ในโลกอันกว้างใหญ่ของ Toram Online ผู้คนได้สรรค์สร้างเรื่องราวของตนเอง และการเดินทางครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักรบหนุ่มของหมู่บ้านได้เผลอยกชีวิตให้กับนักเวทสาวแปลกหน้าซึ่งเดินทางผ่านมา

Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง - ตอนที่34. ผีไม่มีจริง โดย อิ่มหมู @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผจญภัย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ดาร์กแฟนตาซี,โทรัม,เกมออนไลน์,เกม,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,ดาร์กแฟนตาซี,โทรัม,เกมออนไลน์,เกม,แฟนตาซี

รายละเอียด

Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง โดย อิ่มหมู @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในโลกอันกว้างใหญ่ของ Toram Online ผู้คนได้สรรค์สร้างเรื่องราวของตนเอง และการเดินทางครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักรบหนุ่มของหมู่บ้านได้เผลอยกชีวิตให้กับนักเวทสาวแปลกหน้าซึ่งเดินทางผ่านมา

ผู้แต่ง

อิ่มหมู

เรื่องย่อ

[ไม่มีตารางการอัพเป็นเวลาแน่นอน]


การออกเดินทางครั้งแรกจากหมู่บ้านที่คุ้นเคยกลับจารึกบางสิ่งเอาไว้ในใจมากมายนับไม่ถ้วน


...


เอาสิ...เอาชีวิตข้าไป


เซบรีดี้ (Zebrede) หรือเซบ อาวุธ : ดาบ/โล่


นักรบหนุ่มผู้พึ่งสูญเสียทุกอย่างในชีวิตไปกล่าวต่อผู้แปลกหน้า หากแต่ไม่ได้คิดให้ถีถ้วนนักว่านี่เป็นดั่งคำปฏิญาณว่าจะยกชีวิตให้กับเธอ


...


มันขโมยบางอย่างที่สำคัญมากของฉันไป


เอ็ทน่า (Aetna) อาวุธ : คทา/ปีก


นักเวทสาวผู้ออกเดินทางโดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว ไม่รู้เลยว่าทุกก้าวของตนนั้นได้เปลี่ยนชีวิตของใครหลายๆ คนไป


...


...


กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวผม!!


ล็อตต้า (Lotta) อาวุธ : โบว์กัน/ลูกธนู


เด็กชายรูปร่างบอบบางราวกับสตรี เสนอตัวเข้าหาผู้คนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจนั้นมีเพียงความปรารถนาเดียวคืออิสระ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม


...


มาผจญภัยไปด้วยกันเถอะ

...

แต่งขึ้นโดยอ้างอิง สถานที่ การแต่งกาย มอนสเตอร์ เนื้อเรื่องบางส่วน จากเกม Toram Online

...


ช่องทางการติดตามผลงาน พูดคุย หรือทวงงาน


Facebook : เสมียนน้อย ชอบกินหมู


Twitter/X : เสมียนน้อย @Immhu_


Tiktok : @Immhu_uu


*แวะเวียนมาพูดคุย เล่นมุก ด่าตัวละครได้ตามสบาย นักเขียนค่อนข้างชอบ แค่อย่าด่านักอ่านด้วยกันเอง ขอรับคำติชมเหล่านั้นไว้ด้วยใจ♡*

สารบัญ

Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่1. เพียงพริบตา,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่2. ดวงดาราที่แปลกไป,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่3. ลองดูมั้ย,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่4 เจ้าเองก็มีฝันร้ายสินะ,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่5 ลีลาจริงๆ เลย,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่6 ยากจะลืมเลือน,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่7 ไม่อยากตายแล้วจริงๆ หรือ,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่8 รวมตัวสมาชิกคนที่สาม,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่9 ออกเดินทางกับเจ้าตัวบาง,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่10 ดงโจร,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่11 พบเจออีกครั้ง,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่12 หรือนี่คือสรวงสวรรค์...,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่13 ยังไว้ใจมันได้อีกหรือ?,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่14 ชุดอยู่บ้าน...,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่15 เจ้าชื่อว่าอัครเดช,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่16 แสงจันทร์ของนายหญิง,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่17 นรกในห้วงนิทรา,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่18 ขอเพียงได้พบ,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่19 ค่ำคืนแห่งฝันร้าย(1),Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่20 ค่ำคืนแห่งฝันร้าย(2),Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่21 ค่ำคืนแห่งฝันร้าย(3),Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่22 ค่ำคืนแห่งฝันร้าย(4 ตื่นจากฝัน),Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่23 ถึงบรรพต,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่24 สตรีผู้นั้น...เสียงทุ้มต่ำ,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่25 สองพี่น้อง หอกและเรน,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่26 ความสัมพันธ์กับเอ็ทน่า,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่27 ฝันอันเรียบง่าย,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่28 ถึงเมืองหลวง,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่29 พาลาดิน?,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่30 วงกลมสีฟ้าจำเป็นต้องหลบเลี่ยงหรือ?,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่31 ดวงตาสอดประสาน,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่32 อย่ากลัวที่จะพ่ายแพ้,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่33 ทุกคำนินทา ล้วนมาจากข้อเท็จจริง,Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้าง-ตอนที่34. ผีไม่มีจริง

