คืนหนึ่งเธอช่วยชีวิตเขาโดยไม่รู้ว่าเขาคือคนที่จะทำลายโลกทั้งใบของเธอความรักที่เหมือนพรหมลิขิตแท้จริงคือการหลอกลวง และเธอต้องเลือกระหว่างหัวใจกับความจริง

ก็ผมคือมาเฟีย - ตอนที่ 3 คำสั่ง โดย facelove @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,รักต้องห้าม,มาเฟีย,มาเฟียจีน ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ก็ผมคือมาเฟีย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักต้องห้าม,มาเฟีย,มาเฟียจีน

รายละเอียด

ก็ผมคือมาเฟีย โดย facelove @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

คืนหนึ่งเธอช่วยชีวิตเขาโดยไม่รู้ว่าเขาคือคนที่จะทำลายโลกทั้งใบของเธอความรักที่เหมือนพรหมลิขิตแท้จริงคือการหลอกลวง และเธอต้องเลือกระหว่างหัวใจกับความจริง

ผู้แต่ง

facelove

เรื่องย่อ


สารบัญ

ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 1 เเม้ไม่ควรพบกัน,ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 2 หนี้บุญคุณ,ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 3 คำสั่ง,ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 4 ปรากฏตัว,ก็ผมคือมาเฟีย-ตอนที่ 5 คำขอบคุณหว่านล้อม

เนื้อหา

ตอนที่ 3 คำสั่ง

“แฮ่ก...แฮ่ก เห้อ"

เสียงหายใจเฮือกใหญ่ทั้งเหนื่อยและหอบของอลิชาดังมา น ทั้งกลุ่มหันไปมอง

“ทัน แฮ่ก..มั้ย"

“เกือบไม่ทันแล้วจ๊ะ"

ชายร่างเล็กเหมือนผู้หญิงสวมแว่นกรอบดำใบหน้าเกลี้ยง หันมาพูดกับอลิชา

“ช้ากว่านี้อีกนิดโดนนอกแถวแน่นอนค่ะเพื่อน" เพื่อนสาวผมสีดำอมน้ำตาลรวบตึงกอดแขนอลิชาทันที

“นี่ไปทำไรมา ปกติไม่เคยเห็นแกมาสาย" เพื่อนในกลุ่มอีกคน ช่างสังเกตและนิ่งสงบถามขึ้น

อลิชาทำหน้าเหมือนคนใกล้สิ้นใจ “ฉัน....ฉัน....ฉันเหนื่อยมากกกกก"

“ไม่นึกว่าการบริจาคเลือดจะทำร่างกายอ่อนเพลียขน าดนี้ นี่อดีตแชมป์นักวิ่งร้อยเมตรเลยนะ วิ่งแค่หน้าโรงเรียนมาเข้าแถว ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้" เธอทำหน้าบูดบึงอย่างไม่เข้าใจ

"บริจาคเลือดตอนไหน บริจาคให้ใคร" ตัส เพื่อนชายคนเดียวในกลุ่มถามขึ้นคนแรก

“ญาติป่วยหรอ? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" นาเดียถามต่อ

“นั่นสิ" รักยังคงกอดแขนอลิชา มืออีกข้างพลางลูบผมสีน้ำตาลของตัวเองเล่น

“เป็นใครก็ไม่รู้ แต่เหมือนอายุมากแล้วนะ โดนยิงมาจากไหนนี่แหละ ฉันเจอที่หน้าร้าน บังเอิญได้ช่วยไว้" อลิชาส่ายหัวไปมา

“เกือบไม่รอดแล้ว แต่ก็ยังฟื้นมาได้"

“แกเจอเรื่องแบบนี้แล้วพึ่งมาบอกกันได้ไง!" รักรีบหันมามองหน้าเพื่อนตัวดี

แต่ก่อนที่อลิชาจะได้อธิบายกับเพื่อนเสียงประกาศเร ริ่มแถวก็ดังขึ้น ทั้งสี่คนจึงต้องพักการสนทนาไว้

