ก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน

แปะจะเป็นอินฟลูฯ - 12 น้องธรรมของม๊า โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,เล่าประสบการณ์,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แปะจะเป็นอินฟลูฯ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,เล่าประสบการณ์,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

แปะจะเป็นอินฟลูฯ โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ



โลกยุคนี้ มันเป็นยุคของ อินฟลูเอ็นเซอร์ นั่นก็คือบุคคลที่มีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย


อินฟลูเอ็นเซอร์ จะมีผู้ติดตามมากมายซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีส่วนร่วมในเนื้อหาที่พวกเขาพูดเป็นประจำ อินฟลูฯ มีมากมายหลายหมวด ไม่ว่าจะเป็นหมวดการท่องเที่ยว สายทำอาหาร สายวิชาการ สายบันเทิง สายสุขภาพ 


แต่ผมจะเป็นอินฟลูฯ สายไหนกันดีนะในเมื่อตัวผมเองก็ไม่เก่งอะไรสักอย่าง....เห้อ

สารบัญ

แปะจะเป็นอินฟลูฯ-1 ลูกสาวท่านฑูต,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-2 Good Day,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-3 เพื่อนร่วมงาน,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-4 เพื่อนร่วมงาน 2,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-5 เพื่อนร่วมงาน 3,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-6 หวานเป็นลม,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-7 ขมเป็นยา,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-8 ไม่เที่ยง,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-9 รสชาติของการเติบโต,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-10 มูฟออน,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-11 โอกาส,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-12 น้องธรรมของม๊า,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-13 ช่างแอร์ในตำนาน,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-14 สัมผัสพิเศษ,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-15 เผิงโหย่ว,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-16 Side,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-17 ภาพลวงตา,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-18 ภาพหลอกตา,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-19 คนเดียวหัวหาย,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-20 เบื่อ,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-21 รอ,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-22 จักจั่น,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-23 ตามหา,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-24 พบเจอ,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-25 นิทานของแม่

เนื้อหา

12 น้องธรรมของม๊า

โดย Chavaroj




ไม่ทันที่นาฬิกาปลุกจะส่งเสียงแจ้งเตือน ธรรมก็ลุกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ด้วยว่าเคยชินเสียแล้วกับการตื่นแต่เช้ามืดแบบนี้ แถมตื่นอย่างสดชื่นเสียด้วย เพราะเจ้าตัวเข้านอนตั้งแต่เวลาสี่ทุ่ม หรือบางวันสามทุ่มธรรมก็หลับอุตุไปแล้ว


สาเหตุนั้นก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะการเข้านอนโดยปกตินั่นเอง เพื่อให้โกร๊ทฮอร์โมนหลั่งได้อย่างเต็มที่ ซึ่งผิดกับคนอื่น ๆ ซึ่งกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนตีหนึ่งเป็นอย่างน้อย ครั้นพอตื่นขึ้นมาเพื่อทำงานทำการก็ง่วงเพลียไปทั้งวันจนต้องกินชาหรือกาแฟเพื่อโด๊ปให้ตาสว่าง


และการที่เข้านอนได้และหลับไปอย่างว่องไว ก็ไม่ใช่อะไร ก็เพราะก่อนนอนเจ้าตัวกระโดดเชือกบ้าง หรือยกเวทบ้างจนเหงื่อไหลไคลย้อย ครั้นสามทุ่มกว่า ๆ อาบน้ำเสร็จ เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้งสนิทดี เป่าผมให้แห้งอีกนิดหน่อย ทาแป้งเย็นบริเวณที่คิดว่าจะอับชื้น เปิดแอร์เย็นฉ่ำ แล้วธรรมก็กระโดดขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มนวมอุ่น ๆ มาแนบตัวและหลับไปอย่างว่องไว