เนื้อหา

ตอนที่34. ผีไม่มีจริง

เปลวไฟร้อนระอุยิ่งกว่าบรรยากาศรอบกายพวยพุ่งขึ้นเป็นระยะต่อหน้าของชายในชุดคลุมปิดบังทั่วทั้งร่าง เขานั่งอยู่บนก้อนหินแตกๆ คอยโยนเศษใบไม้จากถุงข้างตัวลงในกองไฟเพื่อมิให้มอดดับอย่างตั้งอกตั้งใจ

ครึกครึกครึก

กระทั่งเสียงของความเคลื่อนไหวหนึ่งทำให้หยุดมือลง รถม้าบรรทุกสินค้าจนเต็มคันซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นของพ่อค้าเร่กำลังใกล้เข้ามาและจอดลงใต้เงาของโหดหินแหลมไม่ห่างจากที่ที่เขาอยู่มากนัก

คนสวมชุดคลุมลงมาจากรถเป็นผู้แรกเดินตรงเข้ามาหาคล้ายมีเป้าหมาย

เขาปรายตามองเพียงครู่เดียวก็ไม่คิดสนใจหรือระแวดระวังมากขึ้นแม้คนคนนั้นจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“ก่อกองไฟในเวลานี้เนี่ยนะ” น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาในระยะพูดคุย ก่อนจะเร่งถอดเอาชุดคลุมยาวรุงรังออกและโยนทิ้งข้างตัว

คิ้วได้รูปภายใต้ผ้าคลุมเลิกขึ้นมาข้างหนึ่งด้วยความงุนงงต่อท่าทีของผู้แปลกหน้า

“มาถามทางหรือคนสวย”

อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับมองไปยังด้านหลังของเขาซึ่งเต็มไปด้วยกรงขนาดต่างๆ ซึ่งขังทาสจากทุกดินแดน มีแม้กระทั่งมนุษย์ธรรมดาไปจนถึงยักษ์ตัวโต เสียงร่ำไห้อ้อนวอนดังออกมาจากพวกมันเป็นระยะนับแต่รถม้าแปลกหน้านั้นจอดลงทว่านางดูไม่ตกใจมากนักแต่กลับชี้นิ้วไปยังพวกมัน

ทั้งๆ ที่สามารถดูออกตั้งแต่แรกเห็นว่าเขาคือพ่อค้าทาส…

“มีตัวที่เก่งๆ บ้างมั้ย”

“ข้าไม่ทำการค้ากับผู้แปลกหน้า”

“ฉันมีเงิน”

“หึ…”

เขาหัวเราะในลำคออย่างพอใจก่อนจะเปิดผ้าคลุมศีรษะออกเผยให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาขัดจากบุคลิกภายนอกและจัดแต่งผมยาวรุงรังสีน้ำเงินเข้มซึ่งมัดไว้อย่างหลวมๆ บริเวณท้ายทอย ผายมือให้ลูกค้าคนใหม่นั่งลงแต่กลับถูกปฏิเสธ

นางเดินผ่านตัวเขาไปอย่างไม่คิดระมัดระวังตัว ปรายตาสีม่วงสดยังทาสในกรงขังที่เริ่มตื่นตัวกว่าเดิมเพราะไม่อาจทราบได้ว่าตนนั้นจะถูกพาตัวไปทรมานที่ใดอีก ในขณะที่บางส่วนเอาแต่เหม่อมองออกไปไร้ซึ่งชีวิตชีวา

