นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
ชาฮีจูค่อยๆ ปล่อยมือที่กุมมือของคังยูรีเอาไว้ ชายหนุ่มยังคงยิ้มให้เธออยู่เช่นเดิม เด็กสาวคนนี้ช่างไร้เดียงสาเสียจริงๆ ยังคงมีเรื่องราวอีกมากมายที่เธอต้องเรียนรู้
“คนตายไปแล้วหัวใจจะเต้นได้ยังไง เธอคาดหวังอะไรกันอยู่แน่”
“นั่นสิ ฉันคาดหวังอะไรกันอยู่” เด็กสาวผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เธอเองที่คิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าชาฮีจูเป็นคนเหมือนกับเธอ เขาจะหายตัวไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระแบบนี้ได้ยังไง
“กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปเป็นเพื่อน”
“งั้นคุณบอกฉันได้มั้ยว่าคุณตายยังไง แล้วตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ร้อยปี สองร้อยหรือว่าสามร้อยปี”
“ฉันอายุ18”
“ฮ๊ะ! ฉันไม่เชื่อ”
“ทำไม หน้าฉันดูแก่เกินอายุขนาดนั้นเชียว ฉันตายตอนอายุ18 ฉันก็ต้องควรอายุเท่านั้นไม่ใช่เหรอ คนตายไปแล้วจะมีอายุที่ยืนยาวไปได้ไง”
คำตอบของชาฮีจูทำให้เด็กสาวรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก เธอรู้สึกสงสารที่ชาฮีจูต้องมาด่วนจากไปในวัยแค่นี้ ตามจริงเขาควรได้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากกว่านี้ด้วยซ้ำ
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ทำไมฉันต้องเป็นอะไรด้วย อย่าบอกนะว่าเธอกำลังสงสารฉันอยู่น่ะ อย่าคิดที่จะสงสารฉันเด็ดขาด เพราะความตายของฉันมันเป็นสิ่งที่ฉันเลือกแล้ว”
“ทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าคุณฆ่าตัวตาย” คังยูรีรู้สึกตกใจกับคำตอบของชายหนุ่มนัก
“ฉันจะทำร้ายตัวเองทำไม เธอรู้มั้ยว่าการฆ่าตัวตายมันเป็นบาปแค่ไหน ฉันก็แค่เลือกตายในเวลาที่เหมาะสมแค่นั้น ส่วนตายยังไงฉันไม่ขอพูดถึงแล้วกัน และมันก็ไม่จำเป็นต้องพูดด้วย”
“ก็ได้ ฉันจะไม่ถามคุณเรื่องนั้นอีก ยังไงก็ขอบคุณนะ อย่างน้อยมีคุณอยู่ด้วยก็อุ่นใจได้หน่อย รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะเลย”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ฉันเองก็พึ่งมาด้วย”
“ไม่ต้องมาโกหกเลย เพราะในโลกนี้มีแค่คุณนี่แหละที่ทำได้แบบนี้”
“ช่างเถอะเรื่องนั้น ว่าแต่…วันหยุดนี้เธอจะไปโรงเรียนทันยองใช่มั้ย เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันไปกับเธอไม่ได้”
“รู้สิ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่าอยู่ที่นี่คุณก็ดูแลเยนาให้ดีก็พอ อีกอย่างที่นั่นก็มีเพื่อนพี่สาวฉันอยู่ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก”
“ถ้าเป็นเพื่อนชินซูฮวาก็น่าจะไว้ใจได้”
“ว่าแต่…คุณรู้เรื่องที่พี่สาวฉันป๊อปในหมู่เด็กนักเรียนมั้ย โดยเฉพาะพวกผู้ชาย”
