หัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก

ประกายจากพฤกษา - บทที่ 14 เข้ามา โดย ฟ้าดินนำทาง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,ดาร์ค,แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ประกายจากพฤกษา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย

รายละเอียด

ประกายจากพฤกษา โดย ฟ้าดินนำทาง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก

ผู้แต่ง

ฟ้าดินนำทาง

เรื่องย่อ

 

ขั้นที่ 1: สัมผัสอนูเวท (Basic Anuwet Sense)

ระดับนี้คือการรับรู้เบื้องต้นถึงอนูเวทในสิ่งรอบตัว ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้ตามความละเอียดของการรับรู้:

  1. การรับรู้อนูเวทหยาบ (Rough Anuwet Perception) :
    • ความสามารถ: จอมเวทสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของอนูเวทได้ในภาพรวม เช่น รู้สึกถึงพลังเวทมนตร์ในบริเวณที่มีความเข้มข้นสูง หรือรับรู้ถึงการใช้เวทมนตร์ของผู้อื่นได้แบบคลุมเครือ
    • ตัวอย่าง: รู้สึกได้ถึง "ความผิดปกติ" ของพลังงานเมื่ออยู่ในป่าเวทมนตร์ หรือสัมผัสได้ถึงออร่าเวทมนตร์จางๆ จากวัตถุโบราณ
  2. การรับรู้อนูเวทละเอียด (Fine Anuwet Perception) :
    • ความสามารถ: จอมเวทเริ่มสามารถแยกแยะประเภทของอนูเวทได้ เช่น สัมผัสได้ว่าพลังงานที่รับรู้นั้นเป็นอนูเวทธาตุไฟหรือธาตุน้ำ หรือมีความเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน
    • ตัวอย่าง: สามารถระบุได้ว่าต้นไม้ต้นนี้มีอนูเวทธาตุดินในปริมาณมาก หรือสัมผัสได้ถึงร่องรอยของอนูเวทที่หลงเหลือจากการใช้เวทมนตร์เมื่อนานมาแล้ว
  3. การรับรู้อนูเวทเฉพาะเจาะจง (Precise Anuwet Identification) :
    • ความสามารถ: จอมเวทมีความเข้าใจลึกซึ้งถึงลักษณะเฉพาะของอนูเวท สามารถระบุแหล่งที่มา, คุณสมบัติย่อย, หรือแม้กระทั่งความ "บริสุทธิ์" ของอนูเวทได้อย่างแม่นยำ
    • ตัวอย่าง: สามารถสัมผัสได้ว่าอนูเวทไฟที่พุ่งมานั้นเป็นไฟแห่งการทำลายล้าง หรือไฟแห่งการชำระล้าง หรือสามารถแยกแยะความแตกต่างของอนูเวทที่มาจากจอมเวทแต่ละคนได้

ขั้นที่ 2: ควบคุมอนูเวท (Anuwet Manipulation)

ระดับนี้เกี่ยวกับการที่จอมเวทเริ่มมีอิทธิพลต่ออนูเวท ตั้งแต่การบังคับเบื้องต้นไปจนถึงการควบคุมได้อย่างเป็นอิสระ:

