ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้
แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม,แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกกาล เทพไร้นามชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้
ตารางอัพนิยายจะอัพทุกวัน 18.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์เวลา 19.00 น. เวลาอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมต่อไปในอนาคตนะครับ
เรื่องย่อ : ลิซชายหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาที่ในอดีตประสบอุบัติเหตุปริศนาจนเสียพ่อแม่และความทรงจำไป ตอนนี้ได้อาศัยอยู่กับเพื่อนสมัยเด็กนาม “ธิน่า” ในทุกคืนลิซจะฝันเห็นถึงเรื่องประหลาด ตัวตนของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ประสบการณ์ ความทรมานและอีกหลาย ๆ อย่าง เขาเก็บเป็นความลับกับธฺิน่าและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา แต่ทว่า
วันหนึ่งธิน่าก็ถูกจับตัวโดยตัวตนปริศนาและลิซก็ถูกสังหาร เขาดำดิ่งลงสู่มิติปริศนาที่เขาคอยเห็นผ่านฝันมาตลอด เขาได้รู้ความจริงบางส่วนและเลือกลืมตาตื่นในฐานะ “เทพเจ้า” สายเลือดพิเศษครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวเขามาตลอด เพื่อเข้าต่อสู้ต่อมาเขาได้รู้จักกับพรรคพวกของธิน่าและเลือกออกเดินทางไปช่วยธิน่า แต่ก่อนจะไปถึงเขาจะต้องเดินทางผ่านอาณาจักรทั้ง 9 เสียก่อน กระแสกลียุคครั้งใหม่ เปลิวเพลิงแห่งหวังอันมืดมิดถูกจุดประกาย ณ ห้วงลึกของกาลเวลา
ท้ายที่สุดการเดินทางแสนยาวนานจะจบลงที่ตรงไหน ก็คงมีแต่ผู้ที่ไปถึงเท่านั้นจะรู้ได้…
#คำเตือน# เนื้อหาในนิยายบางตอนมีการบรรยายถึงดราม่าที่อาจทำให้รู้สึกหดหู่หรือซึมเศร้า เลือด โศกนาฏกรรม การตาย และการ depress ของตัวละครหรือกระทั่ง อาการ PTSD ก็ตาม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้มีอาการซึมเศร้า หดหู่หรือพึ่งประสบเจอสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตมา โปรดหลีกเลี่ยง
จากนี้เชิญสนุกกับนิยายได้เลยครับ
“เดียร์มุด ฉันรักคุณค่ะ”
สายตาอันว่างเปล่าและนัยต์ตาเบิกออก เปลือกตาที่ปิดลงไม่สนิท มือข้างที่สัมผัสแก้มร่วงหล่น เนื้อตัวอันเย็นเฉียบและชีพจรที่หยุดลงคือสัญญาณของการมาถึงจุดจบของชีวิต
เดียร์มุดใช้ของเขาที่ยังว่างจัดท่าทางของกลอเนียให้สง่างามและเพื่อเป็นเกียรติกับเธอ ก่อนที่สุดท้ายเขาจะวางมือของกลอเนียที่เขากุมไว้ปิดท้ายอย่างงดงาม ก่อนที่เขาจะนำเศษชุดเกราะของตนที่พกไว้เป็นเครื่องรางวางไว้บนมือนางและใช้ผ้าคลุมตัวของเธอไว้
จากนั้นเขาก็ซับน้ำตาที่ไหลรินออกมา ก่อนจะเดินย้อนกลับไปหาตัวต้นเหตุของทุกอย่าง
“ดูท่าจะบอกลาน้ำเน่านั่นเสร็จแล้วสินะ เจ้าโง่”
“เรามาสะสางเรื่องของเรากันดีกว่า”
“นั้นสินะ”
จากนั้นฟินน์ก็ดีดนิ้วเรียกทหารทั้งหมดออกมา นัยต์ตาของพวกเขานั้นว่างเปล่าราวกับว่าเป็นหุ่นเชิดซึ่งนั้นเป็นข้อพิสูจน์ในสิ่งที่กลอเนียบอกมา
“ดูท่าพลังที่เจ้าได้รับจะทำให้เจ้ารู้สึกว่าตนสุดยอดมากสินะ”
“ใช่…ดูนี่สิพลังในการเชิดผู้คน ช่างเหมาะกับฉันผู้ที่จะครองผืนดินนี้”
ฟินน์พูดด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในพลังตน แต่ไม่นานมันก็ต้องบิดเบี้ยวอีกครั้ง
“พลังของเจ้าน่ะ เหมาะกับเป็นนักเชิดหุ่นมากกว่านะ”
เดียร์มุดตอกกลับหน้าฟินน์ด้วยคำพูดที่แสนจะเย็นชาและไร้เยื่อใย ฟินน์ที่ได้ยินก็ทนไม่ไหว
“งั้นมาลองดูกัน!!”
