ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้

บันทึกกาล เทพไร้นาม - ตอนที่ 26, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (VI) โดย นักประพันธ์ดารา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม,แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกกาล เทพไร้นาม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

บันทึกกาล เทพไร้นาม โดย นักประพันธ์ดารา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้

ผู้แต่ง

นักประพันธ์ดารา

เรื่องย่อ




ตารางอัพนิยายจะอัพทุกวัน 18.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์เวลา 19.00 น. เวลาอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมต่อไปในอนาคตนะครับ

เรื่องย่อ : ลิซชายหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาที่ในอดีตประสบอุบัติเหตุปริศนาจนเสียพ่อแม่และความทรงจำไป ตอนนี้ได้อาศัยอยู่กับเพื่อนสมัยเด็กนาม “ธิน่า” ในทุกคืนลิซจะฝันเห็นถึงเรื่องประหลาด ตัวตนของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ประสบการณ์ ความทรมานและอีกหลาย ๆ อย่าง เขาเก็บเป็นความลับกับธฺิน่าและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา แต่ทว่า


วันหนึ่งธิน่าก็ถูกจับตัวโดยตัวตนปริศนาและลิซก็ถูกสังหาร เขาดำดิ่งลงสู่มิติปริศนาที่เขาคอยเห็นผ่านฝันมาตลอด เขาได้รู้ความจริงบางส่วนและเลือกลืมตาตื่นในฐานะ “เทพเจ้า” สายเลือดพิเศษครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวเขามาตลอด เพื่อเข้าต่อสู้ต่อมาเขาได้รู้จักกับพรรคพวกของธิน่าและเลือกออกเดินทางไปช่วยธิน่า แต่ก่อนจะไปถึงเขาจะต้องเดินทางผ่านอาณาจักรทั้ง 9 เสียก่อน กระแสกลียุคครั้งใหม่ เปลิวเพลิงแห่งหวังอันมืดมิดถูกจุดประกาย ณ ห้วงลึกของกาลเวลา

ท้ายที่สุดการเดินทางแสนยาวนานจะจบลงที่ตรงไหน ก็คงมีแต่ผู้ที่ไปถึงเท่านั้นจะรู้ได้…


#คำเตือน# เนื้อหาในนิยายบางตอนมีการบรรยายถึงดราม่าที่อาจทำให้รู้สึกหดหู่หรือซึมเศร้า เลือด โศกนาฏกรรม การตาย และการ depress ของตัวละครหรือกระทั่ง อาการ PTSD ก็ตาม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้มีอาการซึมเศร้า หดหู่หรือพึ่งประสบเจอสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตมา โปรดหลีกเลี่ยง


จากนี้เชิญสนุกกับนิยายได้เลยครับ

สารบัญ

บันทึกกาล เทพไร้นาม-Prologue สองเส้นขนานบรรจบ??,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 1, บทที่ 1 ชีวิตสามัญยามเช้า,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 2, บทที่ 1 เปิดเรียนวันแรก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 3, บทที่ 1 ฟันเฟืองเริ่มขยับ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 4, บทที่ 1 ฝันร้ายในเรือนกระจก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 5, บทที่ 1 สัญญาณลางร้าย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 6, บทที่ 1 The Last supper มื้ออาหารสุดท้าย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 7, บทที่ 1 ภัยร้ายมาเยือน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 8, บทที่ 1 จุมพิตอำลา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 9, บทที่ 1 คำตอบ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 10, บทที่ 1 การต่อและความช่วยเหลือ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 11, บทที่ 1 ความจริง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 12, บทที่ 1 จดหมายแด่จอห์น,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 13, บทที่ 1 สิ่งที่แปรเปลี่ยนไป,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 14, บทที่ 1 โอกาส,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 15, บทที่ 1 ฝึกฝน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 16, บทที่ 1 เพลิงเหน็บหนาวผ่าขั้วหัวใจ (I),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 17, บทที่ 1 เพลิงเหน็บหนาวผ่าขั้วหัวใจ (II),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 18, บทที่ 1 เดินทางสู่ป่าลึก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 19, บทที่ 1 การต่อสู้พร้อมความสูญเสีย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 20, บทที่ 1 ความเป็นความตาย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 21, บทที่ 1 การเตรียมใจและความเชื่อมั่น,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 22, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (I),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 23, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (II),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 24, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (III),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 25, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (IV),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 26, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (VI),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 27, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (VII),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 28, บทที่ 1 จุดหมายต่อไป,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 29, บทที่ 1 เส้นทางจากนี้,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 30, บทที่ 2 ปรปักษ์แห่งพระเจ้าผู้สวมหน้ากากคนเขลา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 31, บทที่ 2 สู่ 'อีกด้าน',บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 32, บทที่ 2 ผู้ถูกทิ้งสู่เบื้องล่าง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 33, บทที่ 2 เหล่าเศษขยะผู้มารวมกัน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 34, บทที่ 2 คำประกาศของผู้มาเยือน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 35, บทที่ 2 ยมทูตแห่งแสงสว่าง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 36, บทที่ 2 อาทิตย์ยามสนธยา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 37, บทที่ 2 การสนทนาด้วยดาบ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 38, บทที่ 2 ความตายคอยจับจ้อง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 39, บทที่ 2 ออบซิเดียนที่เจิดจรัสที่สุด,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 40, บทที่ 2 เพลิงแค้นของผู้ร่วงหล่น

