นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
ช่วงเย็นของวัน
คังยูรีเดินด้อมๆ มองๆ แถวห้องพักครูเพื่อสังเกตมองพัคซานอู เด็กสาวไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันสมควรมั้ย แต่เมื่อเธอเห็นว่าพัคซานอูอยู่ต่อหน้าก็อดใจที่อยากจะรู้อยากจะเห็นไม่ได้เช่นกัน
เด็กสาวรีบวิ่งหลบเมื่อเห็นว่าพัคซานอูเดินออกมาจากห้องพักครูผ่านประตูที่เธอยืนอยู่ และก็ไม่รีรอที่จะเดินตามออกไป เดินได้สักครู่พัคซานอูก็ทำสมุดที่ถือไว้ในมือหล่นกระจัดกระจายทั่วพื้น เด็กสาวเลยรีบเข้าไปช่วยเก็บสมุดเหล่านั้นให้
“นี่ค่ะครู” คังยูรีนำสมุดหลายเล่มที่เก็บขึ้นมายื่นให้ครูหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“ขอบใจนะ ว่าแต่เธอเรียนอยู่ชั้นไหนเหรอ” ครูหนุ่มยิ้มหวาน
“ม.5ค่ะ ห้องที่ครูจะมาเป็นครูประจำชั้นค่ะ”
“อ่อ ไม่น่าล่ะหน้าคุ้นๆ พึ่งเจอกันนี่เอง นี่ก็เลิกเรียนตั้งนานแล้วทำไมยังไม่กลับบ้านอีก”
“กำลังจะกลับค่ะ เห็นครูพอดีเลยเข้ามาช่วย งั้น…หนูไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ให้ครูไปส่งมั้ย เธอรอครูอยู่ตรงนี้เดี๋ยวครูเอาสมุดพวกนี้ไปเก็บก่อน นี่ก็จะมืดแล้วกลับคนเดียวมันอันตราย ครูเป็นครูประจำชั้นเธอต้องดูแลหน่อย”
คังยูรีนิ่งเงียบไป เธอกำลังตัดสินใจว่าจะให้พัคซานอูไปส่งดีหรือไม่ อย่างน้อยระหว่างทางที่เขาไปส่ง เธออาจจะมีโอกาสได้เห็นข้อมือขวาของเขาด้วยก็ได้
ระหว่างที่กำลังจะตอบตกลงไปนั้น อยู่ๆ คำพูดของชาฮีจูก็ลอยเข้ามา เด็กสาวจำได้ว่าชายหนุ่มเคยบอกห้ามเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องอันตราย และเธอก็รับปากกับชาฮีจูไปแล้วด้วยเลยทำให้เปลี่ยนความคิดใหม่ และเลือกที่จะปฏิเสธครูหนุ่มออกไปแทน
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีพี่สาวหนูรออยู่หน้าโรงเรียน หนูกลับก่อนนะคะ”
คังยูรียิ้มให้ผู้เป็นครูก่อนจะโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อบอกลาแล้วเดินออกจากครูหนุ่มไป เด็กสาวถอนหายใจโล่งออกมา เธอเองก็คิดว่าทำถูกแล้วที่บอกปฏิเสธพัคซานอู คังยูรีเดินมาถึงหน้าโรงเรียนก็เห็นชินซูฮวายืนรออยู่ เด็กสาวรีบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพี่สาวอย่างไม่รีรอ
“พี่มาทำอะไรตรงนี้คะ ฉันนึกว่าพี่กลับไปแล้วซะอีก”
“มารอเธอนั่นแแหละ รอตั้งนาน แล้วโทรหาทำไมไม่ติด”
“เหรอคะ” คังยูรีล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋าเสื้อนักเรียนขึ้นมาดู พอเห็นว่าเครื่องมือถือดับสนิทก็เม้มปากกะพริบตาปริบๆ มองไปที่ชินซูฮวาเพื่อรับผิดแต่โดยดี
“แบตฉันหมดค่ะ”
“เธอนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ เอาของฉันไป” ชินซูฮวาส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะล้วงแบตเตอรี่สำรองออกจากกระเป๋านักเรียนของเธอแล้วยื่นให้กับเด็กสาว
“แล้วพี่จะใช้อะไร”
“เดี๋ยวฉันไปไถเอากับเพื่อนก็ได้ เธอเอาไปใช่เหอะ ต่อไปจะได้ไม่อ้างว่าแบตหมดตอนฉันโทรหาอีก”