ฟินน์สั่งให้ทหารทุกนายเข้ารุมเดียร์มุดหวังใช้จำนวนกับตอนนี้ที่สภาพจิตใจของเดียร์มุดหวั่นไหวอยู่ เพื่อเอาชัย แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำได้ปลุกสัตว์ประหลาดที่หลับใหลมานานแสนนานเสียได้
หลังจากคำสั่งของฟินน์ร่างของทหารนั้นก็ถูกหอกฟันขาดบ้างแทงทะลุจนพรุนบ้าง กระเด็นไปไกลบ้าง หรือแย่ที่สุดคือการถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ โดยไร้ซึ่งความอาวรณ์ใด ๆ
เดียร์มุดตอนนี้เขานั้นไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ สิ่งที่คงเหลือมีเพียง ”ความแค้น” เท่านั้น
ฟินน์เห็นว่าท่าไม่ดีก็พยายามที่จะหนีโดยให้ทหารพาเขาไป แต่เขาก็ถูกตัดแขนและขาที่เหลือออก ทั้งทหารที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถูกฆ่าไปด้วยเช่นกัน
“นี่แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะ….อุบ”
ก่อนที่ฟินน์จะพ่นอะไรไปมากกว่านี้นั้น หอกสีดำทมิฬก็อุดปากของเขาไว้
“ตอนนี้ฉันไม่ว่างพอจะฟังอะไรจากแกแล้ว ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำตอนนี้นั้นมันคือการกลืนน้ำลายตนและทำลายเกียรติของอัศวินที่ฉันยึดถือแต่ฉันก็รู้ในวันนี้ว่ามันเป็นเพียงทิฐิอันหยิ่งผยองเท่านั้น”
“ลาก่อนผู้เคยเป็นเพื่อนรักของข้า”
สิ้นคำพูดหอกสีดำทมิฬก็แทงทะลุหัวฟินน์ สภาพโดยรอบตอนนี้มีแต่กองซากศพของทหารผู้น่าสงสารและตัวการของเหตุการณ์นี้ เศษเนื้อกระจัดกระจายไปทั่ว เศษชุดเกราะที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ร่างทหารอันไม่สมประกอบนอนเรียงราย
“มันจบแล้วสินะ….”
ใช่แล้วมันจบลงแล้ว…ทุก ๆ อย่างกลอเนีย เอ๊ะ…!
อยู่ดี ๆ น้ำตาก็ไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองของเดียร์มุด เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะบรรจบกับร่างของทหารที่เขาเคยคุยก่อนหน้า ไม่ใช่แค่นั้นทั้งทหารที่เคยเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟัง ทั้งคนที่พากินเหล้ายันรุ่งเช้า คนที่พาไปทำอะไรแปลก ๆ และคนที่เคยเคียงบ่าในสนามรบใช่แล้ว…พวกเขาคือเพื่อนร่วมรบของเขาเอง
อ่า…ทำไมถึงได้ลืมกันนะ ว่าพวกเขาแท้จริงแล้วคือใคร
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกก”
เสียงกรีดร้องของนักรบผู้ร่วงหล่นสู่โคลนตมแห่งซากศพกู่ร้องไปทั่วบริเวณและถูกกลืนหายไปใน“ความว่างเปล่า ”
ในวันนั้นข้าได้ร่วงหล่นสู่ความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต ท้ายที่สุดก็เพราะไฝนี้ถึงทำทุกอย่างพังไปหมด ข้าเกลียด เกลียดไฝเม็ดนี้! เกลียดโลกที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องประสบพบเจอเรื่องแบบนี้!!
“เจ้ามาทำงานให้ข้าไหม ข้าจะทำความปรารถนาของเจ้าให้เป็นจริงเอง”
“ท่านคือใคร?”
“ข้ามีชื่อว่า…..”