เนื้อหา

ตอนที่ 26, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (VI)

“เดียร์มุด ฉันรักคุณค่ะ”

สายตาอันว่างเปล่าและนัยต์ตาเบิกออก เปลือกตาที่ปิดลงไม่สนิท มือข้างที่สัมผัสแก้มร่วงหล่น เนื้อตัวอันเย็นเฉียบและชีพจรที่หยุดลงคือสัญญาณของการมาถึงจุดจบของชีวิต

เดียร์มุดใช้ของเขาที่ยังว่างจัดท่าทางของกลอเนียให้สง่างามและเพื่อเป็นเกียรติกับเธอ ก่อนที่สุดท้ายเขาจะวางมือของกลอเนียที่เขากุมไว้ปิดท้ายอย่างงดงาม ก่อนที่เขาจะนำเศษชุดเกราะของตนที่พกไว้เป็นเครื่องรางวางไว้บนมือนางและใช้ผ้าคลุมตัวของเธอไว้

จากนั้นเขาก็ซับน้ำตาที่ไหลรินออกมา ก่อนจะเดินย้อนกลับไปหาตัวต้นเหตุของทุกอย่าง

“ดูท่าจะบอกลาน้ำเน่านั่นเสร็จแล้วสินะ เจ้าโง่”

“เรามาสะสางเรื่องของเรากันดีกว่า”

“นั้นสินะ”

จากนั้นฟินน์ก็ดีดนิ้วเรียกทหารทั้งหมดออกมา นัยต์ตาของพวกเขานั้นว่างเปล่าราวกับว่าเป็นหุ่นเชิดซึ่งนั้นเป็นข้อพิสูจน์ในสิ่งที่กลอเนียบอกมา

“ดูท่าพลังที่เจ้าได้รับจะทำให้เจ้ารู้สึกว่าตนสุดยอดมากสินะ”

“ใช่…ดูนี่สิพลังในการเชิดผู้คน ช่างเหมาะกับฉันผู้ที่จะครองผืนดินนี้”

ฟินน์พูดด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในพลังตน แต่ไม่นานมันก็ต้องบิดเบี้ยวอีกครั้ง

“พลังของเจ้าน่ะ เหมาะกับเป็นนักเชิดหุ่นมากกว่านะ”

เดียร์มุดตอกกลับหน้าฟินน์ด้วยคำพูดที่แสนจะเย็นชาและไร้เยื่อใย ฟินน์ที่ได้ยินก็ทนไม่ไหว

“งั้นมาลองดูกัน!!”

