หัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก
ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,ดาร์ค,แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ประกายจากพฤกษาหัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก
ขั้นที่ 1: สัมผัสอนูเวท (Basic Anuwet Sense)
ระดับนี้คือการรับรู้เบื้องต้นถึงอนูเวทในสิ่งรอบตัว ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้ตามความละเอียดของการรับรู้:
ขั้นที่ 2: ควบคุมอนูเวท (Anuwet Manipulation)
ระดับนี้เกี่ยวกับการที่จอมเวทเริ่มมีอิทธิพลต่ออนูเวท ตั้งแต่การบังคับเบื้องต้นไปจนถึงการควบคุมได้อย่างเป็นอิสระ:
ขั้นที่ 3: สลักอนูเวท (Anuwet Imbuement)
ระดับนี้คือการฝังอนูเวทลงในวัตถุให้คงอยู่ได้ ซึ่งต้องใช้ความแม่นยำและความเข้าใจอย่างมาก:
ขั้นที่ 4: แปรผันอนูเวท (Anuwet Transmutation)
นี่คือการเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของอนูเวท ซึ่งเป็นขีดสุดของความเข้าใจและการควบคุม:
ลูน่าถึงกับประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นประกายไฟที่ปลายกิ่งไม้ในมือของเอลล่า "เยี่ยมมากเอลล่า! เธอไม่เพียงแค่สัมผัสอนุเวทได้ แต่ยังควบคุมมันได้ด้วย! นี่มัน... เธอก้าวข้ามผ่านสองขั้นแรกของจอมเวทได้ภายในเวลาอันสั้น!"
เอลล่าเงยหน้ามองลูน่าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตื่นเต้นปนเปกัน "จริงเหรอคะลูน่า? หนูทำได้จริงเหรอ?"
ลูน่ายิ้มกว้าง "จริงสิ! ตอนแรกที่เธอสัมผัสถึงการสั่นสะเทือนเล็กๆ นั่นคือ สัมผัสอนุเวท ซึ่งเป็นขั้นแรกสุด และการที่เธอรวบรวมมันจนเกิดประกายไฟขึ้นมาได้ นั่นแหละคือ ควบคุมอนุเวท! มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้ทั้งสมาธิและความเข้าใจอย่างมาก และเธอทำได้เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ แต่ถึงจะทำได้แล้ว เธอก็ยังต้องทำความเข้าใจกับมันให้มากขึ้นอีกเยอะ"
เอลล่ามองเปลวไฟเล็กๆ ในมือด้วยความภาคภูมิใจ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางตลอดทั้งวันมลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยความตื่นเต้นที่เพิ่งค้นพบพลังในตัวเอง "แล้ว... เราจะฝึกอะไรกันต่อคะ?"
ลูน่าหัวเราะเบาๆ "คืนนี้เรามาพักผ่อนกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ยังมีอะไรอีกเยอะที่เธอต้องเรียนรู้ แต่บอกได้เลยว่า... หนทางข้างหน้าของเธอจะน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้อีกเยอะ"
เช้าวันต่อมา เอลล่า ตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นกับความสามารถในการจุดไฟที่เพิ่งค้นพบ ลูน่ามองเห็นแววตาเป็นประกายของเด็กสาว ก่อนจะกล่าวตัดบทด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่แฝงด้วยความเมตตา
"ถึงแม้เธอจะสามารถทำได้ทั้งสองอย่างในคราวเดียว ทั้งสัมผัสและควบคุมอนุเวท แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นนะเอลล่า เธอต้องฝึกฝนมากกว่านี้อีกเยอะ" ลูน่า อธิบาย "สองขั้นพื้นฐานนี้ยิ่งเข้าใจลึกซึ้งเท่าไรยิ่งดี เพราะมันคือรากฐานของเวทมนตร์ทั้งหมด หากเธอเชี่ยวชาญในสองขั้นนี้ เธอจะสามารถไปได้ไกลกว่าจอมเวททั่วไปอย่างแน่นอน"