ในวันนั้นข้าได้รับมือของท่านผู้นั้นไว้ แม้ในใจจะรู้ดีว่าสักวันมันจะทำลายข้า ข้ารู้ว่ามันโง่เขลาเพียงใด แต่ข้าก็อยากจะเชื่อว่ามันสามารถทำได้
ขอแค่ชั่วพริบตาก็ยังดีที่จะได้เจอเธอคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง…แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
จากนั้นข้าก็รับงานมากมายทั้งงานสกปรกต่าง ๆ ทุกประเภทเท่าที่จะนึกถึงได้ ลอบสังหาร กำจัดผู้เห็นต่างทั้งเด็กหรือแม้แต่คนชรา สมสู่กับหญิงสาวมากหน้าหลายตาเพื่อภารกิจ
ท้ายที่สุดนี้นรกบนดินนี้จะจบเมื่อไหร่กัน? ข้าเองก็ไม่รู้ได้เลย แต่ในที่สุดข้าก็เจอ
“คนที่สามารถปลิดชีพข้าได้” ตอนนี้อยู่ตรงหน้าข้าแล้ว
“เรามาต่อกันเถอะ เดียร์มุด”
ในที่สุดตัวตนที่สามารถฆ่าข้าได้ก็มาถึงอีกทั้งยังเป็นเขาคนนี้ ลูกชายของชายคนนั้น
ในใจของเดียร์มุดมีแต่ความปลื้มปีติที่ในที่สุดตัวตนที่สามารถปลิดชีพเขาก็มาถึง
“นั้นสินะ เรามาต่อศึกของเรากันดีกว่า”
เดียร์มุดพุ่งเข้าโจมตีลิซด้วยความเร็วที่ต่างจากเดิมลิบลับ กระบวนท่าของหอกก็ต่างไปเช่นกัน
“จงร่ำร้อง Gáe Dearg!!! (สายฟ้าโหมแห่งพันธะ)”
สายฟ้านับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำใส่ลิซ ทั่วบริเวณอาบย้อมไปด้วยอสนีบาตสีเหลืองทองพร้อมเสียงก้องราวกับจะฉีกผืนฟ้าและแผ่นปฐพีออกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ ความต่อเนื่องของมันบดบังทัศนของทั้งสามที่ดูอยู่รอบนอกจนหมด แต่ลิซก็ใช้ความเร็วของตนหลบฝนอสนีบาตเหล่านั้นจนเดียร์มุดต้องแปลกใจ
“นี่เขาเร่งความเร็วของตนให้เท่ากับไม่สิ…ให้เร็วกว่าสายฟ้าเหรอ!? ไม่มันมีอะไรมากกว่านั้น”
เขาพยายามสังเกตการเคลื่อนไหวของลิซที่ขยับไปมาอย่างรวดเร็วในฝนอสนีบาต จนเขาเห็นในบางสิ่งในตาของลิซ
“หน้าปัดนาฬิกา!? ระ..หรือว่า!!”
เขาอ่านอนาคตของฝนสายฟ้าและหลบมันงั้นหรือ!? เป็นไปไม่ได้!!
เดียร์มุดตกใจและทึ่งกับสิ่งที่ตนเห็น การเคลื่อนไหวที่ไร้จุดขยับอันเปล่าประโยชน์ มีเพียงการขยับที่คิดมาทุกย่างก้าวราวกับการเต้นรำอันวิจิตรงาม ตอนนี้ลิซนั้นไม่ใช่กำลังหลบจากฝนอสนีบาต แต่กำลังเริงระบำอยู่ใต้ฝนอสนีบาตนี้ต่างหาก
หากเขาอ่านอนาคตได้จริง แต่การเคลื่อนไหวแบบนั้นหากไม่เสริมพลังเข้าไปในร่างกายก็คงยากที่จะทำเช่นนั้น เคยได้ยินว่าเทพเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้วิธีใช้พลังเพราะมันคือสิ่งที่ติดตัวพวกเขามาแต่กำเนิด พวกเขาสามารถรู้วิธีใช้ได้โดยสัญชาตญาณในตัว แต่ในกรณีของลิซที่ถูกผนึกพลังทั้งยังไม่เคยสัมผัสพลังมาก่อน แต่สามารถควบคุมได้ถึงเพียงนี้มันช่างวิเศษมาก วิเศษจริง ๆ ลิซ!!
เดียร์มุดกล่าวชื่นชมลิซ แต่เขาเองก็รู้ว่าตนประมาทไม่ได้แล้ว เขาจึงตั้งท่าอีกครั้งเพื่อเข้าโจมตี เขาพุ่งหาลิซอีกครั้งและใช้อีกหนึ่งความสามารถของ Gáe Dearg
“จงผูกมัดจองจำ Gáe Dearg!! (สายฟ้าโหมแห่งพันธะ)”
สายฟ้าบางส่วนที่พุ่งลงมาหาลิซเปลี่ยนเป็นโซ่เข้ารัดลิซรอบทิศทาง แต่ลิซก็เร่งความเร็วตนขึ้นและใช้หอกปัดป้องการโจมตีของอสนีบาตและโซ่บางส่วนออกไป แม้บางส่วนจะกระทบกันหรือหลุดออกนอกทิศทางจนโดนตึก แต่ตอนนี้นั้นไม่มีใครสนใจเรื่องเล็กน้อยนั้นแล้ว! ทุกคนกำลังจ้องมองและเป็นสักขีพยานในการต่อสู้อันดุเดือดและทรงเกียรตินี้
“ดูท่าว่าหากข้าไม่ใช้หอกอีกเล่มหนึ่ง ข้าอาจจะเป็นผู้แพ้สินะ…ได้!!!”
เดียร์มุดพูดขึ้นพร้อมถอยออกห่างลิซไป เและเขาก็นำหอกอีกเล่มขึ้นมาพร้อมกล่าว
“ความกรุณาสีนิลเอ๋ยจงเปิดเผยออกมา Gáe Buide!! (สีดำแห่งการุณย์)”
ทันทีที่ลิซเห็นหอกเล่มนั้นเขาก็รู้ว่ามันอันตราย เขาเอาหอกขึ้นมาและร่าย
“enchant (เสริมพลังยุทธภัณฑ์เฉพาะ) การป้องกัน!!”
เดียร์มุดไม่เปิดช่องให้ลิซเขาปา Gáe Buide!!(สีดำแห่งการุณย์) ออกไปแต่มันก็ปะทะเข้ากับหอกของลิซ คลื่นพลังทั้งสองต้านกันจนเกิดลมกระโชกแรง แม้จะเป็นแบบนั้นแต่ลิซก็ปัดออกได้แม้จะเฉี่ยวตนไปและทันใดนั้น
“อะ…อ้ากกกกก”
ความรู้สึกเจ็บปวดเกินทนไหวแล่นเข้าสู่สมองลิซโดยตรง เดียร์มุดเห็นก็ยิ้มและบอกกับเขาว่า
“ข้าบอกแล้วว่า Gáe Buide (สีดำแห่งการุณย์) สามารถมอบความตายให้กับผู้ถูกแทงได้แต่ก็ไม่เช่นกันซึ่งหมายถึงการมอบความเจ็บปวดที่ไร้ซึ่งบาดแผลให้แก่ผู้ถูกโจมตีแม้จะแค่เฉี่ยวก็ตาม”
“อึก…อย่างนี้นี่เองเป็นความสามารถที่น่ากลัวยิ่งนัก”
บางคนนั้นคิดว่าการตายคือบทลงโทษที่ทรมานที่สุดเท่าที่คนหนึ่งจะพบเจอ แต่ไม่เลยความเจ็บปวดที่ไร้ซึ่งบาดแผลและความตายต่างหากที่เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะได้รับ
“เอาล่ะ…เจ้าจะรับการโจมตีนี้ได้สักกี่น้ำกันนะ”
ทั้งสองวิ่งเข้าปะทะกันอีกครั้งเดียร์มุดใช้ Gáe Dearg (สายฟ้าโหมแห่งพันธะ) อัญเชิญฝนอสนีบาตและโซ่ตรวนอสนีพร้อมทั้งยิงลูกไฟจำนวนมากออกมา ลิซเร่งพลังให้ถึงขีดสุดเพื่อหลบและปัดการโจมตีออกไปเท่าที่ทำได้ แต่ทว่าเดียร์มุดกลับใช้ช่องว่างที่ลิซสร้างขึ้นเข้ามาประชิดและใช้ Gáe Buide (สีดำแห่งการุณย์) แทงเข้าไปแต่ลิซก็ปัดออกได้แต่ก็เฉี่ยวไปและความเจ็บปวดมหาศาลก็แล่นเข้าร่างกายของลิซอีกครั้ง
ตอนนี้ลิซถอยออกมาตั้งหลักและแสงรอบตัวเขาก็กะพริบไปมา
“นั้นมัน!!!”
