หัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก
ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,ดาร์ค,แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ประกายจากพฤกษาหัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก
ขั้นที่ 1: สัมผัสอนูเวท (Basic Anuwet Sense)
ระดับนี้คือการรับรู้เบื้องต้นถึงอนูเวทในสิ่งรอบตัว ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้ตามความละเอียดของการรับรู้:
ขั้นที่ 2: ควบคุมอนูเวท (Anuwet Manipulation)
ระดับนี้เกี่ยวกับการที่จอมเวทเริ่มมีอิทธิพลต่ออนูเวท ตั้งแต่การบังคับเบื้องต้นไปจนถึงการควบคุมได้อย่างเป็นอิสระ:
ขั้นที่ 3: สลักอนูเวท (Anuwet Imbuement)
ระดับนี้คือการฝังอนูเวทลงในวัตถุให้คงอยู่ได้ ซึ่งต้องใช้ความแม่นยำและความเข้าใจอย่างมาก:
ขั้นที่ 4: แปรผันอนูเวท (Anuwet Transmutation)
นี่คือการเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของอนูเวท ซึ่งเป็นขีดสุดของความเข้าใจและการควบคุม:
ความเหน็บหนาวเริ่มเกาะกุมหัวใจของคาลอส ความมืดมิดค่อยๆแผ่ปกคลุมแสงสว่าง ความรู้สึกโดดเดี่ยวก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป จะหนี หรือจะสู้? แต่การต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ และสามารถสังหารเพื่อนร่วมทีมได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น มันช่างไร้หนทางเสียเหลือเกิน
สายตาของคาลอสพลันเหลือบไปเห็นดาบใหญ่ของตนเองที่ตกอยู่บนพื้นดิน แสงสุดท้ายของพระอาทิตลอดผ่านร่มไม้ สาดส่องลงมายังคมดาบที่เปื้อนเลือดเป็นทางยาว ความโกรธแค้นที่เคยพลุ่งพล่านเริ่มจางหายไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกผิดและความรับผิดชอบอันหนักอึ้งในฐานะหัวหน้า
"ฉัน...ฉันปกป้องพวกนายไม่ได้เลย..." คาลอสพึมพำเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพใบหน้าของเอลวินและไซรัสก่อนสิ้นลมหายใจยังคงติดตา ราวกับตอกย้ำความล้มเหลวของเขา
แต่ในขณะที่ความสิ้นหวังกำลังจะกลืนกินจิตใจ คาลอสก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไป ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านมาจากสร้อยคอที่เขาใส่อยู่เสมอ สร้อยคอที่แม่ของเขามอบให้ก่อนจากไป มันเป็นเพียงหินสีน้ำเงินเข้มธรรมดา แต่คาลอสรู้สึกเสมอว่ามันมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่
เขาคว้าสร้อยคอไว้แน่น พยายามรวบรวมสติอีกครั้ง ความทรงจำเกี่ยวกับคำพูดของแม่ผุดขึ้นมาในหัว "ยามใดที่ลูกรู้สึกสิ้นหวัง จงมองที่หินนี้ มันจะนำทางลูก"
"นำทาง..." คาลอสทวนคำพึมพำ เขามองไปยังสร้อยคอในมือ แสงจันทร์สะท้อนกับผิวมันเป็นประกายสีฟ้าอ่อนๆ ราวกับกำลังชี้นำบางอย่าง
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของคาลอส หมาป่าจันทราปรากฏตัวและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับมันไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงตลอดเวลา หรือบางที...มันอาจมีความเชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างในบริเวณนี้