  1. การควบคุมอนูเวทผ่านสื่อ (Conduit Anuwet Control) :
    • ความสามารถ: จอมเวททั่วไปที่ต้องใช้ "คทา" หรือ "อัญมณีเวท" เป็นตัวกลางในการรวบรวมและชี้นำอนูเวท การควบคุมยังเป็นแบบจำกัดตามขีดความสามารถของเครื่องมือและคาถาที่ใช้
    • ตัวอย่าง: ร่ายคาถาไฟโดยใช้คทาเพื่อเรียกเปลวไฟขนาดเล็ก หรือใช้คฑาน้ำเพื่อสร้างหยดน้ำเวทมนตร์
  2. การควบคุมอนูเวทโดยตรงเบื้องต้น (Basic Direct Anuwet Control) :
    • ความสามารถ: จอมเวทที่มีความเข้าใจในอนูเวทมากขึ้น สามารถเริ่มควบคุมอนูเวทได้โดยตรงในระดับที่ไม่ซับซ้อน เช่น การชี้นำกระแสอนูเวทให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการ หรือการรวมกลุ่มอนูเวทให้มีความหนาแน่นขึ้นเล็กน้อย โดยไม่จำเป็นต้องใช้คาถาหรือคทาเสมอไป
    • ตัวอย่าง: ใช้มือเปล่าจุดเทียนด้วยอนูเวทไฟ หรือทำให้ใบไม้ลอยขึ้นเล็กน้อยด้วยอนูเวทลม
  3. การควบคุมอนูเวทได้ดั่งใจนึก (Instinctive Anuwet Control) :
    • ความสามารถ: จอมเวทที่มีความเข้าใจในอนูเวทอย่างลึกซึ้งถึงแก่นแท้ สามารถควบคุมอนูเวทได้ทันทีตามเจตจำนง โดยไม่ต้องผ่านการร่ายคาถาหรือใช้เครื่องมือใดๆ การควบคุมเป็นไปอย่างลื่นไหลและแม่นยำ สร้างสรรค์รูปแบบเวทมนตร์ที่ซับซ้อนได้ตามต้องการ
    • ตัวอย่าง: เสกกำแพงน้ำแข็งขึ้นมาในพริบตาเพื่อป้องกันการโจมตี หรือสร้างกระแสลมวนเพื่อโจมตีศัตรูอย่างต่อเนื่อง

ขั้นที่ 3: สลักอนูเวท (Anuwet Imbuement)

ระดับนี้คือการฝังอนูเวทลงในวัตถุให้คงอยู่ได้ ซึ่งต้องใช้ความแม่นยำและความเข้าใจอย่างมาก:

  1. การประจุอนูเวทชั่วคราว (Temporary Anuwet Imbuement) :
    • ความสามารถ: การประจุอนูเวทลงในวัตถุหรือบุคคลเพื่อให้มีคุณสมบัติเวทมนตร์ในระยะเวลาจำกัด ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการเพิ่มพลังชั่วคราว หรือสร้างผลกระทบที่อยู่ได้ไม่นาน
    • ตัวอย่าง: ประจุอนูเวทโจมตีลงในดาบเพื่อให้ดาบมีความร้อนขึ้นชั่วขณะ หรือประจุอนูเวทรักษาลงบนบาดแผลเพื่อให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นชั่วคราว
  2. การสลักอนูเวทถาวรเบื้องต้น (Basic Permanent Anuwet Engraving) :
    • ความสามารถ: การสลักอนูเวทลงในวัตถุเพื่อให้มีคุณสมบัติเวทมนตร์ถาวร แต่ในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนนัก หรือต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากในการทำ มักจะเป็นการสลักคุณสมบัติเดียว
    • ตัวอย่าง: สร้างดาบที่เปล่งแสงได้ตลอดเวลา หรือแหวนที่ช่วยเพิ่มการป้องกันเล็กน้อยอย่างถาวร
  3. การสลักอนูเวทซับซ้อน/หลายคุณสมบัติ (Complex/Multi-Property Anuwet Imbuement) :
    • ความสามารถ: การสลักอนูเวทลงในวัตถุด้วยความแม่นยำสูง ทำให้วัตถุนั้นมีคุณสมบัติเวทมนตร์ที่ซับซ้อน หรือมีหลายคุณสมบัติพร้อมกัน ผู้ใช้สามารถกำหนดเงื่อนไขการทำงานของอนูเวทที่สลักไว้ได้
    • ตัวอย่าง: สร้างเกราะที่สามารถต้านทานได้ทั้งไฟและน้ำ หรือเครื่องรางที่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาพร้อมกัน

ขั้นที่ 4: แปรผันอนูเวท (Anuwet Transmutation)

นี่คือการเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของอนูเวท ซึ่งเป็นขีดสุดของความเข้าใจและการควบคุม:

  1. การปรับเปลี่ยนคุณสมบัติย่อย (Minor Property Adjustment) :
    • ความสามารถ: จอมเวทสามารถปรับเปลี่ยนคุณสมบัติเล็กๆ น้อยๆ ของอนูเวทได้ เช่น ทำให้อนูเวทไฟมีความร้อนสูงขึ้น หรือลดอุณหภูมิลงเล็กน้อย หรือเพิ่มแรงดันของอนูเวทน้ำ
    • ตัวอย่าง: เสกบอลไฟที่ร้อนแรงกว่าปกติ หรือสร้างกระแสน้ำแข็งที่กัดกร่อนได้เล็กน้อย
  2. การเปลี่ยนแปลงประเภทอนูเวท (Anuwet Type Transmutation) :
    • ความสามารถ: จอมเวทสามารถเปลี่ยนอนูเวทจากประเภทหนึ่งไปอีกประเภทหนึ่งได้ เช่น เปลี่ยนอนูเวทธาตุไฟให้เป็นอนูเวทธาตุน้ำ หรือเปลี่ยนอนูเวทบริสุทธิ์ให้เป็นอนูเวทแห่งความมืด
    • ตัวอย่าง: สามารถดูดซับพลังงานไฟจากสิ่งแวดล้อมแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานน้ำเพื่อใช้โจมตี หรือแปลงพลังงานแสงให้เป็นพลังงานเงา
  3. การสร้างสรรค์อนูเวทรูปแบบใหม่ (Anuwet Genesis/Recreation) :
    • ความสามารถ: จอมเวทสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของอนูเวทเพื่อสร้างอนูเวทประเภทใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือสามารถหลอมรวมอนูเวทหลายประเภทเข้าด้วยกันเพื่อสร้างคุณสมบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้น
    • ตัวอย่าง: ผสมผสานอนูเวทไฟกับอนูเวทลมเพื่อสร้าง "อนูเวทพายุเพลิง" ที่มีคุณสมบัติทั้งสอง หรือสร้างอนูเวทแห่ง "มิติ" ที่สามารถเปิดประตูมิติขนาดเล็กได้

 

สารบัญ

ประกายจากพฤกษา-บทที่ 1 สงคราม,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 2 พฤกษาผู้พิทักษ์,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 3 จุดเริ่มต้น,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 4 ความสิ้นหวัง,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 5 ความโดดเดี่ยว,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 6 ความลึกลับของป่าไม้,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 7 แสงรุ่งอรุณ,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 8 กลับบ้าน,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 9 เพื่อนเก่า,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 10 การฝึกของเอลล่า,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 11 ความเหนื่อยยาก,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 12 ความเหนื่อยยาก 2,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 13 ฉันสู้เพื่ออนาคต,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 14 เข้ามา,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 15 การจากลา,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 16 โลกอันกว้าใหญ่,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 17 เอาตัวรอด,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 18 คนแปลกหน้า,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 19 ไม่นะ,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 20 การตัดสินใจของเอลล่า,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 21 การหลบหนี,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 22 หลังเอาชีวิตรอด,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 23 ผลโลหิต,ประกายจากพฤกษา-บทที่ 24 ความเจ็บปวด

เนื้อหา

บทที่ 14 เข้ามา

ดาบเพลิงสีแดงของคาลอสปะทะเข้ากับกำปั้นเปล่าของลูน่าที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีเงิน เกิดระเบิดพลังงานขนาดใหญ่จนพื้นดินแยกออกเป็นทางยาว แรงปะทะนั้นส่งผลให้ต้นไม้รอบข้างหักโค่นและปลิวว่อนไปในอากาศ เอลล่าที่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ ต้องยกแขนขึ้นบังใบหน้าจากเศษซากที่กระเด็นมา

คาลอสไม่ลดละ เขากระหน่ำฟันดาบใส่ลูน่าอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วและพละกำลังที่เหนือมนุษย์ ทุกครั้งที่ดาบของเขากระทบกับพลังเวทของลูน่า จะเกิดประกายไฟและคลื่นพลังงานที่รุนแรงแผ่ออกมา ลูน่าเองก็รับมือได้อย่างเหลือเชื่อ เธอใช้ความเร็วและไหวพริบทั้งหมดที่มีในการหลบหลีกและสวนกลับ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอแม่นยำและรวดเร็วราวกับสายฟ้า

"ฉันจะจบเรื่องนี้!" คาลอสตะโกน เขาผสานพลังทั้งหมดที่มีลงไปในดาบ และตวัดฟันเป็นวงกว้าง ปล่อยคลื่นพลังงานเพลิงขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ลูน่าโดยตรง

ลูน่าเห็นดังนั้นก็หลับตาลงเล็กน้อย พลังเวทสีเงินรอบตัวเธอเข้มข้นขึ้นจนกลายเป็นเกราะป้องกันแสงขนาดใหญ่ "มาสิ! จงแสดงพลังทั้งหมดของนายออกมา!" เธอท้าทาย

คลื่นพลังงานเพลิงปะทะเข้ากับเกราะป้องกันแสงของลูน่าอย่างจัง เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งป่า กลุ่มควันและฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่วจนมองไม่เห็นสิ่งใด

การปะทะที่สิ้นสุด

เมื่อกลุ่มควันและฝุ่นผงค่อย ๆ จางหายไป สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเอลล่าคือภาพที่ทำให้เธอต้องกลั้นหายใจ

ลูน่ายืนนิ่งอยู่กลางวงกลมที่เกิดจากการระเบิด ร่างของเธอยังคงตั้งตรง ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนบนชุด เพียงแต่ประกายแสงสีเงินที่ห่อหุ้มตัวเธอนั้นริบหรี่ลงเล็กน้อย แสดงถึงการใช้พลังมหาศาล

ส่วนคาลอส... เขาทรุดเข่าลงกับพื้นหายใจหอบหนัก ดาบใหญ่ในมือที่เคยเปล่งประกายสีแดงฉาน บัดนี้กลับไร้ซึ่งแสงใดๆ พลังเวทสีแดงที่เคยห่อหุ้มร่างเขาได้หายไปหมดแล้ว เขากลับคืนสู่สภาพเดิมที่อ่อนล้าและบาดเจ็บ แต่แววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันยอมแพ้

ลูน่าเดินเข้าไปใกล้คาลอสช้าๆ ใบหน้าของเธอไร้ร่องรอยความเหนื่อยล้า มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้น

"นายทำได้ดีมากคาลอส" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง "นายแสดงให้ฉันเห็นถึงการพัฒนาของนาย และความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้"

คาลอสเงยหน้าขึ้นมองลูน่าอย่างไม่เข้าใจ "แต่... ผมยังแพ้"

ลูน่ายิ้ม "การชนะหรือแพ้ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้" เธอชี้ไปที่เอลล่าที่ยืนมองอยู่ห่างๆ "สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่นายแสดงให้เห็น เพื่อใครบางคนที่นายห่วงใย"

ลูน่าก้มตัวลงเล็กน้อย ยื่นมือออกไปช่วยพยุงคาลอสให้ลุกขึ้น "เอาล่ะ นายชนะแล้ว" เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม

คาลอสถึงกับตกใจ "ชนะ? แต่ผม..."

"นายชนะใจฉันไงล่ะ" ลูน่าพูดตัดบท เอลล่าวิ่งเข้ามาหาอย่างเป็นห่วง "คุณเป็นอะไรไหมคะ?"

"ไม่เป็นไร" คาลอสพูดแล้วยิ้มให้เธอ

ลูน่าพาเขาไปนั่งตรงม้านั่งหน้าบ้าน ก่อนจะใช้เวทมนตร์ชำระล้างบาดแผลให้เขา คาลอสถามอย่างสงสัย "เมื่อกี้มันคืออะไร?"

ลูน่ายิ้มบางๆ "นายคงเคยได้ยินเรื่องจิตวิญญาณดาบมาบ้างใช่ไหมล่ะ?" เธอเว้นจังหวะเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาฉงนของคาลอส "มันคือพลังแฝงที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในตัวของนักดาบทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะปลุกมันขึ้นมาได้ มันคือการหลอมรวมจิตวิญญาณของนักดาบเข้ากับแก่นแท้ของดาบ จนเกิดเป็นพลังที่เหนือกว่าขีดจำกัดของมนุษย์ปกติ"

เธอมองไปที่ดาบใหญ่ของคาลอสที่วางอยู่ไม่ไกล "ดาบของนาย... มันมีชีวิตชีวาขึ้นมาเมื่อนายปลุกพลังนั้น เพราะจิตวิญญาณของนายผสานเข้ากับมัน พลังที่นายใช้เมื่อครู่คือการปลดปล่อยพลังของจิตวิญญาณดาบออก"

คาลอสอึ้งไปครู่หนึ่ง เขามองมือตัวเองสลับกับดาบใหญ่ของเขา "แล้ว... ผมจะควบคุมมันได้ยังไงครับ?"

