ในโลกอันกว้างใหญ่ของ Toram Online ผู้คนได้สรรค์สร้างเรื่องราวของตนเอง และการเดินทางครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักรบหนุ่มของหมู่บ้านได้เผลอยกชีวิตให้กับนักเวทสาวแปลกหน้าซึ่งเดินทางผ่านมา
ผจญภัย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ดาร์กแฟนตาซี,โทรัม,เกมออนไลน์,เกม,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Toram Story : หลีกหนีสู่โลกกว้างในโลกอันกว้างใหญ่ของ Toram Online ผู้คนได้สรรค์สร้างเรื่องราวของตนเอง และการเดินทางครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักรบหนุ่มของหมู่บ้านได้เผลอยกชีวิตให้กับนักเวทสาวแปลกหน้าซึ่งเดินทางผ่านมา
[ไม่มีตารางการอัพเป็นเวลาแน่นอน]
การออกเดินทางครั้งแรกจากหมู่บ้านที่คุ้นเคยกลับจารึกบางสิ่งเอาไว้ในใจมากมายนับไม่ถ้วน
...
เอาสิ...เอาชีวิตข้าไป
เซบรีดี้ (Zebrede) หรือเซบ อาวุธ : ดาบ/โล่
นักรบหนุ่มผู้พึ่งสูญเสียทุกอย่างในชีวิตไปกล่าวต่อผู้แปลกหน้า หากแต่ไม่ได้คิดให้ถีถ้วนนักว่านี่เป็นดั่งคำปฏิญาณว่าจะยกชีวิตให้กับเธอ
...
มันขโมยบางอย่างที่สำคัญมากของฉันไป
เอ็ทน่า (Aetna) อาวุธ : คทา/ปีก
นักเวทสาวผู้ออกเดินทางโดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว ไม่รู้เลยว่าทุกก้าวของตนนั้นได้เปลี่ยนชีวิตของใครหลายๆ คนไป
...
...
กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวผม!!
ล็อตต้า (Lotta) อาวุธ : โบว์กัน/ลูกธนู
เด็กชายรูปร่างบอบบางราวกับสตรี เสนอตัวเข้าหาผู้คนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจนั้นมีเพียงความปรารถนาเดียวคืออิสระ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม
...
มาผจญภัยไปด้วยกันเถอะ
...
แต่งขึ้นโดยอ้างอิง สถานที่ การแต่งกาย มอนสเตอร์ เนื้อเรื่องบางส่วน จากเกม Toram Online
...
ช่องทางการติดตามผลงาน พูดคุย หรือทวงงาน
Facebook : เสมียนน้อย ชอบกินหมู
Twitter/X : เสมียนน้อย @Immhu_
Tiktok : @Immhu_uu
*แวะเวียนมาพูดคุย เล่นมุก ด่าตัวละครได้ตามสบาย นักเขียนค่อนข้างชอบ แค่อย่าด่านักอ่านด้วยกันเอง ขอรับคำติชมเหล่านั้นไว้ด้วยใจ♡*
“น่ากลัวแฮะ…” ล็อตต้าบ่นพึมพำ สายตาพยายามสังเกตอาการผู้ที่เดินนำหน้าตลอดการเดินทางอย่างระมัดระวัง
นับตั้งแต่ที่เอ็ทน่าได้ก้าวขาเข้ามาในเขตทะเลทรายและสวมชุดคลุมยาวระพื้นปิดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าซึ่งมีช่องว่างเล็กๆ บริเวณดวงตาเพียงไม่ถึงสองนาที รังสีอำมหิตก็แผ่นซ่านออกมา ราวกับ…ฆาตกรโรคจิตที่แม้แต่เด็กร้องไห้ยังต้องหยุดเลยทีเดียว
ล็อตต้าลดฝีเท้าลง เอ่ยกระซิบกับคนข้างตัว “นี่แก”
“อะไร”
เซบตอบกลับเสียงแข็ง ดูหงุดหงิดกว่าที่ผ่านๆ มา
แม้จะรับรู้ได้ถึงท่าทีนั้นแต่ล็อตต้าเลือกที่จะไม่สนใจ ริมฝีปากบางยังคงขยับปากพูด “เอ็ทน่าจะไม่คลุ้มคลั่งแล้วหันมาฆ่าพวกเราใช่มั้ย”
คนตัวโตถอนหายใจหนักๆ ออกมาอย่างลำคานใจ สายตาดุถูกส่งออกมาผ่านผ้าคลุมหนาแต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยเท่าไรนัก
“ถึงตอนนั้นผมจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือ แกก็รับมือเอ็ทน่าไปก่อน โอเคมั้ย”
“หากเจ้ายังพูดเจื้อยแจ้ว ข้าจักคลุ้มคลั่งเสียเดี๋ยวนี้” เซบขู่ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าขึ้นอีก
“ชิ…” ล็อตต้าทำเสียงจิ๊ปากอย่างขัดใจ “แค่อากาศร้อนนิดหน่อยเอง ไม่อดทนเลย”
แต่เมื่อเห็นว่าทั้งสองทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดหันกลับมามองเขาจึงต้องวิ่งตามไป และยังคงพยายามชวนเซบพูดคุยต่อถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีลำคานมากก็ตาม
-------------------------------------
[คาสเปลรัม]
ท่ามกลางผืนทรายร้อนระอุปรากฏกำแพงผุพังซึ่งสร้างจากแผ่นเหล็กสังกะสีตอกเข้ากับท่อนไม้สีซีดโอบล้อมรอบเมืองแห่งนี้เอาไว้
ซึ่งจะเรียกว่าเมืองคงไม่เต็มปากนักเพราะอีกชื่อที่ทุกคนรู้จักคือสลัมคาสเปอร์ ผู้คนจากทุกแห่งหนทั้งที่เป็นผู้อพยพและอาชญากรสงครามต่างรวมตัวกันหลบซ่อนใต้ซากขยะจากจักรวรรดิ ที่มีตั้งแต่เศษเหล็กหนึ่งกำมือไปจนถึงฟันเฟืองขนาดใหญ่กว่าบ้านทั้งหลังซึ่งตั้งเด่น ณ ใจกลางทางแยกของเมือง
ชาวบ้านบางตาเกาะกลุ่มพูดคุยกันภายใต้เต็นท์สีสดซึ่งกางออกมาจากตัวบ้านรูปทรงสามเหลี่ยมปิรามิด ช่วยให้ที่แห่งนี้ไม่ดูเงียบเหงาจนเกินไปนัก
ผู้ที่นำหน้าสุดตลอดการเดินทางตรงดิ่งไปยังสตรีสวมชุดคลุมสีขาวเช่นเดียวกับตนพร้อมยื่นสปีนาจำนวนหนึ่งให้
“สองคืน” เอ็ทน่ากล่าวเสียงแข็ง “สามคน”
เจ้าของบ้านมองถุงสปีนาในมือครู่หนึ่งก่อนจะล้วงเอากุญแจบ้านด้านหลังให้ แต่ยังไม่ทันจะได้ยื่นออกไปก็ถูกแย่งจากมือเสียแล้ว
เอ็ทน่ารีบไขเข้าบ้านด้วยความร้อนรนก่อนจะปิดประตูเสียงดัง ปล่อยให้สองหนุ่มยืนมองหน้ากันไปมาด้วยความไม่เข้าใจต่อท่าทีนั้น
แต่ก่อนที่จะได้เดินตามเข้าไปเจ้าของบ้านก็ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ชายหญิงพักด้วยกันไม่ได้นะ นายตามฉันมาหลังนี้”
เซบลังเลในทีแรก แต่เมื่อเห็นว่าล็อตต้าเดินตามเจ้าของบ้านไปอย่างว่าง่ายจึงต้องทำตาม กระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง
เคร้ง
ท่อนเหล็กโปร่งร่วงหล่นจากมือเหนอะหนะของมอนสเตอร์ตัวเขียวรูปกายคล้ายก้อนโคลนเปียกมีขน บนร่างของมันนั้นมีขยะมากมายกำลังถูกดูดกลืนอย่างช้าๆ
“...”
เซบสาวเท้าเข้าหาอย่างสนใจ ก้มหยิบท่อนเหล็กบนพื้นยื่นให้กับมัน มือซึ่งมีเพียงแค่สามนิ้วรับเอาไว้ พลันสายลมก็ได้พัดเข้ามาวูบหนึ่งปัดเอาปอยผมที่ปิดบังดวงตาสีเหลืองส่องประกายภายในออก
…และเมื่อดวงตาคู่นั้นสอดประสาน ราวกับโลกทั้งใบได้หยุดหมุนลง ความรู้สึกประหลาดก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในอก คล้ายไออุ่นเมื่อครั้งรุ่งสาง เสียงรอบข้างเบาลงอย่างน่าอัศจรรย์จนสามารถได้ยินเสียงจังหวะหัวใจที่ดังกังวาน
มือหนาเอื้อมจับด้ามดาบบนหลังช้าๆ แต่ก่อนที่จะได้กระชับมันเสียงแหลมแสบหูจากเจ้าของบ้านดังขึ้นเรียกให้เขาหันไปสนใจ
“ตายแล้ว! เดินตามมาทำไม เธอต้องพักบ้านหลังนั้นนะ หลังนี้ของผู้ชาย”
“คือผม…” ล็อตต้าทำเสียงอ่อนก่อนจะดึงเอาผ้าคลุมหัวออก “ผมเป็นผู้ชายครับ”
เจ้าของบ้านขมวดคิ้ว ตั้งใจมองคนตัวบางตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “จริงหรอ?”
เซบถอนหายใจยาวเหยียดออกมา ถึงแม้เจ้านักยิงจะถอดเสื้อผ้าออกจนหมดก็ไม่มีใครเชื่อเป็นแน่ รูปร่างบอบบางราวสตรีเช่นนี้
เขาปล่อยมือจากท่อนเหล็กในมืออย่างเสียดายที่ไม่ได้ลองต่อสู้กับมัน คว้าเอากุญแจในมือของเจ้าของบ้านและลากคอเสื้อล็อตต้าให้ไปเปิดประตู
กลิ่นอับประหลาดกระแทกเข้าปะทะจมูกของทั้งคู่อย่างแรงจนต้องขมวดคิ้ว ล็อตต้ารีบเดินตรงไปยังหน้าต่างเพียงบานเดียวของบ้านติดกับเตียงพยายามเปิดมันออกแต่ไม่สำเร็จ เซบทิ้งตัวลงพื้นข้างประตูอย่างไม่ใส่ใจนักและเริ่มจัดแต่งพื้นที่สำหรับพักผ่อน
คนตัวบางพ่นลมออกจมูกอย่างขัดใจ ยอมแพ้ให้กับความฝืดของมัน
“เตียงแข็งชะมัด” ล็อตต้าบ่นพลางตบๆ ลงยังที่นอนเปื้อนฝุ่น “ไม่มีใยนุ่นซักนิด มีแค่เปลือกผลไม้ กล้าปล่อยให้เช่าได้ยังไง นอนบนทรายยังนิ่มกว่านี้ว่ามั้ย”
เซบไม่คิดจะตอบอะไรเช่นเคย เขายังคงง่วนอยู่กับการปูผ้าบนพื้นที่ทำจากแผ่นไม้ตอกติดกันอย่างลวกๆ
ผ้าห่มขาดถูกปาเข้ากระแทกหลังของเซบอย่างตั้งใจ ซึ่งเขาก็จับมันขดม้วนเข้าจนกลายเป็นหมอนและนอนลงโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้ทำไม
“นี่แก เป็นใบ้รึไง” ล็อตต้าเริ่มขึ้นเสียง “คนเขาคุยด้วยควรจะตอบสิ”
“อยากคุยนักก็มาคุยตรงนี้” เซบตอบหน้าตาย มือหนาตบลงยังต้นขาของตน
ล็อตต้ากัดฟันกรอด เจ้าคนป่านี่เริ่มเลียนแบบวิธีการของเอ็ทน่าโดยใช้ท่าทางล่อแหลมแบบนั้นเพราะรู้ว่าตนไม่ชอบ
น่าโมโหชะมัด…
ล็อตต้าทิ้งตัวลงที่นอนและหันหลังใส่เซบทันทีโดยที่ไม่ถอดเอากระเป๋าสัมภาระบนหลังออก
สุรเสียงเล็กแหลมกรีดร้องเคล้าด้วยความโกลาหลดังขึ้นท่ามกลางความเงีบบ
เซบรู้ได้ในทันทีว่ามาจากที่ใด มือหนาและหยาบเอื้อมหยิบหน้ากากข้างกายขึ้นมา จ้องมองผ่านดวงตาอัญมณีสีฟ้าสดใส
ราวกับได้หวนคืนสู่นรกนั่นอีกครั้ง เสียงผู้คนกรีดร้องดังก้องกังวานจากรอบกาย ทว่ามีอีกเสียงหนึ่งพยายามพูดคุยกับเขา
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่” เซบพยายามสื่อสาร
แต่ก็ไม่เคยมีสิ่งใดตอบกลับมา คล้ายกับว่ามันรังเกียจเขา แต่ก็ต้องการให้เขาตายตกไปตามทุกคนในหมู่บ้านจึงพยายามส่งเสียงเรียกเช่นนี้ในทุกราตรี
ทุกราตรีที่นายหญิงและเจ้านักยิงตัวบางมิได้พูดคุยอยู่ข้างกาย…
“โอ้วววววว”
เสียงปึงปังข้างตัวดึงเซบออกจากภวังค์ลึก เขาผุดลุกขึ้นกระชับมีดในมือ
แต่ก่อนที่จะได้เปิดมันความเคลื่อนไหวอีกหนึ่งจากด้านหลังก็ขยับใกล้เข้ามา ล็อตต้าส่งสายตาเป็นนัยให้แก่เขา
“ผมเอง” คนตัวบางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง มือหนึ่งสัมผัสลงยังกลอนประตู
เซบพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหลบเข้าหลังประตู
หน้าบ้านปรากฏชายผมสีแดงส้มเนื่องจากต้องถูกแดดเป็นเวลานานจนผมเสียยืนยิ้มอยู่หน้าประตูพร้อมเพื่อนข้างกายอีกสองคน เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามีสีหน้าสงสัยจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“นักเดินทางที่มากับเอ็ทน่าใช่มั้ย มาๆๆ ไปดื่มกัน” ท่อนแขนไร้กล้ามถือวิสาสะโอบรอบคอของอีกฝ่ายอย่างสนิทสนมและลากออกจากบ้านไป
เซบลดอาวุธในมือลงเมื่อได้ยินที่คนแปลกหน้ากล่าว เขาเดินตามออกไปพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบโต
ชายตัวสูงหันขวับกลับมาด้วยท่าทางตกใจ “อ้าว!! มีอีกคนนี่”
“เฮ้~ พี่ชาย ที่นี่น่ะห้ามชายหญิงนอนด้วยกันนา” ชายจมูกโตเดินยิ้มเข้ามาหาและถือวิสาสะกอดคอเขาไว้ ด้วยระยะเท่านี้ทำให้กลิ่นผลไม้หมักดองลอยปะทะเข้าจมูกของเซบอย่างจัง
“ผมเป็น…ผู้ชายครับ” ล็อตต้ากล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ พยายามที่จะแกะแขนของอีกฝ่ายออกแต่ไม่สำเร็จ
“ผู้ชวายที่ไหนกันผมส้านแบบนี้ย์ เอิ้ก” ชายจมูกโตที่ลิ้นเริ่มแข็งจนพูดไม่รู้เรื่องผละตัวออกจากเซบและตรงเข้ามาประคองหน้าของล็อตต้าไว้แต่กลับถูกดึงให้กลับไปด้วยแรงที่มากกว่า
เซบลากคอเจ้าคนเมาจมูกโตกลับมาหาตนก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านเอ็ทน่าอยู่ไหน” และส่งสายตาดุให้ผู้แปลกหน้าถอยห่างจากเพื่อนของตน
“โอ้…^^;” ชายผมแดงส้มรีบคล้ายมือที่กอดคอล็อตต้าออกทันที “เธอรออยู่ที่ร้านแล้ว” ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปยังอีกฝากของถนนซึ่งมีร้านค้าประดับดวงไฟสีส้มเหลืองมากมายภายใต้ผืนผ้าสีสันสดใสซึ่งตอนกลางวันยังว่างเปล่า
ผู้คนจำนวนมากกว่าที่จำได้ในตอนเช้าเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ทีเพื่อจับจ่ายซื้อของ ในตอนกลางวันอากาศร้อนเกินไปทั้งยังมีเหล่ามอนสเตอร์เดินขวักไขว่ ไม่เหมาะแก่การใช้ชีวิต แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเหล่ามอนสเตอร์เข้าสู่ห้วงนิทรา อากาศร้อนจากตอนเช้าจะลดลงอย่างมากและจะเปลี่ยนเป็นหนาวจัดเมื่อตกดึก นี่จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการออกมาเดินเล่นหรือทำการค้าขาย
ในเพิงไม้ยาวเกือบสุดตลาดขนาดย่อมของเมือง เอ็ทน่าโบกมือมาทางพวกเขาทันทีเมื่อเข้าสู่ระยะสายตา ชุดเกราะเข้ารูปถูกเปลี่ยนเป็นผ้าบางสีม่วงแดงพันปกปิดส่วนสำคัญต่างๆ ของร่างกายทว่ายังคงสามารถมองเห็นช่วงเอวได้ ทั้งยังกระโปรงยาวระพื้นนั้นกลับถูกแหวกขึ้นมาจนถึงต้นขา
ชุดที่ดูไม่เหมาะสมอีกแล้ว…
เซบคิดในใจพลางเร่งฝีเท้าขึ้นเพราะเห็นบุรุษแปลกหน้าสองคนนั่งขนาบซ้ายขวาในท่าทางสนิทสนม
แต่ชายจมูกโตที่เอาแต่เกาะแขนเกาะขาทิ้งตัวลงมาทำให้มันช้าลงมากนัก
“มาช้าจัง” เอ็ทน่าเอ่ยทัก
เซบไม่ตอบ ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งจนชายทั้งสองต้องขยับถอยห่าง
“อะไรกัน นี่แฟนเธอหรอ” ชายผมสีแดงส้มแซว
รอยยิ้มเบาบางฉายขึ้นบนในหน้าเรียวสวย มือสวมกำไลทองขัดเงาดึงรั้งให้เขานั่งลง “แค่ลูกน้องน่ะ” เธอตอบ
“ทำตัวตามสบายได้เลย” ชายผมแดงส้มผายมือเชิญชวน “ร้านนี้น่ะ พวกเราสร้างมาเองกับมือ เครื่องดื่มพวกนี้ก็ด้วย สูตรพิเศษที่ช่วยกันคิดค้น ฉันเอาหัวเป็นประกันเลยว่าพวกเธอไม่มีทางหารสชาติแบบนี้ได้ที่ไหนอีกแล้ว”
ชายรูปร่างแคระแก่นรินเครื่องดื่มในขวดแก้วทรงสูงยื่นให้กับแขกผู้มาใหม่ทั้งสอง “พวกเธอจะต้องติดใจ”
“ลองดูสิ อร่อยนะ” เอ็ทน่าช่วยพูดอีกแรง “คืนนี้พวกเขาเลี้ยง”
“ใช่แล้ว~ ถือเป็นมิตรไมตรี เผื่อว่าในอนาคตพวกเธอมีชื่อเสียงหรือเป็นผันตัวเป็นพ่อค้าก็อย่าลืมพวกเราก็แล้วกัน” ชายผมสีส้มพูดยาวเหยียดพลางยิ้มร่า
เครื่องดื่มสีสดใสมีฟองบางๆ ในแก้วไม้ถูกยื่นมาตรงหน้าอีกครั้ง เซบและล็อตต้ามองมันอย่างไม่ไว้ใจนักแต่สุดท้ายก็ต้องรับไป
ล็อตต้านั่งลงข้างเซบ จิบเครื่องดื่มในมืออย่างไม่คาดหวังแต่กลับต้องแปลกใจกับรสชาติที่ถูกต้องดังคำโฆษณาเมื่อครู่ “หอมจัง”
“ข้าบอกแล้ว เจ้าจะต้องติดใจ” ชายร่างแคระแก่นหลังเคาน์เตอร์บาร์ยาวขยิบตา
เครื่องดื่มถูกซัดลงคอสีเข้มจนหมดในครั้งเดียว ดวงตาสีเทาเบิกโพลงขึ้นเล็กน้อยเมื่อทั่วทั้งร่างร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที
“โว้ววว” ชายผมส้มแดงโกนเชียร์ รีบปรี่เข้าหาเติมเครื่องดื่มในแก้วที่ว่างเปล่า “คอแข็งดีนี่พี่ชาย”
เซบกระดกมันหมดแก้วอีกครั้ง ใบหน้าเรียบเฉยยังคงนิ่งสนิทราวกับกำลังนั่งดื่มน้ำเปล่า
“บอกแล้วว่าอร่อย” เอ็ทน่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มมุมปากจางๆ
แล้วเสียงเคาะถ้วยชามและแก้วน้ำในจังหวะสนุกสนานก็ดังขึ้นมาจากชายจมูกโตและชายตัวสูง พวกเขาหัวเราะร่าก่อนจะเริ่มเต้นระบำด้วยท่าทางแปลกๆ รอบเพิงร้าน ไม่นานนักชายผมสีแดงส้มก็ร่วมวงเพราะรสของแอลกอฮอล์เริ่มจะทำงาน เขายืนขึ้นบนเก้าอี้กลมด้านหน้าสุดของร้านเปล่งเสียงทุ้มต่ำขับขานบทเพลงที่ได้แต่งขึ้นเอง
เสียงหัวเราะอย่างที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะได้พบอีกคราเรียกให้เซบหวนคิดถึงค่ำคืนอันหอมหวานในหมู่บ้านอันห่างไกล เมื่อครั้งที่มีงานเลี้ยง รอบกายของเขาก็เต็มไปด้วยบรรยากาศเช่นนี้…สุรามากมายถูกซัดลงคอสีเข้มที่เริ่มจะปล่อยตัว เซบผุดลุดขึ้นเลียนแบบท่าเต้นรำของพวกเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยทว่ากลับมีสีสันขึ้นมาบนพวงแก้มไปจนถึงหูทั้งสองข้าง สตรีเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจและเริ่มส่งเสียงเชียร์ ดวงหน้ารูปไข่เริ่มมีสีสันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเครื่องดื่มในแก้วเริ่มทำงานเช่นเดียวกัน
“ดื่มมมมมม” ชายร่างแคระแก่นตะโกนก่อนจะเรียกให้ทุกคนชนแก้ว
------------
ฮายยย~ นี่อิ่มหมูเอง เราแวะมาบอกว่าตอนนี้ทุกคนและเด็กๆ ทั้งสามเดินทางกันมาเกือบครึ่งเรื่องแล้วนะ เก่งกันมากเลยยยย พอจะเดาตอนต่อไปออกรึเปล่าเอ่ย