ก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน
ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,เล่าประสบการณ์,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แปะจะเป็นอินฟลูฯก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน
โลกยุคนี้ มันเป็นยุคของ อินฟลูเอ็นเซอร์ นั่นก็คือบุคคลที่มีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
อินฟลูเอ็นเซอร์ จะมีผู้ติดตามมากมายซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีส่วนร่วมในเนื้อหาที่พวกเขาพูดเป็นประจำ อินฟลูฯ มีมากมายหลายหมวด ไม่ว่าจะเป็นหมวดการท่องเที่ยว สายทำอาหาร สายวิชาการ สายบันเทิง สายสุขภาพ
แต่ผมจะเป็นอินฟลูฯ สายไหนกันดีนะในเมื่อตัวผมเองก็ไม่เก่งอะไรสักอย่าง....เห้อ
โดย Chavaroj
กว่าจะขับบิ๊กไบค์ถึงบ้าน ธรรมก็ใช้เวลาผ่าฟันกับรถติดอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ไหนจะเป็นคืนวันศุกร์ ไหนจะฝนตกอย่างหนักตั้งแต่ตอนบ่ายเพราะพายุเข้า บางช่วงบางตอนของถนนก็มีน้ำรอการระบาย โชคดีหน่อยที่กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรได้มีผู้ว่าที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
ผู้ว่าชัชชาติ ให้คนมาลอกท่อทำความสะอาดช่องทางระบายน้ำ ในช่วงก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูร้อน ฝนตกน้ำท่วมเพราะพายุฤดูร้อนเข้า ถึงจะมีน้ำท่วมบ้างในบางพื้นที่โดยเฉพาะในซอกในซอย แต่อย่างน้อยมันก็ยังหายไปอย่างว่องไว ไม่เหมือนผู้ว่าคนก่อน ๆ ที่ร้องไห้ตัดพ้อว่าจะให้ตนมาทำงานนอกเวลาได้อย่างไร ซึ่งก็จริงของเขาแหละ
ธรรมแอบคิด แต่มึงก็ต้องดูผู้ว่าคนนี้ไง ดึกดื่นเที่ยงคืนยังเดินลุยน้ำเทิ่ง ๆ ทำงานได้เลย ถึงจะเป็นเรื่องของธรรมชาติก็เถอะ แต่มนุษย์พยายามจะเอาชนะธรรมชาติเสมอนั่นล่ะ ธรรมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พร้อมกับอารมณ์ขุ่น ๆ ทำให้พาลโทษคนโน้นคนนี้ทั้ง ๆ ที่ปกติธรรมไม่ได้เป็นคนชอบว่าใครเลยสักนิด
ในเมื่อถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย เนื้อตัวเปียกปอนก็จริง แต่มันก็ทำให้อารมณ์ที่ขุ่น ๆ หายไปตั้งครึ่งตั้งค่อน จนประตูหน้าบ้านที่มันเปิดขึ้นมาเอง พร้อมกับหน้ากลม ๆ กับผมหน้าม้า ที่โผล่มามองเขาพร้อมกับทำตาโต
"แปะกลับมาแล้วเหรอคะ เปียกหมดเลย" สาวน้อยตาชั้นเดียวร้องทักอย่างตื่น ๆ