“ขอบคุณนะพี่ซูฮวา”
คังยูรียิ้มแป้นด้วยความดีใจ ระหว่างทางกลับบ้านเด็กสาวรู้สึกว่ามีใครเดินตามอยู่จึงรีบเดินเข้าไปควงแขนชินซูฮวาเอาไว้แน่น แววตาดูว่อกแว่กอยู่ไม่เป็นสุขจนชินซูฮวาสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอได้
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว อยู่กับฉันไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอหรอก” ชินซูฮวากุมมือคังยูรีเอาไว้แน่น เธอรับรู้ได้ว่าเด็กสาวรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
คังยูรีพยักหน้าตอบรับ เธอเองก็กุมมือชินซูฮวาเอาไว้แน่นเช่นกัน อย่างน้อยมีชินซูฮวาอยู่ด้วยเธอก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นได้บ้าง ถึงจะไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเหมือนที่อยู่กับชาฮีจูก็ตาม
ไม่นานนักทั้งคู่ก็กลับมาถึงบ้าน คังยูรีและชินซูฮวาพอเข้าไปในบ้านก็รีบล็อกประตูล็อกหน้าต่างทันที ตอนนี้คังยูรีเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีใครตามมาแล้ว
“บอกได้ยังว่าเธอเป็นอะไร” ชินซูฮวาเอ่ยถามด้วยความกังวล เพราะสีหน้าและท่าทางคังยูรีเมื่อสักครู่ทำให้เธอเป็นห่วงอย่างมาก
“ฉันแค่รู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม ช่วงหลายวันมานี้รู้สึกแบบนี้มาตลอด บางทีฉันอาจจะคิดมากก็ได้”
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ทำไมเธอไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้” ชินซูฮวาเริ่มเสียงดัง เธอเคืองคังยูรีที่มีเรื่องอะไรแบบนี้แล้วไม่ยอมเล่าให้เธอฟัง ยิ่งช่วงนี้ผู้เป็นแม่ไม่ค่อยจะอยู่บ้านอีกด้วย
“พี่อย่าโกรธฉันเลยนะ ที่ฉันไม่บอกพี่เพราะไม่อยากให้พี่เป็นห่วง ช่วงนี้พี่เองก็เรียนหนักและเตรียมสอบเข้ามหาลัยด้วย อีกอย่างฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันแค่รู้สึกไปเองมั้ย”
“มันจะมีเรื่องไหนสำคัญไปกว่าชีวิตของเธออีกเหรอ แล้วแบบนี้ฉันจะไว้ใจให้เธออยู่คนเดียวได้ไง”
“ฉันรับปากว่าฉันจะดูแลตัวเองดีๆ ไม่อยู่ในที่ลับตาคน พี่อย่าห่วงไปเลยนะ”
“เธอขึ้นห้องไปเถอะ อาบน้ำเสร็จค่อยลงมากินข้าว”
ชินซูฮวาดุให้เด็กสาวเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็น คังยูรีพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวของเธอ
ชินซูฮวาเดินมาที่หน้าต่างบานใหญ่ของตัวบ้านหลังจากที่คังยูรีขึ้นห้องไปแล้ว หญิงสาวเปิดผ้าม่านออกเพื่อมองสำรวจรอบๆ บริเวณบ้านให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามเธอและคังยูรีมาแล้วจริงๆ
ดวงวิญญาณอาฆาตร้ายตนหนึ่งยืนอยู่นอกหน้าต่างกำลังแสยะยิ้มและจ้องมองดูชินซูฮวาที่อยู่ในตัวบ้านอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะค่อยๆ หายตัวออกไปในเวลาต่อมา โชคดีที่หญิงสาวเป็นแค่คนธรรมดาจึงไม่สามารถมองเห็นดวงวิญญาณได้ ไม่งั้นคงได้กรีดร้องหมดสติไปอย่างแน่นอน
ชินซูฮวาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น หญิงสาวเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก เมื่อวันก่อนที่เธอเจออารินอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ท่าทางและคำพูดของอารินเหมือนแฝงอะไรเอาไว้ แววตาที่มุ่งมั่นและโกรธแค้นนั้นยังคงเหมือนเมื่อก่อนทุกอย่าง
“เธอจำไว้นะชินซูฮวา เธอต้องชดใช้ในสิ่งที่เธอทำกับฉันทั้งหมด ขอให้ชีวิตเธอมีแต่ความหายนะ”
ชินซูฮวาส่ายหน้าละความคิดเรื่องในอดีตที่ผ่านมา เธอจำได้ทุกคำด่าทอที่อารินเคยตะโกนด่า หรือการกลับมาของอารินครั้งนี้ตั้งใจจะมาเอาคืนเธอตามที่หญิงสาวเคยลั่นวาจาเอาไว้
ชินซูฮวาได้แต่ภาวนาว่าการกลับมาของอารินนั้นจะไม่ลากคังยูรีเข้าไปเกี่ยวข้อกับการเอาคืนของเธอ เพราะช่วงเวลาที่เธอปรากฏตัวให้เห็น เป็นช่วงเวลาที่คังยูรีบอกว่ารู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามตลอด พอมาเชื่อมโยงดูก็ทำให้ชินซูฮวาเริ่มกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
__________________
เวลาเดินมาถึงวันสุดท้ายของการเรียนการสอนก่อนจะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ นักเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายยองคังดูจะกระตือรือร้นกันเป็นอย่างมาก หลายคนต่างวางแพลนในวันหยุดของตัวเองที่จะมาถึง จะมีก็แค่คังยูรีที่ดูไม่ค่อยยินดียินร้ายเท่าไหร่นัก
คังยูรีนั่งฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะเรียนของเธอ เด็กสาวคิดไม่ตกว่าเธอควรไปตามที่แทอีนัดไว้ดีมั้ย ถ้าเธอไปก็เท่ากับยอมรับเรื่องที่จะคบกับเขา แต่ถ้าไม่ไปเลยก็ดูจะทำเกินไปหน่อย เพราะที่ผ่านมาชายหนุ่มเองก็ดูเอาใจใส่และให้เกียรติเธอมาก ถ้าไม่ออกไปเจอเลยก็ดูจะเป็นการหักหาญน้ำใจกันไปหรือเปล่า
คังยูรียอมรับที่ตัวเธอคิดมากเพราะในความรู้สึกลึกๆ ก็รู้สึกดีกับแทอีอยู่เหมือนกัน เธอยังไม่แน่ใจในตัวเองว่าชื่นชอบชายหนุ่มในรูปแบบไหน หรืออาจจะแค่ชอบเพราะชายหนุ่มดีกับเธอ
วันนี้คังยูรีต้องกลับบ้านคนเดียวเพราะชินซูฮวาต้องอยู่เรียนพิเศษต่อ ผู้เป็นพี่สาวกำชับต่อเธอว่าถ้ากลับถึงบ้านแล้วจะต้องโทรบอกในทันที
คังยูรีเดินกลับบ้านในเส้นทางเดิมทุกครั้ง เด็กสาวครุ่นคิดแต่เรื่องของวันพรุ่งนี้ว่าควรไปหาแทอีหรือไม่ไปดี ระหว่างคิดเรื่อยเปื่อยไปนั้นก็มีมือใครบางคนมาดึงเป้ที่เธอสะพายหลังไว้
“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว”
“พี่แทอีเองเหรอคะ” คังยูรีโล่งใจเป็นอย่างมากที่คนดังกล่าวเป็นแทอี
“ก็พี่นี่แหละจะเป็นใครได้ล่ะ วันนี้ซูฮวาต้องอยู่ติวไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็ต้องกลับบ้านคนเดียว พี่ก็เลยจะไปส่งเธอที่บ้านเอง”
“ขอบคุณนะคะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นให้พี่มาส่งเธอที่บ้านทุกวันแทนได้มั้ย พรุ่งนี้พี่จะรอเธออยู่ที่หน้าคาเฟ่นะ หวังได้มั้ยว่าเธอจะไป”
“คือฉัน….”
