นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
คังยูรีค่อยๆ คลายปากบางนั้นออกจากปากของชายหนุ่ม เด็กสาวยิ้มกว้างจ้องไปที่ชาฮีจู ยิ่งเห็นท่าทางที่ดูเคร่งขรึมของชายหนุ่มนั้นแล้วด้วยก็ยิ่งชอบใจ
“คุณชอบฉันจริงๆ ด้วย” คังยูรีย้ำคำตอบในสิ่งที่ตัวเองมั่นใจอีกครั้ง แต่แววตาและท่าทางของชาฮีจูนั้นดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด
“ฉันไม่ได้ชอบเธอ” ชาฮีจูตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขามองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ
“เล่นสนุกพอหรือยังคังเยนา! ออกจากร่างยูรีเดี๋ยวนี้ เธอกำลังทำให้ยูรีอยู่ในอันตรายนะ”
ชาฮีจูตะคอกไปที่หญิงสาว ชายหนุ่มรู้ว่าเป็นคังเยนาตั้งแต่มาถึงแล้ว แต่ที่ไม่เผยความจริงออกมาก็เพราะอยากรู้ว่าคังเยนาจะใช้ร่างคังยูรีทำอะไร ชายหนุ่มแค่เล่นตามน้ำดูเชิงไปก่อนเท่านั้น เพียงแต่เรื่องจูบนั้นดูจะเกินที่คาดไว้ไปหน่อย
“ทำไมรู้อ่ะ ไม่สนุกเลย งั้น…ที่คุณบอกว่าไม่ชอบยูรีคือไม่ชอบเธอจริงๆ หรือไม่ชอบคนที่สิงร่างเธออยู่ล่ะ” หญิงสาวยอกย้อน
“พอเถอะเยนา ฉันบอกให้ออกจากร่างยูรีไง”
“ฉันรู้แล้วน่า ก็แค่อยากลองดูว่าจะสิงอยู่ในร่างเธอได้หรือเปล่าแค่นั้นเอง สัญญาจะไม่ทำอีกแล้ว” หญิงสาวหน้างอด้วยความรู้สึกผิด
คำพูดของคังเยนาทำให้ความทรงจำในอดีตของชาฮีจูหวนกลับมาวูบหนึ่ง “พี่สัญญานะว่าจะกลับมารับฉัน ฉันรอพี่นะ” ภาพของเด็กผู้หญิงคนนั้นผ่านเข้ามาในความนึกคิดของชายหนุ่มอีกแล้ว ชาฮีจูจ้องไปที่คังเยนาที่อยู่ในร่างคังยูรี หรือว่าหนึ่งในสองคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับเด็กหญิงที่เขาฝันถึงบ่อยๆ
“ฮีจู คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” คังเยนาสะกิดแขนเมื่อเห็นชายหนุ่มดูนิ่งไป
“เปล่า รีบออกจากร่างยูรีได้แล้ว” ชายหนุ่มตวาดให้หญิงสาวอีกครั้ง
“ออกก็ออกสิ!”
