ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้
แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม,แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกกาล เทพไร้นามชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้
ตารางอัพนิยายจะอัพทุกวัน 18.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์เวลา 19.00 น. เวลาอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมต่อไปในอนาคตนะครับ
เรื่องย่อ : ลิซชายหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาที่ในอดีตประสบอุบัติเหตุปริศนาจนเสียพ่อแม่และความทรงจำไป ตอนนี้ได้อาศัยอยู่กับเพื่อนสมัยเด็กนาม “ธิน่า” ในทุกคืนลิซจะฝันเห็นถึงเรื่องประหลาด ตัวตนของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ประสบการณ์ ความทรมานและอีกหลาย ๆ อย่าง เขาเก็บเป็นความลับกับธฺิน่าและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา แต่ทว่า
วันหนึ่งธิน่าก็ถูกจับตัวโดยตัวตนปริศนาและลิซก็ถูกสังหาร เขาดำดิ่งลงสู่มิติปริศนาที่เขาคอยเห็นผ่านฝันมาตลอด เขาได้รู้ความจริงบางส่วนและเลือกลืมตาตื่นในฐานะ “เทพเจ้า” สายเลือดพิเศษครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวเขามาตลอด เพื่อเข้าต่อสู้ต่อมาเขาได้รู้จักกับพรรคพวกของธิน่าและเลือกออกเดินทางไปช่วยธิน่า แต่ก่อนจะไปถึงเขาจะต้องเดินทางผ่านอาณาจักรทั้ง 9 เสียก่อน กระแสกลียุคครั้งใหม่ เปลิวเพลิงแห่งหวังอันมืดมิดถูกจุดประกาย ณ ห้วงลึกของกาลเวลา
ท้ายที่สุดการเดินทางแสนยาวนานจะจบลงที่ตรงไหน ก็คงมีแต่ผู้ที่ไปถึงเท่านั้นจะรู้ได้…
#คำเตือน# เนื้อหาในนิยายบางตอนมีการบรรยายถึงดราม่าที่อาจทำให้รู้สึกหดหู่หรือซึมเศร้า เลือด โศกนาฏกรรม การตาย และการ depress ของตัวละครหรือกระทั่ง อาการ PTSD ก็ตาม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้มีอาการซึมเศร้า หดหู่หรือพึ่งประสบเจอสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตมา โปรดหลีกเลี่ยง
จากนี้เชิญสนุกกับนิยายได้เลยครับ
“ซะ…ซิกฟรีด!!”
สิ่งที่ลิซเห็นตรงหน้าคือภาพของซิกฟรีดที่นอนบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งยังมีอาการไข้สูงอีกด้วย
“ซิกฟรีด!!”
ลิซตะโกนชื่อเขาทั้งวิ่งไปหาเพื่อดูอาการ ซาฮาที่เห็นก็เริ่มอธิบายสถานการณ์
“ที่เขาบาดเจ็บเพราะนายนั่นแหละ…”
“ห้า!?”
ผมได้ยินก็ทำหน้าสงสัยและมองไปยังซาฮา สายตาที่เธอส่งมายืนยันว่าคือเรื่องจริง
“ไม่จริงน่า…หะ…หรือว่า!!”
“นั่นแหละ”
พูดจบซาฮาก็อธิบายสถานการณ์เท่าที่เธอรู้ทั้งการคลุ้มคลั่งของพลังลิซ การระเบิดจากพลัง ผลกระทบของมันและการหยุดมันโดยซิกฟรีด
“ไม่จริงน่า…”
“มันไม่ใช่ความผิดนายหรอก แค่ก ๆ ”
ซิกฟรีดได้ยินก็พยายามปลอบใจและพยายามลุกขึ้นมา แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่สาหัสทำให้เขาแทบไม่สามารถขยับได้จนซาฮาเห็นก็ต้องเตือนเขา
“นอนอยู่เฉย ๆ เลย นายน่ะ”
“ซาฮา เธอก็พูดกับเขาเกินไป…มันเป็นเพราะฉันที่ไม่รอบคอบเองต่างหาก”
“ไม่หรอก…ผมนี่แหละ…เพราะผม!”