“พี่ก็พูดไปเรื่อยเปื่อยอย่าคิดมากเลย พี่ยอมรับการตัดสินใจของเธอนะ จะไปหรือไม่ไปพี่ก็โอเค”
“พี่ชอบฉันตรงไหนเหรอคะ”
คังยูรีถามออกไปตรงๆ เธออยากรู้ว่าในสายตาแทอีแล้วเธอมีความพิเศษยังไงถึงทำให้ชายหนุ่มชอบได้ แทอีเม้มปากเล็กน้อยจ้องไปที่คังยูรีเพื่อคิดหาคำตอบ เหมือนชายหนุ่มก็ลังเลอยู่เช่นกันว่าจะต้องตอบออกไปยังไง
“อืม…ชอบตรงไหนเหรอ จะบอกยังไงดี รู้แค่ว่าชอบ รู้สึกดีกับเธออย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับคนอื่นมาก่อน ถ้าจะถามหาเหตุผล งั้นพี่ก็จะบอกว่าชอบที่เธอเป็นเธอแล้วกัน แล้วเธอล่ะ รู้สึกชอบพี่มากกว่าที่ชอบคนอื่นมั้ย”
สิ่งที่ชายหนุ่มถามกลับทำให้คังยูรีชะงักอยู่ไม่น้อย เด็กสาวคิดย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเธอ ถ้าจะให้อธิบายถึงคนที่เธอชอบทั้งหมดโดยนับแต่ผู้ชาย แน่นอนว่าคนแรกที่คิดถึงคงเป็นนัมจีโฮ เพราะเขาเป็นคนที่เธอพูดได้อย่างเต็มปากว่าชอบและเป็นรักแรกของเธอ นอกจากนั้นก็มีโดแดมุนเเพื่อนร่วมห้องที่เธอเองก็ชอบในฐานะเพื่อน จองวานเธอก็ชอบเพราะรู้สึกว่าชายหนุ่มเป็นคนจริงใจ ทุกความชอบนั้นจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ส่วนชาฮีจูนั้นไม่ทันที่เด็กสาวได้นึกถึงก็ถูกแทฮีแทรกถามขึ้นมาเสียก่อน
“ทำไมเงียบไปล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ชายหนุ่มรีบถามเมื่อเห็นคังยูรีดูเงียบจนเกินไป และท่าทีของเธอเองก็ดูลังเลอยู่มาก
“แล้วถ้าฉันบอกพี่ว่าฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว พี่จะทำยังไงต่อคะ”
“พี่ก็จะเดินหน้าจีบเธอต่อ จะทำให้เธอชอบพี่มากกว่าคนนั้นให้ได้ ที่พูดแบบนี้แปลว่าเธอมีคนที่ชอบจริงๆ แล้วสินะ”
“ฉันยอมรับตรงๆ นะคะว่าฉันชอบคนคนหนึ่งอยู่แล้วจริงๆ ต่อให้วันนี้เราไม่ได้ติดต่อกันแล้วแต่ฉันก็ยังชอบเขาและคิดถึงเขาอยู่ พี่รู้แบบนี้แล้วพี่ยังจะชอบฉันอยู่มั้ย ถ้าพี่รู้ว่าฉันมีอีกคนที่อยู่ในใจไม่สามารถลืมได้”
“อันนี้มันขึ้นอยู่กับเธอ ว่าเธอจะให้โอกาสพี่เข้าไปอยู่แทนที่เขาคนนั้นของเธอได้หรือเปล่า พี่รู้ตอนนี้พี่อาจไม่ใช่คนที่เธอชอบที่สุด แต่ถ้าเธอให้โอกาสพี่ พี่ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอชอบพี่มากกว่าเขาให้ได้”
ชายหนุ่มยิ้มหวานด้วยความจริงใจ อย่างที่เขาบอก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับคังยูรีว่าจะตัดสินใจยังไง ถ้าเธอไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้าไปในใจ เขาก็คงทำอะไรไม่ได้
คังยูรีกลับมาถึงบ้านก็ขึ้นห้องนอนของเธอในทันที เด็กสาวเปิดประตูมาเห็นชาฮีจูก็ยิ้มร่าด้วยความดีใจที่ได้เจอชายหนุ่ม เพราะเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวให้เธอได้เห็น
“คุณกลับมาแล้วเหรอ” คังยูรีเดินตรงไปหาชายหนุ่ม สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าชายที่คุ้นเคยนั้นด้วยความคิดถึง
“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง เธอสบายดีนะ แล้วยังรู้สึกว่ามีคนตามเธออยู่อีกมั้ย”
“ฉันสบายดี เรื่องคนตามก็ยังรู้สึกอยู่ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้ก็มีพี่แทอีมาส่งที่บ้าน”
“อืม ก็ดี แล้วสร้อยผลึกล่ะ ทำไมไม่เห็นเธอใส่เลย” ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมาดุให้เด็กสาวเมื่อเห็นว่าไม่ได้ใส่สร้อยผลึกตามที่เขาเคยบอกเอาไว้
“อ่อ…สร้อยมันขาดน่ะฉันส่งซ่อมอยู่ คุณมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องจะถามหน่อย คุณมานี่สิ” คังยูรีถอดเป้ที่สะพายไว้บนโต๊ะ ก่อนจะดึงมือของชาอีจูให้เข้ามานั่งที่เตียงนอนข้างๆ เธอ