ซิกฟรีดเห็นก็รู้ว่าลิซกำลังจะถึงขีดจำกัดการใช้พลัง ซาฮาเห็นก็สบถออกมาดัง ๆ เดียร์มุดที่อยู่ใกล้ลิซเมื่อเห็นเขาก็รู้ว่าลิซใกล้หมดพลังแล้ว
“นายใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ ลิซ”
“คงจะเป็นอย่างงั้น ครั้งต่อไปจะจบทุกอย่างเอง!!”
ลิซนำดาบที่ซาฮามอบให้ออกมาและนำหอกของตนผสานเข้าด้วยกัน จนมันกลายเป็นดาบสีดำขาวที่ลักษณะคล้ายกับบาลมุง (คมดาบมายา สะบั้นอสูรแดนพิสุทธิ์ไกล) ของซิกฟรีดก็ไม่ปาน
“นั้นมันดาบของฉันเหรอ!?”
ซิกฟรีดเห็นก็อึ้งในความสามารถของลิซ เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเด็กตัวเล็ก ๆ แค่นี้จะมีความสามารถที่สูงขนาดนี้
ความสามารถที่เขามีอาจจะเทียบเท่าเทพเจ้าชั้นสูงเลยนะ!? หรือมากกว่านั้นอีก!? แต่พอมาดูอีกคน
“หน็อย!! เจ้าเด็กนั้นบังอาจเอาของที่ฉันสร้างไปรวมกับอะไรก็ไม่รู้!! เดี๋ยวจบเรื่องแม่จะเชือดเอง!!!”
คงเพราะซาฮาเธอเป็นช่างตีดาบเลยกลายเป็นพวกที่ไม่ชอบให้ของที่ตนสร้างไปโดนทำอะไรแบบนี้ด้วยสินะ เห้อ…หวังว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว นายยังจะรอดต่อนะลิซ
ซาฮาบ่นออกมาด้วยท่าทางโมโหสุด ๆ สิ่งที่เธอสร้างมาอย่างตั้งใจและถนุถนอมกลับถูกเอาไปรวมกับอะไรไม่รู้แล้วกลายเป็นอะไรไม่รู้แม้เธอจะสนใจก็ตามแต่ก็อดโมโหกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ได้
“โห นี่เจ้าผสานมันเข้าด้วยกันได้ด้วยหรือนี่ น่าสนใจแต่ทว่ามันก็แค่ของก็อปเกรด A เท่านั้น!!”
“จะเกรด A หรือเปล่านั้นก็ลองโดนโจมตีใส่ดูสิ”
“งั้นข้าจะฆ่าเจ้าภายในการทะลวงครั้งนี้เอง!!!”
เดียร์มุดใช้ Gáe Buide อีกครั้งแต่ไม่ใช่ความสามารถที่ผ่าน ๆ มาแต่เป็นการทะลวงถึงตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ออร่าแห่งความตายแผ่ซ่านออกมามากกว่าเดิมร้อยพันเท่า
แต่ลิซก็เร่งพลังของตนถึงขีดสุดอีกครั้งแม้จะคงมันไว้ได้อีกแค่ 10 วินาที
ใช่แล้ว 10 วินาทีนี้จะตัดสินทุกอย่าง
“หอกเอ่ย จงทิ่มแทง!! Gáe Buide (สีดำแห่งการุณย์)”
การโจมตีที่เดิมพันทุกอย่าง เดียร์มุดรวบรวมไว้ในหอกเล่มเดียวและพุ่งเข้าหาลิซอย่างซื่อตรงไร้ซึ่งเล่ห์กล ลิซก็รู้ดีว่าานี่คือการเดิมพันของเดียร์มุด เขาเองก็จะเดิมพันทุกสิ่งในดาบเดียวนี้และเอ่ยชื่อที่ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวมันออกมา
“ดาบเดี่ยวสะบั้นธารา!!!”
คลื่นดาบสีดำขาวปะทะเข้ากับคลื่นหอกสีนิล พลังของมันปะทะกันจนเชือดเฉือนร่างกายของทั้งสองฝ่ายและทุกอย่างโดยรอบและมันก็เกิดระเบิดขึ้น
“ลิซ!!”
“เจ้าเด็กเทพ!!!”
ให้ตายเถอะมองอะไรไม่เห็นเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!
ซิกฟรีดงุนงงกับสิ่งที่เห็น ในช่วง 10 วินาทีนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หมอกควันบดบังวิสัยทัศน์จนหมด แต่แล้วมันก็เริ่มจางลง จนทั้งสามคนเห็นเงาของสองคนนั้น
“นั้นมัน!!”