ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้
แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม,แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกกาล เทพไร้นามชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้
ตารางอัพนิยายจะอัพทุกวัน 18.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์เวลา 19.00 น. เวลาอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมต่อไปในอนาคตนะครับ
เรื่องย่อ : ลิซชายหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาที่ในอดีตประสบอุบัติเหตุปริศนาจนเสียพ่อแม่และความทรงจำไป ตอนนี้ได้อาศัยอยู่กับเพื่อนสมัยเด็กนาม “ธิน่า” ในทุกคืนลิซจะฝันเห็นถึงเรื่องประหลาด ตัวตนของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ประสบการณ์ ความทรมานและอีกหลาย ๆ อย่าง เขาเก็บเป็นความลับกับธฺิน่าและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา แต่ทว่า
วันหนึ่งธิน่าก็ถูกจับตัวโดยตัวตนปริศนาและลิซก็ถูกสังหาร เขาดำดิ่งลงสู่มิติปริศนาที่เขาคอยเห็นผ่านฝันมาตลอด เขาได้รู้ความจริงบางส่วนและเลือกลืมตาตื่นในฐานะ “เทพเจ้า” สายเลือดพิเศษครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวเขามาตลอด เพื่อเข้าต่อสู้ต่อมาเขาได้รู้จักกับพรรคพวกของธิน่าและเลือกออกเดินทางไปช่วยธิน่า แต่ก่อนจะไปถึงเขาจะต้องเดินทางผ่านอาณาจักรทั้ง 9 เสียก่อน กระแสกลียุคครั้งใหม่ เปลิวเพลิงแห่งหวังอันมืดมิดถูกจุดประกาย ณ ห้วงลึกของกาลเวลา
ท้ายที่สุดการเดินทางแสนยาวนานจะจบลงที่ตรงไหน ก็คงมีแต่ผู้ที่ไปถึงเท่านั้นจะรู้ได้…
#คำเตือน# เนื้อหาในนิยายบางตอนมีการบรรยายถึงดราม่าที่อาจทำให้รู้สึกหดหู่หรือซึมเศร้า เลือด โศกนาฏกรรม การตาย และการ depress ของตัวละครหรือกระทั่ง อาการ PTSD ก็ตาม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้มีอาการซึมเศร้า หดหู่หรือพึ่งประสบเจอสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตมา โปรดหลีกเลี่ยง
จากนี้เชิญสนุกกับนิยายได้เลยครับ
“เธอมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง เมดาเรียส!”
ธิน่าหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกทั้งยังกระวนกระวายจนลิซสังเกตเห็น
“ธิน่า…นี่มันเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ?”
ลิซที่ตามสถานการณ์ไม่ทัน หันไปถามธิน่าทันควัน แต่ตอนนี้ธิน่าดูจะไม่สามารถตอบคำถามของลิซได้แล้ว
“ดูจากสภาพแล้ว ท่านยังไม่ได้บอกอะไรให้เจ้ามนุษย์นี้สินะเพคะ”
คนที่ทำลายบรรยากาศนี้คือเมดาเรียสที่ยืนอยู่หน้าทั้งสองคน
“ทำไมเธอถึงมาที่นี้ เมดาเรียส”
ธิน่าถามคำถามเดิมอีกครั้งเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามบอกเธอ แต่ท่าทางของเมดาเรียสดูเบื่อหน่ายอย่างชัดเจน
“กระหม่อมก็บอกท่านไปก่อนหน้าแล้วมิใช่หรือเพคะ ว่าตัวกระหม่อมมาเพื่อพาท่านกลับไป”
ธิน่าได้ยินก็ไม่อยากจะเชื่อแม้แต่นิด เพียงแค่ต้องการให้เธอกลับไปถึงกับต้องเปิดเผยตัวตนขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? แม้ในใจเธอจะยังสงสัยอยู่ แต่เธอเองก็เป็นห่วงลิซที่อยู่ข้าง ๆ เธอมากกว่า
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าฉันจะไม่กลับไปน่ะ”
“เพราะงั้นไงเพคะ กระหม่อมถึงเปิดเผยตัวตน”
“ว่าไงนะ!?”
