ก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน
ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,เล่าประสบการณ์,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แปะจะเป็นอินฟลูฯก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน
โลกยุคนี้ มันเป็นยุคของ อินฟลูเอ็นเซอร์ นั่นก็คือบุคคลที่มีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
อินฟลูเอ็นเซอร์ จะมีผู้ติดตามมากมายซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีส่วนร่วมในเนื้อหาที่พวกเขาพูดเป็นประจำ อินฟลูฯ มีมากมายหลายหมวด ไม่ว่าจะเป็นหมวดการท่องเที่ยว สายทำอาหาร สายวิชาการ สายบันเทิง สายสุขภาพ
แต่ผมจะเป็นอินฟลูฯ สายไหนกันดีนะในเมื่อตัวผมเองก็ไม่เก่งอะไรสักอย่าง....เห้อ
โดย Chavaroj
วันนี้เป็นคิวของธรรมที่จะต้องตื่นแต่เช้าไปช่วยม๊าจ่ายตลาด ทุกทีก็จะไปแบบแกน ๆ เพราะมันก็กึ่ง ๆ จะเป็นหน้าที่ แต่เช้าวันนี้ธรรมค่อนข้างกระตือรือร้น เพราะอยากจะได้อะไรพิเศษ ๆ จากตลาดพระโขนงแถวบ้าน
"วันก่อนม๊าซื้อฝักบัวจากร้านไหนหรอ?" ธรรมถามพร้อมกับเกี่ยวแขนม๊าข้างหนึ่ง ส่วนอีกแขนก็คล้องตะกร้าไม้ไผ่สานละเอียดยิบ ซึ่งก็ซื้อจากร้านขายเครื่องจักสานตรงสะพานข้ามคลองพระโขนงเช่นกัน
"น้องธรรมถามทำไมหรือลูก?" ม๊าถามอย่างนึกเอ็นดูเพราะปกติธรรมไม่ค่อยเรียกร้องอยากกินอะไร แต่วันนี้ไหงถามถึงฝักบัวกันนะ
"ธรรมว่าจะซื้อไปฝากเพื่อนด้วยน่ะ" ธรรมตอบแล้วกลายเป็นว่า วันนั้นสองแม่ลูกซื้อฝักบัวแทบจะเหมาร้านกันเลยทีเดียว กำละยี่สิบห้าบาท แต่ได้มาแบบเต็ม ๆ ม๊าถึงกับต้องถือมาสองมือ ที่ธรรมให้ถือเพราะมันน้ำหนักเบา ส่วนธรรมถืออีกสองถุงในแขนข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็ถือพวกของกินที่ซื้อมาเสียเต็มตะกร้า
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ ยายหนูดีมานอนค้างบ้านอากงอาม่าตั้งแต่เมื่อคืน แน่นอนว่าม๊าก็ต้องจัดใหญ่จัดเต็มทำขนมทำอาหารเพื่อเอาอกเอาใจหลานสาว
ช่วยทำกับข้าวจนเสร็จและมื้อเช้าก็เสร็จเรียบร้อย ระหว่างที่ธรรมรอหลานสาวแต่งเนื้อแต่งตัวให้สวยถูกใจ ธรรมก็นั่งแคะเมล็ดบัวจากฝักใส่ถุงแยกไว้ต่างหาก
"เสร็จแล้วค่ะแปะ ไปกันได้เลย" สาวน้อยที่ยิ้มอย่างค่อนข้างพอใจเนื่องจากได้แปะธงถักผมเปียกให้จนเรียบกริบ ปกติม๊าของหนูดีมักจะถักผมเปียให้ลูกสาวอย่างลวก ๆ พอได้ฝีมือของช่างผมใหญ่ เด็กน้อยก็ดีใจเป็นพิเศษ