"จ๊ะ เปียกหมดเลยหนูดีจ๋า แปะรบกวนวิ่งขึ้นไปชั้นบนตรงหน้าห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูของแปะมาให้หน่อยได้ไหมลูกของแปะเป็นสีเทาเข้ม ๆ นะคะ" ธรรมตอบรับอย่างรับสภาพ
"รอแป๊บเดียวค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอาผ้าขนหนูมาให้" เด็กสาวพูดแล้วก็วิ่งตื๋อไปหลังบ้านตะโกนโหวกเหวก พร้อมกับเสียงเดินเหยียบบันไดบ้านดังตึง ๆ อย่างเร็วจี๋ วิ่งไปที่ห้องของเขาแน่ ๆ เพราะได้ยินเสียงประตูปิดดังปังจากชั้นบน จากนั้นเสียงซอยเท้าเล็ก ๆ ก็ดังไล่ระดับลงมาจนเด็กหญิงผมหน้าม้า วิ่งมาถึงหน้าบ้าน พร้อมกับยื่นผ้าขนหนูผืนประจำของธรรมมาให้
"นี่ค่ะ" ยายหนูดีพูดพร้อมกับทำท่าหอบ
"ขอบคุณค่ะ เก่งจัง" ธรรมกล่าวขอบคุณ นึกเอ็นดูหลานที่ช่างทำตัวน่ารักมีน้ำใจ กล่าวจบแล้วธรรมก็ปิดประตูหน้าบ้าน
ไฟที่หน้าบ้านถูกดับลง ธรรมมองไปนอกบ้าน ก็ไม่เห็นมีใคร แถมฝนก็ยังตกปรอย ๆ บนถนนในซอยเล็ก ๆ ไม่มีใครเดินไปมาเลย ยิ่งบ้านของธรรมเป็นบ้านที่อยู่สุดซอยเสียด้วย
ธรรมค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือเพียงกางเกงชั้นในสีขาวบางจ๋อย บางชนิด ถ้าเปิดไฟสว่าง ๆ ก็แทบจะไม่ต้องจินตนาการว่าอะไรมันอยู่ในกางเกงในตัวนั้น
"เปียกหมดเลยเว้ย" ธรรมบ่นไปขณะหยิบเจ้ากางเกงยีนขาเดฟตัวเก่งมาบิดอย่างแรงจนน้ำไหลโจ๊กออกมา เขาหันซ้ายหันขวา ก็เลยเดินไปหยิบกะละมังเล็ก ๆ เอามาวาง เอาเสื้อผ้าที่เปียกซกโยนใส่กะละมัง จากนั้นก็เอาสายยางที่ปกติใช้บ้างรถล้างหน้าบ้าน รองน้ำใส่กะละมังพอให้ท่วมเสื้อผ้า พรุ่งนี้ค่อยซัก
จากนั้นก็ล้างตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า น้ำฝนสมัยนี้มันไม่ค่อยน่าไว้ใจ ไม่เหมือนสมัยป๊ากับม๊ายังเด็ก ๆ ที่ทั้งสองยืนยันว่ารองน้ำฝนจากหลังคาบ้าน เอามาใส่ตุ่มกินได้ แถมยังคุยอวดเสียด้วยว่าน้ำฝนกินแล้วเย็นชื่นใจ
หันซ้ายหันขวาไม่มีคนแน่ ๆ ธรรมก็ถอดกางเกงในตัวจิ๋วโยนลงกะละมังตบท้าย จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดเนื้อเช็ดตัวจนแห้งดี ไม่ลืมที่จะเช็ดเท้าให้แห้ง ขืนเดินน้ำหยดแหมะ ๆ เข้าบ้าน ม๊าได้เอาไม้ตีตาตุ่มแน่ ๆ
มัดผ้าขนหนูเข้ากับเอว แล้วธรรมก็เดินเข้าไปในบ้าน ป๊านอนดูโทรทัศน์กับม๊า โดยยายหนูดีนั่งที่พื้น พร้อมกับสมุดระบายสี พร้อมทั้งสีไม้สีเทียนจำนวนมากมายซึ่งใส่รวม ๆ กันอยู่ในถังซึ่งพวกเราล้อว่ามันคือถังจิตรกร
