ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้

บันทึกกาล เทพไร้นาม - ตอนที่ 6, บทที่ 1 The Last supper มื้ออาหารสุดท้าย โดย นักประพันธ์ดารา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม,แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกกาล เทพไร้นาม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

บันทึกกาล เทพไร้นาม โดย นักประพันธ์ดารา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้

ผู้แต่ง

นักประพันธ์ดารา

เรื่องย่อ




ตารางอัพนิยายจะอัพทุกวัน 18.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์เวลา 19.00 น. เวลาอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมต่อไปในอนาคตนะครับ

เรื่องย่อ : ลิซชายหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาที่ในอดีตประสบอุบัติเหตุปริศนาจนเสียพ่อแม่และความทรงจำไป ตอนนี้ได้อาศัยอยู่กับเพื่อนสมัยเด็กนาม “ธิน่า” ในทุกคืนลิซจะฝันเห็นถึงเรื่องประหลาด ตัวตนของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ประสบการณ์ ความทรมานและอีกหลาย ๆ อย่าง เขาเก็บเป็นความลับกับธฺิน่าและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา แต่ทว่า


วันหนึ่งธิน่าก็ถูกจับตัวโดยตัวตนปริศนาและลิซก็ถูกสังหาร เขาดำดิ่งลงสู่มิติปริศนาที่เขาคอยเห็นผ่านฝันมาตลอด เขาได้รู้ความจริงบางส่วนและเลือกลืมตาตื่นในฐานะ “เทพเจ้า” สายเลือดพิเศษครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวเขามาตลอด เพื่อเข้าต่อสู้ต่อมาเขาได้รู้จักกับพรรคพวกของธิน่าและเลือกออกเดินทางไปช่วยธิน่า แต่ก่อนจะไปถึงเขาจะต้องเดินทางผ่านอาณาจักรทั้ง 9 เสียก่อน กระแสกลียุคครั้งใหม่ เปลิวเพลิงแห่งหวังอันมืดมิดถูกจุดประกาย ณ ห้วงลึกของกาลเวลา

ท้ายที่สุดการเดินทางแสนยาวนานจะจบลงที่ตรงไหน ก็คงมีแต่ผู้ที่ไปถึงเท่านั้นจะรู้ได้…


#คำเตือน# เนื้อหาในนิยายบางตอนมีการบรรยายถึงดราม่าที่อาจทำให้รู้สึกหดหู่หรือซึมเศร้า เลือด โศกนาฏกรรม การตาย และการ depress ของตัวละครหรือกระทั่ง อาการ PTSD ก็ตาม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้มีอาการซึมเศร้า หดหู่หรือพึ่งประสบเจอสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตมา โปรดหลีกเลี่ยง


จากนี้เชิญสนุกกับนิยายได้เลยครับ

สารบัญ

บันทึกกาล เทพไร้นาม-Prologue สองเส้นขนานบรรจบ??,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 1, บทที่ 1 ชีวิตสามัญยามเช้า,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 2, บทที่ 1 เปิดเรียนวันแรก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 3, บทที่ 1 ฟันเฟืองเริ่มขยับ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 4, บทที่ 1 ฝันร้ายในเรือนกระจก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 5, บทที่ 1 สัญญาณลางร้าย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 6, บทที่ 1 The Last supper มื้ออาหารสุดท้าย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 7, บทที่ 1 ภัยร้ายมาเยือน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 8, บทที่ 1 จุมพิตอำลา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 9, บทที่ 1 คำตอบ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 10, บทที่ 1 การต่อและความช่วยเหลือ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 11, บทที่ 1 ความจริง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 12, บทที่ 1 จดหมายแด่จอห์น,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 13, บทที่ 1 สิ่งที่แปรเปลี่ยนไป,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 14, บทที่ 1 โอกาส,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 15, บทที่ 1 ฝึกฝน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 16, บทที่ 1 เพลิงเหน็บหนาวผ่าขั้วหัวใจ (I),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 17, บทที่ 1 เพลิงเหน็บหนาวผ่าขั้วหัวใจ (II),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 18, บทที่ 1 เดินทางสู่ป่าลึก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 19, บทที่ 1 การต่อสู้พร้อมความสูญเสีย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 20, บทที่ 1 ความเป็นความตาย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 21, บทที่ 1 การเตรียมใจและความเชื่อมั่น,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 22, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (I),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 23, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (II),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 24, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (III),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 25, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (IV),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 26, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (VI),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 27, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (VII),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 28, บทที่ 1 จุดหมายต่อไป,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 29, บทที่ 1 เส้นทางจากนี้,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 30, บทที่ 2 ปรปักษ์แห่งพระเจ้าผู้สวมหน้ากากคนเขลา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 31, บทที่ 2 สู่ 'อีกด้าน',บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 32, บทที่ 2 ผู้ถูกทิ้งสู่เบื้องล่าง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 33, บทที่ 2 เหล่าเศษขยะผู้มารวมกัน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 34, บทที่ 2 คำประกาศของผู้มาเยือน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 35, บทที่ 2 ยมทูตแห่งแสงสว่าง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 36, บทที่ 2 อาทิตย์ยามสนธยา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 37, บทที่ 2 การสนทนาด้วยดาบ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 38, บทที่ 2 ความตายคอยจับจ้อง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 39, บทที่ 2 ออบซิเดียนที่เจิดจรัสที่สุด,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 40, บทที่ 2 เพลิงแค้นของผู้ร่วงหล่น