“กระหม่อมมาเพื่อขจัดต้นตอความโลเลที่ท่านมีไงล่ะเพคะ”
สิ้นสุดคำพูด ตาของเมดาเรียสก็ส่องแสงสีม่วงแกมน้ำเงินออกมา ธิน่าเห็นก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าเมดาเรียสถึงขั้นต้องใช้พลังของตนเองเพราะเรื่องนี้เลยงั้นเหรอ?
“หยุดการกระทำของเธอซะ เมดาเรียส เธอกำลังจะแหกกฎนะ!!”
ธิน่าตะโกนร้องขอให้เมดาเรียสหยุด แต่เธอหาได้หยุดตามคำขอนั้นไม่
“เรื่องนั้นมิต้องเป็นกังวลเพคะ องค์ฝ่าบาทสั่งข้าให้ใช้พลังได้เต็มที่เลยเพคะ”
“ไอ้ตาแก่นั้น!!”
ธิน่าแม้จะโกรธมากที่มีการแหกกฎเกิดขึ้น และสาเหตุนั้นมาจากเธอ แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือคิดหาวิธีที่จะทำลายสถานการณ์ที่เสียเปรียบแบบนี้ให้ได้!
“เริ่มแรกก็คือแกก่อนเลยเจ้ามนุษย์โสโครก!!”
ดวงตาเรืองแสงม่วงแกมน้ำเงินของเมดาเรียสเปลี่ยนวิถีจากธิน่ามาทางลิซ ธิน่าที่เห็นดังนั้นจึงผลักลิซออกไปจากรัศมี
“ลิซ!! ระวัง!!”
ลิซล้มลงพร้อมกับแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากเมดาเรียสทำให้ทั่วบริเวณส่องสว่างจนตาพร่าไปชั่วขณะ แต่ไม่นานลิวก็สามารถมองเห็นได้ตามปรกติ แต่ภาพที่เขาเห็นคือ
“ละ…ลิซ…หะ…หนีไป”
คือภาพของธิน่าที่โดนแสงนั้นเข้าไปเต็ม ๆ และร่างกายของเธอกำลังเป็นหินอย่างช้า ๆ เริ่มจากเท้าขึ้นลามมาเรื่อย ๆ ลิซที่เห็นก็ได้แต่สั่นกลัวและไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“พลาดไปงั้นเหรอ? แต่ไม่ต้องห่วงเพคะ ก่อนที่ท่านจะกลายเป็นหินโดยสมบูรณ์ข้าจะเด็ดหัวเจ้ามนุษย์นี่ซะ!!”
เมดาเรียสเสกเคียวขนาดใหญ่ออกมาพร้อมเดินตรงมาทางลิซ
“หยุดนะเมดาเรียส!! ขอร้องเถอะ ฉันจะไปกับเธอก็ได้แต่แค่เขา อย่าฆ่าเขานะ!!”
ธิน่าอ้อนวอนเมดาเรียสสุดเสียงพร้อมด้วยร่างกายที่ค่อย ๆ กลายเป็นหิน แต่เมดาเรียสเมินคำพูดของธิน่าแล้วเดินตรงมาหาลิซ
“ทะ…ทำยังไงดี? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
ลิซที่สติแตกได้แต่ล้มลงใกล้ ๆ กับธิน่า แม้ตอนนี้เขาอยากจะหนีแต่ขาของเขากลับไม่ขยับ อีกทั้งเขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถทิ้งธิน่าไว้ได้
เขาไม่อยากจะทิ้งใครเพื่อเอาตัวรอด ทั้งที่เป็นแบบนั้นแท้ ๆ แต่สัญชาตญาณของเขากำลังบอกให้เขาวิ่งหนีสุดกำลัง แต่ว่าความกลัวต่อภยันตรายตรงหน้าดันทำให้เขาได้แต่นั่งรอความตายเหมือนไก่รอโดนเชือด
“น่าสมเพชยิ่งนัก งั้นข้าจะดับลมหายใจของเจ้าเพื่อไม่ให้ต้องทรมานไปมากกว่านี้เอง”
เมดาเรียสกล่าวต่อลิซด้วยความสมเพชที่มีต่อตัวลิซ นางเดินเข้ามาจวนจะถึงลิซแล้วแต่ทว่า
“หยุดซะ!!!”