 “จะเอาแข็งแกร่งแค่ไหน ยักษ์ เอลฟ์ มนุษย์มังกร ข้ามีทุกอย่าง”

“เอาตัวที่พอจะสูสีกับหมอนั่น”

นางกล่าวพลางส่งสายตาไปยังชายคนหนึ่งข้างรถม้าที่เอาแต่จ้องเขม็งมาทางนี้สักพักอย่างไม่วางตา แม้จะห่างไกลนักแต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าต้องเป็นผู้มากฝีมือเป็นแน่

และนี่ต้องเป็นหนึ่งในเหตุผลที่สตรีผู้นี้ไม่คิดระมัดระวังตน จากที่คิดว่าคงเป็นเพียงแค่คนโง่เขาควรจะต้องตรวจสอบเพิ่มสักหน่อย

“ชื่อของท่านล่ะ” เขาลองถามหยั่งเชิง

“จะจดฉันไว้ในบัญชีลูกค้ารึไง”

“ก็…ประมาณนั้น”

“เอ็ทน่า ส่วนที่ทำหน้าโง่ๆ อยู่ไกลๆ นั่นชื่อซีค”

เขาหัวเราะในลำคอออกมาอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายบอกชื่อของตนออกมาโดยที่ยังไม่ได้ตกลงซื้อขายกันด้วยซ้ำ ดูท่าแล้วคงไม่ใช่ผู้เก่งกล้าจากที่ใดจนไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตน คงเป็นแค่เด็กบ้านรวยจากสักตระกูลหนึ่งเท่านั้น…มีเงิน แต่ไม่มีสมอง

“ตัวนี้ ดูคล้ายเอลฟ์เลย”

นางชี้ไปยังชายหนุ่มท่าทางหวาดกลัวที่เอาแต่สวดมนตร์อ้อนวอนไม่ให้ตนถูกซื้อไปอย่างสนอกสนใจ

“ผอมบางเช่นนั้นคงสู้ไม่ได้ ลองดูออร์คดีมั้ย กรงด้านใน”

“อี๋…” นางทำหน้าแหยแกราวกับสิ่งปฏิกูลกองอยู่ตรงหน้า “ออร์คน่าเกลียดจะตาย ฉันทนเห็นหน้าตามันไม่ไหวหรอก”

“ถ้าเช่นนั้นที่นี่คงไม่มีสิ่งที่คุณหนูต้องการแล้วล่ะ”

“นั่นสิ ร้านเล็กๆ กลางทะเลทรายแบบนี้ ฉันคงหวังมากไปเองแหละ”

พูดจบสตรีนางนั้นก็หันหลังกลับหยิบเสื้อคลุมของตนขึ้นและเดินจากไปโดยไม่คิดบอกลา


ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกับสีผมมองรถม้าบรรทุกของจนลับสายตาไป มือทั้งสองยังคงคอยเติมเชื้อไฟเป็นระยะ

ฟึบ

จู่ๆ เชือกเส้นหนึ่งก็ถูกทิ้งลงมาด้านหลังของเขาซึ่งติดกับโขดหินใหญ่ แม้จะรู้ตัวแต่กลับมิได้สนใจนัก

“ชื่อคุ้นๆ นะ”

หญิงสาวในชุดคลุมยาวรุงรังโรยตัวลงมากล่าวด้วยท่าทีสงสัย เพราะควันไฟที่มากมายทำให้ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าด้านบนสุดของโขดหินนั้นมีใครหรืออะไรซ่อนอยู่หรือไม่

“คงมาจากซักตระกูลนั่นแหละ”

เขาตอบในขณะที่กำลังเขียนบางสิ่งลงยังเศษกระดาษสีขุ่นด้วยลายมือเป็นระเบียบและยื่นให้กับคู่หู

“ออกไปขายข่าว ว่ามีคุณหนูตระกูลร่ำรวยตามหาทาสที่แข็งแกร่ง คงให้ราคางามน่าดู”

“ค่ะ นายท่าน”