“รู้สิ ฉันเองก็มาหาเยนาบ่อยๆ บางทีพี่สาวเธอก็มีหนุ่มๆ มาตามจีบถึงห้องสมุด ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่ก็พี่สาวเธอทั้งเรียนเก่งและก็สวยด้วย เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้เรื่องพี่สาวตัวเองเลย บอร์ดโรงเรียนก็มีรูปพี่เธอติดไว้เธอไม่สังเกตเลยเหรอ”
“ฉันคงไม่สังเกตจริงๆ นั่นแหละ ว่าแต่…ที่คุณบอกว่าผู้ชายมากมายมาตามจีบพี่สาวฉัน คุณเองก็เป็นผู้ชายนี่ แล้วคุณล่ะชอบเธอมั้ย”
“ก็ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะชอบคนสวย บางคนเขาอาจจะมองที่นิสัยเหมือนนัมจีโฮไง ขนาดนัมจีโฮยังชอบผู้หญิงไม่สวย เรียนก็ไม่ได้เรื่องอย่างเธอได้เลย”
“นี่คุณ”
คังยูรีรู้สึกจุกเล็กน้อยกับคำพูดถากถางของชายหนุ่มที่หยอกเธอแรงเกินไป ถึงเธอจะไม่ได้สวยเท่าชินซูฮวา แต่ก็ใช่ว่าจะดูไม่ได้สักหน่อย ส่วนเรื่องเรียนเธอเองก็ไม่เถียง เพราะเธอนั้นเรียนไม่ได้เรื่องจริงๆ พอคิดๆ ดู จากที่โมโหให้ชาฮีจูก็เปลี่ยนมาเป็นเสียงหัวเราะขบขันซะงั้น ก็เป็นอย่างที่ชายหนุ่มว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเคยมีนักเรียนดีเด่นว่าที่คุณหมออนาคตไกลที่ตกหลุมรักเธอมาแล้วก็แล้วกัน
_______________________
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
คังยูรีออกจากบ้านแต่เช้ามืดไปที่สถานีรถไฟเพื่อเดินทางไปกรุงโซล เด็กสาวใช้เวลาเกือบ5ชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายเลยทำให้รู้สึกล้าอยู่ไม่น้อย ครั้นอยากจะพักสักหน่อยแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเรื่องช่วยคังเยนาสำคัญมากกว่า
คังยูรีเดินทางไปพบชเวมินอาเพื่อนของชินซูฮวาทันทีที่ถึงโซล อย่างน้อยเธอคงได้ข้อมูลจากคนที่เรียนอยู่ที่เดียวกันกับคังเยนาบ้าง และชเวมินอาก็ยินดีให้ข้อมูลเท่าที่เธอรู้เช่นกัน
“พี่ก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะ ถึงเราจะเรียนชั้นเดียวกันแต่ก็อยู่คนละห้อง พี่รู้แค่ว่าเธอมักจะทำตัวโดดเด่นให้เป็นที่สนใจ และก็มีหลายคนที่ไม่ชอบค่อยเธอ บ่อยครั้งที่เธอมีเรื่องทะเลาะกับนักเรียนด้วยกัน แต่อยู่ๆ ก็ได้ข่าวว่าย้ายไปเรียนต่อที่เยอรมันกับครอบครัวของเธอน่ะ นับจากนั้นพี่ก็ไม่ได้ข่าวของเยนาอีกเลย”
“จะเป็นไปได้ยังไง ไม่น่าล่ะถึงไม่มีติดประกาศตามหาเธอ” คังยูรีพึมพำออกมา
“แต่น่าจะมีอีกคนที่ให้คำตอบเธอได้มากกว่าพี่นะ เธอลองไปถามคนที่ชื่อจองวานดู พี่รู้มาว่าสองคนนี้สนิทกัน จองวานเขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนมุนดงน่ะ แม่จองวานขายต๊อกอยู่ตรงมุมถนนโน้นลองไปถามดูก็ได้ เมื่อก่อนพี่มักเห็นเขามาช่วยแม่ขายบ่อยๆ แต่ช่วงนี้เหมือนไม่เจอเขาเลย”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่มินอา พี่ซูฮวาฝากความคิดถึงมาให้พี่ด้วย” เด็กสาวยิ้มหวาน เอ่ยขอบคุณต่อความมีน้ำใจของเธอ