เช้ามืดวันนี้เป็นเวรที่ธรรมจะต้องตื่นไปช่วยม๊าจ่ายตลาด ซึ่งบางวันก็เบื่อ แต่บางวันก็นึกอยากไป ส่วนม๊านั้นจะมีลูกชายคนใดคนหนึ่งไปด้วยเป็นเหมือนบอดี้การ์ดอย่างนี้ทุกวัน หนึ่งเพื่อช่วยถือของ และสองก็คือช่วยกันคิดเมนูว่าเช้าวันนี้จะทำอะไรกินง่าย ๆ กันดี ซึ่งอย่างหลังสำคัญกว่า เนื่องจากทำอาหารทุกวัน ๆ มันก็มีตันกันบ้าง


พอมีคนมาช่วยคิด ช่วยแนะ ม๊าก็จะอยากทำอาหารอร่อย ๆ หรือไม่ก็อยากจะเอาใจหนุ่ม ๆ เพราะเกิดใจดีหรืออาจจะถูกหวยใต้ดินที่ม๊าแอบเล่นทุก ๆ กึ่งเดือน อันนี้ก็สุดจะรู้


"น้องธรรมเอ๊ยอย่าลืมลวกไข่ก่อนนะลูก" ม๊าที่ได้ยินเสียงธรรมลงมาจากห้องนอน ตะโกนบอก ขณะที่เจ้าตัวกำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ในห้องน้ำ


"จ๊ะม๊า" ธรรมรับคำอย่างว่าง่าย ก็มันเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว บ้านนี้กินไข่กันดุ เช้าขึ้นมาก็ต้องจัดไข่ลวกกันคนละสองฟอง แต่ธรรมเป็นข้อยกเว้น คือต้องได้ถึงสี่ เพราะฉะนั้นทุก ๆ เช้า ไข่จำนวนสิบฟองจะถูกหย่อนลงบนเครื่องต้มไข่ 


ไอ้เครื่องต้มไข่นี่มันก็ช่างแสนดี ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดขึ้นกันหนอ ธรรมเคยอยากจะให้รางวัลอะไรสักรางวัลแก่คนคิดประดิษฐ์ เนื่องจากมันทำให้ชีวิตไม่ยุ่งยาก แค่หย่อนไข่ เทน้ำให้ตรงกับถ้วยตวงที่เขาให้มา กล่าวคือถ้าใส่น้ำที่ระดับที่หนึ่ง เราก็จะได้ไข่ลวกเป็นยางกำลังดี 


เวลากินก็ตอกใส่ถ้วย ไข่เละ ๆ เหลวเป๋ว ก็จะเทตัวกันลงมานอนเขลงที่ก้นถ้วย ไข่แดงแตกก็ช่างปะไร เพราะเราไม่ได้จะเอาไปทำอะไรอื่น เหยาะพริกไทยจำนวนมาก และซอสแม็กกี้อีกจำนวนหนึ่งอย่าใส่เยอะเพราะการกินโซเดียมเยอะทำให้ตัวบวม แค่นี้ก็อิ่มอร่อย ได้โปรตีน และว่ากันว่า คนมีอายุกินไข่ลวกทุก ๆ วันทำให้อาการโรคสมองเสื่อมไม่มาแผ้วพาน ด้วยว่าสารอาหารอะไรสักอย่างที่อยู่ในรูปของไข่ลวก จะถูกดูดซึมไปใช้ในสมองได้ดีกว่าแบบต้มสุกแข็ง


ยังไม่จบกับเครื่องต้มไข่ที่ว่า ถ้าเราใส่น้ำในระดับที่สอง ก็จะได้ไข่ต้มยางมะตูม เนื้อไข่ขาวแข็งแต่หยุ่นนิด ๆ ส่วนไข่แดงเมื่อผ่าออกมาจะเยิ้มเหมาะแก่การทำไข่ต้มแล้วเอามาคลุกน้ำยำ หรือจะพลิกแพลงไปทำอะไรก็เข้าทีไปหมด


แต่ถ้าใส่น้ำในระดับที่สาม ซึ่งมากสักหน่อย เราก็จะได้ไข่ต้มสุกแข็งปั๋ง ซึ่งจะดัดแปลงเอาไปทำอาหารอื่น ๆ เช่นไข่ลูกเขย ไข่พะโล้ หรืออะไรอื่นสุดที่ม๊าจะคิดทำ แถมเมื่อใส่น้ำพร้อมเปิดสวิตช์ให้พร้อมแล้วก็เดินเฉิดฉายไปไหนต่อไหนได้เลยเพราะเมื่อน้ำหมด เครื่องก็จะตัดไฟโดยอัตโนมัติ สะดวกดายเป็นอันมาก เหมาะกับครอบครัวทันสมัยที่ชอบกินไข่ด้วยประการฉะนี้


ตะกร้าไม้ไผ่สานใบโต จะถูกแขนล่ำ ๆ ของธรรมถือส่วนมืออีกข้างก็จะคอยจับแขนของม๊าไปด้วย เพราะตลาดสดพระโขนงและตลาดสดอื่น ๆ ทั่วไทย มักจะมีพื้นเปียก ๆ และการที่หญิงสาวสวยวัยกลางคนจะเดินโดยแม้จะระแวดระวังตัวเป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็อาจจะล้มแผละก้นจ้ำเบ้าเอาได้ ดังนั้นการมีลูกชายหรือสามีมาช่วยประคองแขนจึงเป็นการระวังป้องกัน


"เด็กล้มโต ผู้ใหญ่ล้มตาย" ใครสักคนพูดกับธรรมแบบนี้ ซึ่งธรรมก็เห็นด้วยเป็นที่สุด เพราะเห็นมาเยอะแล้วว่าผู้ใหญ่สูงอายุ ถ้าลองได้ล้มเข้าล่ะก็ คราวนี้ล่ะเรื่องใหญ่ หนักหน่อยก็กระดูกหัก ซึ่งจะทำให้โรคภัยอื่น ๆ พากันแสดงตัว หรือสถานเบาก็ปวดเมื่อย มีรอยช้ำหรือแผลถลอก 


"ม๊ามีฝักบัวด้วยล่ะ" ธรรมพูดอย่างตื่นเต้นเพราะไม่ค่อยบ่อยที่จะเห็นแม่ค้าเอามาวางขาย แถมกองโตเสียด้วย


"น้องธรรมอยากกินหรือลูก?" ม๊าถาม และลูกชายก็ยิ้มรับ ม๊าก็ซื้อเสียมากมายกำหนึ่งมีฝักบัวสี่ถึงห้าฝัก ม๊าก็ซื้อมาเสียตั้งสี่ห้ากำ เล่นเอาแม่ค้ายิ้มแก้มปริ 


ฝักบัวนี้ไม่ใช่ว่าธรรมชอบกินอะไรนักหรอก แต่ไม่ได้กินนานก็เลยนึกอยากเฉย ๆ แถมเวลากิน ธรรมก็คิดว่ามันช่างกินยากกินเย็นเพราะต้องแทะเปลือกเหนียว ๆ และเวลาดึงออกมาจากฝัก ก็มักจะมียางเหนียว ๆ ติดมือ แต่ในเมื่อม๊าอยากเอาใจลูกชาย ม๊าก็มักจะใช้มีดปอกอย่างใจเย็น ใส่จานกองพูนแล้วลูกหรือผัวจะหยิบกินก็กินเอาตามชอบใจ ม๊าใจดีอย่างนี้ทั้งลูกทั้งผัวจะไม่รักอย่างไรได้


แต่ที่ธรรมรู้สึกได้ว่าม๊าน่ะรักธรรมมากกว่าพี่หรือน้องคนอื่น ๆ ก็เพราะมีแค่ธรรมคนเดียวที่ม๊าเรียกว่า "น้องธรรม" ถ้าเป็นนังธาร น้องสาวคนเล็ก ม๊ามักจะเรียก "ไอ้ธาร" หรือเรียกชื่อธารธรรมดา ๆ ถ้าสองแม่ลูกไม่ได้เถียงกัน ส่วนธงพี่ชายคนโตนั้น ม๊ามักจะเรียก "อีธง" ในยามหมั่นไส้ หรือเรียกธงเฉย ๆ ถ้าอารมณ์ดี


สาเหตุที่เป็นน้องธรรมของม๊า ทั้ง ๆ ที่ธรรมนั้นตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่น แถมธรรมก็สูงปาเข้าไปตั้งร้อยแปดสิบเซนติเมตร นี่ยังไม่นับรวมกล้ามล่ำ ๆ กับหน้าท้องที่อุดมไปด้วยซิกแพคอีกเล่า นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนม๊าคลอดลูกแฝด แม้ว่าธรรมจะออกมาก่อน แต่ธรรมก็ตัวเล็กเกือบจะครึ่งหนึ่งของน้องสาว 


"ตอนน้องธรรมเกิด หมอต้องเอาเข้าตู้อบอีกเป็นเดือน ม๊านี่ต้องปั๊มนมเอามาส่งโรงพยาบาลทุกวัน" ม๊าเคยเปรย แต่ความข้อนี้ก็ไม่ใช่เป็นข้อทำให้ม๊าท้อถอยในการเลี้ยงลูกแต่อย่างใด 


ม๊าที่มีลูกหัวปีท้ายปี อุ้มลูกคนโตกับคนเล็กมาโรงพยาบาลทุกวันอย่างที่ว่า โชคดีที่อีธงกับไอ้ธารเลี้ยงง่ายโตไว และธรรมเอง เมื่อคุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ก็ไม่ได้งอแงเลี้ยงยาก ไม่มีใครเจ็บไข้ได้ป่วยให้ม๊าต้องทุกข์ใจเท่าไร จะมีบ้างที่เป็นหวัดเป็นไข้ธรรมดา 


แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสามคนพี่น้องที่กินนอนด้วยกัน ลองได้มีใครป่วยก็มักจะป่วยเหมือนกันหมด และม๊ากับป๊าก็ต้องคอยเช็ดตัว ป้อนยาป้อนนม โชคดีว่าหนักสุดก็จะมีเพียงเท่านี้ และม๊าก็ไม่เคยจะกำเริบเอาข้อที่ต้องลำบากเลี้ยงลูกมาลำเลิกให้ลูกต้องทดแทนบุญคุณแก่ตัวเองแต่อย่างใดเลยสักนิด


"พวกหนูแข็งแรงเพราะอะไรรู้ไหม?" ม๊าเคยถามล้อ ๆ ยามเมื่อพวกเราสามพี่น้องนอนเขลงด้วยกันตอนม๊ากล่อมนอน


"เพราะอะไรล่ะม๊า?" ธรรมสงสัยเพราะจะว่าไปธรรมเองตอนเด็ก ๆ ก็ดูเหมือนจะขี้โรคกว่าพี่น้อง คนอื่นเขาเป็นหวัดกันสามวันห้าวัน แต่ธรรมล่อเข้าไปเป็นอาทิตย์กว่าจะหาย 


ภาพในความทรงจำ และภาพเล็ก ๆ สีซีดในกรอบที่ป๊าถ่ายรูปลูก ๆ ติดข้างฝา ก็คือภาพพี่น้องสามคนในชุดอนุบาล แต่ธรรมจะมีผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ พับเป็นสามเหลี่ยมคล้าย ๆ ผ้าพันคอลูกเสือ ธรรมจำได้ เพราะม๊าจะเหยาะวาเป๊กซ์ ให้ธรรมหายใจคล่อง ๆ แถมเวลานอน ม๊าก็ต้องจับลูก ทาวิกส์ ที่หน้าอก หลัง และคอ ตามอย่างที่โฆษณาสมัยเด็ก ๆ ที่ธรรมนึกออก แต่ที่ยังจำได้ก็คือกลิ่นหอม ๆ ของยูคาลิปตัสและความรู้สึกเหนียว ๆ ที่หน้าอกหลังและคอที่ม๊าทา มันไม่ได้ซึมเข้าผิวล่ะมั้ง หรือม๊าทาเยอะเกินก็สุดจะเดา คงกลัวธรรมหายใจไม่ดีกระมัง


จริง ๆ มีภาพติดกรอบที่ข้างฝาเกือบจะเต็มพรืด รูปเก่าที่สุด และอยู่บนสุด ก็คือรูปของอากงอาม่า และตากับยาย เรื่อยลงมาก็เป็นรูปในครอบครัวของพวกเรามีตั้งแต่รูปตอนป๊ากับม๊ารักกันใหม่ ๆ ว่าไม่ได้นะ ม๊าสมัยสาว ๆ สวยเหมือนจารุณี สุขสวัสดิ์ทีเดียว อันนี้ป๊าเป็นคนพูด


ส่วนรูปของป๊าตอนหนุ่ม ๆ ม๊าก็ชมว่า เหมือนทูน หิรัญทรัพย์ ซึ่งสารภาพตรง ๆ ว่าธรรมนึกไม่ออกว่าเป็นใคร เคยเสิร์ชในกูเกิ้ล ธรรมก็ไม่ได้คิดว่าเขาหล่ออะไรขนาดนั้น แถมธรรมยังแอบให้คะแนนป๊าว่า ป๊าหล่อกว่าเป็นกอง ถ้าจะเหมือนดาราสักคน ป๊าน่าจะเหมือนดาราฮ่องกงเสียละมากกว่า


เพราะป๊านั้นเข้าข่าย ไอ้ตี๋หน้าหยก ป๊าผิวค่อนข้างขาว ผมดำสนิทเป็นเส้นตรงซื่อ แม้ว่าจะตัดผมสั้นเกือบเกรียน เนื่องจากอาชีพทหารเรือ คิ้วของป๊าคมหนา ดูไกล ๆ เหมือนตัวงิ้วพระเอกสักตัว ตาของป๊ามีชั้นเดียวก็จริง แต่มักเป็นประกายแจ่มใส แต่ขณะเดียวกันก็มีแววเด็ดเดี่ยว แต่ธรรมเคยได้ยินว่า ป๊าเคยบ่นโหงวเฮ้งตัวเองว่าป๊าหางตาตกไปนิด คนโบราณเขาว่าค่อนข้างอาภัพ ซึ่งก็คงจะจริงเพราะพี่ ๆ ของป๊าร่ำรวยกันหมด มีป๊าที่รับราชการต๊อกต๋อยแค่คนเดียว


แต่ถึงอย่างนั้นลูกตาของป๊าดำกลมอย่างกับเม็ดลำไย และถ้าป๊ายิ้ม ป๊าก็จะยิ้มไปถึงลูกตา จมูกของป๊าโด่งสวยได้รูป สันจมูกแม้จะไม่สูงแต่ก็รับกับโหนกแก้มและกรามที่เป็นสันคม ทำให้ป๊าสมาร์ตขึ้นเป็นกอง ปากของป๊าไม่หนาไม่บางเป็นกระจับ แต่อาจจะเล็กสักหน่อย โดยรวมจัดว่าเป็นหนุ่มหน้าหยกอย่างที่ว่า แต่ข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ของป๊าก็คือหน้าผากของป๊าค่อนข้างแคบ


"เอาน่า เดี๋ยวมันก็ค่อย ๆ เถิก คราวนี้ก็จะเป็นเจ้าสัวกับเขาละวะ" ป๊าเคยพูดบ่นตอนที่อีธงมันตัดผมให้และป๊าก็หันซ้ายหันขวา เบ้ปากน้อย ๆ ให้กับตีนผมของตัวเองในกระจก ธรรมที่นั่งต่อคิวให้พี่ชายตัดผมให้ มองป๊าแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม แล้วก็คิดว่าป๊าช่างหล่อเหลาเหลือเกิน และแน่ล่ะ ธรรมเองก็เรียกว่าแทบจะถอดเค้าหน้ามาจากป๊าเลยเชียวล่ะ


แต่ธรรมนั้นก็ได้ส่วนดี ๆ ของม๊ามาเหมือนกัน ม๊านั้นผมหยักศกนิด ๆ แถมเป็นผมสีน้ำตาลเข้ม ไม่ดำสนิทเหมือนของป๊า ซึ่งธรรมก็ชอบใจในสีผมที่ได้รับมา ริมฝีปากของธรรมอิ่มเต็ม แถมเวลายิ้มมีเขี้ยวเสน่ห์ที่ข้างขวาแน่ล่ะว่าต้องได้มาจากม๊าอย่างไม่ต้องสงสัย


ตอนเด็ก ๆ นั้นความที่ธรรมค่อนข้างขี้โรค ม๊าก็เลยค่อนข้างรักและเอาอกเอาใจ แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ธรรมในตอนเป็นเจ้าธรรมตัวกะเปี๊ยก ก็เพราะธรรมมักจะโดนเพื่อนล้อ หรือเพื่อนแกล้ง เพราะตัวเล็กกว่าเขา ขนาดไอ้ธารยังตัวสูงกว่าธรรมเลย


"ป๊าธรรมไม่ชอบเลยที่ธรรมตัวเล็กกว่าเพื่อน" ธรรมเคยบ่น ในช่วงปิดเทอม ที่ลูกสามคนจะถูกป๊าหนีบไปที่ทำงาน ด้านหลังของหน่วยงานเป็นบ้านพักข้าราชการ และมีลูกทหารหมู่ใหญ่ ทั้งเด็กเล็กเด็กโตเล่นด้วยกัน สนามกีฬา แล้วยังเครื่องเล่นให้เด็ก ๆ ได้ปีนป่ายอีกสารพัด ป๊ามาทำงานเอาลูก ๆ มาด้วยก็เลยไม่ต้องกังวลอะไร ทำงานไปเพลิน ๆ เหลือบตาขึ้นมามองก็เห็นลูกเล่นอยู่ลิบ ๆ 


"ก็ธรรมยังเด็กไงลูก แต่จริง ๆ ก็ไม่ยากนะ ถ้าธรรมอยากโตไว ๆ ก็ออกกำลังกาย ให้ร่างกายแข็งแรง และที่สำคัญ ก็คือ ต้องกินอาหารดี ๆ โดยเฉพาะโปรตีน ไหนบอกป๊าซิ โปรตีนกินเพื่อประโยชน์อะไร?" ป๊าที่มีลูกชายตัวเล็กนั่งที่ตัก คุยกระจุ๋งกระจิ๋งกันสองคน ส่วนอีกสองคนเล่นวิ่งไล่จับในสนามส่งเสียงร้องกรี๊ด ๆ อยู่โน่น


"โปรตีนสร้างกล้ามเนื้อ" ธรรมบอก เพราะมันอยู่ในหลักสูตรประถมหนึ่งพอดี 


"โปรตีนมีในอาหารอะไรบ้างลูก?" ป๊าถามอีก 


"นม ไข่ และเนื้อสัตว์" เด็กชายธรรมตอบ และจะคุยกันตามประสาผู้ใหญ่กับเด็ก พ่อกับลูก หรือตามประสาผู้ใหญ่หลอกเด็กอะไรสักอย่าง จากเจ้าธรรมตัวเปี๊ยกที่กินยากกินเย็น จากนั้นธรรมก็กลายเป็นคนกินเก่งขึ้นมา และจากไข่ลวกที่ม๊าจะทำไว้กินกับป๊าสองคนในทุก ๆ เช้า ธรรมก็เลยขอกินกับเขาบ้าง


"ให้ธงกินด้วย" อีธงพูดขึ้นบ้าง มีรึมึงได้กินแล้วกูอด


"ธารอยากลองกินด้วยม๊า" นี่มันต้องอย่างนี้ลูกสุพรรณไปด้วยกัน ไปด้วยกัน เลือดสุพรรณเอ๋ย นับตั้งแต่นั้นนั่นเอง ไข่ลวก และสารพัดไข่ก็เลยเป็นอาหารประจำของบ้านเรา นอกจากอร่อยแล้วยังถูกด้วย ตอนนั้นป๊ายังเป็นแค่จ่าโท ม๊าก็ยังเริ่มทำงาน ก็เลยต้องหาอาหารที่มีประโยชน์และราคาถูกสักหน่อย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นธรรมแสนจะอี๋ และคิดว่าป๊ากับม๊ากินไข่ลวกกันไปได้ยังไง 


สองแม่ลูกเดินซื้อของในตลาด ตลอดรายทาง ม๊าก็ทักทายกิ๊วก๊าวตามประสา และธรรมก็จะถูกแม่ค้าสาว ๆ และไม่สาวแทะเล็มจนธรรมเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่คิดอะไรมากธรรมก็เอาหนูไปนาเอาตาไปไร่ และคิดว่าเขาคงเอ็นดู หรือนึกอยากจะดูเอ็นของธรรม ยังดีว่ามีแค่คำพูดไม่ถึงกับถึงตัวถึงตัวเพราะนอกจากคนในครอบครัวธรรมค่อนข้างไม่อยากจะให้ใครสัมผัสเขาเท่าไรนัก ส่วนเหตุผลจะเพราะอะไร เห็นจะรู้เอาในภายหน้าในคราวนี้จะยังขอเก็บเป็นความลับเอาไว้


ก่อนจะเข้าบ้านเพราะได้ของครบแล้ว ไม่ลืมที่จะไปร้านขายไข่ ซึ่งบ้านของธรรมจะซื้อทีละหลาย ๆ แผง เพราะวันหนึ่ง ๆ ก็กินเข้าไปอย่างต่ำสิบฟองเข้าให้แล้ว


"วันนี้ม๊าว่าจะทำไข่ยัดไส้ด้วย หนูดีมันอยากกิน" ม๊าเปรย ขณะเปิดประตูบ้าน ซึ่งธรรมก็พยักหน้ารับ 


"ใช้ไข่สักกี่ฟองดีล่ะม๊า?" ธรรมถามขณะที่หยิบแผงไข่วางไว้ที่มุมห้องครัว 


"หกก็พอลูกอ๊ะไม่พอ ๆ แปดไปเลย" ม๊าว่า พร้อมกับรื้อของที่ซื้อเตรียมไว้บนซิงก์ล้างจาน


มะเขือเทศ แตงกวา หอมแดง แครอท ถั่วแขก ถูกเอามาล้าง อันนี้เป็นสูตรของบ้านเรา ล้างแล้วก็เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เอามาผัดกับหมูสับ ปรุงรสด้วยซอสสารพัด หวานอมเปรี้ยวด้วยซอสมะเขือเทศ หอมสามเกลอ เปรี้ยวนำหวานตาม ซึ่งเสร็จแล้วก็พักไว้ใส่ชาม


ไข่แปดฟองถูกธรรมใช้ช้อนส้อมตีจนละเอียด แต่จะให้ดีก็ยื่นไปให้ม๊าเช็กเสียก่อนว่าเข้ากันดีอย่างใจม๊าหรือยัง เหยาะน้ำปลานิดหน่อย ม๊าบอกให้ตีอีกหน่อย ใกล้จะใช้ได้แล้ว


กระทะเก่าคู่มือของม๊า ทำจากเหล็กหนาเตอะ แถมหนักอึ้ง แต่มันควบคุมความร้อนดี และไม่มีอะไรติดกระทะยามผัดหรือทอดเลย กระทะที่ว่าถูกตั้งบนเตา ตั้งไฟกลางค่อนข้างร้อน เทน้ำมันลงไป แล้วม๊าก็เอียงให้น้ำมันเคลือบจนทั่ว


"ส่งมาลูก" ม๊าพูดพร้อมกับรับชามใบเขื่องที่มีไข่ถูกตีจนละเอียดอยู่ในนั้น เทและกะให้พอดิบพอดี จากนั้นม๊าก็ค่อย ๆ ตะแคงให้ไข่ค่อย ๆ ไหลจนเป็นแผ่นบาง ๆ พูดแล้วก็ดูง่าย แต่ธรรมว่ามันน่าจะยาก เจ้าตัวยืนลุ้นและยืนเท้าเอวเพื่อให้กำลังใจ ส่วนม๊าก็ทำอย่างขมีขมัน 


"มายืนทำไม ไปตั้งน้ำโน่นเดี๋ยวม๊าทำแกงจืดอีกอย่าง" ม๊าหันมาบ่น และธรรมก็ใช้หม้อใบเล็กตั้งน้ำม๊าจะทำแกงจืดดอกไม้จีน ม๊าแช่มันในน้ำตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มีธรรมเป็นลูกมือ ไม่นานม๊าก็เทไส้ที่ผัดไว้ดีแล้วลงกลางกระทะ ค่อย ๆ ใช้ตะหลิวตะล่อมจนได้ไข่ยัดไส้เป็นสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ๆ สี่ชิ้น พร้อมกันนี้ก็ทำที่เหลือเป็นไข่ยัดไส้จานใหญ่เพราะเราจะกินกันเป็นอาหารเช้าสำหรับวันนี้ 


ส่วนไข่ยัดไส้ขนาดเล็ก ๆ จะถูกเอาไปใส่กล่องเพื่อเอาไปกินเป็นอาหารกลางวัน แล้วก็เอาไปฝากหลานสาวซึ่งมีกับเขาอยู่คนเดียว


กลิ่นอาหารหอมฟุ้ง ไปจนธรรมเผลอจามออกมา เพราะบ้านเราตามประสาคนจีนต้องโรยพริกไทยปิดท้าย โทรทัศน์ถูกเปิด ซึ่งเช้าตรู่แบบนี้ จะมีอะไรให้ดูนอกจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ สรยุทธ กับน้องไบร์ท ซึ่งว่ากันตรง ๆ ไม่มีใครสนใจเท่าไรหรอก เปิดฟังมันแก้เหงาอย่างนั้นแหละ


หลังบ้าน เห็นเงาของป๊าผลุบ ๆ โผล่ ๆ จนผ่านไปครู่เดียวป๊าก็เดินยิ้มเข้ามา พร้อมกับ ชูหัวมันเทศญี่ปุ่นที่ป๊าสู้ปลุกปั้นปลูกมันเองกับมือ


"เฮ้ย โอ้โห ป๊า หัวเบ้อเริ่มเลย" อีธงกรี๊ดกร๊าดโวยวาย ป๊ายิ้มกว้างเพราะภูมิใจในผลงาน เดินเอามันเทศไปอวดม๊าใกล้ ๆ คู่นี้เขาหวาน ม๊าอยากเอาใจกรี๊ดกร๊าดใหญ่ อย่างกับไม่เคยเห็นหัวมันเทศมาก่อนในชีวิต


"ทำอะไรดีป๊า ทำมันต้มขิงดีไหม?" ม๊าถามความเห็น


"มันญี่ปุ่นก็ต้องอบสิเธอ อยากรู้ว่ามันหวานไหม" สองผัวเมียคุยกันจุ๋งจิ๋ง ส่วนธรรมหนีขึ้นไปอาบน้ำ พอแต่งตัวเสร็จ ก็เห็นทุกคนลงมาพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ธรรมตักข้าวใส่ชามเยอะกว่าชาวบ้าน อีธงกินข้าวแค่ทัพพีเดียว ป๊ากับม๊าก็กินข้าวเหมือนแมวดม บ้านเราเน้นกินกับข้าว ไม่เน้นกินข้าวอีกแล้ว ส่วนธรรมทำงานออกแรงมาก ดังนั้นต้องกินข้าวให้คาร์บถึง ไม่อย่างนั้นกล้ามจะยุบ


ถุงใส่อาหารซึ่งม๊าจัดไว้สำหรับมื้อเที่ยงถูกธรรมหยิบติดมือ ไม่ลืมฝักบัวเอาไว้กินเล่น แล้วธรรมก็ขี่บิ๊กไบค์คันโปรด เสียงสตาร์ทรถดังกระหึ่ม และธรรมก็ต้องไปรับหลานสาวเพื่อไปส่งที่โรงเรียน จากนั้นธรรมก็จะไปทำงานต่อ เจ้าประคู้ณ วันนี้ขอให้ฝนอย่าตกหนักเลย ธรรมภาวนา และมองฟ้าที่มีเมฆครึ้ม ๆ อย่างอ่อนใจ