เนื้อหา

ตอนที่ 6, บทที่ 1 The Last supper มื้ออาหารสุดท้าย

“โอ๊ย เบา ๆ หน่อยสิ! ธิน่า”


หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ธิน่าก็พาผมมาที่บ้านเพื่อทำแผล แต่เหมือนเธอจะไม่อ่อนโยนกับแผลผมเลย


“อดทนซะ ลิซ”


จากนั้นธิน่าก็ละเลงยาใส่แผลของลิซ ลิซที่นั่งอยู่ก็ได้แต่กรีดร้องในใจดัง ๆ กัดฟันแน่นข่มความเจ็บปวด 


ธิน่าที่รู้ว่าลิซเจ็บปวด เธอก็พยายามทำให้เร็วและประณีตที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ เธอใช้ผ้าพันแผลพันรอบปากแผลด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ


“เอ้า เสร็จแล้ว”


“เฮ้อ เจ็บชะมัดเลย”


ลิซถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่ทันไรดวงตาคู่หนึ่งก็จ้องเขม็งมาที่เขาไม่วาง บ่งบอกว่าให้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาให้หมด


“เข้าใจแล้ว ฉันจะเล่าให้ฟังเอง”


จากนั้นลิซก็เล่าทุกอย่างที่เขาจำได้ทั้งเรื่องของคนที่เขามาทำร้ายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และเรื่องสำคัญที่สุดคือ กลิ่นอายบางอย่างที่เขาสัมผัสได้อย่างแน่ชัด แม้จะผ่านมานานแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้ 


ธิน่าก็ได้แต่ฟังและครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง


“งั้นเหรอ อยู่ดีๆ เขาก็มาทำร้ายนายและวินาทีนั้นนายก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ประหลาดสินะ”


“ว่าแล้วเชียว…”


ธิน่าพึมพำออกมาเบา ๆ


“ธิน่า?”


“ไม่มีอะไร นายพักผ่อนไปก่อน เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อของทำอาหารก่อนและอย่าลืมล่ะ”


“หากไม่มีการตอบรหัสลับอย่าเปิดสินะ…”


“ถูกต้อง งั้นไปก่อนนะ”


จากนั้นธิน่าก็เปิดประตูห้องรับแขกเดินตรงไปที่ประตูบ้านและเปิดออกไปตรงไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของ


ลิซก็มองเธอออกไปเงียบ ๆ และทิ้งตัวลงบนโซฟา


ท่ามกลางถนนหนทางยามราตรี บนท้องฟ้ายามนี้ไร้ซึ่งดวงดาวคอยส่องนำทาง คงเพราะพวกมันถูกแสงไฟจากข้างทางและบ้านเรือนกลืนกินไปหมดสิ้น แม้มันจะเป็นภาพที่สวยงามที่ได้เห็นแสงสีตระการตาแบบนี้ แต่เด็กสาวก็พลางคิดว่าหากมี ดวงดาวเจิดจ้าอยู่ล่ะก็ คงจะดีไม่น้อยเหมือนกัน 