ฟินน์สั่งให้ทหารทุกนายเข้ารุมเดียร์มุดหวังใช้จำนวนกับตอนนี้ที่สภาพจิตใจของเดียร์มุดหวั่นไหวอยู่ เพื่อเอาชัย แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำได้ปลุกสัตว์ประหลาดที่หลับใหลมานานแสนนานเสียได้

หลังจากคำสั่งของฟินน์ร่างของทหารนั้นก็ถูกหอกฟันขาดบ้างแทงทะลุจนพรุนบ้าง กระเด็นไปไกลบ้าง หรือแย่ที่สุดคือการถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ โดยไร้ซึ่งความอาวรณ์ใด ๆ 

เดียร์มุดตอนนี้เขานั้นไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ สิ่งที่คงเหลือมีเพียง ”ความแค้น” เท่านั้น

ฟินน์เห็นว่าท่าไม่ดีก็พยายามที่จะหนีโดยให้ทหารพาเขาไป แต่เขาก็ถูกตัดแขนและขาที่เหลือออก ทั้งทหารที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถูกฆ่าไปด้วยเช่นกัน

“นี่แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะ….อุบ”

ก่อนที่ฟินน์จะพ่นอะไรไปมากกว่านี้นั้น หอกสีดำทมิฬก็อุดปากของเขาไว้

“ตอนนี้ฉันไม่ว่างพอจะฟังอะไรจากแกแล้ว ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำตอนนี้นั้นมันคือการกลืนน้ำลายตนและทำลายเกียรติของอัศวินที่ฉันยึดถือแต่ฉันก็รู้ในวันนี้ว่ามันเป็นเพียงทิฐิอันหยิ่งผยองเท่านั้น”

“ลาก่อนผู้เคยเป็นเพื่อนรักของข้า”

สิ้นคำพูดหอกสีดำทมิฬก็แทงทะลุหัวฟินน์ สภาพโดยรอบตอนนี้มีแต่กองซากศพของทหารผู้น่าสงสารและตัวการของเหตุการณ์นี้ เศษเนื้อกระจัดกระจายไปทั่ว เศษชุดเกราะที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ร่างทหารอันไม่สมประกอบนอนเรียงราย

“มันจบแล้วสินะ….”

ใช่แล้วมันจบลงแล้ว…ทุก ๆ อย่างกลอเนีย เอ๊ะ…!

อยู่ดี ๆ น้ำตาก็ไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองของเดียร์มุด เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะบรรจบกับร่างของทหารที่เขาเคยคุยก่อนหน้า ไม่ใช่แค่นั้นทั้งทหารที่เคยเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟัง ทั้งคนที่พากินเหล้ายันรุ่งเช้า คนที่พาไปทำอะไรแปลก ๆ และคนที่เคยเคียงบ่าในสนามรบใช่แล้ว…พวกเขาคือเพื่อนร่วมรบของเขาเอง

อ่า…ทำไมถึงได้ลืมกันนะ ว่าพวกเขาแท้จริงแล้วคือใคร

“อ้ากกกกกกกกกกกกกกก”

เสียงกรีดร้องของนักรบผู้ร่วงหล่นสู่โคลนตมแห่งซากศพกู่ร้องไปทั่วบริเวณและถูกกลืนหายไปใน“ความว่างเปล่า ”

ในวันนั้นข้าได้ร่วงหล่นสู่ความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต ท้ายที่สุดก็เพราะไฝนี้ถึงทำทุกอย่างพังไปหมด ข้าเกลียด เกลียดไฝเม็ดนี้! เกลียดโลกที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องประสบพบเจอเรื่องแบบนี้!!

 

“เจ้ามาทำงานให้ข้าไหม ข้าจะทำความปรารถนาของเจ้าให้เป็นจริงเอง”

“ท่านคือใคร?”

“ข้ามีชื่อว่า…..”

ในวันนั้นข้าได้รับมือของท่านผู้นั้นไว้ แม้ในใจจะรู้ดีว่าสักวันมันจะทำลายข้า ข้ารู้ว่ามันโง่เขลาเพียงใด แต่ข้าก็อยากจะเชื่อว่ามันสามารถทำได้ 

ขอแค่ชั่วพริบตาก็ยังดีที่จะได้เจอเธอคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง…แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

จากนั้นข้าก็รับงานมากมายทั้งงานสกปรกต่าง ๆ ทุกประเภทเท่าที่จะนึกถึงได้ ลอบสังหาร กำจัดผู้เห็นต่างทั้งเด็กหรือแม้แต่คนชรา สมสู่กับหญิงสาวมากหน้าหลายตาเพื่อภารกิจ

ท้ายที่สุดนี้นรกบนดินนี้จะจบเมื่อไหร่กัน? ข้าเองก็ไม่รู้ได้เลย แต่ในที่สุดข้าก็เจอ

