ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้

บันทึกกาล เทพไร้นาม - ตอนที่ 11, บทที่ 1 ความจริง โดย นักประพันธ์ดารา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม,แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกกาล เทพไร้นาม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ดราม่า,ดาร์ค,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอ็คชั่น ,แอ็กชัน,แอ็คชั่น,พระเอก,แฟนตาซี ,พล็อตสร้าง,ผจญภัย,แอคชั่น,เวท,เวทมนต์,เวทมนตร์,ดาร์กแฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

บันทึกกาล เทพไร้นาม โดย นักประพันธ์ดารา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชายหนุ่มแสนธรรมดาใช้ชีวิตกับเพื่อนสาวสมัยเด็กมาเนิ่นนาน แต่ฝันประหลาดชักนำให้เด็กหนุ่มพานพบกับเหตุการณ์อันเป็นจุดพลิกผันและแยกจาก ความทรงจำ สงคราม กาลเวลา การลืมตาตื่นแห่งการเดินทางเพื่อทวงคืนสิ่งที่สำคัญจึงเริ่มต้นขึ้นบนหน้ากระดาษของยุคสมัยใหม่อันเป็นปฐมบทของมหากาพย์นี้

ผู้แต่ง

นักประพันธ์ดารา

เรื่องย่อ




ตารางอัพนิยายจะอัพทุกวัน 18.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์เวลา 19.00 น. เวลาอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมต่อไปในอนาคตนะครับ

เรื่องย่อ : ลิซชายหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาที่ในอดีตประสบอุบัติเหตุปริศนาจนเสียพ่อแม่และความทรงจำไป ตอนนี้ได้อาศัยอยู่กับเพื่อนสมัยเด็กนาม “ธิน่า” ในทุกคืนลิซจะฝันเห็นถึงเรื่องประหลาด ตัวตนของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ประสบการณ์ ความทรมานและอีกหลาย ๆ อย่าง เขาเก็บเป็นความลับกับธฺิน่าและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา แต่ทว่า


วันหนึ่งธิน่าก็ถูกจับตัวโดยตัวตนปริศนาและลิซก็ถูกสังหาร เขาดำดิ่งลงสู่มิติปริศนาที่เขาคอยเห็นผ่านฝันมาตลอด เขาได้รู้ความจริงบางส่วนและเลือกลืมตาตื่นในฐานะ “เทพเจ้า” สายเลือดพิเศษครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวเขามาตลอด เพื่อเข้าต่อสู้ต่อมาเขาได้รู้จักกับพรรคพวกของธิน่าและเลือกออกเดินทางไปช่วยธิน่า แต่ก่อนจะไปถึงเขาจะต้องเดินทางผ่านอาณาจักรทั้ง 9 เสียก่อน กระแสกลียุคครั้งใหม่ เปลิวเพลิงแห่งหวังอันมืดมิดถูกจุดประกาย ณ ห้วงลึกของกาลเวลา

ท้ายที่สุดการเดินทางแสนยาวนานจะจบลงที่ตรงไหน ก็คงมีแต่ผู้ที่ไปถึงเท่านั้นจะรู้ได้…


#คำเตือน# เนื้อหาในนิยายบางตอนมีการบรรยายถึงดราม่าที่อาจทำให้รู้สึกหดหู่หรือซึมเศร้า เลือด โศกนาฏกรรม การตาย และการ depress ของตัวละครหรือกระทั่ง อาการ PTSD ก็ตาม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้มีอาการซึมเศร้า หดหู่หรือพึ่งประสบเจอสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตมา โปรดหลีกเลี่ยง