ตึกราวบ้านช่องต่างตั้งตระหง่านเหมือนเป็นการแสดงแสงยานุภาพของมนุษย์ที่สามารถพิชิตความมืดมิดได้ในที่สุด อีกทั้งยังสร้างสิ่งที่สุดยอดได้ถึงเพียงนี้ เทคโนโลยี อารยธรรมเจริญไม่ขาดสายรังแต่จะดีขึ้นตามความโลภของมนุษย์


แต่เด็กสาวก็รู้ดีว่านี่คือเปลือกนอกเท่านั้น เหล่าผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ ไม่สิบนโลกสีครามแห่งนี้ ยังไม่รู้ถึงสิ่งที่ถูกปิดเอาไว้ เหมือนไรฝุ่นที่อยู่ใต้พื้นพรม


“ดูท่าอีกไม่นานสิ่งที่รั้งเขาไว้คง…”


เด็กสาวพึมพำออกมาเบา ๆ เธอถูกวังวนความคิดบางอย่างดึงสติไป ในขณะที่ตนเดินอยู่ แต่กระนั้นแล้ว


“กลิ่นอายนี้มัน!!”


กลิ่นอายบางอย่างดึงเด็กสาวออกจากภวังค์กลับสู่ความเป็นจริง สิ่งที่ลิซเล่าให้กับเธอฟังแม้ในใจเธอจะภาวนาให้มันไม่เป็นจริง แต่ว่าความจริงตรงหน้ากลับตอกย้ำเธออย่างโหดร้าย


ธิน่า เธอปลีกตัวออกมาจากถนนหลัก เดินเข้าสู่ตรอกซอยเปลี่ยว เธอพยายามล่อกลิ่นอายบางอย่างที่กำลังสะกดรอยตามเธอมา และในที่สุดที่มาของกลิ่นอายนั้นก็ปรากฎตรงหน้าเธอ…


“ไม่พบกันเสียนานนะเพคะ องค์หญิง”


บุคคลปริศนา ถอดชุดคลุมสีดำเผยถึงเรือนผมสีม่วงแกมนำเงิน นัยน์ตาสีม่วงส่องแสงยามราตรี หน้าตาสละสลวยราวกับเทพธิดา แต่ก็มีสิ่งที่ปิดซ่อนเอาไว้ ซึ่งธิน่านั้นรู้ดี เธอรู้ดีกว่าใคร ๆ 


“ใช่ ไม่ได้เจอกันนานมาก ๆ เลยนะ เมดาเรียส”


ธิน่าตอบกลับพร้อมพยายามเก็บสีหน้าที่ตกตะลึงระคนสงสัย แม้จะเป็นการพบเจอกันอีกครั้งที่ควรจะดีใจ แต่เธอกลับแสดงท่าทีระแวงออกมาผ่านกิริยา


“ไม่ต้องระวังกระหม่อมก็ได้เพคะ วันนี้กระหม่อมแค่มาเตือนท่านเพียงเท่านั้น”


“เตือนงั้นเหรอ!?”


“เพคะ กระหม่อมรับบัญชาจากองค์ฝ่าบาทมาให้พาท่านกลับไปเพคะ”


“อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ!!”


ธิน่าแสดงความโกรธออกมาอย่างไม่ปิดบัง แผ่จิตสังหารออกไปข่มขวัญ แต่เมดาเรียสหาได้หวั่นเกรงไม่ เธอยังคงความใจเย็นแล้วพูดต่อ


“องค์หญิงเพคะ กระหม่อมขอแนะนำว่าให้ท่านกลับไปกับข้าเถอะ หากท่านไม่อยากให้ไอ้มนุษย์สกปรกนั่นตายคามือข้า”


“ว่าไงนะ!?”