พลังมหาศาลพวยพุ่งออกมาพร้อมคำพูดของธิน่า เธอปลดปล่อยพลังที่สามารถใช้ได้ตอนนี้ออกมา เพื่อทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ต่อให้ท่านจะใช้พลัง แต่นั้นก็ยังไม่ถึง 1 ใน 10 ที่ท่านถือครอง สภาพแบบนี้ท่านไม่สามารถทำลายคาถาของข้าได้หรอกเพคะ”
เมดาเรียสต่อว่าถึงความร้อนรนของธิน่า เธอไม่เข้าใจว่าเธอถึงดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์แบบนี้ แต่ไม่นานเธอก็รู้ถึงเป้าหมายของธิน่า
“หรือว่าท่านจะ!!”
แน่นอนว่ามันสายไปแล้ว
รอบตัวของธิน่าและลิซปกคลุมด้วยนกสีขาวและพลังสีดำสนิทเฉกเช่นค่ำคืนไร้ดาว
“เราคงต้องบอกลากันแล้วนะ ลิซ”
“ว่าไงนะ!! ธิน่า”
ท่ามกลางพลังที่ถูกปล่อยออกมา หญิงสาวกำลังบอกลาชายหนุ่มผู้เป็นคนสำคัญในชีวิตของเธอ เพื่อปกป้องคำสัญญาที่ให้ไว้กับสองคนนั้น ธิน่าเธอจำเป็นต้องทำแบบนี้แถมร่างกายของเธอกำลังเป็นหินโดยสมบูรณ์
แต่เธอก็ยังคงรักษาสิ่งที่ให้ไว้ ไม่ใช่เพียงแค่นั้นตัวเธอเองก็รู้สึกอยากจะปกป้องคนคนนี้แม้มันจะเป็นการทิ้งเขาให้อยู่ตามลำพังอีกครั้งก็ตาม แต่ว่าเธอเองก็เชื่อว่าเขาจะผ่านมันไปได้แน่นอน
“ลาก่อนนะลิซ”
น้ำตาหลั่งไหลออกจากดวงตาทั้งสองของหญิงสาว มันเป็นคำพูดที่เศร้าและเจ็บปวดจนถึงขั้วหัวใจ ในใจเธอไม่อยากจะทำอย่างนี้แม้แต่นิด แต่กงล้อแห่งโชคชะตาไม่ยอมให้เธอหลีกหนีจากสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วได้
ส่วนลิซตอนนี้ ในใจเขารู้สึกเหมือนถูกกรีดเป็นแผลลึก ทั้งชีวิตของเขามีเพียงแค่ธิน่า ตัวเขาสูญเสียไปทั้งพ่อแม่และความทรงจำเกี่ยวกับอดีต สำหรับเขามีเพียงหญิงตรงหน้าเท่านั้นที่เป็นครอบครัวคนสำคัญ
ในใจตอนนี้มีเป็นหมื่นล้านคำ แม้อยากจะพูดออกไปแค่ไหน แม้จะพยายามแต่เขากลับพูดออกไปไม่ได้ แต่ในที่สุดเขาก็พูดออกไป
“ไม่นะ ธิน่า อย่าไปนะ!!”
คำข้อร้องสั้น ๆ แต่หลากหลายอารมณ์อยู่ภายใน แม้เขาไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้จะส่งไปถึงธิน่าหรือไม่ แต่จากสีหน้าของธิน่านั้น ดูท่าสิ่งเหล่านั้นจะถูกส่งไปถึงเรียบร้อยแล้ว
“ลาก่อนนะลิซ ชายคนแรกและคนเดียวที่ฉันรัก”
สิ้นสุดคำพูด ปากของธิน่าก็ประกบเข้ากับปากลิซ ลิ้นทั้งสองสอดประสานกันอย่างลงตัว ลมหายใจที่ทั้งสองต่างรู้สึกและเสียงของหัวใจที่เต้นเร็วเป็นจังหวะต่างขับขานออกมาเป็นบทเพลงอันไพเราะ
ความโรแมนติกที่น่าเศร้าเปรียบเหมือนโรมิโอแอนด์จูเลียตในวรรณกรรมชื่อดัง ภายใต้เวลาที่ค่อย ๆ เดินไปดั่งมันถูกหยุดไว้ชั่วนิรันดิ์ มันคือซีนโรแมนซ์ที่ทั้งตราตรึงและอดที่จะเศร้าเสียใจไปไม่ได้
จากนั้นร่างกายของลิซก็ถูกกลืนหายไปในพลังสีดำสนิทและนกสีขาวปริศนา แม้เขาจะพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดออกไปไม่ทัน และภาพที่ลิซเห็นสุดท้ายก่อนถูกกลืนหายไป คือ
ภาพของหญิงที่เขารักกลายเป็นหินโดยสมบูรณ์ หลงเหลือไว้เพียงคราบน้ำตาไว้บนใบหน้าเท่านั้น
ตุบ เสียงของร่างกายกระทบกับพื้นซีเมนต์เกิดเป็นเสียงดัง
ลิซร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้และนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไม่นาน
“ธิน่า…”
ลิซพลิกตัวพร้อมเอ่ยชื่อธิน่า เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะเสียสละตนเองแบบนี้
จะทำยังไงดี?
ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อแล้ว จะนั่งรอความตายหรือจะหาทางรอดดี?
เด็กหนุ่มหัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เขาไร้ซึ่งแรงผลักดันที่จะใช้ชีวิตเหมือนถ่านหินที่ใกล้มอดดับลง เขาได้แต่นอนเพ้อและตัดพ้อในโชคชะตา ก่อนเขาจะรู้สึกถึงบางอย่าง
“ทางนี้มัน…ทางกลับบ้านนี่!?”
สายตาของลิซสบกับถนนที่เขาคุ้ยเคย ทั้งสถานที่โดยรอบนั้นไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้จักมัน
“แสดงว่าที่บ้านปลอดภัยหรือมีอะไรที่ช่วยได้อยู่สินะ? เข้าใจแล้วฉันจะไป”
ลิซรวบรวมสติแล้วลุกขึ้นพร้อมวิ่งไปยังบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“เจ้ามนุษย์นั้นหนีไปได้สินะ”
คนที่พูดไม่ใช่ใครแต่คือเมดาเรียสที่ตอนนี้ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ความผิดพลาดมหันต์นี้ต้องรีบชำระให้สิ้น!! เจ้านั้นหนีไปได้ไม่ไกลแน่ แต่น่าจะดีถ้ามันโดนสิ่งนั้นเข้า”
เมดาเรียสทำสีหน้าพอใจเหมือนกับนักล่าที่ปล่อยเหยื่อหนีเพื่อให้มันพาไปสู่สิ่งที่นักล่าต้องการ
จากนั้นเมดาเรียสก็หายไปโดยเหลือเพียงเสียงลมที่ถูกแหวกในอากาศเท่านั้น
“แฮ่ก แฮ่ก…ไม่นานน่าจะถึงแล้ว”
ภาพของลิซที่วิ่งสุดกำลังบนถนนที่ไร้ผู้คนเดินผ่าน แม้เขาจะรู้สึกแปลก ๆ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องเล็กน้อย แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่าการไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยในสถานการณ์นี้นั้น จะนำพาภัยมาสู่เขา
ในขณะที่เขาวิ่งสุดกำลังอยู่นั้นเอง หญิงสาวที่มีเรือนผมและตาสีม่วงแกมน้ำเงินก็ปรากฎต่อหน้าเขา
“นี่เธอมาอยู่ที่นี้ได้ไง!?”
“ถามคำถามโง่ ๆ เจ้ามนุษย์ แค่ตามกลิ่นอายเจ้ามาง่ายกว่าร้องเพลงกล่อมเด็กอีก”
เอายังไงต่อดีทีนี้? ทางไปบ้านก็ถูกดักไว้ จะวิ่งกลับหลังไปก็ดูโง่ไปหน่อย งั้น
เมื่อคิดได้ลิซก็วิ่งเข้าตรอกซอยข้าง ๆ ที่จะพาเขาไปที่บ้าน ไม่นานเขาก็ออกมาจากซอยนั้น และเข้าสู่ถนนหลักอีกครั้ง แต่เมดาเรียสก็ปรากฎต่อหน้าเขาทำให้เขาล้มลงอีกครั้ง
“อีกแล้วเหรอเนี่ย…นี่เธอเป็นนินจาหรือไงกันเนี่ย”
“หึ อย่าเอาข้าไปเปรียบกับพวกปลายแถวแบบนั้นไอ้มนุษย์”
“อึก…ให้ตายสิ”
เมดาเรียสนำกริชเล็กออกมาเตรียมปลิดชีพลิซ หมายว่าครั้งนี้จะเอาให้สิ้นซาก
“สำหรับเศษเดนแบบแก ของแค่นี้ก็พอแล้ว”
ในจังหวะที่ลิซจะโดนฆ่านั้นเอง
“เฮ้ยแกดูนั้นสิ เจ้านั้นอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณธิน่าว่ะ”
“ใช่จริงด้วย!! ต้องถ่ายไว้แพร่ข่าวแล้ว”
นักเรียนชายสองคนเดินผ่านทางมาพบลิซกับเมดาเรียสเข้าโดยบังเอิญ
“ชิ มีมนุษย์มาเพิ่มงั้นเหรอ”
เมดาเรียสพึมพำเบา ๆ เปิดจังหวะให้ลิซหนีไปได้
‘จังหวะนี้แหละ!!’