"ป๊าม๊า กลับมาแล้วธงมันยังไม่กลับหรอ" ธรรมพูดเมื่อเห็นทั้งสองคนนั่งสบายอยู่บนโซฟาตัวนุ่ม
"รีบไปอาบน้ำสระผมไปลูก อีธงมันยังไม่ถึงบ้านเลยแต่มันโทรมาแล้วว่ากำลังจะกลับ" ม๊าพูดกับธรรมอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ด้วยว่ากำลังติดซีรีส์จีนเรื่องใหม่ ซึ่งพระเอกฟันกระต่ายเล่นเป็นพระเอก ยิ่งคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ ป๊ากับม๊าคงนอนดึกเป็นพิเศษ แถมยังมีหลานรักมาอยู่เล่นเป็นเพื่อนด้วย
ธรรมรีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างไม่เร่งรีบ พอพ้นจากชั้นหนึ่ง ไม่มีใครอยู่แล้ว เขาก็ถอดผ้าขนหนูออกเอามาพาดไว้ที่บ่า เดินตัวเปลือยเปล่าขึ้นไปจนถึงห้องนอนของตนเอง เปิดไฟที่ไม่สว่างมากนัก เพราะมันเป็นไฟราวดวงเล็ก ๆ สีส้ม ๆ ซึ่งธรรมแขวนไว้ตลอดแนวกำแพงด้านหนึ่ง ธรรมไม่ชอบอะไรสว่าง ๆ
หลังจากอาบน้ำจนเสร็จ ธรรมก็หยิบกางเกงบอลตัวเก่งมาสวม พร้อมกับจะลงไปนั่งเล่นกับหลานเสียหน่อย แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้สวมเสื้อ ธรรมก็เดินกลับมาเลือกเสื้อกล้ามตัวโคร่ง ๆ สีเดียวกันกับกางเกงนำมาสวม
พอเดินลงมาด้านล่าง สาวผมหน้าม้าก็ยิ้ม พร้อมกับอวดผลงานของเจ้าหล่อนอย่างภูมิอกภูมิใจ
"รูปอะไรไหนเล่าให้แปะดูหน่อย" ธรรมถามพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ
"นี่รูปตอนพวกเราไปเที่ยวทะเลไงคะแปะ นี่อากง นี่อาม่า นี่แปะธรรม หนูเขียนให้กล้ามโต ๆ ส่วนนี่ก็แปะธง หนูเขียนให้แปะธงปากแดง ๆ แล้วนี่ก็หนูเอง" เด็กน้อยบรรยายจนธรรมยิ้มกว้าง
"เรื่องไปถึงไหนแล้วม๊า" ธรรมหันไปถามม๊าบ้าง เพราะท่าทางติดพัน
"พระเอกมันเกือบจะตายซะแล้ว ยังดีมันอาศัยไหวพริบออกมาจากสุสานได้" ม๊าตอบแค่นี้แล้วก็ไม่พูดต่ออีกแล้ว ธรรมขยับตัวไปนั่งบนเก้าอี้ตัวนุ่ม ๆ ด้านข้าง ม๊าทิ้งตัวลงนอนหนุนตักป๊า ซึ่งกำลังสนใจซีรีส์ที่ว่าเหมือนกัน ส่วนธรรม ก็เปิดโทรศัพท์ เพื่ออัปเดตว่าในโซเชียลมีเดียมีอะไรบ้าง เพราะวันนี้เขาแทบไม่ได้เข้าไปส่องดูเลย ด้วยว่าทำงานตั้งแต่เช้าจนถึงหกโมงครึ่งกว่าจะเสร็จลูกค้ารายสุดท้าย
ระหว่างนั้นหลานสาวก็เอารูปมาอวดเป็นระยะ ๆ จนท้ายที่สุด เจ้าหล่อนก็หยิบดินสอสีมาเขียนตัวอักษร ตัวเลข พร้อมกับหัวเราะกิ๊กกั๊ก