เธอตอบรับหนักแน่น ก่อนจะเริ่มปีนป่ายขึ้นไปยังจุดเดิม ไม่นานนักเมื่อจัดเตรียมทุกอย่างสำเร็จ ชุดคลุมก็ถูกถอดออกทิ้งลงไปยังเบื้องล่างเผยให้เห็นปีกสีสดใสบนหลังขาวเนียน มันกระพือขึ้นลงไม่กี่ทีก็ช่วยส่งให้ร่างทะยานขึ้นเหนือหมู่เมฆด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงขนปีกเล็กๆ ที่ร่วงหล่นตามธรรมชาติของฮาปี้



[โบราณสถานชินโกเรย์]

รถม้าจอดลงหน้าปากอุโมงค์ใหญ่ ชายร่างโตผู้กุมบังเหียนสีหน้าเคร่งเครียดเปิดผ้าม่านด้านหลังตนออก เรียกให้ทุกคนคนจากรถ พวกเขาดูงุนงงเล็กน้อยแต่กลับยอมที่จะทำตาม


“ถึงแล้วหรอครับ” คนตัวบางกล่าวด้วยเสียงงัวเงีย

ดอดจ์มีท่าทีอึดอัก มือขวาล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลทั่วทั้งใบหน้า

“ข้างหน้านี้มีมอนสเตอร์ประจำถิ่นที่ดุร้ายมากเลย แถมทางก็แคบมากๆ ข้าไม่เคยใช้เส้นทางนี้แต่ว่ามันเร็วมาก แต่ข้าว่า…”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจและตื่นตระหนกดังอู้อี้ในลำคอจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ทำเธอหงุดหงิดขึ้นมาโดยฉับพลัน เอ็ทน่าถอดเอาชุดคลุมยาวรุงรังออกก่อนจะเดินตรงไปยังปากอุโมงค์โดยไม่คิดหันกลับมาสนใจคนข้างหลังอีก

โดยไม่ต้องบอกก็ทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อ เซบและล็อตต้ารีบวิ่งตามเอ็ทน่าไปปล่อยให้ดอดจ์เดินตามหลังมาด้วยท่าทีหวาดกลัว

“หืม?”

ทว่าทันทีที่ร่างกายผ่านพ้นเข้ามาในพื้นดินสีเข้มความร้อนก็ลดลงอย่างมากจนน่าแปลกใจ เขารีบถอดเอาชุดคลุมยาวรุงรังออกอีกคนและโยนคืนให้กับล็อตต้าที่ยังคงสวมมันอยู่ทำเอาหน้าบางสวยหันขวับมามองตาเขียว

“ไอ…” ล็อตต้ากำมือแน่นแต่ก็ไม่รู้จะด่าว่าอะไรอีกเช่นเคย น่าหงุดงิดนักที่ไม่ว่าจะพูดแรงแค่ไหนมันก็ไม่เคยเจ็บซักนิดแถมบางครั้งยังไม่เข้าใจอีก ช่างโง่เง่าจริงๆ


เมื่อผ่านพ้นปากอุโมงค์ใหญ่เข้ามาได้ก็พบกับเหมืองยาวคดเคี้ยวไปมาไร้ซึ่งทิศทาง ราวกับไม่มีผู้ดูแลปล่อยให้ขุดไปทางไหนก็ตามที่มีสินแร่ ขณะที่กำลังชื่นชมพื้นที่ใหม่อยู่นั้นสายตาทั้งสองก็ได้มองเห็นคานไม้ด้านบนเริ่มผุพังลงจนนึกหวั่นใจ

ฟึบ!

กริชคมกริบพุ่งแหวกอากาศมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ยังดีที่สัญชาตญาณของเขาเร็วมากพอที่จะหลบมัน

เจ้ามอนสเตอร์ดุร้ายที่ดอดจ์กล่าวถึงยืนจังก้าด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรนัก ดวงตาแดงส้มราวกับเปลวเพลิงบนใบหน้าคล้ายหนูจ้องเขม็งมาทางผู้มาเยือนอย่างไม่ลดละพร้อมกระชับกริชยาวในมือเพื่อเริ่มโจมตีอีกครั้ง

เซบยกโล่ขึ้นมาป้องกันในทันทีที่ตั้งสติได้และฟาดฟันดาบออกไป

แต่เพียงครั้งเดียวมอนสเตอร์ตัวนั้นกลับล้มลงและแน่นิ่งไป เขาคิดว่ามันเป็นเพียงกลอุบายหนึ่งเท่านั้นแต่เมื่อได้ใช้โล่ลองสะกิดดูก็ได้รู้ว่ามันตายจริงๆ มิใช่เพียงละคร

มอนสเตอร์ดุร้ายแต่กลับอ่อนแอถึงเพียงนี้…ได้อย่างไร

“อย่าเข้ามานะ!!”