จากนี้เชิญสนุกกับนิยายได้เลยครับ

สารบัญ

บันทึกกาล เทพไร้นาม-Prologue สองเส้นขนานบรรจบ??,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 1, บทที่ 1 ชีวิตสามัญยามเช้า,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 2, บทที่ 1 เปิดเรียนวันแรก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 3, บทที่ 1 ฟันเฟืองเริ่มขยับ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 4, บทที่ 1 ฝันร้ายในเรือนกระจก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 5, บทที่ 1 สัญญาณลางร้าย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 6, บทที่ 1 The Last supper มื้ออาหารสุดท้าย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 7, บทที่ 1 ภัยร้ายมาเยือน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 8, บทที่ 1 จุมพิตอำลา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 9, บทที่ 1 คำตอบ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 10, บทที่ 1 การต่อและความช่วยเหลือ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 11, บทที่ 1 ความจริง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 12, บทที่ 1 จดหมายแด่จอห์น,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 13, บทที่ 1 สิ่งที่แปรเปลี่ยนไป,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 14, บทที่ 1 โอกาส,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 15, บทที่ 1 ฝึกฝน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 16, บทที่ 1 เพลิงเหน็บหนาวผ่าขั้วหัวใจ (I),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 17, บทที่ 1 เพลิงเหน็บหนาวผ่าขั้วหัวใจ (II),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 18, บทที่ 1 เดินทางสู่ป่าลึก,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 19, บทที่ 1 การต่อสู้พร้อมความสูญเสีย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 20, บทที่ 1 ความเป็นความตาย,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 21, บทที่ 1 การเตรียมใจและความเชื่อมั่น,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 22, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (I),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 23, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (II),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 24, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (III),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 25, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (IV),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 26, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (VI),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 27, บทที่ 1 ไอวี่ลิลลี่ (VII),บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 28, บทที่ 1 จุดหมายต่อไป,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 29, บทที่ 1 เส้นทางจากนี้,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 30, บทที่ 2 ปรปักษ์แห่งพระเจ้าผู้สวมหน้ากากคนเขลา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 31, บทที่ 2 สู่ 'อีกด้าน',บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 32, บทที่ 2 ผู้ถูกทิ้งสู่เบื้องล่าง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 33, บทที่ 2 เหล่าเศษขยะผู้มารวมกัน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 34, บทที่ 2 คำประกาศของผู้มาเยือน,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 35, บทที่ 2 ยมทูตแห่งแสงสว่าง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 36, บทที่ 2 อาทิตย์ยามสนธยา,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 37, บทที่ 2 การสนทนาด้วยดาบ,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 38, บทที่ 2 ความตายคอยจับจ้อง,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 39, บทที่ 2 ออบซิเดียนที่เจิดจรัสที่สุด,บันทึกกาล เทพไร้นาม-ตอนที่ 40, บทที่ 2 เพลิงแค้นของผู้ร่วงหล่น

เนื้อหา

ตอนที่ 11, บทที่ 1 ความจริง

“นี่ล้อฉันเล่นใช่ไหมเนี่ย?”


ลิซบ่นออกมาเพราะความเบื่อหน่ายที่โดนดึงไปดึงมา แถมครั้งล่าสุดเขาเองก็ยังไม่ได้คำตอบจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลย


"ครั้งนี้เจ้าไม่ต้องกังวลไป ครั้งนี้ข้าจะไม่รบกวนเจ้ามาก”


“วันนี้เป็นวันที่หนักหนาสำหรับคนคนหนึ่งเช่นเจ้า”


ต้นไม้ตรงหน้าลิซกล่าวราวกับว่าเขาเข้าใจทุกอย่างและคอยเฝ้ามองมันอยู่ไกล ๆ 


“เรื่องนั้นช่างเถอะ ที่นายพาฉันมาที่นี้เพราะมีอะไรจะบอกใช่ไหม?”


ลิซตัดบทและถามสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาออกไป


“ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีด้วยที่เจ้าได้รับพลังกลับคืนมาแล้ว”


“กลับคืน? หมายความว่ายังไง?”


“เดิมทีพลังของเจ้านั้นอยู่ในสถานะที่ถูกปิดผนึก”


“ แต่พอเจ้าถึงฆาตผนึกจึงบังคับเปิดออกเพื่อให้เจ้ามีชีวิตต่อไป”


“และเมื่อทุกอย่างสงบลงก็อย่างที่เจ้าเห็นไป”


ต้นไม้ตรงหน้าลิซพูดถึงสถานการณ์ให้ฟัง แม้จะไม่ละเอียดมากนัก แต่ความสงสัยอย่างหนึ่งของลิซก็ได้รับการแถลงไข


“งั้นเหรอว่าแต่…นายชื่ออะไรเหรอ? ให้เรียกนายว่าต้นไม้มันก็ยังไงอยู่ เพราะนายพูดได้ด้วยสิ”


“นามของข้าคือ…อิกดราซิล พฤกษาที่คอยค้ำจุนโลกและสรรพสิ่งเอาไว้ บ้างก็ถูกเรียกว่าเทพแห่งปฐมกาล บ้างก็พฤกษาแห่งความรู้ แม้ข้าจะมีชื่อแตกต่างไป แต่ตัวตนของข้าก็ยังคงเช่นเดิม”