แต่ละตัวก็จะใช้สีต่าง ๆ กัน เพราะหลานสาวตัวน้อยของธรรม ก็มีอาการซินเนสทีเซียเหมือนกัน แต่ของหนูดีจะเป็นการมองเห็นตัวอักษร และตัวเลขเป็นสีสันต่าง ๆ
ก ไก่ของหนูดี จะเป็นสีแดงอมน้ำตาล และ ข ไข่นั้นจะเป็นสีเหลืองหม่น ๆ ปนด้วยสีน้ำตาลเล็กน้อยคล้าย ๆ สีของเปลือกไข่ไก่ ส่วนตัว บ ใบไม้นั้นแทนที่จะเป็นสีเขียว แต่มันกลับเป็นสีม่วง
ส่วนตัวเลขที่หนูดีมองเห็นก็ต่างสีสันกันไปเหมือนกัน เช่นเลขหนึ่งสีเหลือง และเลขสามเป็นสีฟ้า แต่ที่น่าอัศจรรย์กว่านั้น ก็คือ ถ้านำเลขทั้งสองตัวมาบวกกันจะได้เลขสี่ ซึ่งมันเป็นสีเขียว
นี่ไม่ใช่เรื่องของการมโน หรือคิดไปเอง มันเป็นเรื่องของสมอง ซึ่งธรรมศึกษามา อาการของหนูดีจะมีผู้เป็นมากกว่าอาการอื่น ๆ เช่นอาการรับรู้สัมผัสแล้วเกิดเป็นรสชาติ
"หนูดี" คำว่าหนูดีถูกเขียนเสียตัวเท่าหม้อแกง รายล้อมด้วยเส้นต่าง ๆ พร้อมกับรูปดอกไม้สารพัดสี หลานสาวเอามาอวดธรรม พร้อมกับบรรยายไปด้วยว่าทำไมถึงเลือกสีนั้นสีนี้ น่าอัศจรรย์ว่า นอกจากตัวเลขแล้ว การนำตัวอักษรมาเขียนจนเป็นคำ เมื่อรวมกันพวกมันก็จะเปล่งแสงพิเศษออกมาด้วย
อย่างเช่นคำว่า ง่วงนอน หนูดีก็จะเห็นมีสีม่วง ๆ อมฟ้า และตรงไม้เอก จะมีประกายสีเขียวอ่อน ๆ แต่ถ้าเขียนรวมกันทั้งคำ มันจะเปล่งประกายเป็น สีม่วงอมชมพู และมีประกายสีเขียวหม่น ๆ เหมือนหมอกลอยไปลอยมา หลานสาวอธิบายอย่างนั้นซึ่งธรรมก็แสร้งทำเป็นยิ้มพยักหน้าหงึกหงักดั่งจะเห็นตามไปด้วย
ด้วยเหตุดังนี้เด็กสาวก็เลยเป็นคนชอบอ่าน ชอบเขียน ไปไหนมาไหน ก็ขอให้ได้อ่านอะไรแปลก ๆ เพราะชอบที่สีสันมันสวยดี
อาการซินเนสทีเซียมีหลากหลายมาก ๆ ธรรมพยายามศึกษา และยิ่งวันก็มีคนที่มีสัมผัสพิเศษ รวมตัวกันจนเกิดเพจ ของผู้มีอาการซินเนสทีเซีย ธรรมมักจะเข้าไปอ่านเป็นระยะ ๆ ในเพจ "ประสบการณ์สัมผัสพิเศษ" อย่างน้อยมันก็ทำให้ธรรมรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนแปลก ๆ อยู่คนเดียว
มีคนให้คำนิยามของอาการซินเนสทีเซียว่า ประสาทการรับรู้เชื่อมสัมผัส อาการของหนูดีนี้ ที่มีคนเป็นเยอะ เพราะสมองส่วนรับรู้เรื่องตัวเลข และสีมันอยู่ติดกัน ซึ่งทำให้ผู้มีอาการจะเห็นสีเหลือบซ้อนตัวอักษรหรือตัวเลข มีถึงหนึ่งในร้อยคนทีเดียว
อย่างคนหนึ่งมีการเชื่อมการรับรสกับการรับฟัง คือฟังเสียงแล้วรู้สึกถึงรสชาติที่ลิ้นได้ โดยเฉพาะในการฟังเพลง เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ถ้าเป็นเพลงเกาหลีแบบละมุน ๆ เขาจะรับรู้สึกรสชาติของขนมปังนุ่ม ๆ บางคนก็ถึงกับราดชีสและนมข้นหวานด้วย แต่ถ้าเป็นเพลงร็อค จะได้รสแกงป่าไก่
โดยเจ้าตัวทำเพจส่วนตัวบรรยายถึงรสชาติของเพลงที่ตัวเองได้ยิน แต่ด้านไม่ดีคือ เจ้าตัวไม่สามารถไปกินอาหารในร้านที่เปิดเพลงหรือมีเสียงดัง ๆ เพราะรสอาหารกับรสที่ได้ยินมันตีกัน
ครั้งหนึ่งเจ้าตัวเล่าว่าไปคาเฟ่สั่งขนมและโกโก้มากิน นั่งกินอยู่เพลิน ๆ ปรากฏว่าทางร้านเปิดเพลงบอยแบนด์ของเกาหลี ที่เต้นกันไฟลุก แต่สิ่งที่เขาได้ยินทำให้เกิดรสแกงกะหรี่ไก่ ซึ่งมันตีกับขนมเค้กและโกโก้จนหมดอารมณ์ในการกินไปเลย
หรือจะฟังเพลงตอนดึก ๆ ก็ไม่ได้อีก เพราะอาจจะหิวแล้วนอนไม่หลับ คิดแล้วก็น่าสงสาร ธรรมเข้าใจหัวอกของคนหิวตอนกลางคืนอย่างดี เพราะเขาก็ต้องเฝ้าดูแลหุ่นให้ดี ต้องทำไอเอฟอย่างเข้มงวด กินอาหารในช่วงแปดชั่วโมงและอดอาหารสิบหกชั่วโมงเป็นอย่างน้อยเพื่อให้ร่างกายนำไขมันไปใช้
แต่ในขณะเดียวกัน บางคนก็มีประสาทรับรู้เป็นสี เช่นได้ยินเสียง หรือได้กลิ่นแล้วจะเห็นเป็นสี เช่นกลิ่นขยะสำหรับเขาจะเห็นเป็นสีชมพูเข้ม ลอยอวล ๆ อยู่รอบกองขยะนั้น หรือฟังเพลงแล้วเห็นเป็นสีตามโน๊ตดนตรี ความไม่ดีของอาการนี้คือทำให้ขับรถไม่ได้ เพราะเจ้าตัวเล่าว่า ถ้าได้ยินเสียงแตรดัง ๆ จะทำให้ภาพตัด กลายเป็นสีแดงไปหมดมองไม่เห็นอะไรเลย
ส่วนใหญ่ที่เป็นซินเนสทีเซียคนมักจะมีอาการประมาณนี้ แต่ที่พิเศษ ๆ ก็มีหลายเคส เช่น รับรู้ทรงผมเป็นเสียง คนนี้จะเห็นคนที่มีทรงผมโมฮ็อก จะได้ยินเสียงเพลงร็อค กลุ่มอาการนี้จะมีชื่อเฉพาะเป็นภาษาอังกฤษที่ลงท้ายด้วย Sound เช่นบางคนจะเห็นความเคลื่อนไหวเป็นเสียง หรือบางคนมองภาพแล้วเกิดเสียง
mirror touch คืออาการที่เรามองไปที่ใครสักคนแล้วเห็นเขาโดนจับ เราจะรู้สึกโดนจับไปด้วย โดยผู้ที่มีอาการนี้เล่าว่า จูบแรกของเขาคือการดูโทรทัศน์ แล้วรู้สึกได้ถึงการถูกจูบ แต่ด้านที่แย่คือ ถ้าดูละครแล้วนักแสดงตบกันเขาก็เจ็บหน้าไปด้วย ...อาการนี้คงห้ามดูหนังแอ็คชั่นเด็ดขาดสินะ อย่างพวกหนังเฉินหลง นี่คงห้ามดูเด็ดขาดทีเดียว
ส่วนบางคนเวลาพูดคุยกับใคร จะมีตัวอักษรขึ้นเป็นซับไตเติ้ล แถมที่เฉพาะไปกว่านั้น ตัวอักษรของแต่ละคนก็ต่างกันไปเสียด้วย
บางคนก็มาพร้อมกับกลิ่นในแต่ละช่วงอารมณ์ เช่นตอนที่เขากำลังมีความสุขเขาจะได้กลิ่นเหมือนไก่ ไม่ใช่ไก่ทอดอย่างที่ธรรมรู้สึก แต่เป็นไก่ตัวเป็น ๆ หรือถ้าโกรธ จะได้กลิ่นเหมือนรองเท้าหนังที่ซื้อมาใหม่ ๆ
