อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาวอารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก
แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง
นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!
ทาคุมินั่งอยู่ที่เวิร์กช็อปที่ได้รับการขยายพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อเป็นโรงเก็บหุ่นยนต์ชั่วคราว สายตาจับจ้องอยู่ที่สปาร์ก ชิลลี่ และเป็บเปอร์ที่ได้รับการซ่อมบำรุงและทำความสะอาดจนดูเหมือนใหม่อีกครั้ง หุ่นยนต์ใหม่ทั้งสี่ตัวอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่เขายังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งออกจะตรงข้ามกับความชอบเครื่องจักรเป็นชีวิตจิตใจของเขา นิ้วมือทั้งห้าของมือขวาจับอยู่ที่ส่วนบนของกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบ นี่ก็ขัดกับนิสัยของเขาอีกเช่นกัน ปกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบดื่มแอลกอฮอล์
“เฮ้อ” เสียงทอดถอนใจดังก้องไปในค่ำคืนที่ไม่มีใคร ความสูญเสียที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้อาจารย์เพียงผู้เดียวของแผนกช่างยนต์ไม่มีกะจิตกะใจจะทำสิ่งที่เคยชอบ เขายกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้ง
เส้นทางที่นายเลือกมันย้อนกลับมาไม่ได้แล้วนะ ควาเม
กระป๋องเบียร์ที่ว่างเปล่าถูกวางชิดกับเพื่อนๆ ของมันอีกสี่ห้ากระป๋องที่เพิ่งหมดไปก่อนหน้านี้ ก่อนจะมีเสียงเปิดกระป๋องใหม่ดังขึ้นอีก
…………….
หนึ่งปีหลังเกิดเหตุอสูรถล่มฐานทัพของหน่วย Protector ที่ฟลอริดา
ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยจากอสูร นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
เด็กชายวัยสิบเอ็ดปีคนหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่บนผืนผ้าใบของเต็นท์ ไม่มีใครสนใจเขา และเขาเองก็ไม่ได้สนใจใคร
ถ้ามีเพื่อนแล้วจะต้องสูญเสียไป ฉันก็ไม่อยากจะมีใครอีกแล้ว
เสียงความคิดซ้ำๆ ที่แทบจะเป็นคำสั่งในการดำเนินชีวิตของควาเมดังขึ้นไม่หยุด ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมายังคงฉายชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่มีน้ำตาไหลออกจากดวงตา เด็กชายเคยร่ำร้องจนไม่เหลือน้ำตาอีกต่อไป
แม้ลุงโจจะยังคงรับผิดชอบเลี้ยงดูเขาต่อหลังจากที่แม่เสียชีวิต แต่เขาเองก็เพียงแต่หาอาหารและที่พักมาให้เท่านั้น ไม่ได้รับผิดชอบอะไรมากกว่านั้น ซึ่งก็ไม่อาจจะตำหนิลุงโจได้ แม้เขาจะเกลียดคนญี่ปุ่น เกลียดเนซึโกะ แต่ความรักที่เขามีให้กับแอนนี่… แม่ของควาเม คือของจริง การสูญเสียเธอสร้างความเศร้าอย่างสาหัสให้กับลุงโจไม่น้อยไปกว่าควาเม เขามักจะปิดบังมันไว้ด้วยหน้ากากของความไม่สนใจ แต่ใครๆ ก็รู้ว่าลุงโจยังทำใจไม่ได้ แค่รับผิดชอบอีกชีวิตที่ไม่ใช่ตัวเองก็นับว่าหนักหนาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการให้การศึกษาในภาวะสงครามอย่างนี้เลย
วันนี้ก็ไม่รู้ว่าลุงโจไปอยู่ที่ไหน อาจจะไปใช้แรงงานหนักให้เวลามันผ่านไปอีกวันเหมือนเดิมกระมัง
จ๊อกกกก
ริมฝีปากของเด็กชายเหยียดยิ้ม แม้จะเศร้าเสียใจสักปานใด แต่ท้องก็ต้องหิว กระเพาะยังทำหน้าที่ของมันโดยไม่สนใจความรู้สึกของเจ้าของ เขาลุกขึ้นยืน เดินโซซัดโซเซไปยังเต็นท์แจกจ่ายอาหาร
“โอ๊ย!”