ก่อนที่การหาคนผิดและโทษตนไปมาจะดำเนินต่อ ซาฮาก็ทุบโต๊ะลงทั้งยังมองมาที่ทั้งสอง
“ฉันไม่รู้นะว่าใครผิดและไม่สนด้วย!!”
ซาฮาพูดพร้อมทั้งชี้ไปที่ทั้งสอง
“แต่ที่แน่ ๆ ลิซมันมาจากนายที่ควบคุมพลังไม่ได้และจากซิกฟรีดที่ประมาทมากไป”
ทั้งสองได้ยินก็เงียบไม่พูดอะไร ซาฮาที่เห็นก็ถอนหายใจก่อนพูดต่อ
“ลิซ…ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกผิดแต่ก็อย่าเข้าใจผิดว่านี่คือความผิดของตนคนเดียว!! อย่าแบกรับบาดแผลโดยไม่จำเป็น! เพราะนั้นสักวันมันจะทำลายนาย…”
ลิซพยักหน้าเบา ๆ เขาสูดหายใจลึก ๆ ก่อนบอกกับซาฮา
“ผมจะไปดูสิ่งที่ผมทำหน่อยแล้วกันครับ”
ซาฮาที่เห็นก็ทำหน้าแบบว่า ‘ที่ฉันพูดไม่เข้าหัวนายหรือไง?’ แต่กระนั้นเธอก็อาสาพาไปเพราะมันค่อนข้างอันตราย
ทั้งสองออกไปโดยทิ้งซิกฟรีดที่นอนซมอยู่บนเตียงไว้ และไม่นานทั้งสองก็มาถึง
“ซาฮา…”
“ว่า”
ลิซเรียกซาฮาด้วยเสียงที่สั่นครืน เขากลืนน้ำลายเสียงดังก่อนจะถามต่อ
“มันกินพื้นที่ไปเท่าไหร่ครับ”
“นั้นสินะ จากการวัดแบบหยาบ ๆ ก็ 5 กิโลเมตร”
“5 กิโล…งั้นเหรอ”
ลิซพูดและยืนเงียบ ซาฮาเห็นก็ขอกลับไปดูแลซิกฟรีดก่อน ลิซยืนอยู่นานกว่าจะลองลงไปในหลุมเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อม
เมื่อเขาลงมาถึงสิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความว่างเปล่า แต่ไม่นานเขาก็พบกับซากมอนสเตอร์ที่เขาสู้ด้วยก่อนจะคลุ้มคลั่ง แม้ในใจจะรู้สึกแปลกแต่เขาก็ลองสำรวจดูเท่าที่ทำได้ จนกระทั่ง
“กระดูกนี่มัน…ดูแปลกกว่าอันอื่นทั้งยังมีหลายอันด้วย…”
เขาพยายามมองแต่ในความมืดมิดนี้ทำให้เขามองไม่ชัด แต่ไม่รู้ฟ้าเป็นใจหรือไม่ คืนนี้เป็นคืนจันทร์เต็มดวง ไม่นานเมฆที่บดบังแสงจันทร์ก็เคลื่อนตัวผ่านไป ทำให้แสงตกกระทบกับซากกระดูกของ มอนสเตอร์พอดิบพอดี แต่ว่า
“นี่มันกระดูกหมาป่า!! หรือว่า..!?”
“อุ…หวะ!!”
ลิซเมื่อเห็นว่ามันคืออะไรก็อ้วกออกมา ในหัวเขาทั้งสับสนและฟุ้งซ่านไปด้วยคำถาม
‘นี่มันหรือว่าของเด็กพวกนั้นที่ฉันฆ่าแม่พวกมันไป! หรือว่าไม่ใช่กัน’
‘เพราะฉันหรือเปล่าที่ไปฆ่าพวกมันทำให้เด็กพวกนั้นไม่มีที่พึ่งพิง’
‘นี่มันอะไรกันแน่เนี่ย!!’