เวลากิจกรรมแถวผ่านไป

นักเรียนชั้นม.6สอบเสร็จวิชาแรก และพักสามสิบนาที ทว่าหัวข้อที่เพื่อนๆให้ความสนใจไม่ใช่เรื่องความรู้ในการส อบ แต่เป็นเรื่องของอลิชา

“ไม่รู้สิ แต่เขาหน้าตาดีมากเลยนะ"

อลิชาตั้งใจนำเสนอความหล่อเหลาของคนแปลกหน้าที่เธอพร้อมกับกินขนมไปด้วย

รักยื่นมือมากินขนมของเธอด้วย “ไอ้เราก็อุตส่าห์ช่วยเขา

ทำไมจะขอคอนแท็กติดต่อไม่ได้ล่ะ นี่ถ้าได้จีบกันนะ แหม่ เหมือนนิยายนางเอกช่วยพระเอกจากความตาย จากนั้นก็รักกันหวานชื่น"

เสียงหัวเราะคิกคักของรักดังมาตามหลัง

“ไอ่รัก คนที่โดนยิงมาขนาดนั้น นอกจากพวกนักเลงชอบไล่ตีกัน จะเป็นอะไรได้อีก ต่อให้หน้าตาดีกระชากหัวใจแค่ไหน แต่ใครจะไปยุ่งกับคนแบบนั้นเล่า" อลิชารีบบอกปัดเด็ดขาด

“เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงด้วยน่ะสิไม่ว่า"

นาเดียถามแทรก "แล้ว เช้านี้ไม่มีข่าวบ้างหรอคนโดนยิงเลยนะ น่าจะมีข่าวต่อยตีกันตายบ้างสิ"

อลิชาชะงักไปเสี้ยววินาที แต่รักไม่รอช้า เปิดโทรศัพท์และกดเสริชทันที

“หือ...ไม่มีอะไรเลย"

คำตอบนั้นทำให้ทั้งโต๊ะเงียบลงเล็กน้อย

"แปลกว่ะ" ตัสขมวดคิ้ว “สมัยนี้อะไรนิดหน่อยก็ลงข่าวแล้ว นี่โดนยิงนะ ไม่ใช่แผลถลอก"

“หรือเขาไม่ใช่คนธรรมดา" รักยักคิ้ว พลางกัดหลอดนมกล่อง "แบบ...พวกมีเส้น มีอิทธิพล ข่าวเลยไม่กล้าเล่นงี้"

“ไม่น่าใช่มั้ง ช่างเถอะ เราจะไปสนใจเขาทำไม ใช่มั้ยฮ่าฮ่า" อลิชาขำกลบเกลื่อน แม้ใจจะเต้นแรงขึ้นนิดหน่อย

นาเดียมองหน้าเธออย่างพินิจ “แต่แกก็เอาเลือดไปให้เขานะอลิชา นั่นมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ”

อลิชานิ่งไป มือที่ถือขนมชะงักกลางอากาศ ก่อนจะยิ้มแห้งๆ “ก็แค่ช่วยชีวิตคนหนึ่งเอง มันเป็นอะไรหรอ"

ยังไม่ทันที่ใครจะตอบ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นจากด้านหลัง

“พวกตลาดล่าง รวมหัวกันนินทาใครอยู่อีกล่ะ"

ทั้งสี่คนหันไปพร้อมกัน มีนยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมเพื่อนอีกสองคน สีหน้ายิ้มเหมือนแค่มาทัก แต่แววตากลับจับจ้องไม่วาง

"เสือก" ตัสตอบเสียงห้วน ไม่แม้แต่จะมอง มีนพยายามไม่แสดงความโมโห "เหอะ! เห็นกระซิบกระซาบกันตั้งแต่ห้องสอบ มารยาทห้องสอบน่ะ ไม่มีใครสั่งสอนหรอ"

ตัสยืนขึ้นก่อนจะหันมามองตรงๆ “เสือก" บรรยากาศเงียบลงฉับพลัน

รอยยิ้มบนหน้ามีนหายวับในเสี้ยววิ “ว่าไงนะ"

