คืนหนึ่งเธอช่วยชีวิตเขาโดยไม่รู้ว่าเขาคือคนที่จะทำลายโลกทั้งใบของเธอความรักที่เหมือนพรหมลิขิตแท้จริงคือการหลอกลวง และเธอต้องเลือกระหว่างหัวใจกับความจริง

ก็ผมคือมาเฟีย - ตอนที่ 5 คำขอบคุณหว่านล้อม โดย facelove @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,รักต้องห้าม,มาเฟีย,มาเฟียจีน ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ก็ผมคือมาเฟีย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักต้องห้าม,มาเฟีย,มาเฟียจีน

รายละเอียด

ก็ผมคือมาเฟีย โดย facelove @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

คืนหนึ่งเธอช่วยชีวิตเขาโดยไม่รู้ว่าเขาคือคนที่จะทำลายโลกทั้งใบของเธอความรักที่เหมือนพรหมลิขิตแท้จริงคือการหลอกลวง และเธอต้องเลือกระหว่างหัวใจกับความจริง

ผู้แต่ง

facelove

เรื่องย่อ


สารบัญ

ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 1 เเม้ไม่ควรพบกัน,ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 2 หนี้บุญคุณ,ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 3 คำสั่ง,ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 4 ปรากฏตัว,ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 5 คำขอบคุณหว่านล้อม

เนื้อหา

ตอนที่ 5 คำขอบคุณหว่านล้อม

“ผมเป็นคนแปลกหน้า ไม่กลัวหรอ?” เสียงแหบต่ำ ทว่าอ่อนโยน ดังใกล้หู

อลิชาร้องห๊ะ เบาๆ เงยหน้ามองคนสูงกว่าตัวเอง ตาปริบๆ สมองขาวโพลน แต่ท่ามกลางไอหมอกสีชมพู อลิชายังจับใจความได้ว่าเขาถามอะไร

“กลัว กลัวทำไมคะ แล้วคุณลุงจะทำอะไรหรอคะ แล้ว…มาหาใครคะ?” เธอถามทีละคำถาม ขณะที่สายตายังมองเขาไม่ลดละ

มิสเตอร์เฉินมองเธอจากส่วนสูงของเขา เด็กสาวคนนี้น่ารักจริงๆ

“มาหาเธอมั้ง” เขาตอบ

“หนู?” อลิชาเอียงคอ ชี้ที่ตัวเองอย่างเหลือเชื่อ 

“นี่เราไปมีวาสนากับคนที่หล่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ” เธอก้มหน้าพึมพำ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะได้ยิน เพราะตั้งใจโฟกัสเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“มีสิ” เขาตอบยิ้มๆ 

ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับทำเอาหัวใจอลิชาหล่นวูบลงแทบเท้า เธอกระพริบตาอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนที่ความรู้สึกเธอจะบ้าบิ่นไปมากกว่านี้ อลิชารีบดึงสติและถอยหลังออกมา

ท่าทีเว้นระยะของเธอทำให้มิสเตอร์เฉินหงุดหงิดเล็กน้อย อยากจะกระชากเข้ามาเสียตอนนี้เลย

“คุณลุง มีอะไรกับหนูหรอคะ” เธอถามโดยไม่มอง

“เข้าไปคุยกันในห้องสิ ได้มั้ย หรือไม่ได้?” เขาจ้องเธออยู่ตลอด เพื่อรอคำตอบ

อลิชาแทบไม่เชื่อหู “คะ? ว่าไงนะคะ?” 

“ดึกขนาดนี้เธอจะยืนคุยตากลมหนาวอยู่อย่างนี้เหรอ?” เขายังคงถามด้วยหน้าตานิ่งเฉย

อลิชากำลังจะอ้าปาก เขาก็เสริมอีกว่า “อีกอย่างผมมาเพื่อเจรจา ไม่ได้มาสร้างปัญหาให้ใคร ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเธอ แต่ถ้าเธอยังยืนยันจะให้ผมยืนตากลมเย็นเพื่อคุยธุระตรงนี้ งั้นผมคงต้องขอลา” ชายหนุ่มเสียงเย็นชาทำท่าจะจากไป

“เดี๋ยวค่ะ งั้น เข้ามาก่อนก็ได้ค่ะ” เพียงไม่กี่คำ กลายเป็นว่าอลิชาเป็นฝ่ายต้องยื้อเขา เธอหันไปไขกุญแจที่ประตูและเชิญเขาเข้าห้อง

อลิชาวางกระเป๋า เดินไปหยิบน้ำเย็นรินใส่แก้ววางให้เขาบนโต๊ะ เขานั่งโซฟาเล็กๆ มองสำรวจห้อง “ชอบอยู่ที่นี่หรอ?”

อลิชาเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า ขมวดคิ้วน้อยๆ“ชอบหรอคะ ก็ อืม แต่หนูก็อยู่ตรงนี้มาสามปีแล้วนะคะ ชอบหรอ จะว่ายังไงดี” อลิชาเกาหัว ทำไมเขาถามแบบนี้ เป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ

“ไม่ได้ชอบนะคะ เรียกชินมากกว่ามั้ง รึเปล่า” คนถามไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่คนตอบคิดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้วนะ

“จะย้ายไปอยู่กับผมก็ได้นะ” เขาจิบน้ำพลางจ้องหน้าอลิชา

“คุณลุงจะบ้าหรอคะ!” เธอเผลออุทาน

เขาเงยหน้าขึ้นสบตา

“ห้องใหญ่กว่า หรูกว่า เฟอร์นิเจอร์ครบ เตียงนุ่มนอนสบาย มีอะไรไม่ดี? อีกอย่างผมอายุแค่28ปี ไม่ต้องเรียกผมว่าลุง”

“อย่าบอกนะคะว่าที่คุณอามาหาหนู เพราะว่าหาคนไปอยู่ด้วยน่ะ งั้นเชิญกลับไปเลยค่ะ” อลิชามองหน้าเข้าชี้ไปทางประตูอย่างหมดความอดทน

“เพราะเธอช่วยผมไว้ต่างหาก” เขาตอบเสียงนิ่ง แต่แววตาต่างจากเดิม 

อลิชาขมวดคิ้ว

“ขอบคุณนะ” เขาลุกขึ้นเดินมาทางเธอ

อลิชาถอยหลังไปทีละก้าว จนชิดกำแพง

“ผมอยู่คนเดียว ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ แล้วก็ไม่มีแฟน คนที่ช่วยชีวิตผม ถึงจะครั้งเดียว แต่นั่นคือทั้งชีวิต สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้ คือชีวิตผมรอดพ้นจากความตายได้เพราะเธอ” เขาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

เอาหน้าเข้าใกล้จนลมหายใจรดใบหู 

“แล้วแบบนี้ จะให้ผมปล่อยให้เธออยู่คนเดียวข้างนอกอันตรายๆอย่างนี้เหรอ?” เขามองตา

ถึงจะแปลกใจที่ใครก็ไม่รู้จู่ๆมาแสดงความเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้ แต่อลิชาก็พยายามอธิบาย “ขอบนะคะที่เป็นห่วง แต่ ชีวิตหนูไม่ได้มีอันตรายอะไร ที่ผ่านมาหนูเรียน ทำงาน กลับห้องนอน หนูมีความสุขดี”

“แต่ชีวิตคุณอาต่างหากที่อันตราย ขนาดวันนั้นคุณอายังถูกยิงเกือบตายเลย”

“แต่ผมปกป้องเธอได้” 

อลิชาไม่เข้าใจแม้แต่นิด “คุณอาแปลกเกินไปแล้วนะคะ!” 

“แปลกยังไง?”

“หนูยังไม่รู้ชื่อคุณอาเลย แล้วทำไมต้องทำเหมือนเราสนิทกันขนาดนี้คะ!” 

“ผมชื่อ หมิงคุน” 

“ไม่ได้อยากรู้จักกันหนิคะ บังเอิญช่วยคุณอาไว้ก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องผูกมัดกัน”

เสียงอลิชาเหมือนจะร้องไห้ คนแปลกหน้าที่จู่ๆมากดดันกันขนาดนี้ ทำเอาเธอไปไม่ถูก

“เรียกพี่”

“ไม่ถนัด!”

อลิชากอดอกเงยหน้าสบตากับเขาไม่ลดละ ท่าทีของเธอในตอนนี้ เขาจึงเข้าใจ ว่าใช้ไม้แข็งต่อไปไม่ได้ 

มิสเตอร์เฉินเงียบ ยอมลดแรงกดดัน และถอยห่างจากเธอ เขาทิ้งตัวลงบนโซฟา ท่าทางแข็งกร้าวดูอ่อนล้าลง เขาเอนไปข้างหน้า ประสานมือทั้งสองวางบนเข่า มองพื้น เงียบๆ

อลิชามองตามเขา แต่เธอมองไม่เห็นสายตาที่มองต่ำนั้น ฉายแววเจ้าเล่ห์

“ผมไม่ได้เกิดมาอยากใช้ชีวิตแบบนี้หรอกนะ” 

เขาพูดเสียงแผ่ว ต่างจากก่อนหน้าสิ้นเชิง

“พ่อผมเป็นภารโรง แม่เป็นแม่บ้าน พ่อกับแม่ผมสอนผมตลอด ใช้ชีวิตให้มีความสุข สร้างความมั่นคงให้ตัวเอง และมีประโยชน์”



อลิชามองเขาเงียบๆ หัวใจเริ่มสั่นไหว 

“3ปีที่แล้ว ก่อนพ่อจะเสีย พ่อผมอยากให้ผมสอบติดราชการ ทำงานที่มีสวัสดิการมั่นคง”

เสียงหัวเราะเบาๆที่ขมขื่น

“แต่ก่อนผมต้องหาทางให้ตัวเองอยู่รอด ได้ไปถึงจุดที่ฝันไว้ ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีบ้านที่อุ่นใจ และตอนนี้ไม่มีแม้กระทั่งครอบครัว” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ 

