อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาวอารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก
แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง
นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!
“อสูรเทียร์สูง เดิมพวกมันมีกันทั้งหมดห้าตน เท่ากับหุ่นยนต์ที่มี HOPE System ที่พวกเธอรู้จักกันไปแล้วก็มีลูซิเฟอร์ หรือราชาของพวกมัน แล้วก็ตัวที่เพิ่งเจอไป มันคือ เลวีอาธาน อสูรหมึกที่สะกดจิตมนุษย์ได้ กับทำร่างกายให้โปร่งใสได้” โอวี่บอกเมื่อพวกเรากลับไปพักกันที่ห้องของเขา “อาจจะต้องตรวจร่างกายของเรดอีกครั้งเผื่อว่าจะมีสารอะไรตกค้างอยู่”
“แล้วอสูรเทียร์สูงตัวอื่นๆ ล่ะคะ” ฉันถามเพราะเห็นเมื่อกี้บอกว่ามีกันทั้งหมดห้าตน แต่เพิ่งพูดถึงแค่สอง
“อบาร์ดดอน ได้ข่าวว่าพวกเธอเคยเจออสูรเต่าที่แข็งแกร่งมากมาแล้ว แต่อบาร์ดดอนแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นมาก เกราะของมันแทบจะทำลายไม่ได้ และมันก็ทำลายหุ่นยนต์ทั่วไปได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว”
“ซาริเอล อสูรที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วจนระบบตรวจจับไม่ได้ ไม่ว่าเราจะยกพลกันไปมากแค่ไหน มันก็ใช้ความเร็วสังหารได้หมด ภาพที่เราจับได้เกือบทั้งหมดเป็นภาพเบลอๆ”
“แต่อสูรสองตัวนี้ถูกพวกเราฆ่าไปแล้วในสงครามครั้งก่อน รายละเอียดถ้าพวกเธออยากฟังกันฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง ส่วนอสูรตัวสุดท้ายคือเนสก้า อสูรที่มอบความสามารถ EMP ให้กับอสูรตัวอื่นได้ อย่างที่ฉันเคยเล่าให้ฟังมาก่อน แต่นางยังมีอีกความสามารถคือการสร้างมิติ เชื่อว่านางเป็นผู้สร้างรอยแยกให้พวกอสูรมารุกราน แต่รอบนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วเพราะไม่มีเนสก้า แต่ก็มีรอยแยกให้พวกมันเข้ามาได้อยู่ดี”
“เนสก้า!” ฉันอุทาน เด็กคนนั้นบอกว่าชื่อเนสก้านี่
“มีอะไรเหรอแมรี่ รู้จักคนชื่อนี้เหรอ” เจนหันมาถาม
“อื้อ เด็กคนนั้นบอกว่าชื่อเนสก้าน่ะ”
“เด็กเหรอ” โอวี่ส่ายหัวไปมา “เนสก้าไม่ใช่เด็กนะ ร่างกายนางดูคล้ายกับมนุษย์เพศหญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มีจุดเด่นอยู่ที่เขาขนาดยักษ์ที่กลางหน้าอก อย่างไรก็ตาม นางได้หายตัวไปหลังจากสงครามสิ้นสุดลง”
ถ้าอสูรชื่อเนสก้ามีจริงก็ไม่น่าจะมีหลายตัวนี่นา เอ๊ะ เธอเคยบอกว่านั่นเป็นร่างมนุษย์ที่ใช้แฝงตัว ถ้างั้นร่างจริงก็อาจจะมีหน้าตาเป็นอีกอย่างก็ได้
“คุณโอวี่คะ ที่เคยบอกว่าเนสก้ามอบความสามารถ EMP ให้กับอสูรตัวอื่นได้ แล้วความสามารถในการสร้างรอยแยกล่ะ จะมอบให้กันได้หรือเปล่า” เจนถามขึ้นมา ประเด็นนี้น่าคิดมากจนแม้แต่ส่วนแสดงอารมณ์ของโอวี่ก็ดูเหมือนจะประหลาดใจและฉุกคิดขึ้นได้