จากนั้นลิซก็ออกวิ่งสุดชีวิต หนีจาดเมดาเรียส เมดาเรียสที่เห็นก็ไม่สบอารมณ์อย่างมากที่ปล่อยให้รอดเป็นครั้งที่สอง
“เฮ้ยดูนั้นสิมันหนีหางจุกตูดเลยว่ะ น่าสมเพชมากเลย!!”
“จริงด้วย สงสัยกลัวเลยจะไปซุกอกคุณธิน่าล่ะมั้ง”
นักเรียนชายสองเขาขำขันต่อสถานการณ์ตรงหน้าโดยหารู้เรื่องอะไรเลย
“นี่พี่สาวตรงนั้น ไปกับพวกเราก็ได้นะครับ ไม่ต้องไปสนใจขยะนั้นหรอก”
“ทั้งที่จะฆ่ามัน จะได้ไม่พลาดแล้วแท้ ๆ แต่กลับมีตัวมาขวางซะได้”
“พูดอะไรเหรอพี่สาว? ไม่ได้ยินละ…”
พูดไม่ทันจบประโยคหัวของนักเรียนชายคนหนึ่งก็ถูกสะบั้นออกจากบ่า เลือดกระเซ็นออกและวาดเป็นทางยาว นักเรียนอีกคนก็ได้แต่ตกใจกับภาพที่เห็นโดยทำอะไรไม่ถูก
“เมื่อกี้แกบังอาจลามปามองค์หญิงสินะ?”
“ว่าไงน…”
ไม่ทันจบ ร่างของนักเรียนอีกคนก็ถูกสับเป็นชิ้น ๆ และกลายเป็นเนื้อบดอยู่บนถนนข้าง ๆ กับร่างไร้หัวของนักเรียนอีกคน
“พวกขยะ”
เมดาเรียสพูดขึ้นด้วยสีหน้ารังเกียจ และตอนนี้เธอก็ไม่สบอารมณ์ถึงที่สุดเช่นกัน
ปล่อยมนุษย์หนีไปได้ตั้งสองครั้งทั้งที่มันควรจบไปได้ตั้งนานแล้วแท้ ๆ
มันทำให้เธอฉุนขาดและเปิดหยิบเคียวคู่ใจเธอออกมา
“ครั้งนี้นี่แหละ!!”
จากนั้นเมดาเรียสก็หายวับไปทิ้งไว้เพียงร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายและความเงียบงัน
“แฮ่ก แฮ่ก เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย!!”
ในตอนนี้คือภาพของชายที่วิ่งหนีนักล่าสุดกำลัง เสื้อเปียกโชกไปด้วยเหงื่อไคล หายใจออกมาไม่เป็นจังหวะ แม้เขาจะรู้สึกผิดต่อนักเรียนที่ผ่านทางมาเมื่อกี้ แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
เมื่อมองไปรอบ ๆ ในระหว่างวิ่ง ลิซไม่เห็นเงาของนักล่าเลยแม้แต่นิด แม้เขาจะวางใจและลดความเร็วลง แต่ทว่า
“อึก…มาล้มอะไรตอนนี้นะ…เนี่ย”
ลิซล้มลงและบ่นออกมาแต่สายตาของเขาก็สบกับขาของเขาที่อยู่ไม่ไกล และเมื่อจ้องมาที่ช่วงล่างของเขา กลับมีรอยตัดพร้อมเลือดไหลนองเป็นทางยาว
“อ้ากกกกกกกก”
ลิซกรีดร้องออกมาไม่เป็นภาษา น้ำตาและน้ำมูกไหลออกมาโดยไร้ซึ่งการยับยั้ง เส้นประสาททุกส่วนตอนนี้รับรู้เพียงความเจ็บปวด กระทั่งสมองเองก็รู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมาเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ
แต่ตาของเขาก็สบกับเส้นบางอย่างที่ตรึงไว้เป็นทางยาว พร้อมกับเมดาเรียสที่ตามมา
“ดูท่าจะวิ่งโดยไม่ดูอะไรเลยสินะ”
เมดาเรียสพูดขึ้นพร้อมสะกิดเส้นที่อยู่บนพื้น ทำให้มันตรึงขึ้นมา
“ลวดไม่สิสายเปียโนงั้นเหรอ!?”