คังเยนาตัดพ้อเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวนอนราบไปกับเตียงนอน สักครู่ดวงวิญญาณของเธอก็เดินออกจากร่างของคังยูรีที่นอนหลับอยู่ เวลานี้คังยูรีไม่รับรู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้น คังเยนาพยายามหลบตาที่ขุ่นเคืองของชาฮีจูเพราะเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่พอใจมากที่เธอใช้ร่างของคังยูรีทำเรื่องแบบนี้
“ขอโทษ อีกอย่างฉันขอยูรีแล้วเธอไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ อ้อนชายหนุ่ม
“แล้วได้บอกยูรีด้วยมั้ยว่าเธอใช้ร่างยูรีทำอะไรกับฉัน"
“เปล่า” หญิงสาวหน้างอ เม้มปากเล็กน้อยด้วยความสำนึกผิด
"ช่างเถอะเรื่องนั้น ตอนนี้ฉันอยากรู้มากกว่าว่าเธอมีพลังวิญญาณแกร่งกล้าขึ้นได้ยังไง ทำไมเธอถึงทำได้”
“อาจารย์คุณบอกว่า ถ้าฉันจำเรื่องสำคัญในอดีตของตัวเองได้ ฉันก็จะมีพลังวิญญาณที่แกร่งขึ้น บางทีฉันก็สัมผัสได้ถึงร่างตัวเองที่นอนอยู่ที่ไหนสักที่ มันเป็นความรู้สึกวูบเดียวเท่านั้น”
“เธอเลยจะใช้ร่างยูรีเพื่อจะสืบหาร่างของตัวเองงั้นเหรอ ทำแบบนี้ไม่ได้นะเยนา” ชายหนุ่มดุให้หญิงสาวอีกครั้ง
“ฉันรู้ และฉันก็ไม่คิดจะทำด้วย ฉันรู้ว่าทุกครั้งที่ฉันสิงร่างยูรี ร่างกายเธอก็จะอ่อนแอลง ฉันไม่ได้อยากให้ยูรีตายสักหน่อย ถ้าฉันอยากให้เธอตายฉันคงไม่เข้าไปช่วยเธอจากวิญญาณอาฆาตจนตัวเองเกือบไม่รอดหรอก คุณก็ห่วงแต่ยูรี”
หญิงสาวหน้างอตัดพ้อต่อชายหนุ่ม ก่อนจะสะบัดเดินออกจากชายหนุ่มไปยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง คังเยนารู้สึกน้อยใจที่เหมือนว่าชาฮีจูจะให้ความสำคัญกับคังยูรีมากกว่าเธอ ทั้งที่ความจริงเธอมาก่อนคังยูรีด้วยซ้ำ ความเป็นห่วงที่ชายหนุ่มแสดงออกต่อคังยูรีมันทำให้เธอเห็นได้ชัดเจน เธอแค่อยากให้ชายหนุ่มเป็นห่วงเธอเหมือนที่เป็นห่วงคังยูรีบ้าง
หญิงสาวกลั้นความน้อยใจเอาไว้ไม่อยู่ น้ำใสๆ จากตาก็ไหลรินลงมาอาบแก้มอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อเห็นว่าชาฮีจูกำลังเดินมาก็รีบเช็ดน้ำตานั้นออกในทันที
ชาฮีจูเริ่มรู้สึกผิดที่ตะคอกหญิงสาวออกไปบ่อยครั้ง เขารู้ว่าเธอกำลังน้อยเนื้อต่ำใจอยู่กับสิ่งที่เขาทำลงไป ชาฮีจูจับแขนหญิงสาวให้หันเข้าหาตัวเขาที่ยืนอยู่
“ขอโทษนะที่พูดกับเธอแรงไป ฉันก็แค่เป็นห่วง….”
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงยูรี ไม่ต้องย้ำก็ได้” หญิงสาวเบือนหน้าหนี
“ใช่ฉันห่วงยูรี แต่ฉันก็ห่วงเธอด้วย ถ้าเธออาศัยอยู่ในร่างยูรีนานๆ ไม่ใช่แค่ยูรีที่จะอ่อนแอลง แต่ร่างของเธอก็จะอ่อนแอลงด้วย สิ่งที่จะเลวร้ายที่สุดคือ ถ้าร่างกายเธอไม่มีลมหายใจแล้วเธอก็จะกลับเข้าร่างไม่ได้ นั่นก็เท่ากับว่าเธอได้ตายไปแล้วจริงๆ ”
“งั้นฉันถามอะไรหน่อยสิ ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเลือกช่วยระหว่างฉันกับยูรี คุณจะเลือกช่วยใคร”
“นี่มันคำถามอะไรของเธอ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว คลายมือที่จับแขนหญิงสาวออก
“ฉันจริงจังนะ ตอบฉันสิ ถ้าต้องเลือกช่วยฉันกับยูรี คุณจะเลือกใคร” หญิงสาวย้ำคำถามเดิม แววตาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความหวังว่าชายหนุ่มจะเลือกตัวเธอมาก่อน
“ฉันไม่เลือกใคร และจะไม่ทิ้งใครด้วย พอใจกับคำตอบมั้ย”
“คุณตอบไม่ได้สินะ ทั้งที่มีคำตอบอยู่ในใจแล้วแท้ๆ” หญิงสาวไม่ค่อยยินดีกับคำตอบของชาฮีจูเท่าไหร่นัก
“เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว สนใจเรื่องของเธอดีกว่า ที่เธอบอกจำได้คือจำอะไรได้เหรอ” ชาฮีจูหันกลับมาสนใจเรื่องของคังเยนา เรื่องที่ความทรงจำเธอกลับมาควรเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้
“ฉันไม่บอกได้มั้ย บอกไปคุณก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี”
“ทำไมล่ะ!"