ขณะที่กำลังขบคิดอยู่นั้นเสียงหนึ่งจากทางด้านหลังก็ได้ตะโกนขึ้นมา ดอดจ์เองก็ถูกมอนสเตอร์เข้าโจมตีเช่นเดียวกันทำได้เพียงล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาโบกสะบัดให้มันล่าถอย

เขามองยังการกระทำของพ่อค้าเร่ดอดจ์อย่างเอือมระอาก่อนจะปาโล่ออกไปเมื่อเห็นว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นกำลังจะโจมตี

“บาดเจ็บหรือไม่” เขาถามไถ่ แต่นอกจากดอดจ์จะไม่ตอบแล้วยังกระโดดมาเกาะแขนของเขาแน่นพร้อมๆ กับเจ้าม้าทั้งสามที่หวาดกลัวไม่แพ้กันจนแนบชิดเข้ามา

“อ่อยอ้า(ปล่อยข้า)” เซบพยายามสื่อสารด้วยเสียงอู้อี้เพราะจมูกใหญ่ของเจ้าม้าที่อยู่ติดกับแก้มทั้งสองข้างและบนหัว ดวงตาสีเทาพยายามขอความช่วยเหลือกับผู้ร่วมปาร์ตี้ทั้งสองที่เอาแต่เดินนำหน้า

“ทางไหน” 

เสียงนิ่งเรียบเอ่ยถามเมื่อได้เห็นทางแยก ขณะที่ด้านหลังนั้นยังคงมีพายุหมุนวนคอยสังหารเหล่ามอนสเตอร์น่าลำคานเป็นระยะ

ล็อตต้าเดินตามมาติดๆ พิจารณาทางซ้ายทีขวาทีพลางก้มลงมองแผนที่ในมือซึ่งดูต่างจากที่เห็นตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปยังซ้ายมือ

“ถ้าแผนที่นี้ไม่เก่าเกินไปผมคิดว่าเดินตามทางนี้ซักครึ่งวันน่าจะพ้นเหมืองแล้วครับ”

“สตรอม”

เมื่อได้คำตอบที่ต้องการแล้วพายุหมุนวนถูกร่ายขึ้นมาดักด้านหน้าซึ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ก่อนจะเดินผ่านไป พายุนั้นดึงเอาพวกมันเข้าไปอยู่รวมกันพร้อมๆ กับเศษดิน กริชยาวซึ่งหลุดร่วงจากมือพุ่งเข้าทำร้ายพวกเดียวกันเองไปจนถึงเจ้าของ ไม่นานนักเมื่อพายุสงบลงร่างไร้วิญญาณของพวกมันก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน

“น่ากลัว…”

ดอดจ์มองทุกการกระทำตรงหน้าด้วยใจเต้นระรัว ถึงแม้จะตนเคยเห็นการสังหารมอนสเตอร์มานับครั้งไม่ถ้วนเพราะต้องจ้างนักผจญภัยนำทางเมื่อต้องผ่านเส้นทางอันตราย แต่กับนักผจญภัยป่าเถื่อนไม่สนใจผู้ว่าจ้างเช่นนี้ พึ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก…สรุปแล้วตนคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ดันไปจ้างกลุ่มคนเหล่านี้มา

ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาล่ะก็


………


รูปตาคล้ายจิ้งจอกในหนังสือนิทานพยายามเพ่งมองรอบกายที่เริ่มมืดลงเรื่อยๆ เนื่องจากดวงไฟนั้นน้อยลง

ในที่ที่ทั้งมืดและชื้นแฉะแบบนี้ต้องมีสัตว์มีพิษกำลังหลบซ่อนตัวอยู่เป็นแน่ เขายังไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งให้ได้ถูกเล่าขานจึงลดฝีเท้าลงเงี่ยหูฟังรอบกายอย่างระมัดระวัง

กระทั่ง…

“มืดมากเลยนะท่านนักผจญภัย”

“ใช่ ต้องมีผีโผล่ออกมาแน่ๆ”

เสียงพูดคุยหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ มันสอดแทรกเข้าไปในหัวของเขาอย่างไม่น่าให้อภัย