"ป๊าม๊าไปแล้วน๊า หนูดีสวัสดีอากงกับอาม่าด้วยลูก" ธรรมกำชับหลาน และเด็กหญิงก็ยกมือไหว้พร้อมย่อเข่าอย่างสวยงาม แล้วลุงกับหลานก็ขึ้นรถบิ๊กไบค์ที่สตาร์ทเครื่องเสียงกระหึ่ม จากนั้นก็แล่นไปส่งยังที่เรียนพิเศษเพราะน้องสาวกำชับให้ไปส่งให้ด้วยเลย
ด้วยความที่ธรรมเป็นคนไม่ได้ชอบเรียน แรก ๆ ก็ออกจะขัดใจที่น้องสาวส่งเด็กตัวกะเปี๊ยกไปเรียนพิเศษในวันหยุด แต่พอได้รู้ว่าที่หลานสาวไปเรียน เป็นคอร์สศิลปะ ซึ่งเรียนสนุก ๆ ไม่เครียดไม่กดดัน ธรรมก็เลยไปส่งอย่างเต็มใจ
"แล้วตอนเลิกเรียนแปะจะมารับหนูดีไหมคะ?" หลานสาวถาม และเหลือบตามองไปยังคนหลาย ๆ คนที่มองลุงของเธออย่างอยากรู้อยากเห็น มีลุงหล่อหุ่นดี ก็เหนื่อยหน่อย
"น่าจะไม่ทันลูก ไม่ป๊าหรือม๊าของหนูน่าจะมารับแหละ ไปแล้วนะ มาขอหอมแก้มหน่อย" ธรรมพูดพร้อมกับยื่นจมูกไปหอมแก้มป่อง ๆ ของหลานสาว และหลานสาวก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มของอาแปะด้วย
"หอมเหมือนเดิมไหมคะ?" เด็กหญิงกระซิบถามเพราะเป็นความลับที่รู้กันแค่สองคน
"เหมือนเดิมเลยจ๊ะ" ธรรมตอบ ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวเหมือนได้รับการจัดฟันมาอย่างดี เรียกว่าใครเห็นรอยยิ้มแบบนี้ก็คงต้องมีการละลายกันบ้าง
เริ่มสายแดดชักจะร้อน ธรรมรีบขับบิ๊กไบค์กันเก่ง ย้อนกลับมายังถนนสุขุมวิท ไม่ไกลจากพระโขนง ในซอยสุขุมวิทเหมือนกัน ด้านหนึ่งฝั่งถนนเลขคี่ ธรรมเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 48 ซึ่งในซอยนี้จะอุดมไปด้วยบ้านของคนร่ำคนรวย อันอยู่กันมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย เรียกง่าย ๆ ว่าดงผู้ดีเก่า
เลี้ยวเข้าซอยย่อย ๆ มาด้วยความชำนาญ จนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ดูจากกำแพงบ้านซึ่งเก่าคร่ำ แต่ก็มองเห็นหลังคาบ้านด้านใน ต้นไม้สารพัดชนิดปลูกไว้จนแทบจะบังตัวบ้านจนหมด แสดงถึงบ้านหลังนี้ปลูกมาเนิ่นนานแล้ว
ธรรมค่อย ๆ จอดมอเตอร์ไซค์ แล้วถือวิสาสะเดินไปเลื่อนประตูหน้าบ้านออกช้า ๆ เนื่องจากประตูบ้านเป็นเหล็กค่อนข้างเก่าคร่ำ และดูเหมือนไม่ค่อยจะมีใครสนใจ จึงมีสนิมเหล็กเกาะพราวไปหมด เมื่อเปิดประตูหน้าบ้านจนกว้างพอ ธรรมก็ค่อย ๆ เข็นมอเตอร์ไซค์เข้าไปด้านใน แต่อีตอนขาปิดประตูนี่สิ ประตูมันส่งเสียงดังเอี๊ยด จนธรรมต้องหลับตาปี๋
จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เลื่อนประตูให้ปิดลงอย่างช้า ๆ ราวกับกลัวว่าเสียงดัง ๆ นั้นจะรบกวนคนที่อยู่ในบ้าน
ก่อนจะเข้าบ้านธรรมก็ถือถุงพลาสติกซึ่งบรรจุเมล็ดบัวจำนวนมากนำมันไปวางไว้บนโต๊ะม้าหินหน้าบ้าน ใต้ร่มเงาของซุ้มการเวก ซึ่งดอกของมันเริ่มโรยราจนกลีบหนาร่วงหล่นอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด
แต่ถัดออกไปเล็กน้อย เป็นพุ่มของต้นประยงค์ ซึ่งออกดอกเล็ก ๆ สีเหลืองพราวไปหมด พอมีลมพัดมาอ่อน ๆ ก็หอบเอากลิ่นหอมชื่นใจฟุ้งไป จนธรรมต้องอดจะเดินไปดอมดมมันใกล้ ๆ เสียไม่ได้
ช่างน่าแปลกใจ ดอกของมันเป็นเม็ดกลม ๆ สีเหลือง ๆ จนเขาเรียกกันอีกชื่อว่าดอกไข่ปลา ไม่มีกลีบไม่มีเกสรอะไรยื่นออกมาเหมือนดอกไม้อื่น แต่มันกลับส่งกลิ่นหอมอบอวลไปเสียทั่ว เอาล่ะเดี๋ยวธรรมจะนั่งตรงนี้ล่ะ เพราะเงาร่มเย็นฉ่ำใต้ต้นการเวก ผสมกลับกลิ่นหอม ๆ ของดอกประยงค์ จะมีอะไรน่านั่งทำอะไรเพลิน ๆ ไปมากกว่านี้อีกเล่า
ธรรมถือวิสาสะเดินไปด้านหลังบ้าน หยิบมีดปอกผลไม้ กับชามมาหนึ่งใบ อดจะเปิดตู้เย็นซึ่งส่งเสียงหึ่ง ๆ ครั้นเมื่อเปิดออก ธรรมก็ส่ายหน้าไปมา ราวกับอิดหนาระอาใจเสียเหลือเกิน ครั้นหันซ้ายหันขวามองโน่นมองนี่ธรรมก็เลยคิดอะไรขึ้นมาได้สักอย่าง
แต่ตอนนี้ธรรมต้องรีบกลับไปปอกเมล็ดบัวเสียก่อน เสียเวลาอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ธรรมก็จัดการเมล็ดบัวพวกนั้นจนหมด ครั้นพอเดินกลับเข้ามาในครัว ธรรมก็จัดแจงทำอะไรให้ง่วนไปหมด แต่ทำด้วยเสียงที่เบาเสียเหลือเกิน ระหว่างที่รอน้ำเดือด ธรรมตาไว เห็นเถาตำลึงเลื้อยทอดยอด เพราะเริ่มเข้าหน้าฝน พวกมันแข่งกันทอดยอดออกมาพร้อมกับหนวดที่ยื่นยาว
เสียเวลาอีกพักเดียวธรรมก็กลับเข้ามาในครัวพร้อมกับตำลึงกำเล็ก ๆ มันไม่ได้เยอะแยะมากมาย แต่ก็พอจะได้เอาไปใส่ในหม้อข้าวต้มแหละน่า ธรรมแอบคิดแล้วก็อมยิ้ม
จนอาหารเสร็จดี ธรรมก็ได้ยินเสียงเปิดประตู และเสียงหาวหวอดใหญ่
"อ๊าาาาหอมจังงงงงง" เสียงนั้นดังมาจากทางด้านหลังและเจ้าของเสียงก็เดินออกมาด้วยร่างกายเกือบจะเปลือยเปล่า มีผ้าขนหนูพาดเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่เหลือเกิน
"ข้าวต้มไก่ใส่ใบตำลึงด้วย แล้วก็นี่ต้มลูกบัว" ธรรมพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับใช้ทัพพีคนลูกบัวต้มเบา ๆ
"หอมอ่ะ กินเลยได้ป่าว ท้องร้องแล้ว" เสียงดังจากทางด้านหลังใกล้เข้ามาแล้วแขนนุ่ม ๆ ก็โอบรัดเอวของธรรมหลวม ๆ พร้อมกับซุกหน้ามาที่แผ่นหลังของธรรม
ธรรมรับรู้ได้ถึงปลายจมูกที่แตะสัมผัสตรงร่องแผ่นหลัง มันจักจี้เล็กน้อย แต่สัมผัสนี้ทำให้ธรรมสัมผัสได้ถึงรสขนมโมจิไส้ช็อกโกแลต มันหวานเต็มปาก หวานจนธรรมถึงกับเม้มริมฝีปากของตัวเอง
"ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไป๊ จิมมี่" ธรรมบอกพร้อมกับใช้มือผลักศีรษะของคนที่เขยิบใบหน้านำจมูกมาแปะที่หัวไหล่ของธรรม
"เฮียกินเลยไม่ได้เลยหิวอ่ะ" เสียงอ้อนจนธรรมค้อน แต่พอเห็นสายตาแข็ง ๆ อีกคนก็รีบวิ่งแจ้นไปที่ห้องน้ำ ได้ยินเสียงเปิดฝักบัวซู่ซ่า พร้อมกับเสียงร้องเพลงดังจากในห้องน้ำ ธรรมได้แต่อมยิ้มพร้อมกับถอนหายใจ แต่เขาก็ตั้งใจตักข้าวต้มสูตรพิเศษใส่ชามอย่างระมัดระวัง
"มากินมา กินตอนร้อน ๆ ไม่ใช่กินแต่พวกอาหารเวฟ" ธรรมบ่น แต่อีกคนก็ไม่ได้ทำท่าใส่ใจ
"จิม เมื่อคืนนอนกี่โมง?" ธรรมถาม พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่ง ส่วนจิมมี่ที่เดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวโคล่ง มันเป็นเสื้อยูกาตะจากญี่ปุ่นสีคราม นำมาสวมกับตัวและใช้สายรัดเอวรัดอย่างลวก ๆ หมิ่นเหม่จนชายเสื้อไม่ทับกัน เผยให้เห็นเนื้อหน้าอกด้านขวาเกือบทั้งหมด
"ตีสี่มั้งไม่ ๆ ตีสามกว่า" จิมมี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ทิ้งตัวลงนั่ง ทำหน้าตื่นเต้นกับอาหารที่ส่งควันฉุยตรงหน้า และเมื่อทิ้งตัวลงนั่ง จิมมี่ก็พนมมือ หลับตาลง พร้อมกับกล่าวว่า "กินแล้วน๊าาา"
"ค่อย ๆ กิน เดี๋ยวสำลัก" ธรรมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังพูดกับยายหนูดีอย่างไรก็อย่างนั้น เพราะอีกฝ่ายที่แม้จะตัวใหญ่เบ้อเริ่มแต่ก็ยังทำตัวเหมือนเด็ก ๆ อยู่นั่นเอง
"หืมอร่อยอ่ะ" จิมมี่กินไปชมไปตลอดเวลาจนกระทั่งข้าวต้มซึ่งทำมาจากอาหารเหลือ ๆ ในตู้เย็น และธรรมนำมันมาดัดแปลงใหม่ จนได้ข้าวต้มน้ำขลุกขลิกน่ากิ๊นน่ากิน
"กินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่า?" ธรรมถามเสียงเย็น ๆ
"คนเขากินกันวันละกี่มื้อล่ะ?"