ธิน่าที่รู้ว่าหากเธอทำแบบนี้ต่อไป มันจะเป็นอันตรายต่อลิซแน่นอน เธอจึงลดจิตสังหารลงและสยบอารมณ์ที่พลุ่งพล่านลง 


“นี่สิเพคะถึงจะเป็นองค์หญิงที่กระหม่อมรู้จัก”


“มีธุระอะไรก็ว่ามาให้เสร็จก่อนที่ความอดทนของฉันจะถึงขีดจำกัด”


“อย่างที่กระหม่อมกล่าวไป องค์ฝ่าบาทสั่งให้ข้านำท่านกลับไปเพื่อแต่งงานทางการเมืองเพคะ”


“พี่น้องคนอื่น ๆ ก็มีไม่ใช่หรือไงกัน! ทำไมจ้องแต่จะให้ฉันครองราชย์”


ธิน่ากำหมัดแน่น นิสัยปรกติที่เธอมักจะใจเย็นนั้นได้หายไปจนหมดสิ้น ธิน่าตั้งท่าเตรียมต่อสู้ แต่สิ่งที่เมดาเรียสเตือนเธอก่อนหน้าก็ดึงสติเธอกลับมาอีกครั้ง


‘เราไม่รู้เลยว่าทางนั้นมากันกี่คน อีกทั้งถ้าทำอะไรสุ่มเสี่ยงล่ะก็ เขาคง…’


“องค์หญิงเพคะ ตัวของกระหม่อมไม่เข้าใจท่านเสียจริงๆ”


“เหตุใดที่ท่านลดตัวเองมาอยู่ในที่ที่สกปรกแบบนี้ อีกทั้งยังคลุกคลีกับพวกมนุษย์อีก”


“ตั้งแต่วันที่เขาได้ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ฉันก็ไม่คิดที่จะหันหลังกลับไปแล้ว ขอโทษด้วย”


ธิน่าพูดออกมาก่อนที่จะหันหลังกลับไปเพื่อจะออกจากที่แห่งนี้ แต่ว่า


“อึก!!”


ตัวของเธอชนเข้ากับบางสิ่งบางอย่างคล้ายกำแพง เมื่อเธอสัมผัสเธอก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ


“เมดาเรียส นี่เธอ!!”


ธิน่าจ้องกลับไปยังเมดาเรียสที่กำลังใช้มนตร์บางอย่างขัดขวางเธอไว้


“ท่านไม่เข้าใจอะไรเลย! องค์ฝ่าบาทโปรดปรานท่านมากกว่าใคร ๆ แต่กระนั้นเหตุใดท่านถึงหันหลังให้ประชาชน บังลังก์และบ้านเกิดล่ะเพคะ!”


ธิน่าที่ได้ยิน เธอก็คิดครู่หนึ่ง ตั้งแต่ที่เธอหนีออกมาในวันนั้นโชคชะตาของเธอก็ได้เปลี่ยนไปพบกับคนสำคัญ ได้รับความช่วยเหลือขนาดกระทั่งวินาทีสุดท้ายของพวกเขาเอง เขายังฝากฝังลูกชายของพวกเขาไว้กับเธอโดยไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ ทั้งที่เจอกันไม่นานและไม่ใช่ลูกแท้ ๆ 


แต่เธอก็อยากจะตอบแทนพวกเขาที่คอยช่วยเหลือเธอเสมอมา ใช่แล้ว…พวกเขาต่างหากที่เป็นพ่อแม่ของเธอ หาใช่คนที่จ้องจะยัดเยียดสิ่งที่เธอไม่ต้องการให้


“ฉันไม่อยากฟังคนที่หลอกพรรคพวกหรอกนะ ฉันรู้นะว่าเธอ…”


ธิน่าหยุดพูดเพื่อครุ่นคิดสักพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ


“ฉันคือธิน่า หาใช่เทพเจ้าหรือองค์หญิงแต่อย่างใด แค่ธิน่าเท่านั้น!”


ธิน่ายืนยันเสียงแข็งถึงตัวตนของเธอ ตอนนี้เธอไม่ใช่เทพหรือองค์หญิง แต่เธอก็แค่คนธรรมดาที่ใฝ่ฝันถึงชีวิตที่มีความสุข


“งั้นเหรอเพคะ งั้นคงต้องใช้ไม้แข็งแล้ว”


จากนั้นเคียวก็ปรากฏในมือของเมดาเรียส พร้อมตั้งท่าเตรียมต่อสู้ 


ธิน่าเองแม้พลังของเธอจะหายไปมากเพราะลงผนึกไว้ แต่เธอเองก็ใช่ว่าจะทำตัวเป็นไก่รอเชือดแต่อย่างใด


“ก็มาสิ!!”