“ฝากบอกซูฮวาด้วยว่าพี่ก็คิดถึงเหมือนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วเธอพักที่ไหนเหรอ ถ้ายังไม่มีที่พักก็ไปค้างที่ห้องพี่ได้นะ พี่อยู่หอคนเดียว พอดีเพื่อนพี่กลับบ้านน่ะ”
“งั้นรบกวนด้วยนะคะ”
“รบกวนอะไรกัน ขืนพี่ไม่ดูแลเธอยัยซูฮวาได้ฉีกอกพี่แน่”
ทั้งคู่ต่างหลุดขำออกมา คังยูรีไม่คิดจะอยู่รบกวนชเวมินอานานนัก เด็กสาวแค่อาศัยห้องเธอพักค้างคืนเท่านั้น พอเช้าตรู่เธอก็จะมุ่งหน้าไปหาชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทของคังเยนาตามที่หญิงสาวได้บอกเอาไว้
เช้าวันต่อมา
คังยูรีมาถึงร้านต๊อกก็เห็นว่าร้านปิดเธอจึงถามจากคนแถวนั้นว่าบ้านของจองวานอยู่ที่ไหน เมื่อได้ข้อมูลที่อยู่เด็กสาวก็เดินทางไปยังบ้านของชายหนุ่มในทันที
คังยูรีมาถึงก็พบแค่ผู้เป็นแม่ของชายหนุ่ม เธอได้รับอนุญาตให้เข้าไปรอชายหนุ่มข้างในบ้าน ส่วนหญิงเจ้าของบ้านนั้นก็ขอตัวออกไปทำธุระข้างนอกต่อ กลับมาอีกทีก็คงเป็นช่วงสายของวัน เด็กสาวรออยู่สักพักก็ได้พบกับจองวานตามที่ตั้งใจไว้
จองวานค่อยๆ เดินเข้ามาหาคังยูรีที่นั่งอยู่บนโซฟาก่อนที่ตัวเขาจะเดินไปนั่งที่โซฟาอีกมุมที่อยู่ตรงข้ามเธอ พอเห็นเด็กสาวเอาแต่จ้องมองมาที่เขาก็รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มเองก็เคลือบแคลงในตัวเด็กสาวมากเช่นกัน
“พี่จองวานใช่มั้ยคะ ฉันคังยูรีค่ะ”
“ฉันว่าฉันไม่รู้จักเธอนะ แล้วเธอมาหาฉันทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ เขามองสำรวจเด็กสาวด้วยความข้องใจ
“ใช่ค่ะเราไม่เคยรู้จักกัน แต่ฉันมาหาพี่เพราะเรื่องคังเยนา”
“เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงรู้จักเยนาด้วย” ชายหนุ่มกล่าวด้วยความตกใจ เขาจ้องไปที่คังยูรีอย่างขุ่นเคือง ทำไมเด็กสาวตรงหน้าถึงได้รู้จักกับคังเยนาด้วย
“ฉันไม่รู้จะบอกพี่ยังไง เอาเป็นว่าฉันเห็นเธอ และเธอก็รอความช่วยเหลืออยู่”
“ตอนนี้เยนาอยู่ที่ไหน”
“เธออยู่ที่โรงเรียนฉันค่ะ โรงเรียนยองคังที่ยอซู”
“เยนาไปทำอะไรที่ยอซู”
“ฉันก็กำลังหาคำตอบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ฉันรู้มาว่าเยนาย้ายไปอยู่เยอรมันกับครอบครัวเธอแล้ว อันนี้เรื่องจริงมั้ยคะ”
“ไม่จริง ครอบครัวเธอโกหก”
“ทำไมพี่ถึงมั่นใจแบบนั้นคะ”
“หลังจากฉันได้ข่าวว่าเธอย้ายไปเยอรมันไม่กี่วันฉันก็ได้รับสายจากเธอ แต่ไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรสายก็ตัดไปก่อนพอฉันโทรกลับก็ไม่ติดแล้ว เบอร์ที่เยนาโทรหาฉันเป็นเบอร์ใช้งานอยู่ที่เกาหลี ฉันจึงมั่นใจว่าเธอไม่ได้ไปเยอรมันตามที่ได้ข่าวมา”
“ก็แปลว่าเธอไม่ได้ไปเยอรมันตามที่ครอบครัวเธอบอก แล้วพี่ได้ติดต่อญาติของเธอที่อยู่ในเกาหลีมั้ย มีใครรู้เรื่องเธอหรือเปล่า”