ธรรมอ่านคร่าว ๆ อย่างไม่ค่อยใส่ใจ เพราะโดนขัดจากหนูดีเป็นระยะ ๆ จนเด็กน้อยเริ่มหาวนอน และซีรีส์ก็ใกล้จบป๊าก็เลยรับอาสาพาหลานสาวไปขึ้นนอน
"อากงเล่านิทานให้หนูดีฟังด้วยนะคะ" หลานสาวอ้อน ซึ่งทำให้ธรรมแอบหมั่นไส้
"ม๊าธรรมขึ้นนอนแล้วนะ" ธรรมหันไปบอกม๊าซึ่งท่าทางยังติดพัน
"เออขึ้นไปนอนเลย เดี๋ยวม๊ารออีธงมัน" ม๊าบอกแต่ตายังจ้องหน้าจอไม่หันไปไหน ธรรมก็เลยเดินตามป๊ากับหลานสาวขึ้นไปติด ๆ
ก่อนจะขึ้นห้องนอนของตนเอง ธรรมเข้าไปนั่งเล่นกับป๊าและหลานอีกครู่หนึ่ง ห้องนอนของป๊าเปิดแอร์เย็นน่าสบาย หลานสาวนอนที่พื้นข้างเตียง ปูที่นอนนิ่ม ๆ และมีตุ๊กตาสติทช์ ให้นอนกอดเป็นเพื่อนด้วย
"เอาล่ะแปะจะปิดไฟละนะ" ธรรมบอกเมื่อเห็นว่าป๊าขึ้นไปนอนอยู่บนเตียง และหลานสาวนอนขดอยู่บนที่นอนและมีผ้าห่มอุ่น ๆ เรียบร้อยแล้ว เมื่อปิดไฟปิดประตูเสร็จธรรมก็เดินขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนของตนเอง
สิ่งแรกที่ทำก็คือถอดเสื้อกล้ามออก เพราะธรรมเป็นคนไม่ชอบให้อะไรมารัดรึงร่างกาย ได้เวลาประจำแล้วธรรมเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับเปิดระบบไลฟ์
มุมหนึ่งของห้องเป็นผนังเรียบ ๆ มีชั้นเรียงรายซึ่งบรรจุอุปกรณ์ออกกำลังกาย เหมือนมียิมย่อม ๆ ยกมาไว้ในห้องนอนของธรรมเลยทีเดียว
ใช้โทรศัพท์สองเครื่อง เพื่อเปิดระบบไลฟ์ ธรรมมองจนเห็นว่ามันเสถียรแล้วธรรมก็ลงไปนั่งประจำที่ตรงเก้าอี้ แล้วก็เริ่มยกลูกเหล็กตามเซ็ทของการออกกำลังกาย
ออกกำลังกายไปราว ๆ สี่สิบห้านาทีพอให้มีเหงื่อออก ระหว่างนั้นก็มองหน้าจอโทรศัพท์เป็นระยะ ๆ เพราะมีคนโดเนทเงินมาให้ มากบ้างน้อยบ้างธรรมไม่ได้ใส่ใจ
จนถึงเวลาหยุดพัก ธรรมก็ปิดไลฟ์ และหันมาถ่ายรูปตนเองที่เหงื่อซึมไปทั้งตัว กางเกงบอลถูกพับขอบจนเห็นวีไลน์ และต้นขาล่ำบึ๊ก กล้ามอกถูกเกร็งจนเห็นเป็นก้อน และซิกแพกเรียงตัวกันเหมือนก้อนขนมปัง ธรรมดึงขอบกางเกงลงต่ำอีกหน่อย ไม่หน่อยไม่เหน่ยล่ะ มันต่ำลงจนเห็นไปถึงไรขนซึ่งถูกตัดเล็มและขึ้นเพียงรำไร ๆ ให้จินตนาการ
ถ่ายรูปสองสามรูปและเลือกเอารูปที่คิดว่าดีที่สุด จากนั้นธรรมก็โหลดรูปลงแอพ และไม่รอให้คนกดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์อะไร ธรรมเดินไปห้องน้ำซึ่งสวนกับธงซึ่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