ตอนนี้หัวของเขาปนเปไปหมดทั้งความรู้สึกผิด สงสัย ละอาย โกรธจนเขาไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไง แต่ท้ายที่สุดเขาก็เค้นเสียงให้มากที่สุดและโห่ร้องออกมา
“อะ…อะ…อ้าก~กกก!!”
เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มดังออกมาในคืนที่เงียบงัน ช่างน่าเสียดายที่ไม่มีใครคอยปลอบประโลมใจเขาเลยแม้แต่ผู้เดียว
“เธอพูดเกินไปนะ ซาฮา”
เสียงนั้นคือซิกฟรีดที่นอนซมอยู่บนเตียงกำลังบ่นซาฮาออกมาเพราะเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น
“มันช่วยไม่ได้นะ…เขาควรจะรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป”
“แต่ว่านะ…เขายังเด็กเกินไปนะ!!”
“ตื่นได้แล้ว!! ซิกฟรีด!! เขาคือคนที่จะต้องเดินทางฝ่าฟันหลายสิ่งจากนี้ ถ้าแค่นี้ยังรับไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์!!!”
“แต่ว่านะ…”
ซิกฟรีดพยายามจะโต้กลับไป ซาฮาที่ทนไม่ไหวก็พูดออกมา
“ซิกฟรีด…เราไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอดนะ ตราบเท่าที่เราทำงานนี้ เราไม่รู้เลยว่าจะตายตอนไหนหรือยังไง…”
ซิกฟรีดได้ยินก็เงียบพร้อมกับเสียงของซาฮาที่ยังคงพูดต่อ
“เขาต้องรู้จักควบคุมมัน! ไม่งั้นเขาจะโดนมันคุมแทนและเขาต้องรู้จักที่จะก้าวข้ามมันไป!!”
ซิกฟรีดที่รับรู้ก็เหมือนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างก็กล่าวขอโทษไป
“ฉันคิดไม่ถึงเอง ซาฮา ขอโทษด้วยและเรื่องภารกิจล่ะ?”
“ในส่วนเรื่องนั้นละก็…”
จากนั้นซาฮาก็เล่าเรื่องที่เธอไปพบ “กลีบเหมันตร์ เบ่งบานบนกองศพ” ทั้งเรื่องการพบกับเดียร์มุดและรายละเอียดของภารกิจที่ขนาดซิกฟรีดฟังไปยังต้องกุมหัวไปตาม ๆ กัน
“นี่เอาจริงสินะ…”
“ก็ตามที่ฉันเล่านั่นแหละ”
“แต่ที่ไม่เข้าใจมากกว่าคือเรื่องของเดียร์มุดนี่สิ…”
“นั้นสิทั้งเรื่องเป้าหมายก็ดีหรือข้อมูลก็ดีมีแต่ลับลมคมในราวกับว่ามีเบื้องหลังอะไรบางอย่าง?”
“ฉันว่าปัญหาของเดียร์มุดน่ะ ไม่ใช่เรื่องของคนอยู่เบื้องหลังหรอก แต่คือตัวเขาต่างหาก”
“นายหมายความว่าไง!?”
ซิกฟรีดพยายามลุกขึ้นมาก่อนจะพูดต่อ
“ทั้งที่สามารถฆ่าลิซได้นานแล้ว ทำไมพึ่งมาปรากฏตัวตอนนี้ล่ะ?”