“นอกจากพ่อแม่ของเธอแล้วก็มีอาของเธออีกคน แต่เธอไม่ค่อยถูกกันกับอาของเธอเท่าไหร่ จริงๆ แล้วเยนาเป็นเด็กที่ถูกรับเลี้ยงมาน่ะ พ่อแม่บุญธรรมของเธอเป็นคนมีฐานะ เป็นครูสอนอยู่ที่เยอรมัน นานๆ ครั้งที่จะกลับมาเกาหลี เพราะแบบนี้เลยทำให้เยนาโดดเดี่ยวเหมือนตัวคนเดียว เธอมักจะเล่าปัญหาเรื่องนี้ให้ฉันฟังตลอด รวมทั้งเรื่องอาของเธอด้วย ถึงเธอจะดูก้าวร้าวไปบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยทำร้ายใคร ความเย็นชาที่เยนาแสดงออกมาก็เพื่อปกป้องตัวเองทั้งนั้น”
“พ่อแม่ที่รับเลี้ยงเยนา พวกเขาไม่ค่อยสนใจเยนาใช่มั้ย”
“เปล่า พวกท่านรักเยนาและดีกับเยนามาก หลายครั้งที่เกลี้ยกล่อมเยนาให้ย้ายไปเรียนที่เยอรมันเพราะท่านจะได้ดูแลเยนาอย่างใกล้ชิด แต่เป็นเยนาเองที่ไม่ยอมไป เธอบอกแค่ว่ายังไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไม และอีกอย่างก็อยากเรียนให้จบม.ปลายที่เกาหลีก่อนค่อยไปต่อมหาลัยที่นั่น แต่ก็ไม่ทันได้เรียนจบก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน”
“อย่างนี้นี่เอง”
“เธอบอกว่าเยนาอยู่กับเธอใช่มั้ย งั้นเธอพาฉันไปหาเยนาได้มั้ย ฉันอยากรู้ว่าเยนาเป็นยังไงบ้าง เธอสบายดีใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามด้วยความร้อนใจ
“จะพูดยังไงดี เอาเป็นว่าตอนนี้เธอสบายดี ฉันจะให้ที่อยู่และเบอร์โทรพี่ไว้ วันเสาร์หน้าพี่ไปหาฉันที่ยอซูได้มั้ยคะ เพราะมีเรื่องที่พี่ต้องทำความเข้าใจอีกเยอะ”
“ฉันไปกับเธอตอนนี้เลยก็ได้”
“ฉันว่าพี่อยู่ที่นี่ก่อนดีกว่า อยู่สืบข่าวของเยนาจากที่นี่ก่อน ฉันเชื่อว่ามันต้องมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีก ไว้วันหยุดเราค่อยเจอกันนะคะ”
“ก็ได้ ฉันจะทำตามที่เธอบอก ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่เธอพูดมาเป็นเรื่องจริงมั้ย แต่ก็ดีกว่าที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อเยนาเลย งั้น…ฝากเธอดูแลเยนาด้วยนะ ตอนนี้ฉันคงช่วยอะไรเยนาไม่ได้ บอกเธอด้วยว่าฉันคิดถึงเธอมาก”
“ค่ะ ฉันสัญญาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี พี่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ยังมีคนที่พร้อมจะดูแลเยนาเหมือนกับฉันอีก และคนนั้นก็ปกป้องเธอได้เป็นอย่างดีด้วย”
คังยูรีตอบกลับ เธอเผยรอยยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อนึกถึงชาฮีจู เธอไม่ค่อยห่วงคังเยนาเมื่อรู้ว่ามีชาฮีจูอยู่ด้วย เพราะเธอมั่นใจว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมให้คังเยนาเป็นอะไรไปแน่นอน
คังยูรีไม่ได้บอกชัดเจนว่าตอนนี้คังเยนาอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เด็กสาวไม่อยากให้ชายหนุ่มตกใจ ไว้ชายหนุ่มไปที่ยอซูได้ประสบด้วยตนเองน่าจะดีกว่า ส่วนเขาจะเชื่อหรือไม่ นั่นก็ค่อยว่ากันอีกที
จองวานได้แต่ยืนนิ่งจ้องมองคังยูรีด้วยความเคลือบแคลง ชายหนุ่มหวังว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้จะสามารถช่วยคังเยนาได้จริงๆ
