นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
“พี่ซูฮวา พี่ช่วยดูนี่หน่อยสิ”
คังยูรีเดินเข้าไปในห้องของชินซูฮวาด้วยความร้อนใจ เด็กสาวยื่นรูปถ่ายใบดังกล่าวให้ชินซูฮวาได้ดู แววตาจับจ้องไปที่ผู้เป็นพี่สาวอย่างคาดหวัง
“ตกใจหมดอยู่ดีๆ ก็พรวดเข้ามา แล้วให้ฉันดูรูปตัวเองทำไม”
“ฉันให้พี่ดูผู้หญิงคนนี้ต่างหาก พี่รู้มั้ยว่าเธอเป็นใครและชุดนักเรียนที่เธอใส่เป็นของโรงเรียนอะไร”
“ไม่รู้อ่ะ ตอนนั้นมีตั้งหลายโรงเรียนที่ไปทัศนศึกษาใครจะไปจำได้ ขนาดคนในโรงเรียนเดียวกันฉันยังจำไม่ได้หมดเลยนับประสาอะไรกับเด็กโรงเรียนอื่น”
“เหรอคะ” คังยูรีรู้สึกผิดหวังกับคำตอบนัก แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวโทษชินซูฮวาที่จำคนในรูปไม่ได้
“แต่ชุดแบบนี้เหมือนจะอยู่ที่โซลนะ ดูเครื่องแบบแล้วน่าจะเป็นโรงเรียนพวกคนมีเงินเขาเรียนกัน ฉันช่วยเธอหาได้แต่เธอต้องบอกฉันมาก่อนว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร บอกเรื่องจริงมาห้ามโกหกฉันแม้แต่นิดเดียว”
“เธอเป็นเพื่อนฉันค่ะ คือเราไม่ได้ติดต่อกันนานมาก ถ้ารู้ว่าเธออยู่ไหนฉันจะได้ไปหาเธอ” คังยูรีบ่ายเบี่ยงที่จะพูดความจริง เพราะเรื่องราวของคังเยนาเธอคงไม่สามารถบอกชิซูฮวาได้
“ฉันเชื่อเธอก็ได้ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม ผู้หญิงคนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายทันยองอยู่ที่โซลน่ะ”
“นี่พี่รู้อยู่แล้วใช่มั้ย” คังยูรีหน้างอนเล็กน้อยที่เธอถูกเย้าหยอก
“ก็อยากแกล้งเธอเล่นนิดหน่อยเอง ทำไมฉันจะไม่รู้จักล่ะ ฉันเองก็มีเพื่อนเรียนอยู่ที่นั่นเหมือนกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นเดี๋ยววันหยุดหน้าฉันจะไปที่นั่น”
“รีบร้อนขนาดนั้นเลยเชียว บอกมานะคังยูรีว่าจริงๆ แล้วเธอจะไปหาผู้ชายใช่มั้ยแล้วเอาเรื่องของคังเยนามาอ้าง”
“พี่รู้ด้วยเหรอคะว่าเธอชื่อคังเยนา” เด็กสาวตาโตไม่คิดว่าชินซูฮวาจะรู้จักคังเยนาด้วย
“รู้สึกว่าเธอจะเป็นคนดังของโรงเรียนทันยองนะ ฉันไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกก็ฟังเพื่อนฉันเล่ามาอีกที ฉันสงสัยมากกว่าว่าเธอไปรู้จักผู้หญิงแบบคังเยนาได้ยังไง”
“ก็บังเอิญรู้จักกันค่ะ งั้น…ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน อ้อ…ป้าให้มาเรียกพี่ลงไปกินข้าวด้วยค่ะ”
“เดี๋ยวอย่าพึ่งไปรอแป๊บหนึ่ง”
ชินซูฮวาเรียกคังยูรีก่อนที่เด็กสาวจะเดินผ่านออกจากประตูไป หญิงสาวเขียนบางอย่างลงในกระดาษโน้ตยื่นไปให้คังยูรีที่ยืนอยู่รออยู่