“คนที่สามารถปลิดชีพข้าได้” ตอนนี้อยู่ตรงหน้าข้าแล้ว

“เรามาต่อกันเถอะ เดียร์มุด”

ในที่สุดตัวตนที่สามารถฆ่าข้าได้ก็มาถึงอีกทั้งยังเป็นเขาคนนี้ ลูกชายของชายคนนั้น

ในใจของเดียร์มุดมีแต่ความปลื้มปีติที่ในที่สุดตัวตนที่สามารถปลิดชีพเขาก็มาถึง 

“นั้นสินะ เรามาต่อศึกของเรากันดีกว่า”

เดียร์มุดพุ่งเข้าโจมตีลิซด้วยความเร็วที่ต่างจากเดิมลิบลับ กระบวนท่าของหอกก็ต่างไปเช่นกัน

“จงร่ำร้อง Gáe Dearg!!! (สายฟ้าโหมแห่งพันธะ)”

สายฟ้านับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำใส่ลิซ ทั่วบริเวณอาบย้อมไปด้วยอสนีบาตสีเหลืองทองพร้อมเสียงก้องราวกับจะฉีกผืนฟ้าและแผ่นปฐพีออกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ ความต่อเนื่องของมันบดบังทัศนของทั้งสามที่ดูอยู่รอบนอกจนหมด แต่ลิซก็ใช้ความเร็วของตนหลบฝนอสนีบาตเหล่านั้นจนเดียร์มุดต้องแปลกใจ

“นี่เขาเร่งความเร็วของตนให้เท่ากับไม่สิ…ให้เร็วกว่าสายฟ้าเหรอ!? ไม่มันมีอะไรมากกว่านั้น”

เขาพยายามสังเกตการเคลื่อนไหวของลิซที่ขยับไปมาอย่างรวดเร็วในฝนอสนีบาต จนเขาเห็นในบางสิ่งในตาของลิซ 

“หน้าปัดนาฬิกา!? ระ..หรือว่า!!”

เขาอ่านอนาคตของฝนสายฟ้าและหลบมันงั้นหรือ!? เป็นไปไม่ได้!! 

เดียร์มุดตกใจและทึ่งกับสิ่งที่ตนเห็น การเคลื่อนไหวที่ไร้จุดขยับอันเปล่าประโยชน์ มีเพียงการขยับที่คิดมาทุกย่างก้าวราวกับการเต้นรำอันวิจิตรงาม ตอนนี้ลิซนั้นไม่ใช่กำลังหลบจากฝนอสนีบาต แต่กำลังเริงระบำอยู่ใต้ฝนอสนีบาตนี้ต่างหาก

หากเขาอ่านอนาคตได้จริง แต่การเคลื่อนไหวแบบนั้นหากไม่เสริมพลังเข้าไปในร่างกายก็คงยากที่จะทำเช่นนั้น เคยได้ยินว่าเทพเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้วิธีใช้พลังเพราะมันคือสิ่งที่ติดตัวพวกเขามาแต่กำเนิด พวกเขาสามารถรู้วิธีใช้ได้โดยสัญชาตญาณในตัว แต่ในกรณีของลิซที่ถูกผนึกพลังทั้งยังไม่เคยสัมผัสพลังมาก่อน แต่สามารถควบคุมได้ถึงเพียงนี้มันช่างวิเศษมาก วิเศษจริง ๆ ลิซ!!

เดียร์มุดกล่าวชื่นชมลิซ แต่เขาเองก็รู้ว่าตนประมาทไม่ได้แล้ว เขาจึงตั้งท่าอีกครั้งเพื่อเข้าโจมตี เขาพุ่งหาลิซอีกครั้งและใช้อีกหนึ่งความสามารถของ Gáe Dearg 

“จงผูกมัดจองจำ Gáe Dearg!! (สายฟ้าโหมแห่งพันธะ)”

สายฟ้าบางส่วนที่พุ่งลงมาหาลิซเปลี่ยนเป็นโซ่เข้ารัดลิซรอบทิศทาง แต่ลิซก็เร่งความเร็วตนขึ้นและใช้หอกปัดป้องการโจมตีของอสนีบาตและโซ่บางส่วนออกไป แม้บางส่วนจะกระทบกันหรือหลุดออกนอกทิศทางจนโดนตึก แต่ตอนนี้นั้นไม่มีใครสนใจเรื่องเล็กน้อยนั้นแล้ว! ทุกคนกำลังจ้องมองและเป็นสักขีพยานในการต่อสู้อันดุเดือดและทรงเกียรตินี้

“ดูท่าว่าหากข้าไม่ใช้หอกอีกเล่มหนึ่ง ข้าอาจจะเป็นผู้แพ้สินะ…ได้!!!”