ในวินาทีที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นนั้นเอง


“เพคะ…ค่ะ”


มีใครบางคนกำลังคุยกับเมดาเรียส ทำให้เธอลดอาวุธและเก็บมันลง จากนั้นม่านกำแพงประหลาดก็หายไปเช่นกัน


ธิน่าที่มึนงงก็ส่งสายตาไปหาเมดาเรียสเพื่อถามหาคำตอบ


“ค่ำคืนนี้พอแค่นี้ดีกว่าเพคะ ต่อสู้กันไปใช่ว่าจะดี แต่กระหม่อมไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอกเพคะ แล้วเจอกันใหม่ องค์หญิงของข้า”


สิ้นสุดคำพูด เมดาเรียสก็หายไปในเงามืดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งความว่างเปล่าและความสงสัยไว้ให้กับธิน่า


“เฮ้อ…เกือบแล้วไหมเนี่ย เอาล่ะก่อนอื่นก็ต้องไปทำธุระให้เสร็จ”


ธิน่าตั้งสติตัวเองอีกครั้งและเดินออกจากตรอกเปลี่ยว กลับมาสู่เส้นทางปรกติที่ธิน่าเดินมาในตอนแรก จากนั้นเธอก็เดินไปยังร้านสะดวกซื้อโดยที่ความสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้นยังคงหลงเหลือภายในใจ


“เมื่อไหร่ธิน่าจะกลับมากันนะ”


ลิซที่รู้สึกเบื่อหน่ายจากการรอ ได้แต่กลิ้งไปมาบนโซฟาและนอนรอให้เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ  


แต่ทันใดนั้น


ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากข้างนอก ลิซที่ได้ยินจึงรีบไปแต่ก่อนที่เขาจะเปิดประตูนั้นเอง


“รหัสลับ…”


เสียงลิซถามขึ้นและรอคำตอบจากอีกฝ่าย


“ปัญญายามราตรี ส่องประกายบนท้องฟ้าดั่งดารา”


เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นและรหัสลับนั้นถูกต้องทุกระเบียบนิ้ว ลิซได้ยินก็เปิดกลอนล็อกประตูและเปิดออก


ภาพตรงหน้าเขาคือธิน่าที่แบกของมามากมาย 


นี่…มาช่วยกันหน่อยสิ มันหนักน่ะ


ธิน่าพูดพร้อมด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่น่าแปลกที่เธอสามารถแบกของหนัก ๆ แบบนี้มาได้


“สมแล้วที่เป็นกอริลา”


“กอริลาบ้านนายสิ!! มาช่วยยกของก่อนไหม!!”


หลังจากที่โดนบ่น ไม่นานทั้งสองคนก็เตรียมอาหาร จัดโต๊ะ และวางอาหารที่พึ่งทำเสร็จไว้บนโต๊ะ และทั้งสองก็นั่งลง


ธิน่าเธอยังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นาน การเจอกับเมดาเรียสและการที่บางสิ่งที่ปกป้องลิซไว้กำลังคลายออกนั้น 


เธอก็ยิ่งรู้ดีว่าเธอกำลังจะถูกพรากวันที่มีความสุขของเธอไป แต่กระนั้นแล้ว เธอก็ตัดสินใจที่จะบอกเขาในวันถัดไป และก่อนที่ธิน่าจะถูกดูดลงไปในภวังค์ความคิดไปมากกว่านี้


“ธิน่ากินข้าวได้แล้วนะ จะเย็นหมดแล้ว”


“เข้าใจแล้ว ลิซ”


ธิน่าทิ้งความคิดฟุ้งซ่านไปหมด และตั้งใจกินอาหารมื้อนี้ซึ่งอาจจะเป็นมื้อสุดท้ายที่เธอจะได้กินกับคนสำคัญของเธอ 


แด่พระผู้เป็นเจ้า แม้ฉันจะเป็นเทพเจ้าเฉกเช่นพระองค์ แต่ได้โปรด


ขอให้วันที่แสนธรรมดาแต่เลอค่าเช่นนี้อยู่เคียงข้างฉันพร้อมกับคนสำคัญของฉันด้วย


แม้เธอจะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์แต่เธอก็ยังคงภาวนาต่อไปต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้มีตัวตนอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งในโลกอันคับแคบแห่งนี้