"สาม แต่เอาจริง ๆ เฮียก็กินวันละแค่สองนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด" ธรรมตอบพร้อมกับอมยิ้มนั่งมองคนที่กำลังกินอาหารฝีมือของเขาอย่างเอร็ดอร่อย
"ถ้าอย่างนั้นเราก็กินเกินมาตรฐาน เมื่อวานสั่งไปสี่ตอบมั้ง" จิมมี่ตอบและพยายามหลบตา
"กินแต่ขนม บอกแล้วไงให้กินพวกโปรตีนเยอะ ๆ หน่อย ดูสิแก้มจะแตกอยู่แล้ว" ธรรมพูดพร้อมกับยื่นมือไปบีบแก้มของอีกฝ่ายเบา ๆ แต่จะด้วยงานอันต้องอยู่กับเครื่องมือช่าง หรือเพราะแก้มของอีกฝ่ายมันพองจนใกล้จะแตกอย่างที่ธรรมว่า ผลก็คือ เสียงร้องโอดโอย พร้อมกับแก้มที่ขึ้นเลือดสีชมพูจัด
"มือหนักอย่างก๊ะตีน" จิมมี่พูดไป เอามือบี้ไป ธรรมเห็นแล้วก็มันเขี้ยวอยากจะบีบไปที่เนื้อนิ่ม ๆ ของอีกฝ่ายชะมัด
ระหว่างที่นั่งมองอีกฝ่ายกิน ธรรมก็ค่อย ๆ ใช้สายตาสอดส่ายไปตามร่างกายของคนตรงข้าม เขานั่งเคียงกัน และธรรมก็เห็นขาของอีกฝ่ายที่นั่งไขว่ห้าง เสื้อคลุมถูกเปิดจนเผยไปให้เห็นต้นขาขาวราวกับคนไม่โดนแดดมาชั่วนาตาปี
ธรรมอดจะกลืนน้ำลายไม่ได้ มันมันเขี้ยวไปหมด แต่จะมาทำอะไรหื่น ๆ ตอนอีกฝ่ายยังกินข้าวไม่หมด ผลอาจเป็นธรรมอาจโดนข้าวต้มราดหัวเอาก็ได้
"อร่อยจัง ไม่ได้หม่ำอะไรอร่อย ๆ อย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เฮียมาบ่อย ๆ หน่อยสิ" จิมมี่บ่นพร้อมกับดึงถ้วยเมล็ดบัวต้มน้ำตาลมาไว้ตรงหน้า
"นี่ซื้อมาหรอ?"
"อืม แกะแล้วก็ต้มไว้ให้ ดีบัวน่ะอย่าทิ้งนะ กินเข้าไปไม่ขมมากหรอก มันเป็นยา" ธรรมพูดพร้อมกับเท้าแขนกับคางของเขา นั่งมองอีกฝ่ายเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อยน่าเอ็นดู
"แล้วเฮียกินหรือยังล่ะ?"
