อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาวอารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก
แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง
นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!
“ขอโทษนะคะคุณไวท์ที่ต้องขอให้ปกป้องกลุ่ม 16 ตามลำพัง” ฉันมองตาเขา คุณไวท์ไม่ได้แสดงอาการโศกเศร้าออกมาอีกแล้ว ด้วยหน้าที่ของผู้ปกป้อง เขาคงจะต้องเก็บงำความเศร้านั้นไว้ ฉันกับเจนคิดกันว่าสถานการณ์อสูรบุกโจมตีกลุ่มมนุษย์เริ่มหนักหนาขึ้นทุกที และ รปภ. ที่คอยปกป้องกลุ่ม 16 ถ้าไม่มีคุณไวท์ก็จะมีแต่มือใหม่ จึงมาขอให้เขาช่วยปกป้องกลุ่มเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว แล้วคุณแมรี่อย่าลืมสิว่าตอนนี้หน่วยของเรามีสมาชิกเพิ่มอีกสี่คนแล้วนะ” เขาผายมือไปทางชิลลี่และหุ่นยนต์อีกสี่ตัว ชิลลี่… นายจะรู้หรือเปล่าว่าคนขับของนายไม่อยู่แล้ว
ฉันมองหน้าคุณไวท์ก่อนจะเก็บคำถามที่เกิดขึ้นในใจเรื่องพลขับที่จะมาแทนคุณเรด… คู่หูฝาแฝด จะมีใครมาแทนเขาได้แน่เหรอ
“เดี๋ยวก่อนสิครับ” ทาคุมิมายืนกอดอกอยู่ข้างๆ ตอนไหนก็ไม่รู้ “ผมอยากให้คุณไวท์เดินทางไปกับพวกเรามากกว่า ยังไม่มีใครเป็นบอดี้การ์ดให้เด็กพวกนี้เลยนะครับ”
“จริงสินะครับ ที่จริงเรดก็เคยทำงานนี้มาก่อน” แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อพูดคำว่าเรด แต่มันก็เปลี่ยนกลับเป็นปกติแทบจะทันที
“คุณโซเฟียกับผมก็ย้ำอยู่เสมอเรื่องความปลอดภัยของนักเรียน ถึงแมรี่กับเจนนิเฟอร์จะขับหุ่นยนต์เก่งขนาดไหนแต่พวกเธอก็ยังเป็นเยาวชนอยู่” ทาคุมิพูดเรียบๆ แต่หนักแน่น และไม่ได้ตำหนิอะไรคุณไวท์
“ใช่ครับ… ช่วงนี้ผมคงจะสับสน เลยทำงานตามคำแนะนำของคุณแมรี่กับคุณเจนโดยไม่ได้คิดอะไร ที่จริงเราต้องเน้นความปลอดภัยของเยาวชนอยู่แล้ว” อาจจะเข้าใจผิดแต่ฉันสัมผัสได้ถึงความยินดีในน้ำเสียงนั้น ฉันมองไปทางทาคุมิ หรือว่าอาจารย์อยากจะพาคุณไวท์หนีจากความเศร้ากันนะ
“แล้วความปลอดภัยของกลุ่มล่ะคะ พวกเราคิดว่ายังไม่มีมืออาชีพคอยปกป้องกลุ่มนี้เลย” เจนนิเฟอร์ยังคงแย้ง เธออ่านสถานการณ์ไม่ออก ฉันมองเธอตาเขียว ยัยเจนมองกลับมาแบบไม่รู้เรื่อง โธ่เอ๊ย เจนนิเฟอร์
“มืออาชีพงั้นเหรอ คุณลืมไปหรือเปล่าว่าพวกเขาเป็นทหารอาชีพ แล้วตั้งแต่ตอนที่แมรี่สอนขับหุ่นยนต์ให้ เวลาก็ผ่านมาพอสมควรแล้ว ผมว่าพวกเขาน่าจะขับหุ่นยนต์ได้ดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ” ทาคุมิให้เหตุผลที่ทุกคนยอมรับได้ แต่ถึงอย่างนั้นภาพเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่กลับมาที่กลุ่มก็ยังคงเป็นภาพที่เจ็บปวด ใจหนึ่งฉันก็ไม่อยากออกไปจากกลุ่มอีก… ไม่อยากเจอภาพอย่างนั้นอีกแล้ว
“แมรี่ เจนนิเฟอร์ ผมเข้าใจว่าพวกคุณคงจะห่วงความปลอดภัยของกลุ่มเรา แต่ถ้าเราไม่เชื่อใจคนอื่น ไม่ก้าวออกไปข้างหน้า สงครามครั้งนี้ก็ไม่มีทางจะจบลงได้” ส่วนใหญ่ทาคุมิที่ฉันเห็นจะเป็นคนบ้าเครื่องยนต์กลไกไม่ต่างอะไรกับเจน แต่นานๆ ครั้งเขาก็แสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมาเหมือนกัน “ตอนนี้เราควรจะไปสมทบกับโอวี่แล้วออกตามหา 02 โดยเร็วที่สุด”
“ค่ะอาจารย์” ทั้งฉันและเจนรับคำ เรายังมีเวลาอีกคืนหนึ่งก่อนออกเดินทาง เจนนิเฟอร์กับทาคุมิง่วนอยู่กับการดูแลรักษาสปาร์กเช่นเคย ฉันจึงออกปากว่าจะจัดกระเป๋าให้เจนด้วย ขอกุญแจแล้วจะรีบเดินไปที่ห้องของเจน
“เดี๋ยวก่อนสิแมรี่” ช่างเครื่องผมบลอนด์รั้งฉันไว้ เธอบอกว่ามีอะไรเกี่ยวกับสปาร์กจะบอก
“ตอนนั้นมันฉุกเฉินฉันเลยต้องติดตั้งเครื่อง HOPE ไว้ที่ขา แต่จริงๆ แล้วมันต้องติดตั้งอยู่ในห้องคนขับ เหมือนเป็นหัวใจของหุ่นยนต์น่ะ”
“แล้ว” ฉันย้อนถามงงๆ จะติดตรงไหนฉันก็ไม่ติดหรอก
“สปาร์กอาจจะมีพลังมากกว่าเดิมจนเธอตกใจ อยากให้เตรียมใจไว้ก่อนน่ะ”
“แหม จะขนาดไหนกันเชียว” ฉันพูดยิ้มๆ แต่เวลาสปาร์กใช้พลัง ถ้ามันรุนแรงมากฉันก็มีตกใจบ้างเหมือนกัน แต่คนขับเจ้านั่นตอนนี้ก็มีแต่ฉันคนเดียว ถ้ารับไม่ได้จะมีใครที่ไหนอีกล่ะ ถึงเจนจะเคยขับแต่ตอนนี้ชั่วโมงบินฉันก็นำห่างไปไกลแล้วด้วย
“ถึงเวลาอย่าร้องละกัน” เจนพูดขำๆ ก่อนจะโบกมือทำนองให้ฉันไปได้แล้ว พอตัวเองได้อยู่กับหุ่นยนต์ล่ะก็เรื่องอื่นไม่ใส่ใจทุกที เวลาเหงาก็อย่ามาอ้อนฉันละกันแม่คุณช่างใหญ่
ในที่สุดฉันก็เดินมาถึงห้องของเจน ยังคงเป็นห้องที่ไม่ค่อยมีข้าวของมากนักเหมือนเคย ลิ้นชักที่เก็บของมีค่า (ต่อหัวใจ) เจนก็อยู่ตรงนั้น แต่ไม่เห็นเธอบอกว่าให้เอาอะไรในนั้นไป งั้นตอนนี้ฉันก็ยังไม่ยุ่งกับมันก่อนละกัน
เสื้อผ้าของเจนนอกจากชุดเก่งกับชุดนักเรียนแล้วก็มีอยู่อีกไม่กี่ชุด ส่วนใหญ่เป็นเสื้อกับกางเกงง่ายๆ สีเข้มพร้อมรับกับงานช่างซ่อมของเธอ ไปรอบนี้อาจจะต้องไปค้างหลายคืนก็เอาเสื้อผ้าไปให้หมดเลยก็แล้วกัน เอ ชุดชั้นในอยู่ที่ไหนกันนะ
…ชุดชั้นในเหรอ เดี๋ยวนี้เราสนิทกันมากถึงขนาดที่ฉันมาหยิบชุดชั้นในของเจนได้แล้วเหรอ
…อ้อ อยู่ตรงนี้เอง มีบราด้วยแฮะ ปกติไม่ค่อยเห็นยอมใส่ คงไว้ใส่เวลาต้องแต่งตัวสุภาพล่ะมั้ง เอาติดไปด้วยละกัน ถ้าเกิดได้เจอกับพวกคุณไดแอนน์จะได้ดูสุภาพหน่อย
มือของฉันชะงักเมื่อนึกถึงคุณไดแอนน์
คุณไดแอนน์ แม่ของเจน จะเป็นคนยังไงกันนะ เขามีความจำเป็นอะไรถึงต้องทิ้งเด็กอย่างเจนไว้ แล้วสมมติว่าเจนได้เจอกับคุณไดแอนน์เข้าจริงๆ คุณไดแอนน์จะยอมรับเจนหรือเปล่า ถ้าไม่ยอมรับก็น่าสงสารแย่ เจนพยายามเยอะมากที่จะสืบหาคุณให้พบ
ฉันนึกถึงรูปถ่ายใบนั้น เป็นรูปเดียวที่เราได้เห็นหน้าคุณไดแอนน์แบบจางๆ แล้วก็เป็นคุณไดแอนน์ตอนยังเป็นเด็กเล็กๆ ซะด้วย ตอนนี้หน้าน่าจะเปลี่ยนจากตอนนั้นไปเยอะแล้ว คุณไดแอนน์จะมีหน้าตาแบบไหนกันนะ จะเหมือนเจนหรือเปล่า ที่จริงเจนก็จัดได้ว่าเป็นคนสวย ตากลมโต ผิวก็ดี ผมนิ่มนุ่มลื่นน่าสัมผัส แต่ดันไปซ่อนความสวยไว้ใต้คราบน้ำมันเครื่องซะอย่างนั้น ดีนะที่เราเป็นคนค้นพบ ไม่มีใครแย่งด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
“เป็นอะไรแมรี่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” เจ้าของความสวยยืนอยู่กลางประตูที่เปิดอ้า แขนข้างหนึ่งท้าวอยู่ที่กรอบประตู
“ก็เธอสวยมาก ว้าย” ฉันหน้าแดงก่ำ รีบเอามือปิดปาก
“ยอมรับคำชมเจ้าค่ะ” เจนโค้งให้ฉันแล้วปิดประตู “เก็บกระเป๋าเสร็จแล้วเหรอ เก่งมากเจ้าแมรี่”
“เค้าต้องพูดขอบคุณต่างหาก” ฉันผลักคนตัวเหม็นเหงื่อที่พยายามจะกอดจูบให้ออกห่าง “อย่างน้อยก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ตัวเหม็นมาก”
“ถ้าอาบน้ำแล้วจะให้ทำอะไรก็ได้เหรอ” เจนยิ้มกรุ้มกริ่ม รีบถอดเสื้อผ้าออกโยนใส่ตะกร้าแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
“มะ… ไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย แล้วคราวหลังไปถอดชุดในห้องน้ำด้วย!” ฉันตะโกนไล่หลังเธอไป หน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม ภาพคืนนั้นปรากฏชัดในหัว โอ๊ย… คืนนั้นเราทำไปได้ยังไงกันนะ
ไม่นานเจนก็นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นครีมอาบน้ำราคาถูกโชยออกมาจากกายเธอ แต่มันกลับหอมอย่างน่าประหลาด เธอรีบเข้ามานั่งลงข้างๆ ฉันที่เตียง แล้วพยายามจะกอดอีก
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิ ยังจัดกระเป๋าไม่เสร็จเลย!” ฉันหาข้ออ้าง ทั้งๆ ที่จัดเสร็จแล้ว
“ทำไมคืนนี้ไม่เก่งเหมือนคืนนั้นเลย” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้นอีกแล้ว
“เก่งอะไรกันเล่า คนบ้า”
“คืนนี้ให้ฉันเป็นคนถอดเสื้อผ้าเธอนะ”
“ไม่ต้อง อุ๊บ” ฉันถูกบังคับให้หยุดพูดเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มคู่นั้นเข้ามาประกบปาก ผ้าเช็ดตัวที่นุ่งไว้หลวมๆ หลุดลงไปกองกับพื้น กระดุมเสื้อของฉันถูกปลดออกทีละเม็ดอย่างรวดเร็ว มือส่ายเปะปะไปปิดไฟที่โคมไฟ
เฮ้อ คืนนี้คงต้องนอนที่นี่สินะ กระเป๋าตัวเองยังไม่ได้จัดเลย
…………
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสับสนที่ไม่ได้อยู่ในห้องที่ตัวเองคุ้นเคย ก่อนความทรงจำเมื่อคืนนี้จะย้อนกลับมาให้ฉันหน้าร้อนผ่าวอีกครั้ง สำรวจร่างกายตัวเองที่ยังเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาว ยิ่งพิสูจน์ว่ามันไม่ใช่ความฝัน
เด็กสาวผมบลอนด์ที่ทำให้ฉันต้องอยู่ในสภาพนี้ยังคงหลับในท่าตะแคงข้างหันหลังให้ ฉันอดที่จะลูบเรือนผมของเธออีกครั้งไม่ได้ เส้นผมนุ่มลื่นยาวสลวยคลอเคลียอยู่บนแผ่นหลังสีขาวเนียน ฉันจุมพิตที่แผ่นหลังของเธอแล้วกอดเธออีกครั้ง เจนคว้าข้อมือฉันไปให้กอดเธอแน่นยิ่งขึ้นแม้เธอจะยังไม่ตื่น ถึงฉันจะไม่ได้เห็นใบหน้าของเธอก็พอจะเดาได้ว่าช่างเครื่องของฉันคงจะอารมณ์ดี ร่างกายของเราแนบชิดกัน ฉันสัมผัสได้ถึงความรักที่ตัวเองมีให้กับผู้หญิงคนนี้ ถึงจะเคยบอกออกจากปากไปแล้วก็เถอะ
ทว่าถึงจะอยากให้ช่วงเวลาแสนสุขนี้คงอยู่นานแค่ไหน แต่มันก็ต้องผ่านไป เสียงปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้นร้องเรียกให้พวกเราต้องดำเนินภารกิจแสนสำคัญ… การตามหาหุ่นยนต์หมายเลข 02 และแม่ของเจนนิเฟอร์ คุณไดแอนน์
“ฮ้าวว”
“ตื่นแล้วเหรอ” ฉันยิ้มบางๆ ให้เจนที่บิดขี้เกียจเหยียดยาวจนถีบผ้าห่มตกจากเตียง
“อือ แมรี่เหรอ รักนะ” ช่างเครื่องของฉันพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ตื่นสายนะเรา ปกติเป็นคนตื่นเช้าไม่ใช่เหรอ” ฉันพูดพลางหยิบผ้าห่มขึ้นมาพับและสวมเสื้อผ้า “เธอก็แต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวเราต้องออกเดินทาง”
“ก็ได้ แต่ช่วยบอกรักตอบไม่ได้เหรอ เมื่อกี้ฉันเพิ่งบอกรักเธอนะ” สายตาออดอ้อนนั่นอีกแล้ว
“รักจ้าๆ ไปแต่งตัวได้หรือยัง” ฉันทำเป็นท้าวสะเอวชี้นิ้วให้เธอรีบแต่งตัว “งั้นฉันไปก่อนนะ เธอทำให้ฉันไม่ได้จัดกระเป๋าของตัวเอง” ก่อนปิดประตูส่งจูบให้อีกทีแบบหยอกๆ เจนยิ้มตอบกลับมาอย่างสดใส
ฉันอยากเห็นภาพอย่างนี้ทุกวันเลย เจนนิเฟอร์