“มีอะไร ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย”
“คุณว่าเป็นไปได้มั้ยที่เราจะชอบใครสองคนในเวลาเดียวกัน”
คำถามที่ดูว้าวุ่นใจของคังยูรีทำให้ชาฮีจูไม่สบอารมณ์นัก ชายหนุ่มจ้องไปที่ดวงตาเปล่งประกายของเธอด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะละสายตาและเบนหน้าหนีไปทางอื่นแทน
“นี่คือเรื่องตื่นเต้นของเธอเหรอ ทำไม…ตอนนี้เธอตกหลุมรักใครอยู่ล่ะ”
“เปล่าสักหน่อย ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองกำลังชอบใครบางคนอยู่ แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าไม่ได้ชอบ เหมือนความรู้สึกมันตีกันไปหมด ชาฮีจู…คุณเคยชอบใครบ้างมั้ย ตอนที่คุณยังเป็นแค่เด็กนักเรียนเคยมีความรู้สึกชอบใครสักคนหรือเปล่า”
“ไม่เคย ช่วงนั้นแค่ใช้ชีวิตให้คุ้มก็ยังทำไม่ได้เลยแล้วจะไปชอบใครได้”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
คำถามของคังยูรีทำให้ชาฮีจูหันกลับมาสบตาเธออีกครั้ง ชายหนุ่มนัยน์ตาสั่นเป็นประกายจ้องไปที่คังยูรีด้วยความสั่นไหว เขามองเธออยู่แบบนั้นสักครู่ก่อนจะละสายตาออกจากเธออีกครั้ง
“เธอจะพูดอะไรกันแน่” ชายหนุ่มไม่อยากจะตอบคำถามที่เด็กสาวได้ถามไปเมื่อสักครู่
“พรุ่งนี้พี่แทอีนัดฉันไปเจอ การออกไปเจอกันครั้งนี้เป็นการให้คำตอบพี่เขาว่าฉันจะคบกับพี่เขาหรือจะปฏิเสธพี่เขา เพราะถ้าฉันตัดสินใจไปเจอพี่แทอีก็แปลว่าฉัน….”
ไม่ทันที่คังยูรีจะพูดจบ ชาฮีจูก็ลุกออกจากเตียงแล้วเดินตรงไปยังบานหน้าต่างด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มในตาสั่นเครือรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หัวใจทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สีหน้าและท่าทางแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
คังยูรีสัมผัสได้ถึงความเกรี้ยวกราดของชาฮีจูที่แสดงออกมา เด็กสาวรีบลุกจากเตียงเดินตรงไปหาชายหนุ่มในทันที เธอจ้องไปที่ชาฮีจูด้วยความสั่นไหว สักครู่น้ำตาก็เอ่อไหลล้นออกมาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
“คุณโกรธฉันเหรอ ถ้าคุณไม่ชอบ ฉันไม่ไปเจอเขาก็ได้ แต่คุณอย่าโกรธฉันเลยนะ”
คังยูรีดึงแขนเสื้อชายหนุ่มอย่างอ้อนวอน เธอเองก็ไม่เคยเห็นท่าทีเคืองขุ่นของชาฮีจูแบบนี้มาก่อน ยิ่งเห็นชายหนุ่มเอาแต่นิ่งไม่ตอบโต้ก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่
“ใช่..ฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ สิ่งที่ฉันต้องทำตอนนี้คือช่วยเยนาต่างหาก จะมามัวคิดเรื่องชอบใครได้ยังไง ชาฮีจู…ถึงฉันจะชอบเขา แต่ถ้าคุณไม่ชอบฉันเลิกชอบเขาก็ได้ คุณคงมองออกใช่มั้ยว่าเขาเป็นคนยังไง ฉันเชื่อคุณ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรฉันก็เชื่อคุณทุกอย่าง”
เด็กสาวหลั่งน้ำตาไม่ขาดสาย ตอนนี้คนที่เธอแคร์มากที่สุดเป็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า การที่เธอเห็นเขาแสดงสีหน้าท่าทางไม่พอใจ มันทำให้เธอทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
ชาฮีจูค่อยๆ คลายแววตาที่แข็งกร้าวนั้นลงก่อนจะหันมาสบตาเด็กสาวที่เอาแต่ร้องไห้ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้เด็กสาวต้องคิดมากจนร้องไห้แบบนี้ ชาฮีจูจ้องไปที่คังยูรีอย่างไม่ลดละก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาในที่สุด ชายหนุ่มเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอ