หัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก
ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,ดาร์ค,แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ประกายจากพฤกษาหัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก
ขั้นที่ 1: สัมผัสอนูเวท (Basic Anuwet Sense)
ระดับนี้คือการรับรู้เบื้องต้นถึงอนูเวทในสิ่งรอบตัว ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้ตามความละเอียดของการรับรู้:
ขั้นที่ 2: ควบคุมอนูเวท (Anuwet Manipulation)
ระดับนี้เกี่ยวกับการที่จอมเวทเริ่มมีอิทธิพลต่ออนูเวท ตั้งแต่การบังคับเบื้องต้นไปจนถึงการควบคุมได้อย่างเป็นอิสระ:
ขั้นที่ 3: สลักอนูเวท (Anuwet Imbuement)
ระดับนี้คือการฝังอนูเวทลงในวัตถุให้คงอยู่ได้ ซึ่งต้องใช้ความแม่นยำและความเข้าใจอย่างมาก:
ขั้นที่ 4: แปรผันอนูเวท (Anuwet Transmutation)
นี่คือการเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของอนูเวท ซึ่งเป็นขีดสุดของความเข้าใจและการควบคุม:
คาลอสพยักหน้าช้าๆ ดวงตาคมของเขาจับจ้องไปที่แผ่นหลังของเอลล่า เขาสัมผัสได้ถึงความหนักอึ้งในหัวใจของเธอ ความรู้สึกเดียวกับที่กำลังกัดกินตัวเขาเช่นกัน ภาพของผู้คนที่โห่ร้องยินดีกับการล่มสลายของผืนป่าอันเป็นที่รัก ราวกับกรีดลึกลงไปในความทรงจำของพวกเขา
พวกเขาหันหลังให้กับเสียงอึกทึกครึกโครมนั้น ปล่อยให้เสียงโห่ร้องค่อยๆ จางหายไปกับความเงียบงันที่ปกคลุมสองข้างทางเดินเข้าสู่หมู่บ้าน แต่ละก้าวที่ย่ำลงบนผืนดินกลับหนักอึ้งไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ถาโถมเข้ามา ทั้งความตกใจที่เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเสียใจที่ธรรมชาติอันงดงามถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตา และความสับสนที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไรต่อไป
ในความเงียบนั้นเอง คาลอสเอื้อมมือไปแตะไหล่ของเอลล่าเบาๆ เพียงสัมผัสสั้นๆ แต่กลับหนักแน่นและสื่อความหมาย เอลล่าหันมาสบตาเขา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสั่นคลอน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความมุ่งมั่นบางอย่างที่ยังคงซ่อนอยู่
คาลอสพูดว่า "ฉันจะพาเธอไปหาที่พักก่อน กินข้าว อาบน้ำก่อน ค่อยว่ากัน เราต้องมีชีวิตรอดถึงจะทำอะไรได้"
คาลอสหัวเราะ "ดูสภาพเราตอนนี้สิ เรายังไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันแล้ว ดูตัวพวกเราสกปรกไปหมด"
คาลอสพูดอย่างยิ้มแย้ม เพื่อให้เอลล่าลืมความเศร้า "เราไปกันเถอะ" เขายื่นมือไปด้านหน้าเธอด้วยความอ่อนโยน
เอลล่าค่อยๆ มองดูร่างกายตัวเอง แล้วหัวเราะขึ้นมาเธอค่อยๆ จับมือเขา "ไปกันค่ะ"
พวกเขาค่อยๆ เดินเคียงข้างกันไปบนทางแคบๆ ที่ทอดผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวสด แสงแดดยามบ่ายอ่อนโยนสาดส่องลงมา แต่ในใจของทั้งสองกลับยังคงหนักอึ้งไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
คาลอสชะลอฝีเท้าเมื่อเห็นชาวบ้านคนหนึ่งกำลังเดินสวนมา เขาโค้งศีรษะทักทายอย่างสุภาพ
"สวัสดีครับท่าน ไม่ทราบว่าพอจะชี้ทางไปเมือง 'วัลเลนวูด' ได้ไหมครับ?" คาลอสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
ชายชราหยุดเดิน มองสำรวจคาลอสและเอลล่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"วัลเลนวูดน่ะรึ? เดินตรงไปตามทางนี้แหละ อีกราวๆ สองสามชั่วยามก็จะถึง แต่พวกเจ้า..." ชายชราหยุดพูดเล็กน้อย กวาดสายตามองสภาพที่ดูอิดโรยของทั้งคู่ "ดูท่าทางจะไม่ค่อยสบายนัก มีอะไรรึเปล่า?"