อิกดราซิลกล่าวแนะนำตัวเอง น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมานั้นช่างสุขุม นุ่มลึกดุจนักปราชญ์ชื่อก้องโลกที่ใคร ๆ ต่างรู้จัก 


ทั้งการวางตัวดั่งผู้อาวุโสที่เฝ้ามองโลกนี้มานานแสนนาน และวาจาที่แม้จะล้าสมัยแต่บ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่ พูดได้เลยว่าสมแล้วที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นพฤกษาที่คอยค้ำจุนสรรพสิ่งเอาไว้


“อิกดราซิลสินะ เข้าใจแล้ว”


“เรื่องที่เจ้าอยากถามข้ามีเพียงแค่นี้หรือ?”


อิกดราซิลถามลิซกลับ แม้ในใจลิซเขาคาดว่าอิกดราซิลรู้ว่าเขายังมีเรื่องที่จะถามอยู่ แต่ที่เขาพูดแบบนี้คงเป็นการรักษามารยาทอย่างหนึ่ง


“ฉันมีเรื่องที่อยากจะได้คำตอบหลายอย่างมากเลยล่ะ แต่ว่า…ตอนนี้ฉันยังไม่ได้อยากเอาอะไรมาใส่หัวมากแล้ว แต่ถ้า…นั้นสินะ”


ลิซเอียงหัวคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเปิดปากพูดออกไป


“ที่ว่า ‘พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบและราคาที่ใหญ่ยิ่ง’ หมายความว่าไง?”


ลิซถามในสิ่งที่อิกดราซิลได้บอกเขาก่อนที่ลิซจะโดนดึงกลับไปอีกครั้ง ทางอิกดราซิลที่ได้ยินก็ตอบรับอย่างเปิดเผย


“คำพูดนั้นมิได้มีความหมายที่ลึกซึ้งแต่อย่างใด เส้นทางที่เจ้าเลือกนั้นล้วนเต็มไปด้วยขวากหนามและการสูญเสีย”


“นั้นคือราคาทั้งหมดที่ฉันต้องจ่ายงั้นเหรอ?”


“เรื่องนั้นข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้”


ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองโดยพลัน ไอความสงสัยระแวดระวังกระจายไปทั่วบริเวณ แม้ลิซเขาอยากจะรู้ไปมากกว่านี้ก็ตาม แต่สำหรับเขาตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ


“งั้นเหรอ…งั้นฉันไปก่อนนะ”


ลิซพูดขึ้นก่อนโบกมือไปมาเบา ๆ อิกดราซิลก็ไม่ได้พูดอะไรตอบ จากนั้นไม่นานใบไม้ที่ประดับอยู่ที่กิ่งก้านของอิกดราซิลก็ร่วงหล่นลงและรวมกันจนเป็นพายุ


พายุนั้นโอบล้อมลิซและเขาก็หายไป โดยทิ้งความเงียบงันไว้เบื้องหลัง


'อึก…’


ลิซลืมตาตื่นขึ้น ก็พบกับเพดานห้องที่คุ้นเคย ความเงียบสงบและอุ่นใจอันน่าคิดถึง


“นี้มัน…กี่โมงแล้วเนี่ย”


ลิซหานาฬิกาบนหัวเตียง หลังจากเจอเขาก็หยิบขึ้นมาดู


“2 ทุ่มเกือบ 3 ทุ่มงั้นเหรอ?”


หลังจากที่เจอกับเมดาเรียสก็ประมาณ 5 โมงเย็นนี่ก็ 3-4 ชั่วโมงได้แล้วสินะ? จะว่าไปฉันกลับมาได้ไง? แล้วคนที่ชื่อว่าซิกฟรีดล่ะ? ไม่สิ…ก่อนเรื่องพวกนั้นลงไปเช็กข้างล่างก่อนดีกว่า


เมื่อคิดได้ดังนั้นลิซก็ลุกขึ้นและออกจากห้องนอน เดินลงไปยังห้องรับแขก แล้วเขาก็พบเข้ากับ


“ตื่นแล้วเหรอ? ลิซ”


คนที่พูดออกมานั้นคือชายวัยกลางคน ผมสีเทา ดวงตาสีเทา ผิวคล้ำออกไปทางแทนที่ข้าง ๆ เขา มีเด็กสาวอายุประมาณ 15-16 ปี เรือนผมสีแดง หน้าตาไม่รับแขกนั่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ทั้งสองนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างสบายใจ


“อ่า…ครับ ถ้าจำไม่ผิดคุณคือคุณซิกฟรีดใช่ไหม?”