สายตาของคาลอสเริ่มสำรวจพื้นที่รอบข้างอีกครั้งอย่างละเอียด เขาพยายามสังเกตสิ่งผิดปกติ หรือร่องรอยใดๆ ที่อาจเชื่อมโยงกับการปรากฏตัวและการหายตัวไปของหมาป่าจันทรา
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แม้ร่างกายจะยังคงสั่นเทา แต่แววตาของเขากลับเริ่มมีความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมให้การตายของเพื่อนร่วมทีมสูญเปล่า เขาต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้ และหาทางเอาตัวรอดออกไปจากป่าแห่งนี้ให้ได้
คาลอสตัดสินใจเดินไปในทิศทางที่สร้อยคอของเขาส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ ราวกับเป็นสัญชาตญาณที่นำทาง เขาไม่รู้ว่าจะพบเจอกับอะไรข้างหน้า อาจจะเป็นอันตรายที่ร้ายแรงกว่าเดิม หรืออาจจะเป็นทางรอด แต่เขารู้ดีว่าการยอมแพ้และจมอยู่กับความสิ้นหวัง ไม่ใช่วิถีของเขา
เขาเดินลึกเข้าไปในความมืดมิด ปล่อยให้แสงจันทร์และแสงสีฟ้าจางๆ จากสร้อยคอเป็นผู้นำทาง ความเงียบในป่ายังคงน่าขนลุก แต่ในใจของคาลอสกลับมีความหวังเล็กๆ เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ความหวังที่จะค้นพบความจริง ความหวังที่จะเอาชีวิตรอด และความหวังที่จะแก้แค้นให้กับเพื่อนร่วมทีมที่จากไป...
ทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากด้านหลังของเขา คาลอสรีบหันหลังกลับไปทันที และเห็นเพียงกรงเล็บอันคมกริบพุ่งตรงมาที่อกของเขา
"เกราะพสุธา!" คาลอสตะโกนเสียงดัง เกราะที่หมองมัวเริ่มเรืองแสงสีน้ำตาล อักขระก่อตัวขึ้นมาบนเกราะของเขาเพื่อเพิ่มพลังป้องกัน กรงเล็บคมกริบปะทะเข้ากับเกราะพสุธาอย่างรุนแรง! เสียงดังสนั่นราวกับหินผาขนาดใหญ่ถูกทุบด้วยค้อนเหล็ก แรงกระแทกมหาศาลส่งผลให้ร่างของคาลอสเซถอยหลังไปเล็กน้อย เท้าของเขาครูดไปกับพื้นดินเป็นทางยาว ฝุ่นดินตลบคลุ้ง
คาลอสกัดฟันแน่น รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง แม้เกราะพสุธาจะขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง แต่พลังโจมตีของหมาป่าจันทราก็เหนือกว่าที่เขาคาดคิด อักขระสีน้ำตาลบนเกราะเรืองแสงเข้มขึ้น พยายามดูดซับแรงปะทะและเสริมความมั่นคงให้กับผู้สวมใส่
"แกมัน!" คาลอสคำรามด้วยความโกรธและเจ็บปวด เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังร่างสีเงินยวงที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ดวงตาสีอำพันของมันจ้องมองมาที่เขาอย่างเยือกเย็น ราวกับผู้ล่าที่กำลังเล่นกับเหยื่อหมาป่าจันทราไม่รอช้า มันพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้งด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ กรงเล็บแหลมคมราวกับมีดถูกตวัดเข้าใส่ร่างของคาลอสอย่างต่อเนื่อง ราวกับพายุหมุน
คาลอสยกดาบใหญ่ขึ้นป้องกันอย่างสุดกำลัง เสียงโลหะกระทบกับกรงเล็บดังสนั่นหวั่นไหว ประกายไฟแลบวาบออกมาทุกครั้งที่ปะทะกัน แรงกดดันมหาศาลทำให้แขนของคาลอสสั่นระริก เขาต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อต้านทานการโจมตีอันหนักหน่วงนี้