“ฉันมีเหตุผลของฉัน วันหนึ่งคุณก็จะรู้เองแหละ แล้วคุณล่ะ คุณมีความทรงจำที่หายไปบ้างมั้ย” หญิงสาวถามกลับบ้าง
คำถามของคังเยนาทำให้ชายหนุ่มหวนกลับไปคิดถึงเด็กผู้หญิงที่อยู่ในความฝันเขามาตลอด “พี่สัญญานะว่าจะกลับมารับฉัน ฉันรอพี่นะ” คำนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำเขา แม้แต่เมื่อสักครู่ก็ผุดขึ้นมา เมื่อไหร่ที่นึกถึงก็จะทำให้เขาเจ็บปวดขึ้นมาทุกครั้ง
“ไม่มี ฉันไม่มีความทรงจำอะไรให้จดจำ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เรื่องของเขาคงไม่จำเป็นให้คนอื่นรับรู้ ยิ่งรู้มากก็ยิ่งลำบากใจมากกว่าเดิม
“ฉันก็ลืมไปว่าพวกส่งสารอย่างพวกคุณจะไม่มีความทรงจำตอนที่เป็นคนหลงเหลืออยู่ ว่าแต่คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ ตกลงที่คุณบอกไม่ชอบ คือไม่ชอบยูรีหรือไม่ชอบฉันที่อยู่ในร่างยูรีกันแน่”
ไม่ทันที่ชายหนุ่มได้เอ่ยตอบ เด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงก็ฟื้นขึ้นมาพอดี คังยูรีมองมาที่คนทั้งคู่ด้วยความสับสน ระหว่างที่เธอหลับอยู่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง
“ทำไมถึงได้อยู่ด้วยกันล่ะ”
“ฉันถูกจับได้นะสิ พอเขารู้ว่าฉันใช้ร่างเธอก็ดุฉันใหญ่เลย”
“คังเยนา!” ชาฮีจูเน้นเสียงใส่หญิงสาว เพื่อปรามเธอไม่ให้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะหลุดพูดเรื่องที่คังเยนาใช้ร่างเธอจูบเขา
“คุณอย่าโกรธเยนาเลยนะ ถ้าจะโกรธก็ต้องโกรธฉันด้วย ฉันเองที่อนุญาตให้เยนาทำแบบนั้น”
“เอาเป็นว่าฉันโกรธพวกเธอทั้งคู่นั่นแหละ ยูรีเธอนอนพักผ่อนเถอะ ส่วนเธอเยนา…กลับกับฉันเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มเอ่ยแจ้งต่อคนทั้งคู่ เมื่อได้พูดในสิ่งที่ต้องการหมดแล้วก็คว้าแขนคังเยนาเอาไว้เพื่อพาหญิงสาวกลับอย่างที่ได้บอกไปเมื่อสักครู่
คังยูรีรู้สึกได้ว่าทั้งคู่ดูแปลกไป ระหว่างที่เธอนอนหลับอยู่คงมีบางอย่างเกิดขึ้น ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่เด็กสาวก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเท่าไหร่ เพราะอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ หรือถ้าพวกเขาอยากจะบอกก็คงบอกเธอเอง
ชาฮีจูพาคังเยนากลับมายังห้องสมุด ใจจริงชายหนุ่มอยากให้หญิงสาวอยู่ที่พำนักของเขาไปก่อนเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณให้มากกว่านี้ แต่หญิงสาวยืนกรานที่จะกลับมาอยู่ที่ห้องสมุดตามเดิม เพราะเธอมั่นใจว่าพลังวิญญาณเธอกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิมแล้ว และเธอก็รู้ว่าเพื่อนใหม่ของเธออย่างจินยองน่าจะเป็นห่วงเธอมากอีกด้วย ชาฮีจูก็ยอมทำตามที่หญิงสาวต้องการ เพราะเขาก็คงจะขัดใจเธอไม่ได้ เวลาบทที่เธอจะดื้อขึ้นมา เขาก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน
คังเยนามาถึงห้องสมุดก็เห็นจินยองนั่งอยู่ เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเธอกลับมาแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความร้อนใจ เขามองสำรวจเรือนร่างของหญิงสาวเพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยแล้วจริงๆ
“เธอหายดีแล้วใช่มั้ย ตอนที่ยูรีบอกเรื่องเธอฉันตกใจแทบแย่”
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอโทษนะทำให้นายเป็นห่วงตลอดเลย”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ต่อไปเธอต้องระวังตัวให้มากนะ” ชายหนุ่มยิ้มด้วยความโล่งใจ
คังเยนามองไปที่ชายหนุ่มด้วยความปวดปวดใจ หญิงสาวได้แต่เวทนาที่ชะตาชีวิตของชายหนุ่มต้องมาเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงแบบนี้ เธอไม่มีทางทำใจได้เลยที่รู้ว่าเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว เธอควรได้พบกับเขาในโลกมนุษย์ ไม่ใช่ในโลกวิญญาณแบบนี้ หญิงสาวหลั่งน้ำตาออกมาไม่ขาดสาย มือน้อยๆ ของเธอก็เอื้อมไปสัมผัสแก้มของชายหนุ่มด้วยความคะนึงหา
ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน
คังเยนาได้ฟังเรื่องของจองวานจากคังยูรีก็รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างที่คังยูรีเล่าเรื่องจองวานให้เธอฟังนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นดวงวิญญาณของชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูห้องสมุด เธอรีบเบนหน้าหนีออกจากดวงวิญญาณนั้นทันที ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินลงมาอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว
“เธอจำได้ใช่มั้ยถึงร้องไห้แบบนี้” คังยูรีเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“จำไม่ได้ แต่ฉันรู้สึกเศร้ายังไงไม่รู้เมื่อได้ยินเรื่องของเขา ฉันอยากเจอเขา เขาจะมาตอนไหนเหรอ"
“วันเสาร์นี้ เธอรอหน่อยนะ”
“อืม ฉันจะรอเขา” คังเยนาพยักหน้าตอบรับ
หลังจากที่คังยูรีและชาฮีจูออกไปจากห้องสมุด คังเยนาก็ฟุบลงที่พื้นทันที หญิงสาวร่ำไห้ปานใจจะขาดเมื่อรู้ว่าดวงวิญญาณที่อยู่ข้างนอกนั้นเป็นจองวานเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ
ทันทีที่หญิงสาวเห็นหน้าชายหนุ่มความทรงจำของเธอที่มีต่อจองวานก็กลับมาทันที ทุกเรื่องราวของจองวานกับเธอหญิงสาวจำได้ขึ้นใจ แต่เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกยินดีที่ได้ความทรงจำบางส่วนนี้กลับคืนมา กลับรู้สึกเศร้าโศกมากกว่าที่รู้ว่าเพื่อนรักของเธอได้ตายจากไปแล้ว