"ชิมไปแล้วนิดนึง ไม่อยากกินหวาน" ธรรมตอบแต่ก็อดจะอ้าปากเมื่อจิมมี่ตักเมล็ดบัวต้มน้ำตาลป้อนเขา
"ชิมฝีมือตัวเองบ้าง เลิกซ่อมแอร์เหอะ หันมาทำอาหารขายท่าจะรุ่ง" จิมมี่บ่นไปกับดินฟ้าอากาศแอบชำเลืองมองธรรม แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองไปบนหัวของธรรมอีกรอบ
"ขายก็เจ๊งพอดีน่ะสิ บ้านเราน่ะขายของไม่ได้หรอก เจ๊งแน่นอน" ธรรมพร้อมแล้วก็นึกถึงคำของป๊ากับธงที่ม๊าเคยดำริจะทำขนมทำอาหารขาย ม๊าใช้แต่ของดี ๆ แล้วเวลาตักให้ใครก็ให้เขาเสียเยอะแยะ จะเอากำรี้กำไรมาจากไหน ทำแจกเขานี่ล่ะสบายใจกว่า
ธรรมนั่งมองอีกฝ่าย อดจะสำรวจเนื้อตัว แต่ธรรมก็แอบเห็นว่าจิมมี่ ชอบที่จะเหลือบมองบนหัวเขาบ่อย ๆ แต่ช่างมันเถอะธรรมชินเสียแล้ว
จนอาหารถูกจัดการจนหมด จิมมี่ก็ขอตัวไปอาบน้ำอีกที แต่เมื่ออาบน้ำเสร็จเจ้าตัวก็ออกมาพร้อมกับการสวมเพียงกางเกงวิ่งตัวกระจิ๋วหลิว
"พร้อมยัง รีบถ่ายรูปกันเถอะ" จิมมี่พูด พร้อมกับเดินจูงมือธรรมไปที่ห้องด้านหนึ่ง คราวก่อนไม่ใช่แบบนี้ ธรรมแอบคิด พลางมองไปยังมุมห้อง ซึ่งมีเก้าอี้แปลกหน้าเพิ่มขึ้นมาหนึ่งตัว
"ไปถอดเสื้อผ้าสิ" จิมมี่บอก พร้อมกับเตรียมกล้อง และไฟ นี่มันเหมือนสตูดิโอย่อม ๆ กันทีเดียว
"มานี่ทาน้ำมันก่อน" จิมมี่พูดพร้อมกับถือขวดน้ำมันติดมือมาด้วย ธรรมกับร่างเปลือยเปล่า ถูกจิมมี่ค่อย ๆ ใช้น้ำมันชโลมตั้งแต่ลำคอเรื่อยไปจนถึงปลายเท้า
"ทำดี ๆ ไปจับมันเล่นทำไม" ธรรมดุเมื่อจิมมี่ซน ทาน้ำมันให้กับท่อนเนื้อที่มันเคยสงบจนตอนนี้มันพองก๋าเต็มมือของจิมมี่จนต้องใช้ถึงสองมือกำไว้ก็ยังมีส่วนปลายโผล่ออกมา อย่างที่เขาเรียกว่าสองกำโผล่นั่นแหละ
"ไม่ชอบเหรอ?" จิมมี่ถามกลับทำหน้าทะลึ่งท้าทาย
"ถ่ายให้มันเสร็จ ๆ ไปก่อนสิ" ธรรมกระซิบ แต่มือของธรรมก็ซนไม่ได้ต่างกัน จิมมี่จับน้องชายของธรรม และธรรมก็เอื้อมมือไปจับก้นนุ่ม ๆ ของจิมมี่ ไม่แค่นั้น ธรรมสอดมือเข้าไปในกางเกง พร้อมกับกำและบีบขยำเนื้อก้นอย่างมันเขี้ยวเต็มที่
"ไอ้เฮียบ้าอย่ามันเขี้ยวสิ บีบก็บีบเบา ๆ ตัวเองยิ่งแรงควายอยู่ด้วย" จิมมี่บ่น แต่ก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ ตาปรือ พร้อมกับลมหายใจแรง ๆ ทำให้ธรรมรู้ว่าจิมมี่นั้นแทบจะหมดแรงยืนแล้วด้วยซ้ำ