"เร็วเกินไป!" คาลอสคิดในใจ ความเร็วของหมาป่าจันทรานั้นเหนือกว่าพวกเขามากนัก แม้เกราะวายุจะเพิ่มความเร็วให้เพื่อนร่วมทีมของเขา แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับความว่องไวของสัตว์ร้ายตนนี้
ในจังหวะที่กรงเล็บหนึ่งพลาดเป้า คาลอสรีบสวนกลับด้วยดาบใหญ่ เขาฟาดฟันดาบลงไปหมายจะตัดร่างของหมาป่าจันทรา แต่สัตว์ร้ายก็กระโจนถอยหลังหลบได้อย่างฉิวเฉียด ทิ้งไว้เพียงรอยลมคมกริบ
"มันอ่านการเคลื่อนไหวของเราได้!" คาลอสอุทานอย่างตกใจ ดวงตาสีอำพันของหมาป่าจันทราดูเหมือนจะจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง
สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ พลังเวทมนตร์ที่ใช้เสริมเกราะพสุธาเริ่มลดน้อยลง อักขระสีน้ำตาลบนเกราะเริ่มจางแสงลง แรงกระแทกจากการโจมตีของหมาป่าจันทราเริ่มส่งผลกระทบต่อร่างกายของคาลอสมากขึ้นเรื่อยๆ
"ต้องหาทาง..." คาลอสคิดอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถเอาชนะสัตว์ร้ายตนนี้ด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว เขาต้องหาจุดอ่อน หรือใช้กลยุทธ์บางอย่าง
ในขณะที่หมาป่าจันทราเตรียมพุ่งโจมตีอีกครั้ง คาลอสตัดสินใจเสี่ยง เขาปล่อยให้กรงเล็บของมันตวัดเข้าใส่เกราะพสุธาอีกครั้ง แต่แทนที่จะป้องกัน เขากลับใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักตัวเองถอยหลัง พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนราบกับพื้นดิน
หมาป่าจันทราคำรามด้วยความสงสัยที่เหยื่อของมันล้มลงอย่างง่ายดาย มันลดความเร็วลงเล็กน้อย เตรียมที่จะเข้าซ้ำ
และในวินาทีนั้นเอง คาลอสก็พลิกตัวอย่างรวดเร็ว ดาบใหญ่ในมือถูกยกขึ้นแทงสวนไปยังท้องของหมาป่าจันทราอย่างสุดแรงเกิด! คมดาบพุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ!
เลือดของหมาป่าจันทราสาดกระเซ็นไปทั่วร่างของคาลอส เขาถอนหายใจอย่างแรง แต่ทันใดนั้น เลือดที่เปรอะเปื้อนตัวเขาก็ค่อยๆ สลายหายไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่ามันไม่ใช่ร่างจริง
ความจริงที่เพิ่งตระหนักได้ราวกับสายฟ้าฟาด ทำให้คาลอสชะงักงัน เลือดที่สลายไปอย่างไร้ร่องรอย กรงเล็บที่แทงทะลุร่างของเร็กซ์แล้วจางหายไป ภาพของไซรัสที่ถูกเคี้ยวทั้งเป็นแล้วเลือนลับไปกับอากาศ ทุกอย่างบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกัน
"ภาพลวงตา..." คาลอสพึมพำเสียงแผ่วเบา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเข้าใจ "ทั้งหมดมันเป็นภาพลวงตา!"
ความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวของหมาป่าจันทรา ไม่ใช่ความแข็งแกร่งทางกายภาพที่แท้จริง แต่เป็นการสร้างภาพลวงตาที่สมจริงจนน่าตกใจ มันเล่นกับความกลัวและความรู้สึกของพวกเขา หลอกล่อให้พวกเขาต่อสู้กับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
ความโกรธและความสิ้นหวังเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเย็นเยียบในสันหลัง พวกเขาถูกต้อนเข้าสู่กับดักทางจิตใจที่ร้ายกาจ
"แล้วร่างจริงของมันอยู่ที่ไหน?" คาลอสคิดอย่างรวดเร็ว ถ้าสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่ของจริง แล้วตัวตนที่แท้จริงของหมาป่าจันทราซ่อนอยู่ที่ใด?
เขากวาดสายตามองไปรอบบริเวณอีกครั้ง พยายามสังเกตสิ่งผิดปกติที่ไม่ใช่ภาพลวงตา เงาที่เคลื่อนไหวแปลกๆ เสียงที่ไม่ได้มาจากทิศทางที่ควรจะเป็น หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ผิดปกติ
ความเงียบในป่ายังคงปกคลุม แต่ความรู้สึกกดดันกลับเพิ่มมากขึ้น คาลอสรู้ดีว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ฉลาดและอันตรายกว่าที่พวกเขาประเมินไว้มากนัก
เขาหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมความตื่นตระหนก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการมีสติและแยกแยะระหว่างความจริงกับภาพลวงตา เขาต้องหาตัวตนที่แท้จริงของหมาป่าจันทราให้เจอ ก่อนที่มันจะเล่นงานเขาด้วยกลลวงที่ร้ายกาจอีกครั้ง
คาลอสเริ่มเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง สังเกตทุกรายละเอียดรอบตัว เขาทิ้งร่องรอยของตัวเองไว้บนพื้นดิน เพื่อไม่ให้ภาพลวงตาหลอกทิศทางของเขา เขาใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มี ฟังเสียง ลมที่พัดผ่าน สัมผัสพื้นดินใต้เท้า และพยายามดมกลิ่นที่แท้จริงของป่า
"ต้องมีอะไรบางอย่าง..." คาลอสพึมพำกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น "มันต้องมีร่างจริงซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง..."
เขาเดินวนรอบบริเวณที่เพื่อนร่วมทีมของเขาล้มลง มองหาร่องรอยที่อาจบ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของหมาป่าจันทรา หรือแม้แต่กลไกที่ใช้สร้างภาพลวงตาเหล่านี้
ทันใดนั้นเอง สายตาของคาลอสก็หยุดชะงักอยู่ที่พื้นดิน บริเวณที่ร่างของเอลวินขาดครึ่งเคยนอนอยู่ แม้ภาพนั้นจะจางหายไปแล้ว แต่ยังมีร่องรอยบางอย่างที่แตกต่างออกไป... รอยเท้าเล็กๆ จำนวนมากที่ไม่ได้มาจากพวกเขา หรือจากหมาป่าจันทราที่เขาเห็น ร่องรอยเหล่านั้นกระจายอยู่รอบบริเวณที่เอลวินล้มลง ราวกับมีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำนวนมากรุมทำร้าย
"รอยเท้าอะไรกัน?" คาลอสคุกเข่าลงพิจารณารอยเท้าเหล่านั้น มันเล็กและมีนิ้วเท้าจำนวนมาก ไม่เหมือนรอยเท้าของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของคาลอสอย่างรวดเร็ว... ผู้ที่สร้างภาพลวงตา อาจไม่ใช่ตัวหมาป่าจันทราเอง แต่อาจเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกว่าที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ และควบคุมพลังเวทมนตร์บางอย่าง
"ถ้าเป็นอย่างนั้น..." คาลอสลุกขึ้นยืน ดวงตาเป็นประกาย "เราไม่ได้สู้กับหมาป่าจันทรา แต่เป็นสิ่งที่ควบคุมมันอยู่!"
