อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาวอารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก
แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง
นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!
หลายเดือนต่อมา
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมจะได้ไปอยู่ในเต็นท์ส่วนตัวแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าคุณพ่อจะได้ทำโปรเจคอะไรสักอย่าง ทำให้ได้เข้าไปอยู่ในเต็นท์ส่วนตัว” ทาคุมิเล่าให้ควาเมฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พวกเขากำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ด้วยกัน ระยะนี้เด็กชายสองคนใช้เวลาร่วมกันค่อนข้างมาก ตัวติดกันเป็นตังเม โดยที่ดูเหมือนว่าทาคุมิจะเป็นฝ่ายติดควาเมซะมากกว่า
“เหรอ โชคดีจังเลยนะ” ใบหน้านั้นยิ้มแย้มตอบกลับไป พลางชี้ชวนให้ดูเรื่องราวในหนังสือการ์ตูน ทว่าทาคุมิไม่ได้รู้เลยว่าอีกฝ่ายหนึ่งแอบซ่อนความคิดแบบไหนไว้
“แต่คุณพ่อบอกว่าเพราะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ พวกอุปกรณ์ก็เลยหายไปเยอะ ถึงพี่ๆ ทหารจะให้มาบ้างแต่ก็ไม่คุ้นมือเหมือนอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวถ้าคุณพ่องานเยอะขึ้นก็คงไม่ได้มาอ่านการ์ตูนด้วยกันแล้วล่ะ”
“ทาคุมิตัวเท่านี้ ช่วยงานคุณพ่อได้แล้วเหรอ”
“ครับ คุณพ่อเห็นผมชอบเครื่องยนต์เหมือนท่าน ก็เลยให้เริ่มมาช่วยงานแล้ว จากที่เมื่อก่อนได้แต่ดูอย่างเดียว” ทาคุมิพูดจาฉะฉานเกินวัยเด็กสิบขวบ เหมือนว่าพอเริ่มสนิทกับใครแล้ว เขาก็จะเปิดใจพูดออกมามากขึ้น เด็กชายไม่ค่อยมีเพื่อน คนที่เขาสนิทนอกจากควาเมล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ จึงติดวิธีการพูดแบบผู้ใหญ่มาด้วย
“เอ แล้วฉันจะเข้าไปช่วยงานคุณพ่อของทาคุมิได้ด้วยไหมนะ”
ทาคุมิเบิกตากว้างมองหน้าควาเม ตำแหน่งผู้ช่วยคุณพ่อ เขาเองยังได้มาอย่างยากลำบาก ด้วยความที่บุนตะเป็นคนที่รักเครื่องยนต์กลไก เขาแทบจะไม่ให้ใครแตะ ที่ยอมให้ลูกชายเข้ามามีส่วนร่วมเพราะเห็นในใจรักของทาคุมิเท่านั้น แล้วนี่ยังเป็นงานของทหาร ไม่ใช่งานอดิเรกที่ทำที่บ้าน จึงไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
เด็กชายส่ายหน้าแรงๆ “คุณพ่อน่าจะไม่ยอมหรอกครับ”
“งั้นเหรอ” ควาเมแสร้งยิ้ม แต่ด้วยความไร้เดียงสาของทาคุมิ เขาจึงดูไม่ออก “แต่ฉันอยากไปช่วยคุณพ่อของทาคุมิจริงๆ นายช่วยคุยกับท่านให้หน่อยไม่ได้เหรอ”
“...” ทาคุมิอึ้ง เขายังนึกคำพูดที่จะโต้ตอบไม่ออก
“อ้าว ไม่ได้ก็ไม่ได้” ควาเมถอนหายใจ “แต่อย่างน้อยช่วยชี้ให้ดูเต็นท์ที่พ่อนายทำงานหน่อยสิ ฉันจะไปแอบดู รับรองได้จะไม่ไปรบกวนท่านแน่นอน”
เด็กชายชาวญี่ปุ่นทำท่าลังเลก่อนจะค่อยๆ ชี้ไปทางเต็นท์ของทหารที่อยู่ใกล้ๆ
“เห็นว่างานเร่งมาก คุณพ่ออยู่ในนั้นเกือบตลอดเวลา ไม่มีเวลาให้ผมเลย” ทาคุมิตัดพ้อ แต่หันมาอีกทีเขาก็ไม่เห็นเพื่อนเสียแล้ว
……….