“ไม่ได้ถูกต้องซะทีเดียวแต่ก็ใช่”
“มีอะไรจะสั่งเสียก่อนตายไหม? เจ้ามนุษย์”
“ฮ่าฮ่าฮ๋า”
เสียงหัวเราะของลิซดังไปทั่วบริเวณเพราะความเจ็บปวดหรือสิ่งที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ทำให้เขาหัวเราะออกมาย่างกับคนบ้า
“นี่แก…เสียสติจากแผลไปหรือไงกัน?”
เมดาเรียสอดที่จะสมเพชภาพตรงหน้าไม่ได้ ภาพของชายที่ขาขาดและเลือดไหลเป็นทางยาวกำลังหัวเราะออกมาราวกับกำลังขำขันในโชคชะตาที่เกิดขึ้นในสภาพที่สิ้นหวังเช่นนี้ มันเป็นภาพที่น่าสังเวชยิ่ง
“นี่…เมดาเรียส”
“มีอะไรเจ้ามนุษย์ มีอะไรจะสั่งเสียหรือไง?”
ลิซครุ่นคิดครู่หนึ่ง ที่เขาขำนั้นไม่ใช่เพราะเขาสติแตก แต่เขากำลังเย้ยหยันโชคชะตาที่เขาได้รับว่าทำไมมันถึงตลกร้ายถึงเพียงนี้กันนะ? แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใด สิ่งที่เขาจะทำในตอนนี้คือ
“ถ้า…ถ้าฉันรอดไปได้พวกแกเตรียมล้างคอรอได้เลย”
“แล้วไอ้องค์ฝ่าบาทห่าเหวไรนั่นก็ต้องถูกฉัน…”
ยังไม่สิ้นประโยค หัวของลิซก็หลุดออกจากบ่ากลิ้งไปตามพื้นถนนอย่างกับลูกบอล ช่วงคอที่ไร้ซึ่งหัวนั้นก็มีเลือดพวยพุ่งออกมาไม่ขาดสาย และร่วงหล่นดั่งห่าฝน
“คิดว่าจะสั่งเสียอะไรไว้ แต่กลับเลือกทางที่โง่เขลาแบบนี้”
เมดาเรียสเก็บเคียวคู่ใจของเธอลง และหยิบเครื่องบางอย่างเพื่อรายงานต่อใครบางคน
“ภารกิจเสร็จสิ้นแล้วสินะ เมดาเรียส”
เสียงปลายสายดังขึ้นเป็นเสียงของลุงแก่คนหนึ่ง แม้จะดูเป็นอย่างงั้นแต่น้ำเสียงราวกับนักปราชญ์ที่มีอายุมานับร้อยปี น้ำเสียงที่สุขุม เยือกเย็นและไร้ความรู้สึก
“เพคะองค์ฝ่าบาท แม้มีสิ่งที่เหนือคาดไปมากแต่ก็เป็นไปด้วยดีเพคะ”
“งั้นก็จงล่าถอยซะ ก่อนที่เจ้าพวกนั้นจะมา”
“รับทราบเพคะ”
ก่อนที่เมดาเรียสจะหันหลังกลับเพื่อล่าถอย แต่ด้านหลังของเธอก็มีพลังบางอย่างพวยพุ่งออกมา เมื่อเมดาเรียสหันหลังกลับไป เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองสักนิด
ร่างกายของลิซทั้งหัวและขาที่ถูกตัดขาดกลับมาสมานกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลังบางอย่างห้อมล้อมตัวลิซและแปรเปลี่ยนร่างกายของลิซ
เมดาเรียสที่เห็นก็รู้ได้เลยว่านี่คือ “การจุติของเทพเจ้า”