“มารยาทดีจังนะ ใช่แล้วฉันคือซิกฟรีด ส่วนข้าง ๆ ฉันคือซาฮา”


ซิกฟรีดแนะนำซาฮาให้ลิซได้รู้จัก แต่ทางซาฮาก็ยังทำหน้าไม่รับแขกเหมือนเดิม แถมส่งสายตาแปลก ๆ มาที่ลิซด้วย


“เดี๋ยวเถอะ!! ซาฮา ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาแตกต่างน่ะ”


ซิกฟรีดต่อว่าซาฮาที่ทำตัวไร้มารยาทแม้จะอยู่ในบ้านของคนอื่น ซาฮาที่รำคาญก็ตอบปัดกลับมา


“ฉันซาฮา เรียกซาฮาเฉย ๆ ก็ได้”


“ครับซาฮา แล้วคุณซิกฟรีด…”


“แค่ซิกฟรีดก็ได้”


“งั้นซิกฟรีด…ทั้งสองคนเข้ามาบ้านผมได้ไง?”


ลิซถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แม้จะพอรู้ว่าทั้งสองไม่ใช่คนเลวร้าย แต่สายตาที่จ้องมาราวกับจะทิ่มแทงของซาฮานั้น ทำลิซลำบากใจไม่น้อย


“ไม่ต้องกลัวซาฮาขนาดนั้นก็ได้ เด็กคนนี้พอดีมีหลายเรื่องเกิดขึ้นเลยไม่ถูกกับพวกเทพน่ะ”


“งั้นเหรอครับ เดี๋ยวนะครับ!? ผมเป็นเทพเหรอครับ!?”


คำถามนั้นทำให้ทั้งสองมองมาที่ลิซ และจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง


“ดูท่าธิน่าจะไม่ได้บอกอะไรมาเลยสินะ”


ซิกฟรีดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนลุกขึ้นจากโซฟา 


“ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้นเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่านะ”


“ครับ…ว่าแต่พวกคุณยังไม่ตอบผมเลยว่าเข้ามาได้ไง?”


“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เจ้าโง่”


คนที่พูดขึ้นคือซาฮาที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาและเธอก็จ้องมองมาที่ลิซด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ 


“พวกเราพานายกลับมา นอนจูบพื้นอยู่อย่างนั้นจะไม่ให้พากลับหรือไงยะ!”


“ซาฮา…”


เพียงคำพูดสั้น ๆ ของซิกฟรีดก็ทำให้บรรยากาศสงบลง ซาฮาที่ได้ยินก็ทำหน้าเจ็บใจ ส่วนลิซก็ยังคงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่


“มาทานอาหารก่อนดีกว่านะ”


“เข้าใจแล้ว”


“ครับ”


ซาฮาและลิซเดินไปยังโต๊ะอาหารที่มีจานอาหารหลากหลายเรียงรายอยู่ ทั้งสองต่างตาลุกวาว ต่อหน้าอาหารระดับภัตราคารหรูวางเป็นแถวยาว โต๊ะที่ถูกปูด้วยผ้ารองชั้นดี จาน ช้อนส้อม และเครื่องดื่มถูกวางมาอย่างพิถีพิถัน ทำเอาทั้งสองต่างลืมว่าที่นี้คือบ้านธรรมดาหลังหนึ่งเท่านั้น


“เอาล่ะ มาทานกันเถอะ”


“อ่า!!”


ทั้งสองต่างพูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และวิ่งไปนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นทั้งสามต่างพูดพร้อมกันว่า


“จะทานแล้วนะครับ/ค่ะ!!”


ช่วงเวลาหลังจากนั้นคือการลิ้มรสอาหารอันโอชะ และการสนทนาที่ราวกับงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า


และเวลาก็ล่วงเลยไปจนทั้งสามรับประทานอาหารเสร็จ


“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ/ค่ะ”


ทั้งสามกล่าวขอบคุณมื้ออาหารพร้อมกัน จากนั้นซิกฟรีดก็นำแก้วที่ใส่โกโก้ร้อนสำหรับสามคนมาวางไว้ให้ และนั่งลงอีกครั้ง


“ฮู่ว…ว่าแล้วจบมื้ออาหารต้องโกโก้ร้อนนี่แหละ”


“เห็นด้วยเลย ซิกฟรีด”


“อร่อยจังเลยนะครับ”


จากนั้นซิกฟรีดก็วางแก้วลงแล้วมองมาทางลิซแล้วพูดกับเขาว่า


“เอาล่ะลิซ เรามาคุยเรื่องที่นายต้องรู้และต้องตัดสินใจก่อนดีกว่า”


เอื้อก


ลิซกลืนน้ำลายเสียงดัง เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปรอบ ๆ ตัวของซิกฟรีด ทั้งที่ปรกติเขาจะมีบรรยากาศที่เป็นกันเองและอบอุ่นดูน่าพึ่งพาราวกับพี่ชาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับหายไปราวกับโกหก


“อย่างแรกเลยคือสถานการณ์ในตอนนี้…ต้องบอกเลยว่าเลวร้ายขั้นสุดเลย”


“ทำไมเหรอครับ?”


“เพราะนายได้ลืมตาตื่นแล้วไงล่ะ”


“หมายถึงพลังของผมน่ะเหรอครับ?”


“ใช่แล้ว…แม้จะเพียง 1 ใน 2 แต่นายก็เป็นผู้มีสายเลือดของเทพเจ้า” 


“ผมเป็นเทพเจ้าเหรอ!?”


“ถ้าจะพูดให้ถูกคือครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพเจ้ามากกว่านะ เจ้าเด็กเทพ”


ซาฮาพูดขึ้นกลางวงสนทนาก่อนที่จะนำเครื่องบางอย่างออกมาแล้วโยนให้กับซิกฟรีด


ซิกฟรีดรับอย่างง่ายดายและเปิดเครื่องขึ้น จากนั้นไม่นานแสงสีฟ้าก็สว่างขึ้นร้อยเรียงเป็นแผนที่รูปต้นไม้


“นี้คือแผนที่โลกทั้ง 9”


“โลกทั้ง 9 ?”


“ใช่แล้ว โลกเขาเราอยู่ประมาณลำต้นค่อนไปรากคือตรงนี้”


“ส่วนโลกที่ธิน่าถูกพาไปแน่นอนว่าต้องเป็นที่นี้”


จากนั้นซิกฟรีดก็ชี้ให้เห็นโลกที่อยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้ ซึ่งอยู่ห่างจากโลกที่ลิซอยู่มาก และชื่อนั้นมีชื่อว่า


“Olympia??”


“ถูกต้อง สรวงสวรรค์ของเทพเจ้าและธิน่าเธอก็คือองค์หญิงของที่นั้นไงล่ะ”


 


ภาพกลับมาที่หญิงสาวเรือนผมสีม่วงแกมน้ำเงินเดินมายังประตูทองคำขนาดใหญ่ พร้อมกับทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ทั้งสองต่างก็ทำความเคารพต่อหญิงสาว 


“ข้ามาเข้าเฝ้าองค์ฝ่าบาทเพื่อรายงานภารกิจ เปิดประตูซะ!”


สิ้นสุดคำพูดของหญิงสาวเรือนผมสีม่วงแกมน้ำเงิน ประตูทองคำขนาดใหญ่ที่มีลวดลายสวยงามก็เปิดออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นถึงการตกแต่งอันสวยงาม ทุกอย่างล้วนเป็นทองคำแท้ ภาพวาดที่สื่อถึงอารยธรรมและการพิชิตถูกวาดไว้เต็มฝาผนังยันถึงเพดานที่สูงใหญ่ 


และตรงหน้าของหญิงสาวคือชายรูปร่างชราภาพแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศนั่งอยู่บนบังลังก์ทองคำ ข้างกายคือภรรยาหลวงและอีกด้านคือยุทธภัณฑ์ที่มีรูปร่างเป็นสายฟ้าวางอยู่


“มาแล้วสินะ เมดาเรียส”


“เพคะ องค์ฝ่าบาท”


“แม้ข้าจะดูตั้งแต่ต้นยันจบแต่ข้าอยากฟังจากปากเจ้าถึงเรื่องของมนุษย์นั้นและสิ่งที่เจ้าเผชิญมา”