ควาเมทำตามที่บอกกับทาคุมิไว้ คือไม่ไปเซ้าซี้ขอเป็นผู้ช่วย แน่นอนว่าเขาไม่มีความรู้ด้านเครื่องยนต์ แต่จริงๆ แล้วเด็กชายก็ไม่ได้อยากจะไปช่วยงานบุนตะตั้งแต่แรกแล้ว เขาเพียงอยากจะรู้ข้อมูลของโปรเจค HOPE System เพื่อที่จะได้หาจังหวะล้างแค้นมากกว่า
“การแก้แค้นคืออาหารที่ต้องเสิร์ฟเย็น”
วลีจากการ์ตูนคือสิ่งที่เด็กชายจดจำ เขาไม่รีบร้อน ควาเมตัวเล็กและไม่ค่อยมีใครสนใจ จึงแอบเข้าไปดูเอกสารและแบบแปลนต่างๆ ได้โดยไม่มีใครสังเกต แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจ แต่ควาเมก็จำเนื้อหาในกระดาษเหล่านั้นออกมาคัดลอกด้วยความจำที่เป็นเลิศของเขา ที่เนซึโกะเคยชมอย่างทึ่งว่าเขาจำคันจิได้รวดเร็ว อาจจะเร็วกว่าคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ
เขายังได้ยินพวกทหารพูดคุยกันว่า งานที่ศูนย์พักพิงแห่งนี้คือการเตรียมการเพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังฐานทัพสำรองของ Protector ที่ซึ่งปีเตอร์ เลอกู้ด เฝ้ารอวิศวกรอัจฉริยะผู้นี้อยู่ เพื่อที่จะมาสานต่อ HOPE System ให้เสร็จสมบูรณ์ ทุกคนเชื่อว่าบุนตะมีความสามารถเพียงพอที่จะสร้างหุ่นยนต์ทั้งห้าได้สำเร็จ
ปีเตอร์ เลอกู้ด…
ควาเมกำหมัดแน่นทุกครั้งที่ได้ยินชื่อของชายผู้นี้ ชายผู้สวมหน้ากากผู้พิทักษ์ แต่กลับพรากทุกสิ่งไปจากชีวิตของเขา
เด็กชายผู้เก็บงำความแค้นหันเข้าหาทาคุมิ แสร้งบอกว่าอยากเรียนรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก เด็กชายชาวญี่ปุ่นผู้ไร้เดียงสาหลงดีใจคิดว่าได้พบเพื่อนผู้ชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน จึงถ่ายทอดความรู้ที่เขามีในขณะนั้นให้ทั้งหมด ควาเมได้อ่านแบบแปลนของหุ่นยนต์ ทั้งรุ่นเก่าที่ใช้อ่านเพื่อจะนำไปปรับปรุงในหุ่น HOPE กับต้นแบบของหุ่น HOPE ทั้งห้าตัว เขารู้ทุกซอกทุกมุมของหุ่นยนต์ที่หน่วย Protector กำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
ไม่กี่วันต่อมาเขาได้เห็นรุสวิกก์… มือขวาของปีเตอร์ ที่เต็นท์ของบุนตะ รุสวิกก์มีท่าทางเร่งร้อน เขาบอกกับบุนตะว่าต้องเร่งทำโปรเจค HOPE System ให้สำเร็จโดยด่วน ไม่อย่างนั้นมนุษยชาติอาจจะพ่ายแพ้ บุนตะต้องรีบออกเดินทางไปยังฐานทัพสำรองก่อนกำหนด
พ่อของทาคุมิรับคำแล้วเดินทางจากไปโดยไม่ทันได้บอกลาบุตรชาย มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งถึงแม่ของเขา พิกัดของฐานทัพสำรองถูกเก็บเป็นความลับทางการทหาร สองแม่ลูกจึงไม่มีโอกาสรู้ว่าพ่อและสามีของตนไปอยู่ที่ใด
ควาเม เมนซาห์ หายตัวไปจากศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยจากอสูรตั้งแต่วันนั้น
………..
3 ปีต่อมา ฐานทัพสำรองของหน่วย Protector รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
เวลาเที่ยงคืน รุสวิกก์ เดรกฟอร์ด กำลังลาดตระเวณตามหน้าที่ของเขา ในใจคิดถึงหุ่นยนต์ต้นแบบที่จะติดตั้ง HOPE System ทั้งห้าตัวที่ยังเฝ้ารออยู่ที่ฐานทัพหลัก หลังจากบุนตะใช้เวลานานเหลือเกินในการสร้างเครื่อง HOPE ในที่สุดมันก็สำเร็จจนได้ อีกไม่นานหน่วย Protector จะต้องกลับไปรอที่ฐานทัพหลัก ให้บุนตะนำเครื่อง HOPE ติดตามมายังพิกัดที่ให้ไว้ ที่ต้องทำเป็นความลับขนาดนี้เพื่อลดความเสี่ยงที่พวกอสูรจะเข้าโจมตีเครื่อง HOPE ที่อยู่ที่บุนตะ หากติดตั้งสำเร็จ ความหวังของมวลมนุษยชาติที่จะจบสงครามครั้งนี้ก็มีโอกาสเป็นจริงแน่นอน
คืนนี้ดูจะไม่มีความผิดปกติอะไรเลยจนเขาต้องหาวหวอด ปกติจะมีอสูรงูหรือลิงสามสี่ตัวที่หลงเข้ามาบ้าง พวกอสูรเทียร์สูงกับกองทัพหลักของพวกมันมัวแต่สนใจกับการทำลายเมืองใหญ่ๆ ของโลก ไม่มาสนใจฐานทัพเล็กๆ ที่มีคนอยู่ไม่กี่คนแบบนี้
แต่คืนนี้ก็เงียบเกินไปอยู่ดี
รุสวิกก์อ้าปากหาวอีกครั้ง เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูพลางถอนหายใจเมื่อพบว่าอีกชั่วโมงเศษถึงจะครบกะ
ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นร่างของมนุษย์ท่ามกลางเงาสลัวของป่านั้น
เด็กงั้นเหรอ
“ใครน่ะ แสดงตัวออกมาซิ” เขาประกาศผ่านลำโพงของหุ่น เด็กหนุ่มในชุดยุทธวิธีคนนั้นเดินเข้ามาอยู่ท่ามกลางแสงสว่างจากไฟของหุ่นยนต์ เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ
หน้าคุ้นมาก หรือว่า…
“ควาเมเหรอ”
ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงรอยยิ้มเย็นยะเยือก เด็กหนุ่มชักปืนพกที่เหน็บข้างขาอย่างรวดเร็วแล้วยิงไปยังช่องว่างของหุ่นยนต์ที่เขาเคยเห็นจากในแบบแปลน มันเป็นจุดอ่อนของหุ่นรุ่นนี้ที่ไม่เคยมีใครคิดจะแก้ เพราะหุ่นถูกสร้างมาให้ต่อสู้กับอสูร ไม่ใช่มนุษย์
กระสุนนัดนั้นพุ่งทะลุร่างกายของรุสวิกก์อย่างกับจับวาง แล้วยังตามมาด้วยนัดที่สอง สาม สี่ ห้า…
“ทำไมกัน…” เขาถามเสียงแผ่วด้วยลมหายใจรวยริน หุ่นยนต์ที่บังคับทรุดตัวลงคุกเข่า ประตูค็อกพิทเปิดออก รุสวิกก์เพียงหวังจะมองหน้าควาเมให้ชัด
คำตอบที่ได้รับมีเพียงความเงียบ ควาเมชูมือขึ้นเหนือศีรษะอีกครั้ง ไม่นานก็ปรากฏร่างของอสูรงู วิ่งเข้าไปที่หุ่นยนต์ตัวนั้นทันที ฉีกกระชากร่างของพลขับของมันจนแน่นิ่งไป
…วันนั้นมีบันทึกสาเหตุการเสียชีวิตของรุสวิกก์ไว้ว่าเกิดจากอสูรงู ศพของรุสวิกก์กระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นรอยกระสุนเล็กๆ บนร่างกายของเขาเลย
…………..
สองสามเดือนต่อมา ฐานทัพหลักของ Protector
งานแถลงข่าวเปิดตัว HOPE System กับสาธารณชน
“ผมมีความยินดีที่จะประกาศให้ทุกคนทราบว่าขณะนี้เครื่อง HOPE เสร็จสมบูรณ์แล้ว และได้รับการติดตั้งที่หุ่นยนต์ทั้งห้าตัวแล้ว เราจะปิดฉากสงครามกับพวกอสูรเร็วๆ นี้” ปีเตอร์ประกาศ ข้างกายของเขาคือ ซาโต บุนตะ ที่อยู่ข้างๆ เครื่อง HOPE จำลอง และแผนผังอธิบายหลักการทำงานของมัน สีหน้าของชายทั้งสองพยายามยิ้มแย้ม แต่ก็เหมือนกับพวกเขาเก็บซ่อนอารมณ์บางอย่างไว้
“แต่ก็อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า รุสวิกก์ เดรกฟอร์ด สหายของเรา ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ทำให้เราไม่มีพลขับของหุ่น 01 ถือว่ากำลังรบของหน่วย Protector ลดลงไปอย่างมาก” สีหน้าของคนที่กำลังพยายามควบคุมอารมณ์ให้นิ่งเฉย แม้จะเป็นทหารกล้า แต่เมื่อสูญเสียคนสนิทไปก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา “อีกทั้ง เราไม่มีเวลาที่จะฝึกคนให้มีความสามารถเท่ากับเขา พวกผมอีกสามคนที่เหลือกับหุ่น 05 หรือโอวี่ที่มี AI อัจฉริยะโต้ตอบได้เหมือนมนุษย์ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันว่าเราจะต่อสู้กับอสูรเทียร์สูงโดยไม่มีหุ่น 01”
“แล้วแน่ใจเหรอครับว่าจะเอาชนะพวกมันได้” ใครคนหนึ่งยกมือขึ้นถามคำถามที่อยู่ในใจของทุกคน
“เราจะต้องชนะสงครามครั้งนี้ให้ได้” หลังพูดจบประโยคนั้น ปีเตอร์ก็ปิดไมค์แล้วเดินออกไปจากเวที ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของนักข่าวและประชาชนที่มารับฟังว่าพวกเขายังมีคำถามอีกมากมาย
……………….
หลายปีต่อมา สงครามอสูรสิ้นสุดลงพร้อมกับการสละชีวิตของปีเตอร์ เลอกู้ด ประชากรมนุษย์หลงเหลืออยู่เพียง 10% อารยธรรมต่างๆ ถูกทำลายไปจนสิ้น มนุษย์ที่เหลืออยู่ต้องค่อยๆ สร้างอารยธรรมขึ้นมาใหม่ กระจายตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ อยู่ทั่วโลก
เด็กชายที่ชื่อทาคุมิได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ช่วงก่อนสงครามสิ้นสุด บุคลากรเหลือน้อยเต็มที เขาได้รับโอกาสให้เข้าไปช่วยงานด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์ของกองทัพและศึกษาเพิ่มเติม ในที่สุดจึงเป็นนักวิชาการสายนี้ที่บนโลกเหลืออยู่เป็นหลักหน่วย โชคชะตานำพาเขาจับพลัดจับผลูมาอยู่ที่กลุ่ม 16 ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็นรัฐฟลอริดา และได้เป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนของกลุ่ม… อาจารย์ที่แทบจะไม่เคยมีลูกศิษย์
เขายังจำวันแรกที่ทำงานได้ โซเฟียเพียงชี้นิ้วมาที่ห้องที่ต่อมาจะกลายเป็นเวิร์กช็อป เศษเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนกองกันอยู่เหมือนกองขยะ ต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าจะคัดกรองเอาของที่พอใช้ได้ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยออกมา แล้วจัดที่จัดทางจนพอจะทำงานได้
ชายหนุ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน เขาเดินไปกดกระป๋องเบียร์ออกมาจากตู้ขายน้ำ เปิดมันแล้วนั่งลง โซเฟียเดินมาที่เวิร์กช็อปพร้อมกับชายคนหนึ่ง
“นี่ควาเม เมนซาห์ จะมาเป็นหัวหน้า รปภ. ทำความรู้จักกันไว้สิ” เธอว่า ทาคุมิตาเบิกโพลงจ้องมองมาที่อีกฝ่ายทันที ด้วยความที่คาดไม่ถึง ควาเมเองก็ตกใจเหมือนกัน ทาคุมิไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่รู้สาเหตุการตายที่แท้จริงของรุสวิกก์ แต่เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างจากสายตาของคนที่เขาเคยเรียกว่าเพื่อน
“เคยรู้จักกันแล้วน่ะครับ” เขาพึมพำด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน ส่วนชายผิวคล้ำปรับตัวได้เร็วกว่า เขายิ้มกว้างออกมา
“ผมควาเม ยินดีที่ได้รู้จักกันอีกครั้งนะครับ”