ร่างผอมแห้งที่ขาดสารอาหารของเขาล้มกระแทกพื้น ในภาพเบลอๆ ที่เขามองเห็นคือขาผอมๆ ของเด็กชายที่น่าจะอายุน้อยกว่าตัวเองสักปีหนึ่งหรือสองปี… ทั้งที่เป็นฝ่ายชนเขา เด็กคนนั้นกลับยืนร้องไห้ ใช้มือทั้งสองข้างป้ายน้ำตา
“ฮือๆๆ พี่เค้า… พี่เค้าคงเจ็บแย่”
“ก็ไปดูพี่เค้าสิลูก ขอโทษเค้าด้วยนะ” เสียงทุ้มต่ำใจดีของผู้ใหญ่ดังขึ้น ควาเมเงยหน้าขึ้นดู เห็นเป็นชาวเอเชียท่าทางภูมิฐาน เขาสวมเสวตเตอร์แขนสั้นสีเขียวอ่อนทับเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแลคที่เทาอ่อน ส่วนลูกชายใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินกับเสื้อโปโลลายทางสีขาวตัดกับส้ม
“ไปสิทาคุมิ” เสียงนั้นย้ำอย่างอ่อนโยนอีกครั้งเมื่อลูกชายยังไม่หยุดสะอื้น
ทาคุมิ คนญี่ปุ่นเหรอ
“ขอโทษครับ” ทาคุมิยื่นมือเล็กๆ มาให้เขาจับแบบแหยๆ ควาเมลังเลเล็กน้อย เขาไม่อยากเริ่มความสัมพันธ์กับใครอีก แต่เด็กชายก็มีมารยาทพอที่จะไม่เย็นชากับเด็กคนนี้ เขาจับมือทาคุมิแล้วลุกขึ้น
“ผมไม่เป็นไร” เขาพูดเบาๆ ภาพของเนซึโกะซ้อนทับขึ้นมา เด็กชายพยายามจะรีบเดินจากไปให้เร็วที่สุด แต่ด้วยความหิวทำให้เขาหน้ามืด ล้มลงอีกครั้ง
คราวนี้เป็นอุ้งมือใหญ่ที่อ่อนโยนที่ยื่นมาช่วยเขา แม้จะไม่หยาบกร้านเหมือนของลุงโจ แต่ควาเมก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแรง ผู้ชายคนนี้แม้จะดูเหมือนเป็นนักวิชาการ แต่ก็เป็นนักวิชาการที่น่าจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทีเดียว
ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงคิวแจกจ่ายอาหาร ผู้ชายคนนั้นให้ควาเมกับทาคุมินั่งรอ เมื่อเขานำอาหารกลับมาให้ เขาแนะนำตัวว่าชื่อซาโต บุนตะ เป็นวิศวกรเครื่องยนต์ บ้านของครอบครัวซาโตอยู่ในชุมชนที่ถูกอสูรรุกราน แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ตอนนี้พวกเขาจึงมาอยู่ที่ศูนย์พักพิง และด้วยความรู้ของบุนตะ เขาต้องไปให้คำแนะนำด้านเครื่องยนต์กลไกกับพวกทหารในบางครั้ง
“แต่เห็นพวกทหารว่ามีโปรเจคพิเศษที่กำลังหาคนมีทักษะด้านการสร้างหุ่นยนต์รบอยู่ด้วย เห็นว่าชื่อโปรเจค HOPE System อะไรนี่แหละ”
HOPE System ชื่อนี้ที่ทำให้แม่กับเนซึโกะต้องตาย!
แววตาของเขาเปลี่ยนไปทันที เด็กชายกำหมัดแน่น ทาคุมิที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นเขาก็ตกใจถึงกับทำขนมปังในมือหล่นลงที่พื้น เด็กน้อยน้ำตาคลอเบ้า
“พี่… พี่เค้า”
ควาเมถึงรู้สึกตัว พยายามปรับอารมณ์ เปลี่ยนจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเร็วให้กลับมาเป็นปกติ… ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเสียหน่อย เขาจะไปทำอะไรที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับเรา
“ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวพ่อกลับไปเอาให้ใหม่”
บุนตะเดินจากไปแล้ว ทาคุมิยังรู้สึกกลัวที่ต้องอยู่กับควาเมตามลำพัง ทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีก
“大丈夫よ、匠海くん。ねぇ、匠海くんはどんなマンガが好き?” (ไม่เป็นไรนะ ทาคุมิคุง นี่ ทาคุมิคุง นายชอบการ์ตูนแบบไหน”)
“ภาษาญี่ปุ่นนี่… นอกจากคุณพ่อกับคุณแม่ ที่นี่ไม่มีใครพูดภาษาญี่ปุ่นกับผมเลย”
“ฉันเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาบ้างน่ะ” ภาพของเนซึโกะปรากฏในหัวอีกแล้ว “ทาคุมิยังไม่ได้ตอบเลยว่าชอบการ์ตูนเรื่องอะไร เรื่องลูกหมาจมูกเลื่อยชอบไหม”
“ชอบสิครับ มันเป็นการ์ตูนเก่าแล้ว แต่เนื้อเรื่องไม่เคยเก่า” ทาคุมิตาเป็นประกายทันที เขาพูดถึงการ์ตูนที่ชื่นชอบ ไม่ใช่แค่เรื่องหมาจมูกเลื่อย แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ อย่างเสาหลักกำจัดอสูร และหมัดเดียวจอดอีกด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วตอนนั้นหมัดเดียวจอดมาถึงก็ต่อยหมัดเดียวกระจาย” ทาคุมิหัวเราะเสียงใส เหมือนกับว่าเขาจะลืมที่เคยจะร้องไห้เมื่อสักครู่ บุนตะถือขนมปังอีกชุดเดินกลับมา เขาเห็นลูกหัวเราะก็ยิ้มออก
“คุยอะไรกันสนุกเชียว”
“เรื่องการ์ตูนน่ะครับ คุณพ่อ พี่ควาเมเค้าพูดภาษาญี่ปุ่นกับผมด้วย” ทาคุมิว่า ควาเมเพียงแต่ยิ้มรับ เขาได้กินอาหารไปบ้างแล้วระหว่างที่พูดคุยกับทาคุมิ จึงรู้สึกดีขึ้น
“พูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยเหรอ เก่งนี่ แล้วพักอยู่เต็นท์ไหนล่ะ ให้น้าไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว” ควาเมลุกขึ้นยืน พวกเขาสามคนเดินออกจากเต็นท์แจกจ่ายอาหารไปพร้อมกัน
“พรุ่งนี้มาคุยกันอีกนะครับ พี่ควาเม!” ทาคุมิโบกมือให้กับเขา ควาเมโบกมือตอบช้าๆ ก่อนจะลดมือลง
แววตาของเด็กชายเปลี่ยนไป เขาเหยียดยิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่น่าสะพรึง เขามองตามพ่อลูกคู่นั้นเดินจากไปโดยไม่กะพริบตา