ริมฝีปากทั้งสองค่อย ๆ เลื่อนเข้าหากัน และจูบก็แสนดูดดื่ม ริมฝีปากของธรรมถูกลิ้นแดงจัดค่อย ๆ ไล้เรี่ยจากริมฝีปากลนจนถึงริมฝีปากล่าง จากนั้นปลายลิ้นก็ค่อย ๆ ชอนไชเข้ามาในปากของธรรม ทันทีที่ลิ้นทั้งสองประกบเข้าหากัน รสหวานล้ำ หวานประหลาด ก็ซาบซ่านจนเหมือนมีใครเอาน้ำช็อกโกแลตมาราดธรรมตั้งแต่หัวจนจรดเท้า ไหนจะรสหวาน ไหนจะกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นวานิลลาของช็อกโกแลตชั้นดี เนิ่นนานจนรสชาติอื่นคงคลายความหวาน แต่ปลายลิ้นของธรรมยังคงปล่อยรสหวานอย่างต่อเนื่อง
"พอก่อน แสบคอ" ธรรมกล่าว พร้อมกับผละตัวออกมา เดินไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
"มา ๆ ถ่ายก็ถ่าย อ้อ มีกางเกงว่ายน้ำยี่ห้อxxx เขาส่งมาให้เฮียรีวิว ใส่ตัวนี้ก่อนแหละ" จิมมี่พูดพร้อมกับเดินไปหยิบกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วเกือบสิบตัวติดมือมาด้วย
"เอาตัวนี้ก่อนก็แล้วกัน" ธรรมเลือกกางเกงว่ายน้ำสีเนื้อ ทันทีที่นำมาสวม ธรรมก็ต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเพื่อทำให้ไอ้ท่อนเนื้อที่มันลุกสู้มือเมื่อกี้ มันอ่อนตัวลงสักนิด ไม่อย่างนั้นไอ้กางเกงตัวจิ๋วนี่มันบรรจุแท่งเนื้อของธรรมไม่หมด เพราะมันเกยออกมาตั้งครึ่งลำ
"เฮียดันให้มันอยู่ตรงกลางหน่อย" จิมมี่บอก พร้อมกับธรรมค่อย ๆ ใช้มือของตัวเองจัดการสิ่งที่อยู่ในกางเกงว่ายน้ำตัวที่ว่า ให้มันอยู่ตรงกึ่งกลางลำตัว อันนี้โทษตากล้องไม่ได้ เพราะถ้าใช้คนมืออื่นมาจับ มันก็จะผงาดขึ้นมาอีก
ไม่น่าเชื่อว่ากางเกงว่ายน้ำสิบกว่าตัว เมื่อถูกถ่ายจะกินเวลาตั้งสามชั่วโมง ใส่ตัวนั้นถอดตัวนี้ ถ่ายไป ธรรมก็ขอดูรูป พร้อมกับออกความเห็น รูปของธรรมค่อนข้างเซ็กซี่ และแน่นอนว่ามีระดับความแซ่บตั้งแต่เห็นแล้วต้องเม้มปาก ไปจนถึงเห็นแล้วต้องอ้าปากค้างน้ำลายไหล
รูปของธรรมถูกส่งและดึงเข้าโน้ตบุ๊ค ส่วนหนึ่งจะถูกส่งเข้าโทรศัพท์ของธรรม เพื่อให้ธรรมโพสต์ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่อ่อน ๆ ชนิดเซ็กซี่พองาม จนไปถึงเห็นอะไรต่อมิอะไรอย่างเลือนราง และที่โป๊จนเห็นหมดจดทุกสัดส่วน ธรรมก็จะโพสต์ลง Onlyfan และกลุ่มลับซึ่งจะต้องเสียเงินเข้าเป็นสมาชิก
ผลงานถ่ายรูปของธรรมแม้ว่ามันจะเป็นภาพกึ่งเปลือยและเปลือยจนเห็นไปหมดทุกส่วน แต่ธรรมเลือกภาพที่ดูไม่อนาจาร ไม่อุจาด จนดูเหมือนรูปลามก
รูปของธรรมเต็มไปด้วยศิลปะ กล้ามเนื้องดงาม สัดส่วนและเรือนร่างที่สลักเสลาจากธรรมชาติ ไหนจะแสงเงา และมุมกล้องชั้นเลิศ ทำให้ภาพของธรรมไม่มีรูปไหนที่จะไม่ดูดีเลยสักรูป