ล็อตต้าหันขวับไปทางต้นเสียงตาเขียวปั๊ด เจ้าคนป่าหัวทึบนั่นกำลังคุยกับดอดจ์ที่กำลังสั่นกลัวด้วยหัวข้อที่ไม่น่าอภิรมย์ใจนัก

“เดินให้มันเร็วๆ หน่อย ช้าอย่างกับเต่า”

ล็อตต้าตะโกนสวนกลับไป ทำเอาผู้เดินรั้งท้ายทั้งสองถึงกับเงียบลงครู่หนึ่ง

“แล้วก็เลิกพูดมั่วๆ ได้แล้ว”

“เจ้ากลัวหรือ”

“ไม่ได้กลัว ผมแค่ลำคานเรื่องไร้สาระ ผีมันไม่มีจริงซักหน่อย”

“มีสิ”

“แกเคยเห็นรึไง รีบเดินตามมาเถอะน่า!”


ก็ถ้าผีมีจริง เขาต้องได้เห็นแม่บ้างสิ


ราวกับมีประกายหนึ่งสว่างวาบขึ้นมาในดวงตา เซบมองเจ้านักยิงตัวบางที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นและย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้เสียงเงียบที่สุด

หนึ่งในวิธีการล่าสัตว์ที่ได้ถูกสั่งสอนมาจากหมู่บ้าน เพื่อสังหารพวกมันอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องต่อสู้ให้เสียพละกำลัง แม้แต่กวางที่กำลังเล็มหญ้ายังสามารถจัดการได้ ดังนั้นกับมนุษย์ เขาเองก็สามารถเข้าถึงตัวได้เช่นกัน

“ไอคนป่านี่…ปกติก็ไม่ค่อยพูด พอเปิดปากดันมีแต่เรื่องไร้สาระ”

คนตัวบางยังคงบ่นพึมพำ ขาทั้งสองเร่งเดินให้ทันเอ็ทน่าที่ลับตาไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ

ซุบ…ซุบ…ซุบ

กระทั่งเสียงฝีเท้าในจังหวะเดียวกันทว่าดังขึ้นด้านหลังทำล็อตต้าตื่นตัวขึ้นมา แต่เมื่อหันไปมองกลับพบว่ามีเพียงดอดจ์และอาวุธของเซบบนที่นั่งข้างคนขับและคิดเอาเองว่าเจ้าคนป่าโง่เง่านั่นคงจะไปนอนรอบนรถม้าเสียแล้ว

“ชิ…หนีไปนอนอีกแล้- กรี้ดดดดดดดด!!!

เซบที่ได้จังหวะโผล่ออกมาจากความมืดในระยะเอื้อมมือ เพราะไม่ทันระวังตัวทำให้ล็อตต้าถึงกับกรีดร้องเสียงสูงก่อนจะล้มลงไปกับพื้น

“เกิดอะไรขึ้น…”

เอ็ทน่าที่เดินย้อนกลับมากำลังจะเอ่ยถามถึงเสียงร้องเมื่อครู่ แต่เมื่อได้เห็นล็อตต้านั่งตัวสั่นอยู่บนพื้นโดยมีเซบยืนมองด้วยแววตาแฝงความซุกซนก็สามารถเดาได้

“แกล้งกันเป็นเด็กๆ ไปได้”

“ผีไม่มีจริงสักหน่อย เจ้าร้องทำไม( 0_0 )” เซบพูดหน้าตาย

“นี่แก!!”

ล็อตต้าชี้นิ้วไปยังเซบด้วยมือที่สั่นเทาจากความโกรธ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าจิกหัวเต็มกำลังทว่าอีกฝ่ายนอกจากจะไม่ปัดป้องแล้วยังดูชอบใจมากอีกด้วยที่ได้เห็นท่าทีเช่นนี้

“ฉันเริ่มมองเห็นปากเหมืองแล้วล่ะ” เอ็ทน่ารีบพูดตัดบท เดินเข้ามาดึงแขนล็อตต้าให้ออกห่างจากเซบก่อนจะได้ลงมือลงไม้กัน

แม้จะยอมไปตามแรงดึงแต่คนตัวบางที่ยังคุกกรุ่นชูนิ้วกลางใส่พร้อมสายตาคาดโทษจนลับตาไป