“นั้นก็จริง…”
ซาฮาทำท่าเห็นด้วยต่อสมมติฐานของซิกฟรีด
“คงเพราะเขาคงมีเหตุผลบางอย่างหรืออาจถูกบังคับก็ได้แต่ก็นะ…นั้นคือสิ่งที่เราไม่รู้”
“เฮ้อ…ก็จริง”
ทั้งซาฮาและซิกฟรีดต่างถอนหายใจออกมา วันนี้เป็นวันหนึ่งที่หนักหนามากของทั้งสอง แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะคุยต่อนั้น
“อ้าก~กกก”
เสียงร้องของลิซดังแทรกขึ้นมา เมื่อทั้งสองได้ยินต่างก็มองหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด
“งั้นมาเรื่องของฉันกันดีกว่า”
ซิกฟรีดพยายามบ่ายเบี่ยงความสนใจของซาฮามาทางเขา ซาฮาที่เห็นก็รู้ถึงจุดประสงค์ของซิกฟรีดจึงตามน้ำไป
“บอกฉันหน่อยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
จากนั้นซิกฟรีดก็เล่าตั้งแต่ที่พาลิซมาที่นี่ ทั้งการล่าครั้งแรกของเขา สิ่งที่เขาเจอ มอนสเตอร์ที่อันตรายมากที่พยายามฆ่าลิซ การใช้ enchant การที่พลังเขาคลุ้มคลั่ง เสียงพ่อของลิซที่กระซิบหูซิกฟรีดและการใช้บาลมุงหยุดพลังที่คลุ้มคลั่ง
“สุดท้ายก็แบบที่เธอเจอ…ยับใช่เล่นเลยแหละ”
“นั่นสินะ…แต่ที่แปลกใจที่สุดคือเรื่องที่เสียงพ่อของเจ้าเด็กนั้นมาได้ไงนี่แหละ?”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า…มันทำให้ฉันคิดถึงจริง ๆ”
ทั้งสองยังพูดคุยกันต่อโดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าลิซนั้นแอบฟังพวกเขาอยู่ใกล้ ๆ
และเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ลิซก็ตื่นตามปรกติแต่ที่เขาต้องตกใจคือร่างของซิกฟรีดที่เดินไปมาได้แม้จะบาดเจ็บ
“ซิกฟรีด…คุณยังไม่หายดีเลย! ไม่พักเพิ่มหน่อยเหรอ!?”
ซิกฟรีดเห็นก็ตอบกลับด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“มันก็ไม่ได้หายเต็มร้อยหรอก แต่ฉันอยากขยับบ้างน่ะ เดี๋ยวสนิมมันจะเกาะเอา”
“ดูไม่เป็นเหตุผลเท่าไหร่เลยนะครับ”
“ปล่อยเจ้านั้นไปเถอะ เจ้าเด็กเทพ”
ไม่ทันไรเสียงของซาฮาก็เข้าแทรกการสนทนาของทั้งสอง เมื่อมองไปก็พบกับซาฮาที่สวมชุดช่างและกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่
“มันจะดีเหรอซาฮา!?”
ลิซถามย้ำอีกครั้งแต่ซาฮาก็ยังยืนยันว่าไม่เป็นไรจนลิซยอมแพ้ไป
“ฉันไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างฉันอยากฝึกให้นายเพิ่มด้วย”
ซิกฟรีดพูดพร้อมโยนดาบไม้ให้ลิซและตั้งท่า
“เอาล่ะ…เข้ามา!!”
“ครับ!!”
จากนั้นการฝึกของทั้งสองก็เริ่มขึ้นเหมือนวันก่อน ๆ แต่ที่ต่างไปคือลิซนั้นสามารถตามความเร็วของซิกฟรีดทันและสามารถป้องกันและสวนกลับได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ว่าดาบของลิซก็ยังคงไม่โดนตัวซิกฟรีดเลยแม้แต่ดาบเดียว
จนเวลาล่วงมาประมาณ 2 ชั่วโมง การฝึกของทั้งสองก็จบลง
“เหนื่อยชะมัด…”
ลิซพูดทั้งทิ้งตัวลงบนพื้น
“ฉันประทับใจมากเลย ไม่นึกว่านายจะเติบโตเร็วขนาดนี้”
ซิกฟรีดพูดขึ้นแต่ลิซก็เงียบจนซิกฟรีดสงสัย
“พ่อของผมนี่เป็นคนยังไงเหรอครับ?”