เดียร์มุดพูดขึ้นพร้อมถอยออกห่างลิซไป เและเขาก็นำหอกอีกเล่มขึ้นมาพร้อมกล่าว

“ความกรุณาสีนิลเอ๋ยจงเปิดเผยออกมา Gáe Buide!! (สีดำแห่งการุณย์)”

ทันทีที่ลิซเห็นหอกเล่มนั้นเขาก็รู้ว่ามันอันตราย เขาเอาหอกขึ้นมาและร่าย

“enchant (เสริมพลังยุทธภัณฑ์เฉพาะ) การป้องกัน!!”

เดียร์มุดไม่เปิดช่องให้ลิซเขาปา Gáe Buide!!(สีดำแห่งการุณย์) ออกไปแต่มันก็ปะทะเข้ากับหอกของลิซ คลื่นพลังทั้งสองต้านกันจนเกิดลมกระโชกแรง แม้จะเป็นแบบนั้นแต่ลิซก็ปัดออกได้แม้จะเฉี่ยวตนไปและทันใดนั้น

“อะ…อ้ากกกกก”

ความรู้สึกเจ็บปวดเกินทนไหวแล่นเข้าสู่สมองลิซโดยตรง เดียร์มุดเห็นก็ยิ้มและบอกกับเขาว่า

“ข้าบอกแล้วว่า Gáe Buide (สีดำแห่งการุณย์) สามารถมอบความตายให้กับผู้ถูกแทงได้แต่ก็ไม่เช่นกันซึ่งหมายถึงการมอบความเจ็บปวดที่ไร้ซึ่งบาดแผลให้แก่ผู้ถูกโจมตีแม้จะแค่เฉี่ยวก็ตาม”

“อึก…อย่างนี้นี่เองเป็นความสามารถที่น่ากลัวยิ่งนัก”

บางคนนั้นคิดว่าการตายคือบทลงโทษที่ทรมานที่สุดเท่าที่คนหนึ่งจะพบเจอ แต่ไม่เลยความเจ็บปวดที่ไร้ซึ่งบาดแผลและความตายต่างหากที่เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะได้รับ

“เอาล่ะ…เจ้าจะรับการโจมตีนี้ได้สักกี่น้ำกันนะ”

ทั้งสองวิ่งเข้าปะทะกันอีกครั้งเดียร์มุดใช้ Gáe Dearg (สายฟ้าโหมแห่งพันธะ) อัญเชิญฝนอสนีบาตและโซ่ตรวนอสนีพร้อมทั้งยิงลูกไฟจำนวนมากออกมา ลิซเร่งพลังให้ถึงขีดสุดเพื่อหลบและปัดการโจมตีออกไปเท่าที่ทำได้ แต่ทว่าเดียร์มุดกลับใช้ช่องว่างที่ลิซสร้างขึ้นเข้ามาประชิดและใช้ Gáe Buide (สีดำแห่งการุณย์) แทงเข้าไปแต่ลิซก็ปัดออกได้แต่ก็เฉี่ยวไปและความเจ็บปวดมหาศาลก็แล่นเข้าร่างกายของลิซอีกครั้ง 

ตอนนี้ลิซถอยออกมาตั้งหลักและแสงรอบตัวเขาก็กะพริบไปมา 

“นั้นมัน!!!”

ซิกฟรีดเห็นก็รู้ว่าลิซกำลังจะถึงขีดจำกัดการใช้พลัง ซาฮาเห็นก็สบถออกมาดัง ๆ เดียร์มุดที่อยู่ใกล้ลิซเมื่อเห็นเขาก็รู้ว่าลิซใกล้หมดพลังแล้ว

“นายใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ ลิซ”

“คงจะเป็นอย่างงั้น ครั้งต่อไปจะจบทุกอย่างเอง!!”