ลูน่าพยักหน้าเล็กน้อย "พลังเวทไม่ใช่แค่การเสกสิ่งต่างๆ ออกมา แต่คือการทำความเข้าใจกับมันอย่างแท้จริง การควบคุมอนุภาคเล็กๆ เหล่านั้นให้เป็นไปตามเจตนาของเราได้อย่างแม่นยำและละเอียดอ่อนที่สุด คือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของเธอ"
เอลล่ารับฟังคำพูดของลูน่าอย่างตั้งใจ ดวงตาเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น เธอรู้แล้วว่าหนทางข้างหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การได้สัมผัสกับพลังเวทมนตร์ด้วยตัวเองเมื่อคืนนี้ ทำให้เธอรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด
"หนูจะพยายามค่ะลูน่า หนูจะฝึกให้หนัก" เอลล่ากล่าวเสียงหนักแน่น
บทเรียนแรก: การรับรู้และควบคุมอนุเวทที่ละเอียดยิ่งขึ้น
ลูน่ายิ้มให้เอลล่า "ดีมาก! งั้นบทเรียนแรกของวันนี้ เราจะมาฝึกการรับรู้และควบคุมอนุเวทให้ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น"
เธอพาเอลล่าเดินลึกเข้าไปในป่าจนกระทั่งพบกับลำธารใสสะอาดที่ไหลเอื่อย ลูน่ายื่นก้อนหินเล็กๆ สามก้อนให้เอลล่า "ตอนนี้เธอลองสัมผัสอนุเวทในอากาศรอบตัว แล้วลองแยกแยะความรู้สึกที่แตกต่างกันระหว่างอนุเวทที่อยู่ในก้อนหิน ลมที่พัดผ่าน และน้ำที่ไหลในลำธารดูสิ"
เอลล่าหลับตาลง เธอจดจ่อกับการสัมผัสถึงสิ่งรอบตัวอย่างที่ลูน่าสอน เมื่อคืนนี้เธอสัมผัสได้เพียงการสั่นสะเทือนเล็กๆ ทั่วไป แต่เมื่อเธอตั้งใจมากขึ้น เธอก็เริ่มรู้สึกถึงความแตกต่าง ก้อนหินให้ความรู้สึกหนักแน่นและมั่นคง ลมให้ความรู้สึกเบาและพลิ้วไหว ส่วน น้ำในลำธารให้ความรู้สึกเย็นชุ่มฉ่ำและเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
"ดีมาก!" ลูน่ากล่าว "นั่นคือการรับรู้ความแตกต่างของอนุเวทในแต่ละธาตุและวัตถุ ตอนนี้ลองใช้พลังของเธอทำให้น้ำในลำธารเกิดระลอกคลื่นเล็กๆ โดยไม่ต้องสัมผัสน้ำโดยตรง พยายามใช้พลังเวทแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อเรียนรู้การควบคุมที่ละเอียดอ่อน"
เอลล่าพยักหน้า เธอจ้องมองไปที่ผิวน้ำในลำธาร หลับตาลงอีกครั้ง พยายามรวบรวม อนุเวท ที่เธอสัมผัสได้ในอากาศรอบตัว และส่งมันออกไปเพื่อ 'สั่งการ' น้ำ เธอจินตนาการว่าพลังเหล่านั้นกำลังก่อตัวเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ การฝึกครั้งนี้ยากกว่าการจุดไฟมากนัก เพราะมันต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการควบคุม เมื่อพยายามอยู่หลายครั้ง ในที่สุด ผิวน้ำก็เริ่มกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ อย่างแผ่วเบา
ลูน่าพยักหน้าด้วยความพอใจ "ยอดเยี่ยมมากเอลล่า! แม้จะยังไม่รุนแรงนัก แต่นี่คือการก้าวไปอีกขั้นของการควบคุมอนุเวท ซึ่งต้องใช้ความเข้าใจและสมาธิอย่างมาก เธอเริ่มเข้าใจถึงการใช้พลังอย่างประหยัดและแม่นยำมากขึ้นแล้ว"
อธิบายพลังของเอลล่า: สัมผัสและควบคุมอนุเวท
พลังของเอลล่าคือความสามารถในการ "สัมผัสและควบคุมอนุเวท" ซึ่งเป็นพลังงานเวทมนตร์ที่ลอยอยู่ในอากาศและสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไป เปรียบเสมือนอนุภาคที่มองไม่เห็น
แก่นแท้ของขั้น "ควบคุมอนุเวท" คือการเรียนรู้ที่จะใช้พลังงานที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้อย่างแม่นยำและประหยัดที่สุด เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่หลากหลายและซับซ้อนขึ้นได้ในอนาคต การที่เอลล่าสามารถทำได้ทั้งสองขั้นนี้ในเวลาอันสั้น แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่โดดเด่นของเธอ
บทเรียนที่ 2: การควบคุมอนุเวทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางกายภาพ
หลายวันต่อมา การเดินทางของเอลล่าและลูน่ายังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เอลล่าเริ่มคุ้นเคยกับการสัมผัสและควบคุมอนุเวทมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถทำให้ระลอกคลื่นในลำธารก่อตัวได้แม่นยำและรวดเร็วกว่าเดิมมาก ลูน่าเห็นพัฒนาการอันรวดเร็วของศิษย์สาว จึงตัดสินใจเริ่มบทเรียนที่สอง
"วันนี้เราจะมาเรียนรู้การใช้ อนุเวท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกายกัน" ลูน่ากล่าวขณะพวกเธอกำลังเดินผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ "การควบคุมอนุเวทไม่ได้จำกัดแค่การทำสิ่งต่างๆ ภายนอกเท่านั้น แต่เรายังสามารถนำพลังเหล่านี้มาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความคล่องตัวให้ตัวเราเองได้ด้วย"
ลูน่าสาธิตให้ดู เธอรวบรวมพลังเวทไว้รอบๆ ตัวเธอ แล้วกระโดดขึ้นไปบนก้อนหินสูงใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ราวกับตัวเบาหวิว "นี่คือการใช้ อนุเวท ในการลดแรงต้านทานของอากาศและเพิ่มแรงส่งเล็กน้อย มันคือการใช้พลังเวทเพื่อ 'บงการ' กลไกทางกายภาพของเราให้ตอบสนองได้เหนือกว่าปกติเล็กน้อย"
ลดแรงต้านทานของอากาศ: เมื่อลูน่ารวบรวมอนุเวทไว้รอบๆ ตัวเธอ อนุเวทเหล่านั้นจะสร้างสนามพลังบางๆ ที่มองไม่เห็น รอบๆ ร่างกายของเธอ สนามพลังนี้จะไป ปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของอากาศรอบๆ ตัวเธอในระดับโมเลกุล ทำให้โมเลกุลอากาศจัดเรียงตัวใหม่ หรือลดแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเคลื่อนที่ผ่าน ผลลัพธ์คือ ร่างกายของเธอสามารถแหวกอากาศไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น ลดแรงต้านที่ปกติจะเกิดขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องตัวขึ้นและใช้พลังงานน้อยลงในการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
เอลล่าลองทำตาม เธอหลับตาลง มุ่งสมาธิไปที่ขา พยายามสัมผัสถึงอนุเวทที่ลอยอยู่ในอากาศ แล้วดึงดูดพวกมันให้มารวมตัวกันรอบๆ กล้ามเนื้อขา เธอจินตนาการว่าอนุเวทเหล่านั้นกำลังแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับและส่งแรงได้ดีขึ้น
เมื่อลืมตาขึ้น เธอลองออกวิ่งดู ร่างของเอลล่าพุ่งไปข้างหน้าเร็วกว่าปกติเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เธอรู้สึกถึงพละกำลังที่เพิ่มขึ้นในแขนขา ทุกก้าวที่วิ่งนั้นเบาและคล่องตัว ลูน่ายิ้มอย่างพอใจ เธอกำลังเฝ้าดูพัฒนาการของเอลล่าอย่างใกล้ชิด
"ดีมากเอลล่า! นั่นแหละคือการประยุกต์ใช้ ควบคุมอนุเวท กับร่างกายของเราเอง" ลูน่ากล่าว "มันจะช่วยให้เธอเคลื่อนไหวได้รวดเร็วขึ้นเล็กน้อย, ทนทานต่อความเหนื่อยล้าได้นานขึ้น, และเพิ่มพละกำลังในการต่อสู้ ยิ่งเธอควบคุมมันได้ละเอียดเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งใช้พลังนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการหลอมรวมเวทมนตร์เข้ากับกายเนื้อ ซึ่งเป็นหนทางที่จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่บางคนเท่านั้นที่เข้าถึง"
ลูน่าเห็นแววตาที่ยังคงมุ่งมั่นของเอลล่า จึงตัดสินใจสอนเคล็ดวิชาที่ลึกล้ำขึ้นอีกขั้น "นอกจากที่ฉันสอนไปแล้ว ยังมีการใช้ อนุเวท เพื่อเพิ่มพละกำลังและการฟื้นฟูร่างกายด้วยนะเอลล่า"
เธอยกมือขึ้นกำแน่น จากนั้นคลายออกอย่างช้าๆ แสดงให้เห็นถึงการควบคุมที่ละเอียดอ่อน "ลองนึกภาพตามนะ อนุเวท สามารถถูกบงการให้เข้าไปกระตุ้นการทำงานภายในร่างกายของเราได้อีกด้วย เช่น การควบคุมให้เลือดทำการไหลเวียนได้อย่างรวดเร็วขึ้น"
"เมื่อเราควบคุมให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ก็จะถูกส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กล้ามเนื้อก็จะได้รับพลังงานมากขึ้น ทำให้เรามีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และที่สำคัญคือ ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าได้เร็วขึ้นมาก" ลูน่าอธิบาย ดวงตาของเธอลึกล้ำราวกับมองเห็นสิ่งที่เอลล่ากำลังจะกลายเป็น "นี่คือพลังที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์คับขัน"
เอลล่าหลับตาลง เธอจินตนาการถึงเส้นเลือดในร่างกายที่ขยายตัว การเต้นของหัวใจที่เร็วกระหน่ำ และกระแสเลือดที่พุ่งพล่านไปทั่วทุกส่วน เธอพยายามบงการอนุเวทให้แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของเธอ เพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิต เมื่อลืมตาขึ้น เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนอ่อนๆ ที่แผ่ซ่านไปทั่วตัว พละกำลังที่เคยหมดไปจากการวิ่งฝึกซ้อมเมื่อครู่ดูเหมือนจะกลับคืนมาเกือบทั้งหมดอย่างน่าอัศจรรย์
"ยอดเยี่ยมมากเอลล่า!" ลูน่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม "เธอทำได้เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก นี่แหละคือความแตกต่างระหว่างจอมเวทธรรมดา กับผู้ที่เข้าใจในแก่นแท้ของอนุเวทอย่างแท้จริง"
ลูน่าผายมือหยุดเอลล่าที่กำลังจะเปล่งเสียงดีใจ เธอปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้นทันที แววตาเต็มไปด้วยความกังวลเล็กน้อย "แต่จงฟังให้ดีนะเอลล่า พลังนี้เปรียบเสมือนดาบสองคม มันมีข้อดีมหาศาล แต่ก็มีข้อเสียร้ายแรงเช่นกัน"
"การที่เราไปเร่งการทำงานของร่างกายอย่างฉับพลัน เช่น การเร่งการไหลเวียนของเลือด มันคือการฝืนธรรมชาติ และทำให้ร่างกายทำงานเกินขีดจำกัดปกติ หากใช้มากเกินไป หรือควบคุมไม่ดีพอ ร่างกายจะเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง" ลูน่าอธิบายเสียงเคร่งขรึม "กล้ามเนื้ออาจฉีกขาด เส้นเลือดฝอยแตก อวัยวะภายในทำงานล้มเหลว หรือแม้แต่ระบบประสาทอาจได้รับความเสียหายอย่างถาวร"
"ในประวัติศาสตร์ เคยมีจอมเวทหลายคนพยายามใช้พลังนี้เพื่อช่วงชิงชัยชนะ แต่พวกเขากลับควบคุมมันไม่ได้ หรือโลภมากเกินไป เร่งการทำงานของร่างกายจนเกินขีดจำกัด จนถึงแก่ชีวิตก็มีมาแล้ว" ลูน่ากล่าวเน้นย้ำ "ดังนั้น การควบคุมพลังนี้ต้องใช้ความละเอียดอ่อนและสติปัญญาอย่างสูงสุด เธอต้องรู้จักขีดจำกัดของตัวเอง และไม่ควรผลีผลามใช้มันอย่างเต็มที่เด็ดขาด จนกว่าจะเชี่ยวชาญจริงๆ"
เอลล่าพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ความตื่นเต้นเมื่อครู่ลดลงเล็กน้อย ถูกแทนที่ด้วยความตระหนักถึงความอันตรายของพลังที่เธอเพิ่งค้นพบ