คาลอสฝืนยิ้มเล็กน้อย "พวกเราเดินทางมาไกลครับ กำลังมองหาที่พัก"
"ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ ที่วัลเลนวูดยังมีเรือนพักอยู่บ้าง" ชายชรากล่าวพลางชี้มือไปข้างหน้า "ตรงไปจนสุดทางก็จะเจอทางแยก ให้เลี้ยวขวา แล้วเดินตามทางนั้นไปเรื่อยๆ ก็จะถึงตัวเมือง"
"ขอบคุณมากครับท่าน" คาลอสกล่าวขอบคุณด้วยความรู้สึกโล่งใจ
เอลล่าพยักหน้าขอบคุณชายชราด้วยเช่นกัน ก่อนที่ทั้งสองจะออกเดินต่อไปตามที่ชายชราบอก
ระหว่างทางเดินไปยังวัลเลนวูด ความเงียบปกคลุมอยู่เป็นส่วนใหญ่ มีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่ย่ำลงบนพื้นดิน และเสียงลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้าเป็นระยะ เอลล่าสังเกตเห็นว่าคาลอสดูเหม่อลอย ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างในใจ
"คุณคาลอส" เอลล่าเอ่ยเรียกเบาๆ
คาลอสสะดุ้งเล็กน้อย หันมามองเธอด้วยแววตาที่ยังคงมีความกังวลเจืออยู่
"มีอะไรเหรอ?" เขาถาม
"คุณดูไม่ค่อยสบายใจ" เอลล่ากล่าวด้วยความเป็นห่วง "กังวลเรื่องวัลเลนวูดมากเหรอ?"
เขาถอนหายใจ "ที่นั่นเคยเป็นบ้านฉัน ฉันเคยอยู่ที่นั่นตอนเป็นเด็ก จนกระทั่งท่านแม่จากไป"
คะเขานึกถึงความทรงจำตอนที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่น เอลล่าจับมือเขาแน่น "เป็นอะไรไหมคะ" เอลล่าพูด "
ไม่เป็นไร เราไปกันเถอะ" พวกเขาเดินต่อไปอีกไม่นานก็ถึงหน้าเมือง มีกลุ่มทหารเฝ้าประตูอยู่ใส่ชุดเกราะสีเงินเหมือนกับที่พวกเขาเจอในป่าหารเหล่านั้นยืนประจำการอยู่หน้าประตูเมือง คาลอสชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย มองไปยังทหารเหล่านั้นด้วยความรู้สึกประหลาดใจและกังวลใจ ชุดเกราะสีเงินนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่เขาจำได้ดี
"นั่นมัน..." คาลอสพึมพำเสียงเบา
เอลล่าสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา "มีอะไรเหรอคะคุณคาลอส? ทำไมคุณดูตกใจแบบนั้น?"
"พวกเขาคงจำพวกเราไม่ได้หรอก" คาลอสคิดในใจ เขาค่อยๆ พาเอลล่าเดินไปช้าๆ
คาลอสสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับความกังวลที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เขาเชื่อมั่นว่าหากพวกเขาไม่แสดงท่าทีมีพิรุธ ทหารเหล่านั้นก็คงไม่สนใจคนแปลกหน้ามากนัก
"ทำตัวให้เป็นปกติที่สุด" คาลอสกระซิบกับเอลล่า "มองตรงไปข้างหน้า อย่าสบตาทหาร"
เอลล่าพยักหน้ารับคำ เธอพยายามควบคุมความตื่นเต้นและเดินตามหลังคาลอสไปอย่างเงียบๆ พวกเขาค่อยๆ เดินเข้าไปต่อแถวของผู้คนที่กำลังรอเข้าเมือง แถวนั้นยาวพอสมควร มีทั้งพ่อค้าเกวียน ชาวนา และคนเดินทางทั่วไป
ระหว่างที่รอคิว คาลอสสังเกตการณ์รอบข้างอย่างระมัดระวัง ทหารสองนายยืนคุมเชิงอยู่ที่ประตูเมือง พวกเขาตรวจตราผู้ที่ผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้จดจำใบหน้าของผู้คนมากนัก พวกเขาเพียงแค่สอบถามจุดประสงค์ในการเข้าเมือง และตรวจดูสัมภาระเล็กน้อย
เมื่อถึงคิวของพวกเขา คาลอสพยายามแสดงท่าทีเป็นกันเองและไม่รีบร้อน เขาตอบคำถามของทหารด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บอกว่าพวกเขาเป็นนักเดินทางที่ต้องการหาที่พักในเมืองสักสองสามวัน
"มาจากไหน?" ทหารนายหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
"มาจากทางใต้ครับ" คาลอสตอบ "เดินทางมาหลายวันแล้ว"
ทหารนายนั้นมองสำรวจพวกเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สังเกตสภาพที่ดูเหนื่อยล้าและเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนของพวกเขา
"ไปพักที่ไหน?" ทหารอีกนายถาม
"ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยครับ กำลังมองหาโรงโรงแรมราคาไม่แพง" คาลอสตอบ
ทหารทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนที่นายหนึ่งจะพยักหน้าอนุญาต
"เข้าไปได้ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบ" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
"ขอบคุณมากครับ" คาลอสกล่าวด้วยความโล่งใจ พลางพยักหน้าให้เอลล่าเดินตามเขาเข้าไปในเมือง
เมื่อพ้นประตูเมืองมาได้ พวกเขาทั้งสองก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ความตึงเครียดที่กดดันพวกเขามาตลอดทางเริ่มคลายลงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าอันตรายยังคงอยู่รอบด้าน การปรากฏตัวของทหารเหล่านี้ในวัลเลนวูดไม่ใช่เรื่องปกติ และพวกเขาจำเป็นต้องหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่