อลิชากำมือแน่น เธอเริ่มรู้สึกผิดที่พูดออกไปก่อนหน้านี้

“ผมทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน และทำทุกอย่าง…เพื่อเอาตัวรอด”ภายในห้องเงียบเชียบจนน่าอึดอัด คำพูดของเขาลอยค้างในอากาศ

“ไม่เคยมีใครถาม ไม่มีเคยใครสนความเป็นความตายของผม และไม่มีใครรอผมกลับบ้าน”

อลิชาก้มหน้า เธอค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เขา และนั่งลงข้างๆ

“ผมไม่ได้อยากผูกมัดเธอ และต้องมาอยู่กับชีวิตที่เธอคิดว่าอันตราย” 

อลิชามองหน้าเขาจากด้านข้าง รอฟังเพื่อทำความเข้าใจ เเละเพื่อโต้แย้งว่าสิ่งที่เธอคิดมันผิด 

เขาหันมามองเธอ “แค่อยากขอบคุณ ที่ช่วยชีวิตผมน่ะครับ”

รอยยิ้มที่อ่อนโยนจากเขาในระยะใกล้กันขนาดนี้ ทำให้อลิชามองภาพนั้นไม่รู้ตัว อกซ้ายเต้นแรงกว่าเดิม

“ผมมีหมาตัวหนึ่ง พ่อกับแม่ผมเลี้ยงไว้ ตอนนี้มันก็อายุมากแล้ว” 

ดวงตาโตเป็นประกายขึ้นมองเขา และเขาก็รับรู้ถึงสายตานั้น จึงเล่าต่อ

“มันชื่อเนโร่ มันก็เหมือนผม สูญเสียครอบครัว ตัวคนเดียว ผมต้องออกไปทำงานทุกวัน กลับดึก กลับมาก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบราชการตามความฝันของพ่อ ไม่ได้อยู่กับมัน พักหลัง มันไม่ค่อยเล่น ไม่กินข้าว เริ่มซึมลงแล้ว ” 

อลิชาขมวดคิ้วทันที หัวใจเธอเหมือนถูกบีบรัด เธอรักสัตว์ และไม่ชอบฟังอะไรแบบนี้ เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนตำหนิ “แล้วทำไมคุณอาไม่แบ่งเวลาให้เนโร่สักหน่อยล่ะคะ หมาก็มีจิตใจ การหายไปของเจ้าของที่รัก แค่วันเดียว ก็คือการรอของหมาเกือบครึ่งชีวิต” 

มิสเตอร์เฉินเกือบจะหลุดยิ้มน้อยๆ แต่ก็ยังเก็บสีหน้ากลับมาได้ 

เขาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน และสายตาจริงจัง “ผมไม่ได้ขอรบกวนให้เธอต้องมาอยู่ด้วย เพื่อตัวผม ขอแค่เธอช่วยดูแลมันแทนผม…ได้มั้ยครับ อย่างน้อย ผมจะได้ไม่ต้องเสียมันไปอีก ถ้าเธอมาอยู่ผมจะไม่สร้างปัญหาให้เธอแน่นอน”

อลิชากำมือแน่น เธอเริ่มรู้สึกว่าบทสนทนานี้กำลังพาเธอไปไกลกว่าที่ตั้งใจ

“มันไม่มีใครแล้วจริงๆ” เขาเสริมเบาๆ

“ถ้าวันหนึ่งผมไม่อยู่บ้านนานๆ อย่างน้อยมันจะได้รู้ว่า…ยังมีคนรออยู่ด้วยกัน”

เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แววตาอ่อนลงจนอลิชาไม่อยากปฏิเสธ“ผมไม่อยากให้มันโตมากับความว่างเปล่าแบบที่ผมเคยเจอ”

เขากำลังขอให้เธอช่วย และสำหรับอลิชา ก็เป็นคำขอที่ไม่ได้มากขนาดนั่น

“หนูเข้าใจหมดแล้วค่ะ ขอโทษที่พูดจาแรงๆใส่คุณอานะคะ”

มิสเตอร์เฉินยิ้ม ส่ายหัว “ไม่เป็นไรครับ” เขาจ้องเธอไม่ละ รอฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อ

“แต่ว่า หนูก็พึ่งเคยเจอคุณอา แล้วก็ไม่รู้จักกันเท่าไหร่ ถ้าหนูไปอยู่กับคุณอาแบบนั้น…” เด็กสาวก้มหน้าน้อยๆ เม้มปากราวกับลังเล

เขายิ้มอยากจะลูบหัวเธอ แต่กลับแค่ทำแค่บอกให้สบายใจ “ไม่เป็นไร ผมมาหาเธอวันนี้ แค่อยากจะมาขอบคุณ ไม่ได้บังคับให้เธอไปวันนี้เลยสักหน่อย ค่อยๆทำความรู้จัก ค่อยๆสนิทกันไป” 

ประโยคสุดท้ายเสียงเขาเบาลง บรรยากาศก็เงียบลง อลิชาหันไปสบตา และเขาก็มองเธอเช่นกัน

อลิชาตอบไม่ถูก ที่เขาจะสื่อ มันคือความหมายยังไงกัน