คำถามนั้นเหมือนลูกศรที่ตรงเข้าอกของซิกฟรีด ในใจเขาไม่นึกว่าเมื่อคืนลิซจะแอบฟังอยู่ แต่เขาเองก็ไม่ว่าอะไรและตอบออกไป
“พ่อของนายน่ะเป็นคนที่สุดยอดมากเลยนะ โดยเฉพาะการต่อสู้”
ซิกฟรีดย่อตัวลงโดยใช้ดาบไม้ยันไว้และเล่าต่อ
“เขาเป็นนักรบที่เก่งกาจและหาตัวจับได้ยากในสมัยนั้น ทั้งเสน่ห์ที่ดึงผู้คนจากทั่วทิศมารวมกัน”
“เขาเป็นคนแบบนี้นี่เอง”
“แต่ก็กลัวเมียสุดใจเหมือนกัน พอนึกถึงแล้วตอนนั้นก็ตลกมากนะ”
ซิกฟรีดพูดออกมาอย่างสนุกสนาน ลิซก็นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ว่าแต่ซิกฟรีดใช้ดาบฟันพลังของผมจริง ๆ เหรอ? มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?”
ลิซถามออกมาด้วยความสงสัย ซิกฟรีดที่ได้ยินก็ยิ้มและชักดาบบาลมุงออกมา
“นี่คือ บาลมุง หรือคมดาบมายา สะบั้นอสูรแดนพิสุทธิ์ไกล เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่มีพื้นฐานมาจากดาบมารน่ะ”
จากนั้นซิกฟรีดก็เล่ารายละเอียดของมันที่แสนจะยาวจนเกือบทำผมหลับไปหลายรอบ แต่โดยสรุปคือดาบเล่มนี้สามารถปลดปล่อย “อีเธอร์” หรืออีกชื่อคือ “ความว่างเปล่า” ได้และไม่ใช่ “อีเธอร์ธรรมดา” แต่คือ ”อีเธอร์ที่แท้จริง” ได้ ซึ่งมันสามารถลบสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการหรือซึมซับธาตุเพื่อเปลี่ยนธาตุได้ชั่วคราวแต่ซิกฟรีดเองก็ไม่ค่อยใช้ความสามารถของมันเท่าไหร่
คงเพราะความสามารถในการใช้ดาบของเขาเข้าขั้นสัตว์ประหลาดเลยมีน้อยมากที่เขาจะใช้พลังของมันอย่างเต็มที่ อีกทั้งตัวซิกฟรีดเองก็ชอบพึ่งพาพลังของตนมากกว่าแค่ฝากชีวิตไว้ที่พลังของดาบซึ่งนั้นคือสิ่งที่วิเศษมากเลยทีเดียว
“เอาล่ะ…พักแค่นี้ ไปฝึกต่อได้แล้ว”
ต่อมาคือการฝึกกับซาฮาเหมือนเดิมเป็นการฝึกฝนเพื่อควบคุมพลังให้ดีขึ้น แต่ที่ต่างไปคือท่าทางที่ซาฮามีต่อลิซนั้นต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ในระหว่างนั้นซาฮาก็บอกบางอย่างกับลิซ
“นี่…เจ้าเด็กเทพ ฉันมีอะไรจะบอก”
“ครับ?”
“ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ…”
ซาฮาเล่าถึงการพบเจอระหว่างเดียร์มุดกับเธอและบอกสิ่งที่เดียร์มุดฝากมา ลิซหลังจากฟังก็ฉุกคิดบางอย่างได้
“มันก็นานจริง ๆ นะครับที่ไม่ได้ไปโรงเรียน”
“ที่จริงในมุมมองฉันว่าไม่ต้องไปสนใจมันมากก็ได้เพราะอีกไม่นานเราก็ต้องเดินทางต่อแล้ว”
“นั้นสินะ…นี่ก็ผ่านมาประมาณ 1 เดือนแล้วนะ…”
ลิซทำหน้าเศร้าสร้อยแม้ในใจจะเข้าใจว่ามันช่วยไม่ได้ก็ตาม…ซิกฟรีดเห็นก็พูดแทรกขึ้นมา
“งั้นก็กลับกันเลยไหม แต่วันนี้คงไม่ได้ต้องพรุ่งนี้แทน”
“จะดีเหรอครับ!? ซิกฟรีด!?”
ลิซหันไปถามด้วยความประหลาดในใจ แม้เขาอยากจะกลับไปโรงเรียนมากเพียงใดก็ตาม แต่เขาก็คิดว่าควรให้การฝึกเป็นอย่างแรก ซิกฟรีดเห็นก็พยักหน้าตอกย้ำความแน่วแน่ในความคิดตน
“ส่วนเรื่องการฝึกไม่ต้องห่วงหรอก แค่ฝึกช่วงเย็นก็พอแล้ว”
“แล้วแบบนั้นผมจะชนะเขาเหรอครับ!?”
เด็กหนุ่มถามอย่างกังวลใจเพราะหากเขาแพ้ละก็…นั้นหมายถึงชีวิตของเขาก็จบลงตรงนั้น แม้ว่าจะมีวิชาที่ทั้งสองฝึกให้และพลังที่อยู่ในตัว แต่ตัวลิซเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเพียงพอหรือไม่ อีกทั้งพลังที่เขามีอยู่ก็ไม่สามารถใช้เป็นเวลานานได้ หรือก็คือแทบไร้ประโยชน์…
นักดาบหนุ่มมองเห็นความกังวลใจของเด็กหนุ่ม เขาจึงพูดบางอย่างกับเด็กหนุ่มคนนั้น
“ดาบน่ะ แค่ตีรอบเดียวใช่ว่าจะสำเร็จ…”
“??”
“มันต้องใช้ทั้งแรงกาย แรงใจ การฝึกฝน ความตั้งใจและที่สำคัญคือความเชื่อมั่น”
ลิซทำหน้าสงสัยว่าทำไมซิกฟรีดถึงพูดเรื่องแบบนี้ออกมา ส่วนซาฮาก็ทำหน้าเหยเกแล้วคิดในใจ “อ่า…มาแล้ว คำพูดของพวกคนแก่…”
“ที่จะบอกคือนายต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนทำ ไม่ว่ามันจะดูไร้ประโยชน์หรือเล็กน้อยเพียงใด “ดาบที่ไร้ความเชื่อมั่นจากผู้เป็นนาย มันก็แค่ช้อนส้อมไว้ทานอาหารเท่านั้น” ”
ลิซฟังก็คิดตาม “ความเชื่อมั่น…” มันดูเป็นสิ่งที่ง่ายดาย แต่ในความจริงแล้วการที่คนคนหนึ่งจะเชื่อมั่นในตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ยาก ทั้งประสบการณ์ดีร้ายที่เคยพบ บาดแผลที่ทำให้คนนั้นล้มลง คำดูถูกเหยียดหยามที่กดทับราวกับว่าการจะเดินไปยังเส้นทางที่ตนเลือกนั้นมันคือการแบกโลกทั้งใบไว้
จากนั้นการฝึกก็หยุดลงและทริปการฝึกฝนนอกสถานที่ของทั้งสามก็จบลงเช่นกัน วันต่อมาคือการเดินทางกลับและพักผ่อน ส่วนวันเวลาหลังจากนั้นคือการไปเรียนยามเช้าและกลับมาฝึกฝนยามเย็นวนไปมา
จนกระทั่งวันแห่งการตัดสินระหว่างเดียร์มุดและลิซมาถึง…