"เสร็จสักที" จิมมี่พูดพร้อมกับเก็บภาพเข้าไฟล์ ภาพพวกนี้เดี๋ยวเขาต้องแต่งอีกนิดหน่อย ธรรมและจิมมี่ร่วมหุ้นกันเปิด Onlyfan และกลุ่มลับ รายได้ทั้งหมดหารสอง อย่างยุติธรรม
"เฮียเหนื่อยป่ะ ไปนอนก่อนไป ขอเราแต่งรูปแป๊บเดียว จะส่งให้ลูกค้าดูรูปก่อน" จิมมี่บอกพร้อมกับนำแว่นตาหนาเตอะมาสวมจมูก ส่วนธรรมเดินเข้าไปในห้องนอนของจิมมี่ ส่ายหน้าอย่างระอาใจที่ห้องนอนช่างรกเสียนี่กระไร เก็บข้าวของรก ๆ ไว้ด้านหนึ่ง ธรรมก็ทิ้งตัวลงนอน ด้วยร่างเปลือยเปล่าของเขานั่นล่ะ เนื่องจากตรงมุมที่ถ่ายรูป จิมมี่อยากให้มีแสงแดดส่องมากระทบร่าง ธรรมก็เลยรู้สึกเพลียแดดเล็กน้อย
ยิ่งเมื่อเช้าตื่นตั้งแต่เช้ามืดเสียด้วย พอธรรมทิ้งตัวลงนอน หลังจากเลื่อนผ้าม่านไปปิดบานหน้าต่าง พร้อมกับเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ นอนเล่น ๆ พร้อมกับโหลดภาพล่าสุดลงโซเชียลมีเดีย ธรรมก็เผลองีบหลับไป
มารู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกว่ามีอะไรอุ่น ๆ สัมผัสกับท่อนเนื้อของเขาอีกแล้ว และทั้ง ๆ ที่ธรรมหลับไป แต่มันกลับพองก๋าโดยเขาไม่รู้ตัว
"ซน" ธรรมตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก และดึงหน้ากลม ๆ ของอีกคนขึ้นมาจนปลายจมูกของทั้งสองคนชิดกัน จิมมี่ยื่นริมฝีปากแดงจัดมาสัมผัสกับริมฝีปากของธรรมช้า ๆ
ธรรมมองไปที่ดวงตาของเขา และเห็นเขาเหลือบตาขึ้นมามองบนเหนือหัวของธรรมอีกแล้ว แต่ช่างมันก่อน ธรรมประทับรอยจูบ เลื่อนมือลูบไล้ไปตามเนื้อนุ่มนิ่มเย็นเฉียบ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ธรรมลูบคลำเนื้อตัวนี้แต่ธรรมก็ไม่เคยนึกเบื่อเลยสักที
ธรรมกับจิมมี่ไม่ใช่แฟนกัน จะสถานะอะไรธรรมก็ไม่รู้ อาจจะในฐานะเพื่อน แต่มันก็มากกว่าเพื่อน
"คำว่าเพื่อนภาษาจีน อ่านว่าเผิงโหย่วค่ะ" เสียงเล็ก ๆ ของหลานสาวดังขึ้นมาในหัว
ธรรมทิ้งตัวลงหลับตาพริ้ม รับรู้สัมผัสของชิ้นสาก ๆ และชื้นอุ่นค่อย ๆ เลียไปตามแผงอกของเขาช้า ๆ จนหัวนมสีน้ำตาลอ่อนของธรรมถูกครอบครอง รสช็อกโกแลตและกลิ่นวานิลลาก็คลุ้งไปจนทั่วปากของธรรม ธรรมอดไม่ได้ที่จะใช้มือลูบคลำหัวทุย ๆ ของอีกฝ่าย
ทำไมสถานะของธรรมกับจิมมี่ ยังไม่พัฒนาไปได้มากกว่านี้กันนะ มันยังติดอยู่ในสถานะเพื่อน สถานะเผิงโหย่ว อยู่นั่นแหละ