"ทำไมกลับดึกจังวะ" ธรรมทักพี่ชาย
"มาสักพักแล้วแหละ รอฝนหยุดตกจริง ๆ พอดีมีลูกค้าด้วย ก็เลยตัดผมเพลิน นี่มึงอ่ะ ผมเริ่มยาวแล้ว ไว้พรุ่งนี้ตัดผมไหม?" ธงพูดไปก็เอาผ้าเช็ดผมไป
"พรุ่งนี้ไม่อยู่อ่ะ ไว้มะรืนละกัน" ธรรมว่าและเดินเข้าไปอาบน้ำ และเมื่ออาบน้ำเสร็จ ก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปอีกสักสองสามรูป รูปของธรรมในกระจก ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น เนื้อตัวยังเปียกไปด้วยหยดน้ำ ผมเปียก ๆ ลู่มาจนระไปที่หน้าผาก
ถ่ายไปแปดรูป และธรรมก็ส่งไปให้ใครคนหนึ่ง ซึ่งธรรมมีนัดกับเขาในวันพรุ่งนี้ แต่ละรูปเซ็กซี่บาดใจ
ทันทีที่ประตูห้องนอนของธรรมปิดลง ธรรมก็ดึงผ้าขนหนูออกจนเหลือแต่ตัวเปลือยเปล่า เขานั่งลงตรงหน้าพัดลมเพื่อพัดให้ผมแห้ง ธรรมผมสั้นอยู่แล้ว ใช้เวลาเพียงไม่นาน ผมและเนื้อตัวของธรรมก็แห้ง อดไม่ได้ที่จะทาครีมบำรุงผิวทั้งผิวหน้าและผิวตัว ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ใช้เวลาอยู่เหมือนกัน
"อีนกหงส์หยก" ธงมันเคยล้อธรรมเพราะวัน ๆ เอาแต่มองกระจก แต่ในเมื่อธรรมเป็นคนรักตัวเอง ธรรมก็คร้านจะสนใจ คนเรารักตัวเองก็ต้องดูแลร่างกายและผิวพรรณของตัวเองสิ
ธรรมหาวออกมาอย่างสุดกลั้น และเตรียมตัวจะเข้านอน บนที่นอนสะอาดสะอ้าน ธรรมทิ้งตัวเปลือยเปล่าลงนอนอย่างสบาย มันสบายเสียจนเขาอดจะถอนหายใจดัง ๆ ไม่ได้ ระหว่างนอนนึกถึงเรื่องในวันนี้ ธรรมก็เอื้อมมือไปหยิบถุงเท้าหนา ๆ มาสวมที่เท้า แล้วจึงดึงผ้าห่มมากระชับร่างกาย
เหลือไฟที่หัวเตียงเพียงดวงเดียว ธรรมขอเปิดดูโทรศัพท์อีกสักนิด เดี๋ยวธรรมจะนอนแล้วจริง ๆ แต่ธรรมอยากรู้ว่ารูปที่ธรรมถ่ายในห้องน้ำเมื่อกี้ที่ธรรมส่งไปให้ใครอีกคนเขาจะรู้สึกอย่างไร
"เสว"
คำตอบสั้น ๆ ส่งกลับมา พร้อมกับอิโมจิรูปน้ำหยดสามแหมะ ธรรมเห็นแล้วก็อมยิ้ม จากนั้นธรรมก็ส่งสติ๊กเกอร์ Goodnight เป็นรูปหมูอยู่บนที่นอนให้อีกฝ่าย
"พรุ่งนี้เจอกัน" อีกฝ่ายตอบและส่งรูปมาให้ธรรมดูหนึ่งรูป ธรรมอมยิ้มและยังคงเปิดดูรูปนั้นค้างไว้ มือข้างหนึ่งของธรรม สัมผัสไปที่หัวนมสีน้ำตาลอ่อนอย่างลืมตัว ครั้นพอเขี่ยมันเบา ๆ ธรรมก็ครางออกมาในลำคอ อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไว ๆ จัง ธรรมคิดและเปลี่ยนตำแหน่งการสัมผัสเป็นจุดอื่นที่มันถูกเลือดลมสูบฉีดจนแข็งปั๋งไปแล้ว