“เพคะ”


จากนั้นเมดาเรียสก็เล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นยันถึงตอนที่เธอล่าถอยออกมา ราชาที่นั่งฟังก็ลูบคางเบา ๆ ทำหน้าระคนสงสัย ส่วนภรรยาข้าง ๆ ก็ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก


“อย่างนี้นี่เอง เชื้อไขของเจ้าคนทรยศนั้นยังมีอยู่บนโลกนี้สินะ”


“ที่รัก ข้าว่าเราควรกำจัดเจ้านั้นทิ้งให้เร็วที่สุด”


“ข้าเห็นด้วยกับองค์ราชินีเพคะ ฝ่าบาท เจ้ามนุษย์นั้นมันอันตรายมากเพคะ”


ภรรยากล่าวบอกสามีของเธอ เมดาเรียสเองก็เสริมให้เพราะนางรู้ถึงความอันตรายของลิซ


“ข้าว่าเราไม่ต้องรีบร้อนหรอก มนุษย์นั้นต่อให้ถ่อมาที่นี้ก็คงตายกลางทางแล้ว เรื่องนี้ข้าจะยกให้เด็กคนนั้นก็แล้วกัน”


“เด็กคนนั้น? หมายถึงคู่หมั้นของธิน่าใช่ไหม!?”


“ใช่แล้ว หากเขาปรามเจ้ามนุษย์นั้นได้ การรับเขามาเป็นส่วนหนึ่งของเราก็จะง่ายขึ้น”


องค์ราชาตรัสอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ราชินีเองก็เห็นดีเห็นงามไปกับการกระทำของสามี แต่มีเพียงเมดาเรียสที่รู้สึกกังวลต่อเหตุการณ์นี้


“เจ้าไปได้แล้วล่ะ เมดาเรียสแล้วก็ภารกิจของเจ้าจบแล้ว จากนี้จงไปอารักขาธิน่าเสีย!!”


“เพคะ”


เมดาเรียสโค้งคำนับก่อนที่จะออกไปจากห้องบังลังก์ องค์ราชาและราชินีก็สนทนากัน


“ข้าว่าเจ้ามนุษย์นั้นมัน…”


“ข้ารู้เจ้ากำลังจะบอกอะไรแต่เราก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด อีกทั้งเราก็ไม่ควรจะลงแรงไปกับมนุษย์เพียงคนเดียว”


“หากท่านว่าอย่างงั้น ข้าก็จะไม่พูดอะไรต่อแล้วล่ะ”


 ทั้งสองต่างกอดกันอย่างอบอุ่น แต่ว่าสีหน้าขององค์ราชานั้นกลับรู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัด


‘หากเจ้าจะมาก็มาเสียเถิด หากเจ้ามาถึงจริงล่ะก็…’


 


“ธิน่าเป็นเทพแล้วก็เป็นเจ้าหญิงนี่นะ!?”


ลิซมือทาบหัวและคิดหนักต่อความจริงที่เขารับรู้ 


ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธิน่าจะมีความลับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้…ไม่สิ เราเองก็ไม่ควรพูดแบบนั้นสินะ


“ใช่แล้ว…แต่เพราะมีเรื่องหลายอย่าง เธอจึงมาอยู่โลกนี้”


ลิซที่ได้ยินก็ทำหน้าตาไม่สู้ดี คงเพราะเรื่องราววันนี้ที่มาแบบไม่หยุดหย่อนจนทำให้สมองประมวลผลไม่ทัน ตอนนี้เขา…ไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไร?


‘ฉันควรทำยังไงดี?’


“เอาล่ะ ก่อนที่จะทำหน้าตาแบบนั้นไปมากกว่านี้มาฟังความเห็นฉันก่อนดีกว่า”


“ครับ?”


“นายจะเดินทางไปกับพวกเราไหม?”


“ครับ??”