คังเยนากรีดร้องด้วยความทรมาน เธอไม่อาจทำใจยอมรับความจริงได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าก็อยากที่จะเข้าไปสวมกอดเอาไว้ เธอจึงรีบวิ่งตามชายหนุ่มออกไปในทันที
แต่เหมือนว่ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น คังเยนาเดินพ้นออกจากห้องสมุดได้อย่างง่ายดายโดยที่ดวงวิญญาณของเธอยังคงปกติทุกอย่าง และไม่มีพลังใดๆ ฉุดรั้งเธอให้อยู่แต่ในห้องสมุดเหมือนเช่นที่ผ่านมา หญิงสาวผายมือออกและมองสำรวจทั่วเรือนร่างเพื่อให้มั่นใจอีกทีว่าตัวเธอยังปกติไม่ได้ดับสลายไป
“นี่ฉันออกมาได้แล้วเหรอ” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา
“กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้” เสียงของชายสูงวัยบางคนเอ่ยสวนขึ้นมา จนหญิงสาวต้องหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน
“ลุงเป็นใคร เป็นผีหรือเป็นคน”
หญิงสาวใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเอ่ยถามชายสูงวัยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ถ้าดูจากการแต่งตัวและใบหน้าที่ดูสุขุมนี้ก็คงเดาไม่ยากว่ามาจากที่ไหน
“ลุงเป็นผู้ส่งสารเหมือนชาฮีจูเหรอ หรือฉันตายแล้วลุงเลยจะฝากสารฉันไปให้คนในครอบครัวฉันใช่มั้ย ลุงคงส่งสารให้ฉันไม่ได้หรอก ฉันเองก็จำใครไม่ได้สักคน คนที่ฉันจำได้เขาก็ตายไปแล้ว” หญิงสาวหลั่งน้ำตาอีกครั้งเมื่อนึกถึงจองวานขึ้นมา
“เธอเป็นคนที่ฮีจูพาไปในห้วงนิมิตใช่มั้ย ฉันเป็นอาจารย์ของเขาน่ะ”
“ชาฮีจูมีอาจารย์ด้วยเหรอ” หญิงสาวทำหน้าฉงน ชาฮีจูเองก็ไม่เคยเล่าเรื่องของผู้เป็นอาจารย์ให้เธอฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“แล้ว….ลุงมาหาหนูทำไม”
“ที่ฉันมาก็แค่อยากมาเตือนเธอ ต่อจากนี้ถ้าเธอคิดจะทำอะไรก็อยากให้เธอคิดไตร่ตรองให้ดีก่อน เพราะผลลัพธ์ที่ตามมามันอาจจะเลวร้ายกว่าที่เธอคิดไว้ อาจจะทำให้หลายๆ ชีวิตต้องเสียไปเพราะเธอ”
“คนอย่างหนูจะไปทำร้ายใครได้ แค่ตัวเองยังจำไม่ได้เลย” หญิงสาวตัดพ้อ
“ทุกครั้งที่ความทรงจำเธอกลับมา เธอก็จะมีพลังวิญญาณที่กล้าแกร่งขึ้น และความอาฆาตแค้นในตัวเธอก็จะมากขึ้นด้วย แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่เธอคุมมันไว้ไม่อยู่ เรื่องเลวร้ายก็จะตามมา”
“เรื่องเลวร้ายที่ว่า มันส่งผลกับใครบ้าง”
“ทุกคน ไม่ว่าคนที่เธอรักหรือคนที่เธอเกลียด”
คำพูดของชายสูงวัยทำให้คังเยนาจิตตกอยู่ไม่น้อย เธอไม่อยากให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนกับที่ชายสูงวัยกล่าวเอาไว้ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะไม่มีวันทำร้ายคนที่เธอรักและหวังดีกับเธอแน่นอน
“หนูไม่มีวันทำร้ายใครแน่นอนโดยเฉพาะยูรีกับฮีจู ถ้ามันจะเกิดเรื่องเลวร้ายนั่นขึ้นจริงๆ หนูจะใช่ตัวหนูเข้าไปปกป้องคนทั้งคู่เอาไว้”
“ถึงแม้ว่าดวงวิญญาณเธอจะสลายไปตลอดกาลเธอก็ยอมเหรอ”
“ค่ะ ต่อให้โลกมนุษย์หรือโลกวิญญาณจะไม่มีที่ให้หนูอยู่ก็ตาม”
หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธอจ้องไปที่ชายสูงวัยด้วยความมุ่งมั่นเหมือนเป็นการให้คำสัญญา ถ้าการกลับมามีชีวิตของเธออีกครั้งต้องแลกด้วยการทำร้ายคนที่เธอรัก เธอก็ยอมเอาชีวิตของเธอเข้าแลกเพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“ฉันรับรู้ถึงความจริงใจของเธอได้ แต่เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป พูดน่ะมันง่ายแต่จะทำได้มั้ยมันอีกเรื่อง กิเลสตัณหาของคนมันยากที่จะหักห้ามใจ ฉันหวังว่าเธอจะจำคำพูดของตัวเองในวันนี้เอาไว้ อีกอย่างเธอไม่ต้องตามพวกเขาออกไปหรอก ไม่อย่างงั้นชาฮีจูจะสัมผัสได้ถึงเธอทันที ปล่อยให้เขาคิดว่าเธอถูกจองจำอยู่ที่นี่ไปแบบนี้ดีแล้ว”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูเองก็ลืมนึกไป”
“เรื่องของเพื่อนเธอมันเป็นบุญบาปที่เขาต้องประสบพบเจอ ตอนนี้เธอกับเขายังมีบุญบาปผูกนำร่วมกัน และคนที่จะปลดปล่อยเขาได้ก็มีแต่เธอเท่านั้น เมื่อวันนั้นมาถึงเธออย่ารั้งเขาไว้ก็พอ”
“ค่ะ หนูจะไม่รั้งเขาไว้ หนูจะช่วยให้เขาข้ามผ่านความทุกข์ไปให้ได้” หญิงสาวร่ำไห้อีกครั้ง เธอยังคงรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องของจองวานมากนัก
“ดีแล้ว” ชายสูงวัยยิ้มรับ ก่อนจะหายตัวออกไป
คังเยนาฟุบนั่งลงที่พื้นอีกครั้ง หญิงสาวยกมือขึ้นมาทาบที่อกซ้ายด้วยความสั่นไหว คำพูดของชายสูงวัยมีผลต่อเธออยู่ไม่น้อย ถึงเธอจะหนักแน่นกับความคิดของตัวเอง แต่ภายในใจกลับสับสนและร้อนรุ่มโดยที่ไม่สามารถห้ามความรู้สึกได้ เธอได้แต่บอกตัวเองต้องหนักแน่นให้มากกว่านี้
กลับมาปัจจุบัน
“เยนา เป็นอะไร” จองวานเอ่ยถามหญิงสาวที่เอาแต่ยืนนิ่งร้องไห้
“อ่อ..ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่รู้สึกกลัวนิดหน่อยเมื่อนึกถึงคืนนั้น วันนี้นายอยู่กับฉันได้มั้ย” หญิงสาวเลี่ยงที่จะพูดเรื่องจริง เธอไม่อยากให้จองวานรู้ว่าเธอจำเขาได้แล้ว
“ได้สิ วันนี้ฉันจะอยู่กับเธอทั้งวันเลย” ชายหนุ่มยิ้มรับ
คังเยนาพยายามย้ำกับตัวเอง ถ้าวันที่เธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอก็อยากจะจำจองวานในโลกวิญญาณให้ได้ เธอไม่อยากสูญเสียความทรงจำของเธอกับจองวานที่มีร่วมกัน เธออยากจะเก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้ตลอดไปทั้งในโลกความเป็นจริงและก็โลกวิญญาณ