“เสือก” ตัสพูดซ้ำ น้ำเสียงนิ่ง แต่สายตาไม่หลบ

“ไม่ได้ขอให้ลูกใครมาร่วมวงก็ไม่จำเป็นต้องอยากรู้" รักเสริมต่อ

เพื่อนของมีนก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว

“พูดดีๆนะใครอยากรู้เรื่องพวกแก พวกเราแค่รำคาญอีพวกนินทาซุบซิบไม่ดูเวลาสถานที่ ไม่มีใครเตือนเลยต้องมาเตือน"

"อ๋อหรอ ตอนนี้พักไม่ใช่หรอ

เสนอหน้ามาทำอะไรตอนนี้ หรือที่ตรงนี้พูดไม่ได้?

อีกอย่างก็ไม่ได้มีใครนินทาพวกหล่อน ร้อนตัวไรก่อน"

"ไอ่ตัส!" มีนผลักตัสระแทกกับผนัง

รักรีบจับแขนตัส “พอเถอะ เดี๋ยวมีเรื่อง"

อลิชาลุกขึ้นยืนบ้าง “หาเรื่องคนอื่นเก่งจริงๆ”

อีกฝ่ายหันมามองด้วยสายตาเย็นเยียบ

รอ" “อีตัวแอบชอบแฟนชาวบ้านเสนอหน้ามีบทบาทแล้วห

ตัสขยับเข้าไปใกล้ครึ่งก้าว

“ไม่โดนสักทีไม่ดีขึ้นเลย" มือกระชากผมมีนแน่น บรรยากาศตึงเครียดจนแทบทั้งอาคารหันมามองแต่กลับไ ม่มีใครกล้ามาห้าม

"ทำอะไรกันน่ะ!"

เสียงครูเวรดังขึ้นจากปลายทางเดิน ทุกคนชะงักพร้อมกัน

ทุกคน ณ ที่นั้นพร้อมใจกันทำท่าที่ปกติ และถอยห่างจากกันจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป พร้อมใบหน้าที่ไม่ได้เป็นมิตรเลย

เสียงออดเรียกเข้าห้องสอบดังขึ้นพอดี

หลังการสอบวันที่สามสิ้นสุดลง ทั้งสี่พากันไปกินบิงซูและไปดูหนัง วันเดียวกันนั้นอลิชาก็มาทำงานพาร์ตไทม์ตามปกติ

ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ใกล้สี่แยก เป็นที่ที่อลิชาทำงานมาตั้งแต่ม.5 กลิ่นขนมปังอบใหม่ลอยคลุ้ง เคาน์เตอร์ไม้สีอ่อนสะอาดตา ทุกอย่างดูธรรมดามีความมินิมอล

“อลิชา วันนี้ช่วยหน้าร้านนะ" พี่แนนผู้จัดการบอกกับเธอ

“ค่ะ” อลิชาตอบ พลางผูกผ้ากันเปื้อน

ช่วงเย็น ลูกค้าเข้าไม่ขาดสาย อลิชาทอนเงิน และหยิบขนมใส่ถุงอย่างชำนาญ จนกระทั่งประตูร้านถูกเปิดออกอีกครั้ง

เสียงกระดิ่งดังขึ้น

ชายสองคนก้าวเข้ามาพร้อมกัน หุ่นสูงใหญ่ ไหล่กว้าง

สวมเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแลคเรียบรองเท้าหนังขัดเงา

บรรยากาศในร้านเปลี่ยนไปอย่างประหลาด

อลิชาเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย สายตาเธอเป็นประกายด้วยความชื่นชม

เธอไม่เคยเจอลูกค้าที่ดูเป็นทางการขนาดนี้

“รับอะไรดีคะ" เธอถามตามหน้าที่

ชายคนหนึ่งกวาดตามองตู้ขนมอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนตอบเสียงเรียบ “ขนมปังเนยสองชิ้น"

อีกคนยืนเยื้องด้านหลังอย่างเงียบๆ และมองรอบร้านอย่างระแวดระวัง

อลิชาหยิบขนมใส่ถาด จากนั้นจึงคีบใส่ถุงขณะกำลังทอนเงิน สายตาของชายตรงหน้าก็หยุดที่ข้อมือเธอ

รอยเจาะเข็มเล็กๆ ยังจางไม่หาย

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ

“ไปโรงพยาบาลมาเหรอครับ?"