ซิกฟรีดยื่นข้อเสนอต่อลิซที่นั่งอยู่ตรงข้ามตน ทางซาฮาแม้จะดูเหมือนไม่สบอารมณ์เท่าที่ควรแต่ก็ไม่แสดงผ่านสีหน้ามากนัก


“พวกเรามาที่นี้เพราะคำขอของธิน่า แต่เราเองก็มีภารกิจที่ต้องทำอยู่” 


“หมายความว่า”


“หมายความว่านายมีเวลาคิดอีกไม่นานไงล่ะยะ พวกเราเองก็ไม่ได้อยากเสียเวลากับเด็กเหลือขออย่างนายด้วย”


ซาฮาที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้น พร้อมกับยกโกโก้ร้อนที่ตอนนี้เย็นชืดจนหมดมาดื่ม และวางลงเสียงดัง


“นายมีตัวเลือก 2 ทางคือ จะมากับเราหรืออยู่ที่นี้แล้วลืมทุกอย่างไปซะ” 


ลิซกลืนน้ำลายเสียงดัง ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกยัดเหยียดให้เลือกอีกครั้ง เขากำหมัดแน่น วัน ๆ นี้เขาตระหนักถึงความไร้เดียงสา ความอ่อนแอไร้ซึ่งพลัง ความไม่รู้ และที่สำคัญคือความอัปยศที่ไม่สามารถปกป้องคนสำคัญของตนได้ 


เขารู้ดีว่าเขาควรจะทำอะไร แต่ถึงกระนั้น


“ช่วยมาในวันพรุ่งนี้จะได้ไหมครับ? ขอเวลาคิดสักคืนหนึ่งเถอะครับ”


ลิซอ้อนวอนต่อทั้งสอง แววตาของเขาสะท้อนถึงความสับสนและความเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง ตอนนี้เขาควรได้รับเวลาพักผ่อนเพื่อพักฟื้นร่างกาย จิตใจ และเรียบเรียงความคิดใหม่อีกครั้ง


“นายนี่นะยะ!! ตอนนี้ยังจะมา…”


“ซาฮาพอแล้ว”


 ซิกฟรีดหยุดเอาไว้ก่อนที่ซาฮาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ทางซาฮาจิ๊ปากเสียงดังก่อนที่จะเงียบอีกครั้ง


“งั้นเอาตามที่นายสะดวกเลย พรุ่งนี้ไว้เจอกัน”


จากนั้นซิกฟรีดและซาฮาก็จากไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งบรรยากาศที่ตึงเครียดไว้ แม้ตอนนี้บรรยากาศตึงเครียดยังคลุกกรุ่น แต่ตอนนี้ลิซไม่มีเวลามคิดเรื่องแบบนั้นแล้ว


 เขาเหนื่อย เหนื่อยมากเหลือเกิน แม้จะหลับไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาเจอมามันก็หนักหาเกินกว่าจะพักฟื้นภายใน 3-4 ชั่วโมง เขาเก็บของ ปิดไฟก่อนเดินกลับเข้าห้องนอน แต่ก่อนหน้านั้น


แกร๊ก


เสียงเปิดประตูดังขึ้น แต่ไม่ใช่ประตูของลิซแต่เป็นประตูห้องของธิน่า


ลิซเดินเข้าไปมองสิ่งของที่เป็นเสมือนความหลังที่มีร่วมกับคนสำคัญ เขาหยิบจับอย่างถะนุถนอมราวกับสมบัติของตน


“ฉันจะได้เจอเธออีกไหมนะ?”


ลิซพร่ำเพ้อถึงธิน่าด้วยความคิดถึงระคนเสียใจ เขาได้แต่สงสัยว่าชีวิตนี้จะได้เจอคนสำคัญของเขาอีกสักครั้งหรือไม่? เขาเดินวนและจับสิ่งของไปมาอยู่นาน จนกระทั่ง


แกร๊ก


บนลิ้นชักของธิน่า มีเสียงบางอย่างดังออกมาจากในลิ้นชัก ก่อนที่ลิซจะเปิดออก ก็พบกับเครื่องมืออะไรสักอย่างรูปทรงกระบอก


“นี้มัน…”


ลิซหยิบขึ้นมาก่อนจะคิดในใจว่า


‘รูปทรงคล้ายกับกระบอกแต่ว่ามีปุ่มอยู่ ลองกดแล้วกัน’


เมื่อลิซกดปุ่ม แสงสว่างวาบปรากฎขึ้น ลิซตกใจจึงทำมันตก แต่ว่าเครื่องมือรูปทรงกระบอกนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเครื่องฉาย ก่อนที่ภาพของคนที่เขารู้จักดีที่สุดในโลกนี้จะปรากฎออกมาต่อหน้าเขา


“นี้คือสิ่งที่ฉันจะหลงเหลือไว้ให้นาย ลิซ”


“ธะ…ธิน่า!?”