ลิซนำดาบที่ซาฮามอบให้ออกมาและนำหอกของตนผสานเข้าด้วยกัน จนมันกลายเป็นดาบสีดำขาวที่ลักษณะคล้ายกับบาลมุง (คมดาบมายา สะบั้นอสูรแดนพิสุทธิ์ไกล) ของซิกฟรีดก็ไม่ปาน

“นั้นมันดาบของฉันเหรอ!?”

ซิกฟรีดเห็นก็อึ้งในความสามารถของลิซ เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเด็กตัวเล็ก ๆ แค่นี้จะมีความสามารถที่สูงขนาดนี้ 

ความสามารถที่เขามีอาจจะเทียบเท่าเทพเจ้าชั้นสูงเลยนะ!? หรือมากกว่านั้นอีก!? แต่พอมาดูอีกคน

“หน็อย!! เจ้าเด็กนั้นบังอาจเอาของที่ฉันสร้างไปรวมกับอะไรก็ไม่รู้!! เดี๋ยวจบเรื่องแม่จะเชือดเอง!!!”

คงเพราะซาฮาเธอเป็นช่างตีดาบเลยกลายเป็นพวกที่ไม่ชอบให้ของที่ตนสร้างไปโดนทำอะไรแบบนี้ด้วยสินะ เห้อ…หวังว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว นายยังจะรอดต่อนะลิซ

ซาฮาบ่นออกมาด้วยท่าทางโมโหสุด ๆ สิ่งที่เธอสร้างมาอย่างตั้งใจและถนุถนอมกลับถูกเอาไปรวมกับอะไรไม่รู้แล้วกลายเป็นอะไรไม่รู้แม้เธอจะสนใจก็ตามแต่ก็อดโมโหกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ได้

“โห นี่เจ้าผสานมันเข้าด้วยกันได้ด้วยหรือนี่ น่าสนใจแต่ทว่ามันก็แค่ของก็อปเกรด A เท่านั้น!!”

“จะเกรด A หรือเปล่านั้นก็ลองโดนโจมตีใส่ดูสิ”

“งั้นข้าจะฆ่าเจ้าภายในการทะลวงครั้งนี้เอง!!!”

เดียร์มุดใช้ Gáe Buide อีกครั้งแต่ไม่ใช่ความสามารถที่ผ่าน ๆ มาแต่เป็นการทะลวงถึงตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ออร่าแห่งความตายแผ่ซ่านออกมามากกว่าเดิมร้อยพันเท่า 

แต่ลิซก็เร่งพลังของตนถึงขีดสุดอีกครั้งแม้จะคงมันไว้ได้อีกแค่ 10 วินาที

ใช่แล้ว 10 วินาทีนี้จะตัดสินทุกอย่าง

“หอกเอ่ย จงทิ่มแทง!! Gáe Buide (สีดำแห่งการุณย์)”

การโจมตีที่เดิมพันทุกอย่าง เดียร์มุดรวบรวมไว้ในหอกเล่มเดียวและพุ่งเข้าหาลิซอย่างซื่อตรงไร้ซึ่งเล่ห์กล ลิซก็รู้ดีว่าานี่คือการเดิมพันของเดียร์มุด เขาเองก็จะเดิมพันทุกสิ่งในดาบเดียวนี้และเอ่ยชื่อที่ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวมันออกมา

“ดาบเดี่ยวสะบั้นธารา!!!”

คลื่นดาบสีดำขาวปะทะเข้ากับคลื่นหอกสีนิล พลังของมันปะทะกันจนเชือดเฉือนร่างกายของทั้งสองฝ่ายและทุกอย่างโดยรอบและมันก็เกิดระเบิดขึ้น

“ลิซ!!”

“เจ้าเด็กเทพ!!!”

ให้ตายเถอะมองอะไรไม่เห็นเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!

ซิกฟรีดงุนงงกับสิ่งที่เห็น ในช่วง 10 วินาทีนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หมอกควันบดบังวิสัยทัศน์จนหมด แต่แล้วมันก็เริ่มจางลง จนทั้งสามคนเห็นเงาของสองคนนั้น

“นั้นมัน!!”