแทงลงมาที่อก
‘นั่นสินะ มีแต่ฉันคนเดียวที่คิดถึงโทราโอะนี่น่า’
ลูฟี่เม้มปากแน่นพยายามกลั้นความเจ็บนี้ไว้ ไม่อยากให้มันล้นออกมาจากแก้วตา และเขาก็ดันนึกเรื่องที่เมื่อคืนตอนที่เอสเข้ามากอดหอมแก้มเมื่อคืน อยู่ๆ ร่างกายก็ต่อต้านจนสั่นไปทั้งตัวคงเป็นเพราะร่างกายที่เป็นโอเมก้าแบบนี้เองแน่ๆ
“ดูเหมือนจะหายอาการฮีทแล้วนะ งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวบ่ายๆ จะจัดยาสำหรับฉีดให้นะ หลบซาโบ้คงให้ดีล่ะ”
โคอาล่ายิ้มให้และลุกออกจากห้องไป ปล่อบให้ลูฟี่อยู่ในห้องทำงานของซาโบ้ไป เมื่อเธอออกมาหน้าคลีนิกแล้วก็เห็นชายหนุ่มผมทองที่กำลังเช็คเอกสารคนไข้ที่พึ่งออกไปเมื่อกี้
“ลูฟี่เป็นไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ”
หญิงสาวยิ้มร่าให้และยกนิ้วโป้งขึ้นมา ทำให้ซาโบ้ถอนหายใจโล่งอก
“ขอบใจเธอมากเลยนะ โคอาล่า”
“จ้า”
“เมื่อกี้ฉันเห็นเธอหยิบยาระงับฮีทแบบฉีด เอาไปทำไมเหรอ?”
ซาโบ้ถามขึ้น เพราะตอนที่เขากำลังเขียนเอกสารและแจกยาคนไข้ที่นัดมา แอบเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่เป็นลูกน้องของเขาได้หยิบยาระงับฮีทแบบฉีด ทำให้เขาแอบคิดว่าโคอาล่าต้องเอาไปให้ลูฟี่แน่นอน แต่หญิงสาวรู้ทันว่าชายหนุ่มที่แสนจะหวงน้องคิดอะไรอยู่
“นี่ซาโบ้คุง ฉันเองก็ใช้ยาระงับฮีทแบบฉีดนะ ลืมแล้วเหรอ!?”
โคอาล่ายืนเท้าสะเอวไม่พอใจให้ ทำเอาซาโบ้ถึงกับสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ใช่ เขาลืมไปเลยว่าเธอเองก็เป็นโอเมก้าเหมือนกับลูฟี่ บางทีเธออาจจะใช้มันเองก็ได้
” ลืมไปเลย โทษที ฮ่าๆ” ซาโบ้หัวเราะกลบเกลื่อน” เดี๋ยวฉันไปตรวจคลังยาก่อนนะ”
พูดเสร็จชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังหลังคลีนิกที่เป็นห้องจัดเก็บยา โคอาล่าก็ยิ้มไล่หลังพร้อมกับโบกมือให้ เมื่อเห็นตัวชายหนุ่มเข้าไปในห้องคลังเก็บยาแล้ว เธอก็ทิ้งตัวลงที่นั่งเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมา
” ขอโทษนะซาโบ้คุง แต่ฉันสัญญากับลูฟี่คุงไว้แล้ว ว่าจะเก็บความลับไว้”
𝓣𝓸 𝓫𝓮 𝓬𝓸𝓷𝓽𝓲𝓷𝓾𝓮𝓭