ตลอดเวลาที่คังยูรีพูดคุยกับจองวานอยู่นั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่อยู่รอบๆ ตัวเธอ ราวกับว่ากำลังมีคนจ้องมองเธอและจองวานอยู่ตลอด
จองวานมองตามคังยูรีด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเด็กสาวจ้องนิ่งไปที่ประตูห้องนอนของเขา เมื่อเห็นว่าเธอลุกจากโซฟาเดินตรงไปยังทางห้องนอนก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มกังวลจึงรีบเดินไปดักทางเด็กสาวไว้ทันที
“เธอจะทำอะไรน่ะ ประตูห้องนอนฉันมีอะไรเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความข้องใจ
“อ๋อ…ขอโทษค่ะ ฉันแค่รู้สึกถึงบางอย่าง แต่ไม่มีอะไรค่ะ บางทีฉันอาจจะกำลังจินตนาการถึงผู้ชายชุดขาวยืนกางร่มคันสีแดงอยู่มั้งคะ”
จองวานรีบหันกลับไปดูที่ประตูห้องนอนตัวเองอีกครั้ง เขามองอยู่สักครู่ก่อนละสายตานั้นออกแล้วกลับมามองคังยูรีที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เธอพูดถึงอะไร” จองวานเลิกคิ้วเล็กน้อยเอ่ยถามเด็กสาวอย่างตรงไปตรงมา ท่าทีของเธอดูพิกลนัก
“ขอโทษนะคะถ้าฉันทำให้พี่กลัว งั้นฉันกลับก่อนดีกว่าแล้วเจอกันที่ยอซูนะคะ”
คังยูรีแค่สัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยของบรรยากาศในตอนนี้ เด็กสาวมั่นใจว่าชาฮีจูน่าจะอยู่ที่นี่กับเธออย่างแน่นอน เพียงแค่เขาไม่ได้ปรากฏตัวอยากให้เธอเห็นแค่นั้น เพราะบรรยากาศในตอนนี้ที่เธอสัมผัสได้เป็นบรรยากาศเดียวกันในเวลาที่ชาฮีจูออกมาเจอเธอเสมอ
คังยูเผยรอยยิ้มเล็กน้อยเพื่อบอกลาจองวานที่ยืนอยู่ก่อนจะเดินออกจากบ้านชายหนุ่มไป ระหว่างทางที่กลับนั้นเธอก็ได้พบแม่ของจองวานที่เดินสวนมา หญิงวัยกลางคนเผยรอยยิ้มและเอ่ยทักเธอในทันที
“จะกลับแล้วเหรอ ขอโทษด้วยนะที่ปล่อยให้หนูรอเก้อ ถ้าจองวานมาแล้วเดี๋ยวป้าบอกให้นะว่าหนูมาหา เด็กคนนี้เดี๋ยวนี้ไม่รู้ไปไหน วันๆ ไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก 2-3 วันกลับบ้านมาที”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า หนูเจอเขาแล้ว”
“อะไรนะ! จองวานกลับมาบ้านเหรอ”
“ค่ะ เขาอยู่ในบ้าน”
“ขอบใจมากนะหนู งั้นป้าขอตัวก่อนนะ ป้าคิดไว้แล้วว่าเขาต้องกลับมาสักวัน” หญิงวัยกลางคนหลั่งน้ำตาเอ่ยขอบคุณต่อคังยูรีก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้านของตัวเอง
คังยูรีจำได้ว่าจองวานบอกเธอว่ายุ่งอยู่กับการตามหาคังเยนาเลยอาจจะไม่ค่อยได้กลับบ้านในช่วงนี้ ส่วนผู้เป็นแม่พอรู้ว่าลูกชายกลับมาก็คงจะหลั่งน้ำตาด้วยความเป็นห่วงตามประสาแม่ทั่วไป
ช่วงเย็นของวัน
คังยูรีนั่งรถไฟกลับยอซูในรอบเที่ยวเย็นของวัน เด็กสาวรู้สึกล้าเป็นอย่างมากกับการมาโซลในครั้งนี้ เธอจึงอาศัยช่วงการเดินทางนั่งงีบเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า
ชาฮีจูปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเดินมานั่งอยู่ข้างๆ คังยูรีที่นั่งหลับอยู่ ชายหนุ่มยื่นไหล่กว้างให้เด็กสาวได้ซบอิง มือของเขาก็ลูบไปที่ศีรษะเธอเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน ชาฮีจูแค่อยากให้คังยูรีได้นอนหลับอย่างไร้กังวล และเขาเองก็สามารถช่วยเธอได้ในเรื่องนี้ได้ด้วยพลังวิญญาณที่มีติดตัว
คังยูรีเองนอนหลับสนิทตลอดทางโดยซบพิงไหล่ของชาฮีจูไว้ตลอด เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาและรู้สึกได้ว่าเธอได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มที่
ผ่านไปสักครู่ก็มาถึงที่หมาย เมื่อลงจากรถไฟเด็กสาวก็ยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นว่าชินซูฮวามารอรับเธออยู่ คังยูรีไม่รีรอรีบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพี่สาวในทันที
ชาฮีจูยืนมองคนทั้งคู่ก็ยิ้มอย่างพอใจ แค่เห็นว่าคังยูรีกลับบ้านอย่างปลอดภัยก็โล่งใจได้ ระหว่างยืนมองคนทั้งคู่อยู่นั้นชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงผู้เป็นอาจารย์ที่ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ชาฮีจูเองก็ไม่รีรอที่จะกล่าวทักทายผู้เป็นอาจารย์
“อาจารย์มาถึงนี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฮีจู ยิ่งเธอเข้าไปยุ่งเรื่องโลกมนุษย์เท่าไหร่ ก็ยิ่งแต่จะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากมากขึ้น ความมีน้ำใจของเธออาจารย์เข้าใจได้ แต่ถ้ามีน้ำใจจนตัวเองเดือดร้อนมันไม่คุ้มนะ ที่ผ่านมาเธอก็ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องอยู่ในขอบเขตเสมอ เพราะอย่างนี้เธอถึงได้มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น แต่พลังพวกนี้ไม่ได้ให้เธอเอาไว้ใช้ทำเรื่องแบบนี้”
“ศิษย์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์ถึงละทิ้งให้ความช่วยเหลือพวกเธอไม่ได้ ศิษย์ยอมรับว่าเรื่องพวกนี้มันรบกวนใจศิษย์นัก และศิษย์ต้องหาคำตอบให้ได้ ไม่ใช่เพราะแค่จะช่วยพวกเธอ แต่มันเป็นการช่วยศิษย์ด้วยเหมือนกัน ศิษย์อยากรู้ว่าระหว่างศิษย์กับพวกเธอมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันแน่”
“แต่ถ้ายิ่งถลำลึก พลังของเธอก็จะอ่อนแอลง ถ้าถึงวันนั้นดวงจิตสุดท้ายของเธออาจจะดับสูญไปได้นะฮีจู”
“ศิษย์เข้าใจครับ และศิษย์จะไม่ให้มันถึงขั้นนั้นอย่างแน่นอน ศิษย์รับปากถ้าไม่ไหวจริงๆ ศิษย์ก็จะถอย”
“ก็ดี งั้นกลับไปทำงานของเธอต่อเถอะ”
“ครับอาจารย์ ศิษย์ไปก่อนนะครับ”
สักครู่ร่างที่ยืนอยู่ต่อหน้าผู้เป็นอาจารย์ก็หายลับไป ชายสูงวัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาด้วยความกังวล เขารู้ดีว่าศิษย์ของเขาเป็นคนเช่นไร
“เวลานี้ก็มาถึงแล้วสินะ ข้ามผ่านมันไปให้ได้เหมือนที่ผ่านมานะฮีจู” ชายสูงวัยพึมพำต่อผู้เป็นลูกศิษย์ ดูท่าเรื่องของชาฮีจูจะไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว