หัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก
ดราม่า,แอคชั่น,ผจญภัย,แฟนตาซี,ดาร์ค,แฟนตาซี,ดราม่า,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ประกายจากพฤกษาหัดวาดก่อนเดียวเปลี่ยนปก
ขั้นที่ 1: สัมผัสอนูเวท (Basic Anuwet Sense)
ระดับนี้คือการรับรู้เบื้องต้นถึงอนูเวทในสิ่งรอบตัว ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้ตามความละเอียดของการรับรู้:
ขั้นที่ 2: ควบคุมอนูเวท (Anuwet Manipulation)
ระดับนี้เกี่ยวกับการที่จอมเวทเริ่มมีอิทธิพลต่ออนูเวท ตั้งแต่การบังคับเบื้องต้นไปจนถึงการควบคุมได้อย่างเป็นอิสระ:
ขั้นที่ 3: สลักอนูเวท (Anuwet Imbuement)
ระดับนี้คือการฝังอนูเวทลงในวัตถุให้คงอยู่ได้ ซึ่งต้องใช้ความแม่นยำและความเข้าใจอย่างมาก:
ขั้นที่ 4: แปรผันอนูเวท (Anuwet Transmutation)
นี่คือการเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของอนูเวท ซึ่งเป็นขีดสุดของความเข้าใจและการควบคุม:
เธอมองเด็กสาวคนนั้นด้วยสายตาลึกล้ำ แล้วหันกลับมาทางคาลอส "นี่นายไม่คิดจะเชิญฉันเข้าบ้านหน่อยเหรอ"
คาลอส ทำท่ากระอึกกระอ่วน "เข้ามาสิ" เขาพูดเสียงแผ่ว เธอค่อยๆ เดินผ่านคาลอสไปนั่งบนเก้าอี้อย่างสบายใจ "พวกนายสองคนจะไปไหนกัน ด้วยสภาพแบบนี้เนี่ยนะ" เธอหัวเราะ
"คือพวกเราจะไปหาอะไรทานน่ะ พวกเรายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย" คาลอสตอบพลางมองไปที่เอลล่า
"นายจะไปสภาพนี้จริง ๆ เหรอ" เธอมองเอลล่าแล้วพูด "ดูสภาพเธอสิ เหมือนหมูเปื้อนโคลน พวกนายมายืนตรงนี้สิ"เธอสั่ง พวกเขาค่อยๆ เดินมาหยุดตรงหน้าเธอด้วยอาการมึนงง "เธอจะทำอะไรน่ะ" คาลอสถามอย่างไม่แน่ใจ ทันใดนั้นเอง
ลูน่า ก็ยกมือขึ้นอย่างแผ่วเบา แสงสว่างจ้าสาดส่องไปทั่วห้อง คาลอสและเอลล่ารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ความเหนื่อยล้าหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้น ก็สังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เอลล่าประหลาดใจมากที่ความเหนื่อยล้าหายไปราวกับเสื้อผ้าที่เปื้อนโคลนแล้วถูกฝนตกใส่ คาลอสหันไปมองลูน่าด้วยความสงสัย "นี่เธอแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกเหรอเนี่ย"
ลูน่าพูดอย่างภาคภูมิใจ "แน่นอนสิ ก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นอยู่แล้ว ใครจะเหมือนนายล่ะ ผ่านไปกี่ปีก็ยังเหมือนเดิม"
คาลอสถอนหายใจ "เฮ้อ..."
เอลล่ามองไปที่คาลอสด้วยความสงสัย "เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?"
คาลอสตอบ "เวทมนตร์น่ะ"
"เวทมนตร์เหรอคะ?" เอลล่าถามด้วยอาการงุนงง
"ใช่แล้วล่ะ มันคือเวทมนตร์ชำระล้าง" ลูน่าอธิบาย
"เอลล่าพึมพำเสียงแผ่วเบา 'เวทมนตร์ชำระล้าง' คาลอสถามอย่างสงสัย 'เวทมนตร์นี้เห็นว่ามีแค่นักบวชใช้ได้ไม่ใช่เหรอ เธอไปเอาเวทมนตร์นี้มายังไง?' ลูน่ายิ้มอย่างได้ใจ 'อัจฉริยะอย่างฉัน ต้องทำความเข้าใจเองอยู่แล้วสิ' คาลอสมองเธออย่างจับผิด 'เธอไปขโมยมาจากโบสถ์ใช่ไหม?' 'บ้า! ใครจะไปที่แบบนั้นกัน มีแต่พวกเสียสติ'"
"ก็จริงของเธอ เธอค่อยๆ นำอาหารออกจากแวนของเธอ แล้ววางไว้บนโต๊ะ คาลอสและเอลล่าจ้องมองด้วยดวงตาเปล่งประกาย 'กินสิ จะยืนบื้ออะไรอยู่ตรงนั้น' 'พวกเรากินได้ใช่ไหม เอลล่าถาม?' ลูน่ามองไปที่เอลล่าแล้วตอบอย่างใจดี 'ได้สิ มาๆ กินได้แล้ว'"
พวกเขาค่อยๆ เดินมานั่งบนเก้าอี้แล้วมองไปที่ลูน่าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ลูน่าเอ่ยขึ้นอย่างใจดีว่า "กินได้แล้ว จะมองอะไรนักหนา" จากนั้นพวกเขาก็เริ่มกินอาหารอย่างหิวโหยมานานหลายวัน บนโต๊ะมีอาหารมากมายวางเรียงราย ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่างเครื่องเทศ หนังกรอบสีทองส่งกลิ่นหอมชวนหิว ซุปข้นเนื้อร้อนๆ ในชามดินเผา ขนมปังโฮลวีทเนื้อแน่น เสิร์ฟพร้อมเนยแข็งก้อนโต และยังมีแอปเปิ้ลอบเชยหวานฉ่ำวางอยู่ข้างๆ
คาลอสถามขึ้นด้วยความสงสัย "แวนที่เธอใส่อยู่นี่... เป็นแวนเวทมนตร์มิติใช่ไหม?"
ลูน่าหันไปมองคาลอส พลางตอบอย่างภาคภูมิใจ "ใช่"
คาลอสพยักหน้าช้าๆ แล้วว่า "ได้ยินมาว่าราคามันไม่ธรรมดาเลยนะ... ของแบบนี้หายากมากด้วย"
ลูน่าเสริมขึ้นมาว่า "มีคนให้มานะ"
ลูน่าเปลี่ยนเรื่อง ไหนลองเล่าเรื่องที่พวกนายไปเจอมาให้ฟังหน่อย
คาลอสชะงักงัน ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เขาเผชิญให้ลูน่าฟัง เธอตั้งใจฟังเรื่องที่ทีมของเขาเจออะไรมาบ้าง และไปพบเอลล่าได้อย่างไร แต่เขากลับไม่ได้เล่าเรื่องที่เขากับเอลล่าไปพบต้นไม้พฤกษาผู้พิทักษ์
เมื่อคาลอสเล่าเรื่องราวจบ เขาก็ถอนหายใจออกมา ลูน่ามองสีหน้าของเขาด้วยความเข้าใจ แต่เรื่องราวที่เขาเล่ามานั้นกลับขาดหายไปบางส่วนแต่เธอเข้าใจ ทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตนเองแม้แต่กระทั่งเธอ
"แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละ" คาลอสถามอย่างสงสัย
"ก็เห็นว่าพวกนายไปล่าสัตว์เวทมนตร์ในป่านั่นแล้วไม่ออกมาสักที ฉันเลยมาตามหานายที่นี่"
"แล้วเธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่?"
"ก็พอคาดเดาได้ว่านายจะอยู่ที่นี่ เพราะเมืองรอบ ๆ มีแค่เมืองนี้ที่ใกล้ป่านั้นมากที่สุด ถ้านายหนีมาก็คงมาที่นี่"
"เธอพอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพวกที่ใส่ชุดเกราะพวกนั้นไหม ทำไมพวกนั้นถึงต้องมาทำลายผืนป่าด้วย?" คาร์ลอสถาม
"นายถามถึงพวกคนเหล่านั้นเหรอ? ฉันก็ไม่รู้เรื่องมากเท่าไร" ลูน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ฉันได้ยินผู้คนในเมืองพูดกันว่าพวกนั้นมาจากจักรวรรดิเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งแอสทราเลียน่ะ"
"แล้วพวกนั้นมาทำไม?" คาร์ลอสถามอย่างสงสัย
"ไม่รู้สิ... ได้ยินมาว่าพวกนั้นทำสงครามกับสัตว์เวทมนตร์อยู่ ไม่รู้ทำไมถึงทำสงครามกัน"
"แล้วนายจะเอาอย่างไรกับนางหนูนี่ล่ะ?"
คาร์ลอสมองไปที่เอลล่า ซึ่งมองตอบกลับมาด้วยดวงตาเศร้าสร้อย
คาร์ลอสลังเลสักพัก ทันใดนั้นดวงตาเขาก็มุ่งมั่นขึ้นมา เขาพูดกับเอลล่าว่า...
"เธอจะเอาอย่างไรต่อ" คาร์ลอสถามเธออย่างนิ่งขรึม
"หนูอยากจะแข็งแกร่งขึ้น"
ลูน่ามองเอลล่าครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความนัย ก่อนจะหันมามองคาลอส "แล้วนายล่ะ คิดจะทำยังไงกับเด็กคนนี้?"
คาลอสเงียบไปชั่วขณะ เขาครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญ ทั้งเรื่องที่ทีมของเขาหายไป การปรากฏตัวของพวกอัศวินชุดเกราะ และการที่เอลล่าต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น ท้ายที่สุด เขาก็ตอบลูน่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ฉันจะสอนเธอเอง"
ลูน่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "นายแน่ใจนะว่าทำได้? การฝึกเด็กคนหนึ่งให้แข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่ยังไม่รู้อะไรเลยแบบนี้"
"ฉันรู้" คาลอสตอบ "แต่นี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำ เธอเป็นเด็กที่รอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น และถ้าเธอต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น ฉันก็จะช่วยเธอ"
เอลล่าเงยหน้ามองคาลอสด้วยแววตาเป็นประกาย ความมุ่งมั่นในดวงตาของเธอทำให้คาลอสรู้สึกว่าเขาตัดสินใจถูกต้องแล้ว
"ดี" ลูน่าพูด "ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้โชคดีแล้วกัน" เธอเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลอบเชยขึ้นมากัดอย่างสบายใจ
แล้วคาลอสจะเริ่มต้นการฝึกเอลล่าอย่างไร? การเดินทางของพวกเขาจะพาไปสู่การผจญภัยแบบไหนกัน?