ลูน่าหัวเราะเบาๆ "นั่นแหละคือสิ่งที่นายจะต้องเรียนรู้ต่อจากนี้ และฉันช่วยนายไม่ได้ แต่จะมีที่หนึ่ง... ที่มีคนเหมือนนายรวมตัวกันอยู่"

"ที่ไหน?" คาลอสถามด้วยความสงสัย

ดินแดนแห่งพันธะดาบ

ลูน่ามองคาลอสด้วยแววตาจริงจังขึ้น "สถานที่แห่งนั้นถูกเรียกว่า 'ดินแดนแห่งพันธะดาบ' เป็นที่ที่เหล่าผู้ใช้จิตวิญญาณดาบมารวมตัวกันเพื่อฝึกฝนและทำความเข้าใจพลังที่แท้จริงของพวกเขา ที่นั่นมีวิชาโบราณที่ตกทอดกันมานานนับพันปี และมีปรมาจารย์ที่สามารถนำทางนายไปสู่จุดสูงสุดของวิถีแห่งดาบได้"

"แต่การไปถึงที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย" เธอเสริม "ดินแดนแห่งพันธะดาบถูกซ่อนเร้นจากโลกภายนอก มีเพียงผู้ที่ถูกเลือกและผู้ที่มีพันธะอันแรงกล้ากับดาบเท่านั้นที่จะค้นพบทางเข้าไปได้"

คาลอสรู้สึกเหมือนมีประตูบานใหม่เปิดออกตรงหน้า เขาไม่เคยคิดว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่จริง

"แล้ว... เอลล่าล่ะครับ?" คาลอสถาม พลางหันไปมองเอลล่าที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ

"ไม่ต้องห่วงเรื่องเอลล่าหรอก" ลูน่าหันไปยิ้มให้เอลล่า "เธอจะติดตามฉันไปฝึกเวทมนตร์"

เอลล่าถึงกับตกใจ "เวทมนตร์เหรอคะ? หนูจะฝึกได้เหรอคะ?"

"ได้สิ" ลูน่าพูดพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น "แน่นอนว่าเธอทำได้"

ลูน่าคุกเข่าลงตรงหน้าเอลล่า "จำตอนที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม? ฉันสัมผัสได้ถึงพลังของธรรมชาติรอบตัวเธอ นั่นแหละคือ พลังเวทมนตร์ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด มันคือการเชื่อมโยงกับโลก เชื่อมโยงกับธรรมชาติ"

เธอยื่นมือออกไป แสงสีเขียวอ่อนๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นรอบฝ่ามือของเธอ "ฉันจะสอนเธอให้ควบคุมพลังนี้ ให้เธอสามารถสื่อสารกับต้นไม้ สายลม หรือแม้แต่ผืนดิน พลังของเธอจะช่วยปกป้องคนที่เธอรักได้"

เอลล่ามองแสงในมือของลูน่าด้วยความทึ่ง ดวงตาเป็นประกาย เธอไม่เคยคิดว่าเธอจะสามารถทำอะไรแบบนั้นได้

ลูน่าหันกลับมามองคาลอส "ส่วนนายคาลอส การเดินทางของนายจะไม่ง่าย ที่นั่นนายจะได้พบกับบททดสอบที่หนักหน่วง แต่ถ้าผ่านไปได้ นายจะได้ควบคุมพลังของจิตวิญญาณดาบได้อย่างสมบูรณ์แบบ"

เธอยื่นเหรียญตราโบราณที่มีสัญลักษณ์รูปดาบไขว้ให้คาลอส "นี่คือสิ่งที่จะนำทางนายไปสู่ดินแดนแห่งพันธะดาบ เมื่อนายพบผู้ที่คู่ควร พวกเขาจะเข้าใจความหมายของมัน"

คาลอสรับเหรียญตรามาไว้ในมือ มันเย็นเฉียบแต่ก็รู้สึกถึงพลังบางอย่าง ดวงตาเขามุ่งมั่น

ลูน่ายิ้ม "แต่ก่อนอื่น... พักผ่อนให้เต็มที่ซะก่อนนะ ร่างกายของนายต้องการการฟื้นฟู"