“จริงสินะ แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าทำแบบนั้นได้ แต่ถ้าทำได้จริงก็คือมีการมอบความสามารถนี้ให้กับอสูรตัวอื่นไปแล้ว อาจจะมีสี่ขุนพลตัวใหม่แล้วก็ได้” โอวี่พยายามค้นหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์แต่ดูเหมือนว่ายังไม่พบอะไร “แต่คิดอีกที เนสก้าอาจจะกลับไปอยู่กับพวกอสูรแล้วก็ได้เหมือนกัน”
“สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างคือการปรากฏตัวของเจ้าหมึกเลวีอาธานนี่แหละ ปกตินิสัยมันจะชอบหลบซ่อน ไม่ปรากฏตัวถ้าไม่จำเป็น ฉันว่านี่อาจจะเป็นแผนของมัน มันอาจจะต้องการให้มีคนรู้ว่าพวกมันกลับมาแล้ว”
หรือว่ามันจะออกมาขู่เนสก้า แต่ทำไมมันไม่บอกออกมาตรงๆ เลย จะทำเป็นมารุกรานเมืองของมนุษย์ทำไม ฉันคิดถึงคนที่มีนิสัยชวนสับสนอีกคนหนึ่งคือควาเม หรือว่าพวกชอบวางแผนจะเป็นอย่างนี้กันหมดนะ
“ใจลอยอะไรเหรอแมรี่ คิดอะไรอยู่เหรอ” เจนมองตาฉัน คงจะถามด้วยความเป็นห่วง
“เนสก้าบอกว่าร่างเด็กผู้หญิงที่เห็นเป็นร่างมนุษย์ที่ไว้ใช้แฝงตัวน่ะค่ะ ก็เป็นไปได้ว่าร่างจริงอาจจะไม่ได้เหมือนที่ฉันเห็น แล้วเขาก็สร้างมิติได้นะคะ” ฉันเล่าเรื่องที่ได้พบกับเนสก้าให้โอวี่ฟัง “แต่เขาอาจจะเป็นแค่ภาพหลอนของฉันก็ได้”
“ฉันว่าไม่ใช่ภาพหลอนหรอก แต่ที่ว่านางไม่ใช่พวกอสูรน่ะ ฉันยังไม่ปักใจเชื่อหรอกนะ พวกอสูรมันไว้ใจไม่ได้” ถึงตอนนี้เหมือนจะมีแววตาโกรธขึ้นมาบนหน้าจอแสดงอารมณ์ของโอวี่ “พวกมันฆ่าเพื่อนของฉันไปมากมาย เป็นไปได้ว่านี่ก็อาจจะเป็นแผนอะไรสักอย่างของพวกมัน”
ฉันขยับปากแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ในใจก็รู้ดีว่าไม่อาจจะยืนยันได้เหมือนกันว่าเนสก้าจะเป็นคน… อสูรที่ดี แต่จากที่ได้รู้จักเธอมา ถ้าไม่นับฝันร้าย ก็เป็นเหมือนเด็กที่จิตใจดีคนหนึ่ง ถ้าควาเมคือมนุษย์ที่ไปเข้าฝ่ายอสูร (หรือจะไม่เข้าฝ่ายไหนเลยฉันก็ไม่แน่ใจ) ทำไมเนสก้าจะเป็นอสูรที่ไม่มีฝ่ายเหมือนกันไม่ได้
“ผมว่าคิดเรื่องนี้ไปตอนนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เรามาคิดกันดีกว่าว่าจะเอายังไงต่อ พวกเรามีกำหนดการต้องกลับไปที่กลุ่ม 16 ตอนนี้ทางกลุ่มนั้นยังขาดหุ่นที่มี HOPE System ถ้าอสูรเทียร์สูงไปบุก กลุ่มนั้นสูญเสียหนักแน่” ทาคุมิพูด ถึงกลุ่ม 16 จะไม่ใช่กลุ่มใหญ่มากแต่ก็ไม่ใช่ว่าอสูรจะไม่บุกเลย ก็มีความเป็นไปได้อยู่ว่าอสูรเทียร์สูงอาจจะไปบุกที่นั่น ถึงมันจะน้อยก็เถอะ
“กลับไปเถอะ ฉันว่าทางนี้รับมือได้อยู่แล้ว” โอวี่ว่า “บางครั้งสาเหตุที่อสูรเทียร์สูงจะบุกก็ไม่ใช่แค่เพราะขนาดของเมือง แต่มันมีเป้าหมายอื่นด้วย เช่นการตามหาคน สมัยนั้นมันเคยตามล่าหุ่นที่มี HOPE System ด้วย” ใบหน้าที่เป็นจอภาพรูปวงกลมของเขาขึ้นขีดวิ่งไปมา อาจจะแสดงถึงการประมวลผลก็ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้หุ่นที่มี HOPE System อยู่ที่เดียวกันนอกเมืองไม่ดีกว่าเหรอ ให้อยู่ตามเมืองก็จะกลายเป็นเสี่ยงหรือเปล่าคะ” ถ้าแบบนั้นก็เหมือนหุ่นยนต์เป็นตัวล่อให้พวกอสูรมาน่ะสิ
“เธอรู้ไหมว่าเรื่องนี้เขาเถียงกันมาตั้งแต่สมัยนั้น แต่ไม่มีใครหาคำตอบได้เลย เพราะถ้าจะเอาหุ่นที่มี HOPE System ไว้นอกพื้นที่อาศัย ก็จะทำให้พื้นที่เมืองอ่อนแอ พวกอสูรทำลายได้ง่ายอยู่ดี ถ้าจะถามความเห็นส่วนตัว ฉันว่ามีหุ่นไว้ก็ยังดีกว่าไม่มีนะ” โอวี่โบกมือเหมือนจะให้พวกเรารีบกลับกันไปได้แล้ว
“ฉันเห็นด้วยค่ะ” เจนยกมือ “ถ้าอย่างนั้นเราเตรียมตัวกลับกันเลยดีกว่า ปล่อยกลุ่ม 16 ไว้กับคุณไวท์คนเดียวน่าสงสารแย่”
“โอเค ถ้างั้นก็ลาก่อนนะคะคุณโอวี่ ฝากบอกลาคุณปู่ด้วยนะคะ” ฉันพูดอย่างสุภาพ แต่ความจริงแล้วถึงแม้จะได้รู้จักกับโอวี่ไม่กี่วัน แต่ก็รู้สึกสนิทกับหุ่นโดรนตัวนี้มากกว่าที่คิด อาจจะเป็นเพราะต้องฟังพอดแคสต์ที่เจนคอยเปิดกรอกหูอยู่แทบทุกวันก็ได้ โอวี่ยกมือเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่จะกลับไปทำงานง่วนต่อ ฉันแอบคิดถึงพอดแคสต์ตอนใหม่ ฟังมาหลายๆ ตอนก็เริ่มจะติดแล้วเหมือนกัน
การเดินทางกลับเต็มไปด้วยความเงียบผิดจากขามา ที่ถึงแม้เจนจะอยู่บนรถยนต์กับทาคุมิแต่ก็ขยันส่งข้อความหรือไม่ก็โทรมาตลอด แต่เที่ยวนี้ดูความถี่จะลดลงมาก ถึงแม้จะยังมีติดต่อมาบ้าง แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่านั่นเป็นเพราะความเป็นห่วง ไม่ได้จะอยากชวนเมาท์เหมือนทุกที เจนคงจะมีเรื่องให้คิด เช่นเดียวกับฉันที่ยังมีเรื่องของเนสก้า…
เรายังคงต้องพักแรมกลางทาง แต่บรรยากาศของการแคมปิ้งไม่ได้สนุกเหมือนเดิม ดูเหมือนทุกคนมีเรื่องให้คิด ฉันเองก็อยากให้ความคลุมเครือพวกนี้มันหมดไปเร็วๆ เหมือนกัน ความอบอุ่นที่สัมผัสได้จากแคมปิ้งครั้งที่แล้วยังอยู่… และจูบนั่นก็ด้วย
ตอนที่เราเข้าไปนอนในเต็นท์กันสองคน เจนไม่ได้รุกเข้าหาฉันอีก เพียงแต่กอดฉันไว้เหมือนเด็กคนหนึ่ง ฉันลูบเรือนผมสีทองสลวยนั้น ในใจคิดไปต่างๆ นานา
รุ่งเช้าพวกเราออกเดินทางกันต่อ จนในที่สุดก็เห็นกลุ่ม 16 อยู่ไกลๆ มีหุ่นยนต์ที่เราคุ้นเคยยืนอยู่เบื้องหน้า ปกติคุณไวท์ไม่ได้ออกลาดตระเวนแบบนี้นี่นา หรือว่าจะมีสัญญาณอสูรรุกราน ฉันดูที่หน้าจอ แต่ก็ไม่มีสัญญาณของอสูรเลย
[คุณแมรี่ คุณทาคุมิ อย่าเพิ่งเข้าไป ผมว่ามีอะไรแปลกๆ]
คุณเรดส่งข้อความมา ฉันหันไปทางเขา ชิลลี่หยิบปืนขึ้นมาถือ ดูท่าทางระมัดระวัง สัญชาตญาณของฉันบอกอะไรแปลกๆ จึงหยิบไรเฟิลขึ้นมาถือเช่นกัน
ทันใดนั้น เป็บเปอร์ก็พุ่งเข้ามา!