ก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน
ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,เล่าประสบการณ์,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แปะจะเป็นอินฟลูฯก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน
โลกยุคนี้ มันเป็นยุคของ อินฟลูเอ็นเซอร์ นั่นก็คือบุคคลที่มีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
อินฟลูเอ็นเซอร์ จะมีผู้ติดตามมากมายซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีส่วนร่วมในเนื้อหาที่พวกเขาพูดเป็นประจำ อินฟลูฯ มีมากมายหลายหมวด ไม่ว่าจะเป็นหมวดการท่องเที่ยว สายทำอาหาร สายวิชาการ สายบันเทิง สายสุขภาพ
แต่ผมจะเป็นอินฟลูฯ สายไหนกันดีนะในเมื่อตัวผมเองก็ไม่เก่งอะไรสักอย่าง....เห้อ
โดย Chavaroj
"รอคอยเธอมาแสนนาน ทรมานวิญญาณนักหนา ระทมอยู่ในอุรา แก้วกานดาฉันรอเธอผู้เดียววววฯ"
เสียงเพลงเก่าตั้งแต่ปีมะโว้ ชนิดที่มีมาก่อนที่ธรรมจะเกิด ร้องคลอรับส่งกันด้วยเสียงของป๊ากับม๊า หวานเสียไม่มี ม๊ายิ้มปนเขิน ส่วนป๊าก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม เหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันเสียนี่กระไร ไม่นึกถึงหัวอกคนที่ชีวิตเอาแต่เฝ้ารอใครคนหนึ่งอย่างธรรมที่ ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับคู่รักวัยกลางคนตรงหน้าเสียเลย
"เพลงนี้เนี่ยนะ ตั้งแต่สมัยอาม่ายังเอ๊าะ ๆ ตอนโน้นจริยาเล่นละครกับฉัตรชัย หืมสมัยนั้นฉัตรชัยยังหล่อ หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว จริยายังไม่มีลูกไม่มีผัว แต่ก็จะว่าไปนะ ตอนนี้จอห์นนี่ก็ยังหล่อนะ ม๊าเห็นแว๊บ ๆ" ม๊าอธิบายกับหลานสาวซึ่งหัวเราะกิ๊ก เพราะคงขำอากงกับอาม่าที่ร้องเพลงประสานกัน
"แล้วฉัตรชัยกับอากงล่ะคะ ใครหล่อกว่ากัน" นังตัวแสบชง ไอ้ที่ถามน่ะรู้จักเหรอว่า ฉัตรชัยน่ะคือใครฮึ ธรรมเองยังเห็นฉัตรชัยแค่แว้บ ๆ เพราะจากดารานักแสดง พ่อก็ผันตัวไปเป็นผู้สร้างเสียแล้ว ถ้าเล่นละครก็ต้องรับบทพ่อ บทลุง เป็นพระเอกแบบสมัยก่อนไม่ได้อีกแล้วละ
"มันก็ต้องอากงอยู่แล้วสิปัดโธ่" ป๊าพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
"ใช่มั๊ยล่ะจ๊ะเธอ" แน่ะยังหันไปถามความเห็นม๊าซะด้วย ม๊าก็เบ้ปาก แต่ก็พยักหน้าอือออ ยายตัวแสบซึ่งยิ่งวันก็ยิ่งทวีความแสบ ก็เลยพยายามจะร้องเพลงคลอไปกับเขาด้วย เพราะจอแอลอีดี ซึ่งเปิดเป็นคาราโอเกะ เลยทำให้เด็กหญิงวัยประถมสาม พอจะดำน้ำร้องเพลงไปกับคนรุ่นตายายได้
พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปงานเช็งเม้ง ปีนี้เหงาหน่อยที่ไม่มีไอ้ธงมาด้วย อีนี่มันเป็นคนใจแข็ง มันเคยประกาศไว้ในปีหนึ่งว่าจะไม่มางานเช็งเม้งอีกแล้ว เพราะโกรธพวกญาติ ๆ ฝ่ายป๊า แล้วมันก็ไม่มาจริง ๆ ส่วนธรรมในความเป็นลูกคนกลาง ก็เลยค่อนข้างจะประนีประนอม อีกอย่างอยู่บ้านคนเดียวก็เบื่อ เพราะอีธงมันเปิดร้านของมันแล้ว สู้มาเที่ยวกับป๊าม๊าแล้วก็หลานดีกว่า
และขากลับจะได้เป็นคนขับรถให้ป๊าด้วย เพราะขับรถนี่มันก็เหนื่อยเอาเรื่องให้ป๊าขับไปขับกลับก็เห็นใจคนแก่ ป๊าขอเป็นคนขับตอนขามาเพราะอยากจะรับลมเย็น ๆ ตอนเช้า ๆ ก็พวกเราออกกันมาตั้งแต่เช้ามืด ยายหนูดีกลัวไม่ได้มาด้วยมานอนค้างกับอากงอาม่าตั้งแต่เมื่อคืนเลยทีเดียว
ปีนี้ก็ยังเหมือนเดิม ธรรมนึกอิจฉาอีธงอยู่ในใจหน่อย ๆ แต่ธรรมก็ไม่ใช่คนใจแข็งพอที่จะปล่อยให้ป๊ามากับม๊าโดยลำพังไม่ได้ อย่างน้อยมากันอีกคน เรื่องราวน่ากระอักกระอ่วนสำหรับป๊าและม๊าก็จะได้น้อยลงหน่อย คนแก่ ๆ พวกนี้ธรรมเคยแอบนินทาว่าช่างหนังเหนียวตายยากชะมัด
พวกเรารีบไหว้บรรพบุรุษแล้วก็รีบลา เหมือนทุก ๆ ปีที่หลังจากไหว้แล้ว ก็จะพากันมาเล่นน้ำทะเลที่หาดนางรำ เพียงแต่ที่ไม่เหมือนก่อนก็คือ ปีนี้ไม่มีใครเล่นน้ำทะเลอีกแล้ว ยายหนูดีเริ่มเป็นสาว ทั้ง ๆ ที่หล่อนอยู่ประถมสามกำลังจะขึ้นประถมสี่นี่ล่ะ
"นั่งเล่นอยู่ใต้ร่มต้นสนนี่แหละค่ะ หนูดีกลัวตากแดดแล้วผิวเสีย" ดูนังตัวแสบมันพูด ส่วนความสุขของป๊ากับม๊าก็คือ การนอนเล่นบนเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาดที่เขามีให้เช่า นอนเล่นโทรศัพท์มือถือบ้าง นอนคุยกันบ้าง ธรรมนึกเบื่อก็เลยเดินจูงมือหลานลัดเลาะไปตามถนนเลียบชายฝั่งซึ่งมีร่มของต้นสนให้ความร่มตลอดแนว
"แปะขา เมื่อคืนก่อน หนูดีดูซีรีส์จีนกับม๊า สนุ๊กสนุก" ยายตัวแสบเริ่มการสนทนา
"เรื่องอะไรล่ะจ๊ะ" ธรรมถามอย่างนึกเอ็นดู ยิ่งวันยายหลานสาวก็ยิ่งเหมือนแม่ของมัน ฉอเลาะ คุยเก่ง และกะล่อน นังธารมันแสบจะตายไม่อย่างนั้นจะจับผัวมันได้ยังไง ว่ากันไม่ได้ ผัวนังธรรมถึงมันจะดูบื้อ ๆ แต่ความรวยของมันก็เป็นที่ต้องตาต้องใจของสาว ๆ ไม่ใช่น้อย นังธารต้องใช้มารยาหลายเล่มเกวียนกว่าจะจับไอ้หมอนี่ได้อยู่หมัด
"เรื่องมังกรหยกค่ะ แต่เป็นภาคสองนะ ที่พระเอกชื่อเอี้ยก้วย ที่แขนขาดน่ะค่ะ หนูดีดูตั้งแต่ภาคแรกที่เป็นก๊วยเจ๋งอึ้งย้ง ม๊าให้ดูได้แค่วันละตอน" หลานสาวคุยเจื้อยแจ้วส่วนธรรมก็เดินฟังอย่างใจลอย
"แปะก็เคยดู" ธรรมตอบหลาน แต่ในใจไพล่ไปพูดกับตัวเองว่าใครกันนะจะไม่เคยดู สร้างมาเป็นสิบ ๆ หนแล้วล่ะมั้ง ทั้งหนังทั้งละคร ของเขาดีจริง ๆ ว่าอย่างนั้น และเดาเอาว่า ถึงยายหนูดีโตเป็นสาว มังกรหยกก็จะถูกสร้างอยู่เรื่อยไป ตราบใดที่คนยังชอบนิยายกำลังภายใจ แม้ว่าธรรมจะเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือก็เถอะ
"แต่น่าสงสารพระเอกนะคะ แขนขาดแล้วยังต้องรอเซียวเล้งนึ้งตั้งหลายปี ต้องไปรอที่หน้าผา...เห้อ เป็นหนูดีนะ ไม่รอหรอก หาผัวใหม่ไปแล้ว" ยายตัวแสบนี่มันแสบจริง ๆ ไหมเล่า
"เป็นเด็กเป็นเล็กริจะมีผัวแล้วรึ" ธรรมแกล้งทำเสียงดุ ส่วนยายตัวแสบแลบลิ้นซะยาว พอโดนดุทีไรก็ทำหน้าตลก ใครจะไปโกรธลง
พักผ่อนกันพอหายเหนื่อยตามด้วยกินอาหารอร่อย ๆ อีกมื้อ มื้อนี้ธรรมเป็นเจ้ามือเอง ไม่ลืมที่จะแวะไปซื้อของทะเลที่ตลาดหนองมน ยายตัวแสบเดินจูงมืออาม่าไปซื้อของโน่น ส่วนป๊าก็เดินหายไปทางไหนก็ไม่รู้ ธรรมเองก็เลือกเข้าคาเฟ่กาแฟเย็น ๆ ดื่มและนั่งรถ ต้องได้คาเฟ่อีนสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวขับรถจะง่วง ยิ่งขากลับใคร ๆ ก็หลับกันหมดธรรมต้องขับรถคนเดียวจึงต้องตื่นตัวสักหน่อย
คาเฟ่นี้เพิ่งเปิดใหม่ ธรรมไม่รู้ล่ะว่ามันจะอร่อยไหม แต่ม๊าลองได้แวะตลาดน่าจะใช้เวลาพักใหญ่ ยายหนูดีก็ท่าจะได้เลือดจากอาม่าและจากแม่ของมันมาเต็ม ๆ ชอบจริง ๆ ไอ้การเดินตลาดซื้อของเนี่ย ส่วนธรรมเบื่อจะตาย
จะนั่งคาเฟ่แล้วกินแต่กาแฟก็จะกระไร ธรรมก็เลยเลือกสั่งขนมมากินด้วยอีกหนึ่งอย่าง ธรรมเป็นคนชอบกินช็อกโกเลต จะขนมอะไรก็เถอะ ลองได้มีสีดำ ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ ธรรมชอบหมด จริง ๆ ร้านนี้เขาก็มีขนมไทย ๆ ด้วยแต่ธรรมยังไม่ได้นึกอยากกิน
แอร์เย็นฉ่ำ สู้กับอากาศร้อน ๆ ด้านนอกร้านอย่างสุดชีวิต ธรรมนั่งตรงเก้าอี้ริมหน้าต่างมองคนที่หนาตาเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ดูก็รู้ว่าที่เดินขวักไขว่เป็นคนกรุงเทพฯ กันเกือบทั้งนั้น มองคนที่เดินไปเดินมาอย่างใจลอย จิบกาแฟแสนขนแต่ทิ้งความหอมไว้ในโพรงจมูก ต้องยอมรับว่ากาแฟเจ้านี้ใช้ได้แฮะธรรมคิดในใจ
ใช้ช้อนส้อมคันเล็ก ๆ ตักขนมเข้าปาก หวาน หอม รสหวานกระจายไปทั้งโพรงปาก รสแบบนี้ มันกระตุ้นให้ธรรมรู้สึกถึงรสสัมผัสจากใครสักคน นานแค่ไหนแล้วหนอที่เขาหายไป ติดต่อก็ไม่ได้ ทิ้งให้ธรรมได้แต่สงสัยว่าเขาหายไปไหนกันนะ
จะทิ้งธรรมไปหรืออะไรธรรมก็ไม่ว่า อย่างน้อยธรรมก็ขอให้ตนเองได้รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีประการใด แต่นี่คือหายไปเลย หายราวกับตายจากกันไปแล้ว
"จิม" ธรรมเผลอเรียกจิมมี่เบา ๆ อย่างใจลอย มือข้างหนึ่งเท้าคาง ด้วยเป็นคนติดการถ่ายรูป ธรรมโพสต์รูปตัวเองกำลังกินขนม ติดแฮชแทก #ช็อกโกแลต ในรูปด้วย และธรรมก็คิดไปสารพัดว่าจิมมี่ตอนนี้จะอยู่ส่วนไหนของโลกกันนะ
ธรรมไปตามหาจิมมี่ที่บ้านหลายครั้ง บ้านของจิมมี่ปิดตาย หญ้าขึ้นรก และต้นไม้ต้นไร่ที่เจ้าตัวบรรจงปลูก แห้งตายไปหมดสิ้น จะมีก็พวกต้นไม้ยืนต้นที่ยังคงอยู่รอด แต่บางต้นที่สู้ไม่ไหว ก็ยืนแห้งตายจนราวกับบ้านร้าง
ธรรมไม่อยากเข้าไปในบ้านนั้นถ้าจิมมี่ไม่อยู่ บอกตรง ๆ ว่าเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ด้านหนึ่งของบ้าน มันมีอะไรบางอย่างที่ธรรมคิดว่า "เป็นพลังงานไม่ดี"
จะเรียกว่าผี ธรรมก็ไม่เคย แต่ธรรมรู้สึกอึดอัดถ้าต้องอยู่ตรงนั้นคนเดียวลำพัง เหมือนอยู่ข้าง ๆ คนที่คอยจ้องมองเราและเอาแต่เกรี้ยวกราดด่าทอ แต่ธรรมไม่เคยพูดกับจิมมี่หรอกนะ ไปบ้านเขาจะไปตำหนิบ้านเขาได้อย่างไร
คิดอะไรเพลิน ๆ ธรรมก็มองไปที่ฟุตบาท คนเดินกันขวักไขว่ไม่มีทีท่าว่าจะร้อน แต่ธรรมก็เห็นเงาด้านหลังของใครคนหนึ่ง ผมยาวถึงกลางหลัง ไม่ใช่ผู้หญิงเพราะกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่ง ความสูงขนาดนี้ ท่าทางการเดินแบบนี้ นั่นมันจิมมี่ชัด ๆ
ธรรมรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจขนมที่กินเข้าไปได้เพียงสองคำ กับกาแฟที่เหลืออีกตั้งครึ่งแก้ว เขาวิ่งพรวดพราดออกมา เห็นหัวของจิมมี่อยู่ไม่ไกล แต่คนก็พากันเฮละโลเดินฝ่าธรรมมาจนธรรมอยากจะกวาดไอ้ผู้คนที่เดินกันเหมือนมดปลวกพวกนี้ให้หายไปให้หมด
แต่ธรรมก็เป็นคนพิเศษ จะให้คนมาเบียดเนื้อเบียดตัวโดยปกติธรรมจะไม่ทำเป็นอันขาด แต่ตอนนี้เวลานี้ นาทีนี้ ถ้าธรรมไม่ไขว่คว้าหาใครที่ธรรมรอมาเป็นแรมปี แล้วเขาหายไปจากธรรมอีกล่ะ หรืออย่างน้อยถ้าจะหายกันไปจริง ๆ ธรรมก็อยากจะได้พูดคุยอะไรกับเขาอีกสักหน่อย
ทุกการสัมผัสเบียดกันจนธรรมแทบเป็นบ้า รสบ้าคลั่ง และกลิ่นแปลกพิสดาร ฟุ้งไปทั้งโพรงจมูกและโพรงปาก แต่ธรรมไม่สนใจรสชาติเหล่านั้นแล้ว โชคดีที่ธรรมเป็นคนตัวสูง มองเห็นหัวทุย ๆ ที่มีผมยาวสลวยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ธรรมรีบสาวเท้าเดิน จนเกือบจะถึงแค่มือคว้า
แต่ธรรมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขา เรียกอยู่ซ้ำสอง จนธรรมต้องหันไปมอง
"ธรรมเอ๊ย" เสียงม๊านั่นเอง ธรรมเห็นสายตาม๊าที่มองเขา มันแฝงไปด้วยความเป็นห่วง และตกใจ ม๊ารู้ว่าปกติธรรมจะไม่ยอมให้ใครสัมผัสเนื้อตัวง่าย ๆ อะไรกันหนอทำให้ธรรมยอมมาเดินเบียดคน สายตาของม๊าซึ่งเต็มไปด้วยคำถามมองมาทางลูกชาย
"แป๊บนึงนะม๊า" ธรรมตอบอย่างรวดเร็วและพยายามสาวเท้า แม้แต่เสียงของยายหนูดี ที่ตะโกนเรียกเขา ก็ไม่อาจมีน้ำหนักพอให้เขาต้องหยุดเดินไปเบื้องหน้า
"ขอโทษครับ ขอโทษ" ธรรมพร่ำพูดซ้ำ ๆ เพราะคนข้างหน้าเดินช้าเสียจริง มันไม่ทันใจเอาเสียเลย ธรรมนึกสงสัยว่าปกติเขาไม่เคยใช้น้ำเสียงนี้ไม่ว่ากับใคร มันดูดุดันชะมัด จนในที่สุดธรรมก็ห่างจากจิมมี่แค่ก้าวเดียว และเมื่อมือของธรรมคว้าไปแตะที่บ่าของจิมมี่
"What ?" เสียงบ่นอย่างค่อนข้างโมโห ก็ธรรมเล่นคว้าไหล่ของเขาเสียเต็มแรง ผู้ชายต่างชาติซึ่งเมื่อหันหน้ามามองธรรมอย่างดุ ๆ ทำตาเขียวใส่ธรรม ดูแล้วเขาเป็นคนเอเชีย ไม่ฮ่องกงก็ไต้หวัน
"ซอรี่ ๆ ขอโทษครับ" ธรรมพูดและพยายามส่งยิ้มแหย ไอ้กร๊วกนั่นสบถด่าธรรมเป็นภาษาจีน ไม่ต้องแปลกันละ แต่สำเนียงแบบนี้คงด่าธรรมอะไรสักอย่าง ธรรมยืนอึ้งจนมีเสียงดังจากด้านหลัง บ่นให้ธรรมเดินไปสักทีเพราะเขายืนเกะกะขวางทาง
"ขอโทษครับ" ธรรมพูดพร้อมกับขยับขาเดินห่างออกมาจนมายืนอยู่ที่ถนน เพื่อจะได้ไม่โดนตัวผู้คน ธรรมถอนหายใจออกมาแรง ๆ ใจของธรรมเต้นแรงไม่เป็นส่ำ จะว่าดีใจก็ดีใจ เพราะถ้าคนที่ธรรมเจอเมื่อตะกี้ถ้าเป็นจิมมี่จริง ๆ ธรรมก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่พอไม่ใช่จิมมี่ธรรมก็ใจหาย ดูจากข้างหลังเหมือนกันอย่างกับแกะ คนเราพระเจ้าจะสร้างให้เหมือนกันอะไรขนาดนี้
"ธรรมเจอคนรู้จักน่ะ" ธรรมอธิบายให้ม๊าฟังเมื่อม๊าพยายามซักว่าธรรมรีบเดินไปหาใคร หมดคำพูดจะเอ่ยปกติธรรมก็ไม่ใช่คนช่างพูดเหมือนพี่สาวน้องสาวอยู่แล้ว ม๊าร่ายยาวว่าซื้ออะไรมาบ้าง ส่วนป๊าที่ตอนนี้ทิ้งตัวอยู่เบาะหลังโดยมีหลานสาวนอนหนุนตักก็คุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งสองคน
ธรรมบอกให้ม๊าเอนเบาะลงหน่อย และไม่นานในรถก็เงียบจากเสียงคุย ม๊าซึ่งคงเพลียแดด แต่ยังไม่หลับ เพลงยุคปลายแปดศูนย์ต่อเก้าศูนย์ เปิดคลอเบา ๆ ม๊านั่งหลับตาฮำเพลงอย่างสบายใจ ธรรมเหลือบมองที่กระจกมองหลัง ยายหนูดีหลับไปบนตักอากงเรียบร้อยแล้ว ส่วนป๊า ก็กำลังนั่งสัปหงก
กว่าจะถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม ที่บ้านเปิดไฟอยู่แสดงว่าอีธงกลับถึงบ้านแล้ว กว่าจะขนข้าวของลงจากรถ และนังธารนกรู้ก็อยู่ในบ้านซะด้วย ข้ออ้างคือมารับลูก แต่ธรรมว่ามันมาเอาของฝากมากกว่า
จนถึงค่ำคืนนั้นที่ธรรมทิ้งตัวนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ภาพของเงาด้านหลังผู้ชายคนนั้น คนที่แสนเหมือนกับจิมมี่ คนที่ธรรมเอาแต่รอนับเวลา คนที่หายไปจากชีวิต ทำให้ธรรมถามตัวเองว่า เมื่อไรธรรมจะได้ข่าวจากเขาอีก นึกแล้วก็สมเพชตัวเอง เหมือนหมากับเงา ได้แต่มองไม่ได้เจอของจริง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ธรรมคงไม่นอน ธรรมคงรีบบึ่งบิ๊กไบค์ไปที่หน้าบ้านของจิมมี่แล้ว ไปดูให้เห็นกับตา ว่าเขากลับมาแล้วหรือยัง จะถามจากข้างบ้าน แต่อนิจจาธรรมเป็นคนชวนคุยไม่เก่ง แถมบ้านในซอยของจิมมี่นั้น แต่ละบ้านก็ปิดกันทุกหลัง ไม่มีคนเดินขวักไขว่เหมือนซอยบ้านธรรม
นับสิบหนแล้วกระมังที่ธรรมต้องอย่างนั้น แต่คำตอบก็คือเหมือนเดิม จิมมี่ไม่อยู่ ไม่มีใครอยู่ บ้านปิดมืด เพราะโดนตัดไฟ มิเตอร์น้ำก็ถูกถอดไปแล้ว เขาไปอยู่ไหนกันนะ ธรรมถามตัวเองเป็นพัน ๆ ครั้ง และคืนนี้ธรรมไม่ลืมที่จะถามตัวเองอีก แต่ความร้อนรนถูกกระตุ้นได้เพียงนิดหน่อย อาจเพราะธรรมคิดถึงจิมมี่บ่อยเกินไปและผลลัพธ์ มันก็ยังซ้ำ ๆ เหมือนเดิม
ทำงานจนล่วงเลยมาเกือบสัปดาห์ จู่ ๆ ธรรมก็นึกอยากจะไปดูบ้านของจิมมี่อีกครั้ง เพราะบังเอิญว่างานวันนี้ธรรมต้องผ่านแถวนั้นพอดี ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผลที่ได้มันจะเหมือนเดิม แต่ธรรมก็ขอให้ได้ไปเห็นสักหน่อยก็ยังดี
บางครั้งธรรมก็สงสัยเหลือเกินว่า ทำไมเขาถึงลืมจิมมี่ไม่ได้กันนะ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ด้วยรูปร่างหน้าตาของธรรม จะหาใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เรื่องของหัวใจมันมักเป็นปริศนา
ใช่สิ ก็แม้แต่เอี้ยก้วยยังรอเซียวเล้งนึ้งได้เป็นสิบ ๆ ปี นี่สามสี่ปี ธรรมทำไมจะรอไม่ได้ ธรรมแอบขำกับคำตอบของตัวเอง และเมื่อบิ๊กไบค์กันเก่งของธรรมดับเครื่องลงที่หน้าบ้านของจิมมี่ ธรรมก็ใจสั่น แทบจะทำตัวไม่ถูก
ใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟที่ถูกทิ้งไว้ที่หน้าประตูหายไปแล้ว ประตูหน้าบ้านไม่ได้ปิดสนิท มันแง้มอยู่เล็กน้อย ธรรมสองจิตสองใจ จะเข้าไปในบ้านดีไหมนะ เกิดมีคนมาอยู่แทนจิมมี่ แล้วธรรมเข้าไปในบ้านเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่ความสงสัยเป็นฝ่ายชนะ ธรรมชะโงกดูก่อน เอื้อมมือไปกดกริ่ง แต่มันไม่มีเสียงดัง ปัดโธ่ก็ไฟถูกตัด กริ่งไฟฟ้ามันจะส่งเสียงได้อย่างไร
"ขอโทษนะครับ....มีใครอยู่ไหม?" ธรรมพูดเสียงไม่ดังมากนัก ก็ปกติเขาเคยตะโกนที่ไหนกันเล่า จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตะโกนเสียงดังก็คือตอนเด็ก ๆ ที่เล่นกับพี่น้องนั่นแหละ
"เงียบ" ไม่มีเสียงตอบรับ ธรรมยืนเก้ ๆ กัง ๆ แต่ได้ยินเสียงอะไรจากทางข้างบ้าน ตรงโซนที่เป็นเรือนที่จิมมี่อยู่ ตรงนั้นเคยเป็นลานเล็ก ๆ ซึ่งจิมมี่เคยปลูกต้นไม้ดอกไม้สารพัด ซึ่งบัดนี้มันถูกหญ้าขึ้นสูงท่วมถึงต้นขา
แต่เอ๊ะ ตรงด้านหนึ่งของลานอีกด้านของบ้าน มีกองหญ้าที่ถูกตัดกองอยู่ แสดงว่ามีคนมาทำอะไรกับบ้านหลังนี้แน่ ๆ ธรรมค่อย ๆ เดินไปช้า ๆ ด้วยใจที่สั่นรัว จนได้ยินเสียงเหล็กที่กระทบกับผืนดินเป็นจังหวะ อีกมุมหนึ่งของบ้านมีใครทำอะไรกันหนอ ธรรมนึกสงสัยและค่อย ๆ ก้าวช้า ๆ ระยะทางก็แค่ไม่กี่เมตรแต่สำหรับธรรมตอนนี้มันดูไกลเหลือเกิน ไกลจนธรรมรู้สึกได้ว่ามีเหงื่อไหลที่แผ่นหลังของเขา
ก้าวเดินจนเลยมุมบ้าน เงาร่างของผู้ชายคนหนึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ตรงนั้น เห็นจากด้านหลัง ก็คือจิมมี่แน่ ๆ เพียงแต่มันผิดตาตรงที่ผมของจิมมี่ที่เคยยาวถึงกลางหลัง บัดนี้มันถูกตัดสั้นจนเกรียน เขาไม่ได้สวมเสื้อ มีเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวเหมือนเดิม
ผิวที่เคยขาวจนเกือบจะเรียกได้ว่าซีด ตอนนี้มันเข้มขึ้นราวกับคนที่ตากแดดจนเรียกว่าเกรียมแดด จิมมี่ไม่ได้สวมรองเท้าอย่างทุกที ธรรมใจสั่น และรับรู้ได้ว่าน้ำตากำลังคอที่ลูกตา ก้อนจุกแข็งประหลาดจุกอยู่ที่คอ มันทำให้ธรรมส่งเสียงอะไรออกมาไม่ได้เลย
น้ำตาค่อย ๆ เอ่อจนธรรมมองร่างของจิมมี่ได้อย่างพร่าเลือน
"จิม.....จิมมี่" ธรรมเรียกชื่อของคนที่เขารอมาเนิ่นนาน คนที่เขาเอาแต่เฝ้าฝัน จนเมื่อร่างนั้นยืนตระหง่านขึ้นธรรมก็เดินเร็ว ๆ เข้าไปกอดไว้จนแน่น ธรรมอยากให้เวลานี้หยุดลง
จิมมี่จะได้ไม่หายไปจากเขาอีก เพราะเขาจะรั้งตัวจิมมี่ไว้ให้แน่นที่สุดอยู่ในอ้อมแขน จะโอบกอดไว้ไม่ให้หายไปไหน เพียงแต่ว่า สัมผัสของธรรมครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน
ยามเมื่อกอดจิมมี่ รสหวานหอมราวกับขนมในโพรงปากกลับไม่ได้ซาบซ่านเหมือนครั้งเก่า แต่รสที่เกิดในปากกลับกลายเป็นกลิ่นเค็มคาว รสนี้มันเป็นรสของเนื้อที่ถูกย่างจนสุก ไม่ใช่กลิ่นรสเดิมที่ธรรมเคยสัมผัสอีกแล้ว