คำถามนั้นทำให้อลิชางุนงง แต่ก็ตอบตามจริง

“เอ่อ..ค่ะ บริจาคเลือดมาค่ะ" ชายคนนั้นพยักหน้าเบาๆ เหมือนยืนยันบางอย่างในใจ ก่อนหยิบเงินขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์

"ขอบคุณครับ"

“ขอบคุณค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ"

เขาหันหลังเดินออกไปพร้อมอีกคน เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง

อลิชามองตามแผ่นหลังทั้งสอง รู้สึกแปลกๆ แต่ก็สลัดความคิดฟุ้งซ่านออก หันไปอบขนมต่อ

ทว่าด้านนอกร้าน ชายทั้งสองหยุดเดิน

“ใช่เธอแน่ รอยเข็มตรงกัน" ชายคนแรกพูดเสียงต่ำ อีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย แล้วยื่นให้อีกคน “แจ้งท่านไป บอกว่าพบตัวแล้ว"

ก่อนขับออกไป ไฟหน้ารถสีดำคันหนึ่งสว่างขึ้นที่ฝั่งตรงข้าม

................................................

ห้องทำงานใต้ดินของคาสิโนเงียบสนิท มิสเตอร์แพตตันนั่งอยู่ มือกำโทรศัพท์แน่น เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนกดโทรออกไปยังหมายเลขที่ถูกเข้ารหัสไว้

ปลายทางไม่ได้รับทันที ทว่าไม่นานเสียงหนึ่งดังขึ้น ที่ไม่ใช่มิสเตอร์เฉิน

“ว่ามา” เสียงบอดี้การ์ดเอ่ยสั้นๆ

“ผมมิสเตอร์แพตตัน ขอรายงานนายท่าน"

น้ำเสียงเขาสุขุม แต่แฝงความระมัดระวัง

มีเสียงขยับเบาๆ จากปลายสาย ก่อนโทรศัพท์จะถูกส่งต่อ

ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสียงเอื่อยเฉื่อยก็ดัง ขึ้น

"พูดมา"

มิสเตอร์แพตตันกลืนน้ำลาย “ผมทำตามคำสั่งแล้วครับ"

เขาเว้นจังหวะเพียงเสี้ยววินาที ก่อนเอ่ยประโยคสำคัญ

“เจออลิชาแล้วครับ"

ปลายสายเงียบไป “อยู่ที่ไหน"

“นักเรียนม.6 ของโรงเรียนประจำอำเภอทำงานพาร์ทไทม์ร้านเบเกอรี่ข้างสี่แยก ใช้ชีวิตปกติครับ"

“สภาพเธอเป็นยังไง"

“แข็งแรงดีครับ แต่ยังมีรอยเข็มจากการบริจาคเลือด" 

ปลายสายเงียบอีกครั้ง

“อย่าให้ใครแตะต้องเธอเฝ้าดู แต่ห้ามเข้าใกล้"

“ครับ ผมจะจัดการให้ดีที่สุด"

สายตัดไป

มิสเตอร์แพตตันค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง หัวใจเต้นแรงราวกับเพิ่งรอดจากคมมีด

เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งถูกเฝ้ามองจากจุดสูงสุดของอำนาจมืด

และเขารู้ดีว่า ตั้งแต่วินาทีที่เด็กคนนั้นเข้าไปมีส่วนร่วมกับเส้นชีวิตของคน อย่างมิสเตอร์เฉิน

ชะตาของเธอจะไม่มีทางสงบอีกต่อไป