ความหวังใหม่จุดประกายขึ้นในใจของคาลอส เขารู้แล้วว่าเขาต้องทำอะไรต่อไป เขาต้องค้นหาสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังภาพลวงตา และหยุดมันให้ได้... ก่อนที่เขาจะตกเป็นเหยื่อของกลลวงนี้อีกคน
"หรือว่าจะเป็นสไปรท์..." คาลอสพึมพำชื่อนั้นเบาๆ ราวกับกำลังทำความเข้าใจกับศัตรูใหม่ "พวกแกกำลังเล่นสนุกกับชีวิตของพวกเราอยู่สินะ"
ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของคาลอสอีกครั้ง ไม่ใช่ความโกรธที่เกิดจากความกลัว แต่เป็นความโกรธที่เกิดจากการถูกหลอกลวงและการสูญเสียเพื่อนร่วมทีมไปอย่างไร้ค่า มือของเขาเผลอกำสร้อยคอที่แม่เคยมอบให้แน่นขึ้น หินสีน้ำเงินเข้มเย็นเยียบสัมผัสกับฝ่ามือ ราวกับกำลังปลุกเร้าความทรงจำถึงคำพูดสุดท้ายของแม่ "ยามใดที่ลูกรู้สึกสิ้นหวัง จงมองที่หินนี้ มันจะนำทางลูก... นำทางสู่ความจริง"
"พวกแกจะต้องชดใช้..." คาลอสกัดฟันกรอด ดวงตาจับจ้องไปยังร่องรอยเล็กๆ บนพื้นดิน เขาเริ่มแกะรอยตามร่องรอยเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง หวังว่าร่องรอยเล็กๆ นี้จะนำเขาไปสู่ความจริงเบื้องหลังภาพลวงตา
เขาเดินลึกเข้าไปในป่า เงี่ยหูฟังเสียงทุกชนิด เสียงลมพัดผ่านใบไม้ เสียงแมลงร้อง และพยายามจับเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจบ่งบอกถึงการมีอยู่ของสไปรท์ สร้อยคอในมือเริ่มสั่นไหวเบาๆ ราวกับกำลังตอบสนองต่อบางสิ่งบางอย่าง
ในขณะที่คาลอสกำลังตามรอยอย่างตั้งใจ เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง บริเวณรอบข้างเริ่มดูแปลกตา ใบไม้บางส่วนมีสีสันที่สดใสเกินจริง เงาของต้นไม้ดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย และกลิ่นของดอกไม้ป่าก็หอมหวานจนเกินไป คาลอสยกมือขึ้นสัมผัสหินสีน้ำเงินบนสร้อยคออีกครั้ง ความเย็นเยียบของมันช่วยเตือนสติเขา
"ภาพลวงตาอีกแล้วสินะ" คาลอสคิดในใจ เขาพยายามเพ่งสมาธิและไม่หลงไปกับภาพที่สไปรท์สร้างขึ้น เขาจดจำลักษณะของป่าก่อนหน้านี้ และพยายามมองหาความแตกต่าง แสงสีฟ้าอ่อนๆ ที่ เล็ดลอดออกมาจากหินบนสร้อยคอ ดูเหมือนจะช่วยให้เขามองเห็นความผิดเพี้ยนของภาพลวงตาได้ชัดเจนขึ้น
เขาใช้ดาบใหญ่ของตัวเองแทงลงบนพื้นดินเป็นระยะ เพื่อตรวจสอบว่าพื้นดินใต้เท้าของเขายังคงเป็นของจริงหรือไม่ การสัมผัสกับสิ่งที่จับต้องได้ ช่วยให้เขายึดมั่นกับความเป็นจริงได้บ้าง แสงจากสร้อยคอเริ่มส่องสว่างขึ้นเมื่อดาบสัมผัสกับพื้นดิน
การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก สไปรท์พยายามสร้างภาพลวงตาต่างๆ นานา เพื่อหลอกล่อให้คาลอสหลงทาง บางครั้งก็ปรากฏภาพของเอลวินและไซรัสที่ยังมีชีวิตอยู่ กำลังเรียกให้เขาเข้าไปหา แต่คาลอสรู้ดีว่ามันเป็นเพียงกลลวง แสงสีฟ้าจากสร้อยคอจะสั่นไหวอย่างรุนแรงทุกครั้งที่ภาพลวงเหล่านั้นปรากฏขึ้น ราวกับเตือนให้เขาระวัง
"แกหลอกฉันไม่ได้อีกแล้ว สไปรท์!" คาลอสตะโกนใส่ความว่างเปล่า เสียงของเขาดังก้องไปทั่วป่า แสงจากสร้อยคอสว่างวาบขึ้นเป็นจังหวะ
ในที่สุด คาลอสก็มาถึงลานกว้างเล็กๆ กลางป่า บริเวณนั้นดูแตกต่างจากที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด มีดอกไม้สีรุ้งบานสะพรั่ง ต้นไม้มีลวดลายแปลกตา และมีแสงระยิบระยับล่องลอยอยู่ในอากาศ แสงสีฟ้าจากสร้อยคอเริ่มส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง ราวกับกำลังชี้ไปยังบางสิ่งบางอย่างตรงกลางลาน
และตรงกลางลานกว้างนั้นเอง คาลอสก็เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กคล้ายมนุษย์ มีปีกใสเหมือนแมลงปอ กำลังโบยบินไปมา พวกมันมีรูปร่างหน้าตาน่ารัก แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความซุกซนและเจ้าเล่ห์ แสงสีฟ้าจากสร้อยคอพุ่งตรงไปยังกลุ่มสไปรท์เหล่านั้น
"พวกแกสินะ...สไปรท์" คาลอสพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยกดาบใหญ่ขึ้นเตรียมพร้อม แสงสีฟ้าจากสร้อยคอสว่างจ้าขึ้นราวกับต้องการเปิดโปงพวกมัน
สไปรท์เหล่านั้นหยุดบินและหันมามองคาลอส พวกมันหัวเราะคิกคักเสียงใส ราวกับกำลังสนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในดวงตาเล็กๆ เหล่านั้น คาลอสสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนกเล็กน้อย เมื่อแสงจากสร้อยคอของเขาเริ่มส่งผลกระทบต่อภาพลวงตา
ทันใดนั้น ภาพลวงตาก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ป่าทั้งผืนแปรเปลี่ยนไป กลายเป็นปราสาทที่น่าสะพรึงกลัว พื้นดินกลายเป็นเหวลึก และสไปรท์เหล่านั้นก็กลายร่างเป็นสัตว์ร้ายต่างๆ นานา พุ่งเข้าโจมตีคาลอสพร้อมกัน แต่คราวนี้ แสงสีฟ้าจากสร้อยคอของคาลอสส่องสว่างมากขึ้น จนภาพลวงตาเริ่มสั่นไหวและบิดเบือน
"แกคิดว่าภาพลวงตาพวกนี้จะหยุดฉันได้งั้นเหรอ?" คาลอสคำราม เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง รวบรวมสมาธิทั้งหมด โดยมีแสงสีฟ้าเย็นเยียบจากสร้อยคอเป็นจุดศูนย์กลาง ก่อนจะเปิดตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาแน่วแน่และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แสงสีฟ้าจากสร้อยคอเปล่งประกายเจิดจ้า ราวกับดวงดาวนำทาง
"ฉันจะหาตัวจริงของพวกแกให้เจอ!" คาลอสตะโกน เขาพุ่งตัวเข้าใส่กลุ่มภาพลวงตาอย่างไม่หวาดหวั่น ดาบใหญ่ในมือฟาดฟันไปรอบตัวอย่างรวดเร็ว เขาไม่สนใจภาพที่เห็น แต่เน้นไปที่ความรู้สึกและการสัมผัส โดยมีแสงสีฟ้าจากสร้อยคอเป็นเหมือนเข็มทิศนำทางสู่ความจริง
คาลอสรู้ว่าสไปรท์ตัวจริงจะต้องซ่อนอยู่ในกลุ่มภาพลวงตาเหล่านี้ แสงจากสร้อยคอของเขากำลังนำทางเขาไป เขาต้องหาพวกมันให้เจอ และหยุดการเล่นตลกที่อันตรายนี้ให้ได้... ก่อนที่เขาจะตกเป็นเหยื่อของกลลวงนี้อีกคน
คาลอสฟาดฟันดาบใหญ่ไปในอากาศอย่างไร้ทิศทาง ตั้งใจจะสัมผัสโดนตัวจริงของสไปรท์ที่ซ่อนอยู่ในภาพลวงตา แสงสีฟ้าจากสร้อยคอส่องสว่างเป็นวงกว้าง ราวกับต้องการขับไล่ความมืดมิดและเปิดเผยความจริง
ภาพลวงตาของสัตว์ร้ายที่พุ่งเข้าใส่เริ่มสั่นคลอน บางตัวก็จางหายไปกลางอากาศ เผยให้เห็นเพียงแสงระยิบระยับเล็กๆ ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
"พวกแกซ่อนตัวอยู่ตรงไหน!" คาลอสคำราม เขาหมุนตัวฟาดดาบไปรอบทิศทางอย่างต่อเนื่อง พลังจากเกราะพสุธายังคงปกป้องเขาจากแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นจริง
ทันใดนั้น คาลอสก็รู้สึกถึงแรงลมเบาๆ ที่พัดผ่านข้างหู พร้อมกับเสียงกระซิบเล็กๆ ที่แทบไม่ได้ยิน สัญชาตญาณบอกเขาว่านั่นคือตำแหน่งของสไปรท์ตัวจริง
คาลอสไม่ลังเล เขาเปลี่ยนทิศทางการฟาดฟันดาบอย่างรวดเร็ว พุ่งเป้าไปยังจุดที่เขารู้สึกถึงแรงลมและเสียงกระซิบ
"เจอตัวแล้ว!" คาลอสตะโกน ดาบใหญ่ฟาดลงไปในอากาศอย่างแม่นยำ
ในวินาทีนั้นเอง แสงระยิบระยับบริเวณนั้นก็สว่างจ้าขึ้น พร้อมกับเสียงร้องเล็กๆ ที่แหลมสูง ราวกับเสียงแมลงที่ถูกบีบคั้น ภาพลวงตาทั้งหมดพลันสลายหายไป ป่ากลับคืนสู่สภาพเดิม
และตรงที่คาลอสฟาดดาบลงไป ปรากฏร่างเล็กๆ ของสไปรท์ตนหนึ่ง มันมีปีกใสเหมือนแมลงปอ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
สไปรท์ตัวนั้นมีขนาดเล็กมาก ราวกับฝ่ามือของคาลอส มันถือคทาเล็กๆ ที่ทำจากกิ่งไม้และมีผลึกเรืองแสงอยู่ตรงปลาย คาลอสสันนิษฐานว่านั่นคือแหล่งพลังงานที่ใช้สร้างภาพลวงตาทั้งหมด
สไปรท์ตัวอื่นๆ ที่เคยบินวนเวียนอยู่รอบๆ ต่างหยุดชะงัก มองมาที่คาลอสและสหายของมันด้วยความหวาดกลัว
"จบสิ้นกันที การเล่นตลกที่อันตรายของพวกแก" คาลอสพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เขาค่อยๆ ลดดาบลง แต่ยังคงจับไว้อย่างมั่นคง
สไปรท์ตัวที่ถูกคาลอสเล็งเป้าหมายไว้ พยายามบินหนี แต่คาลอสเร็วกว่า เขาใช้ดาบใหญ่กดร่างเล็กๆ นั้นไว้กับพื้นดินอย่างเบามือ
"บอกมา...ทำไมพวกแกถึงทำแบบนี้?" คาลอสถามเสียงเข้ม
สไปรท์ตัวนั้นสั่นเทา มองคาลอสด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา คทาในมือร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน
สไปรท์ตัวอื่นๆ เริ่มส่งเสียงร้องเล็กๆ ด้วยความหวาดกลัว ราวกับกำลังอ้อนวอน
คาลอสถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ พวกมันดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย แต่พลังภาพลวงตาของพวกมันกลับอันตรายถึงชีวิต
เขาเหลือบมองไปยังร่างไร้วิญญาณของเอลวินและร่างที่แน่นิ่งของเร็กซ์ ความโกรธและความเศร้ายังคงวนเวียนอยู่ในใจ
"พวกแกต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ" คาลอสพูดเสียงต่ำ เขาตัดสินใจบางอย่างในใจแล้ว...