“นี่เป็นเบอร์มินอาเพื่อนฉันที่เรียนอยู่ที่ทันยอง อยากได้ความช่วยเหลืออะไรก็โทรหามินอาแล้วกัน ถ้ามินอาถามว่าเธอเป็นใครก็บอกไปว่าเป็นน้องสาวฉัน” หญิงสาวรู้สึกเขินเล็กน้อยที่ต้องเอ่ยว่าคังยูรีเป็นน้องสาวของตัวเองออกมา
“ขอบคุณค่ะพี่สาว” คังยูรียิ้มกว้างตอบรับก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องของตัวเอง ท่าทางของเธอทำให้ชินซูฮวาเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
“ยัยเด็กนี่ แล้วเธอจะรู้ว่าฉันเป็นพี่สาวที่ใจร้ายขนาดไหน” ชินซูฮวาข่มเด็กสาวที่พึ่งเดินออกไป ท่าทีทีเล่นทีจริงของเธอดูกระปรี้กระเปร่านัก
_________________________
หลายวันผ่านไป
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาคังยูรีแวะมาที่ห้องสมุดเสมอเพื่อเฝ้ารอให้คังเยนากลับมา นี่จะครบสัปดาห์แล้วที่คังเยนาไม่ได้ปรากฏตัวให้เธอเห็น ความกังวลของเด็กสาวที่มีต่อคังเยนาไม่เคยหมดไป เธอเองก็อยากช่วยเหลือคังเยนาให้ได้มากที่สุด การได้เห็นคังเยนาในรูปแบบคนปกติที่ไม่ใช่รูปแบบวิญญาณเป็นสิ่งที่เธอเองก็ปรารถนาเช่นกัน
คังยูรีนั่งพูดคุยกับซองนาอึนและโดแดฮุนอย่างสนุกสนานอยู่ในห้องเรียนหลังจากเรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ เสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของทั้งสามคนทำให้กลุ่มเพื่อนบางคนไม่ค่อยพอใจนัก
“จะเสียงดังอะไรกันนักหนาพูดเบาๆ ก็ได้มั้ย เธอไม่เห็นเหรอว่าซูบินกำลังอ่านหนังสืออยู่” นักเรียนสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้น จนเพื่อนนักเรียนที่อยู่ในห้องหลายคนต้องหันมองตามเสียงที่ได้ยิน
“คุยกันหลังเลิกเรียนไม่เห็นจะแปลกเลย” ซองนาอึนเอ่ยสวนขึ้น
“ไม่เอาน่าอย่ามีเรื่องเลย ขอโทษนะซูบินที่พวกเราเสียงดังไปหน่อย” คังยูรีปรามเพื่อนสาว พร้อมกับหันไปขอโทษเด็กสาวที่กำลังนั่งทบทวนบทเรียนอยู่ที่โต๊ะเรียนของเธอ
“ม..ไม่เป็นไร ก็ไม่ได้เสียงดังขนาดนั้น” เด็กสาวตอบกลับพร้อมกับเผยรอยยิ้มให้คังยูรีเล็กน้อย
“เห็นมั้ย ซูบินยังไม่ได้ว่าอะไรเลยแล้วเธอจะเดือดร้อนทำไมโซรา ชีวิตนี้ไม่เคยยิ้มไม่เคยหัวเราะหรือไง” ซองนาอึนโต้กลับอีกครั้ง
“ตั้งแต่มีเพื่อนใหม่เธอชักจะเอาใหญ่แล้วนะนาอึน ทำไม…เห็นยัยนี่มีเงินหน่อยเธอก็เลยจะเกาะไว้สินะ”
“ฮันโซรา!” ซองนาอึนตะคอกกลับ เธอเริ่มไม่พอใจที่ฮันโซราเริ่มดูถูกเธอ ไหนจะเสียงหัวเราเยอะหยันเธอด้วยความสนุกสนานอีก
“พอได้แล้วโซรา ต่อให้นาอึนเข้าหาฉันเพราะฉันมีเงินฉันก็เต็มใจ เธอเองก็รวยนี่แล้วทำไมนาอึนไม่เข้าหาเธอบ้างล่ะ อ๋อ…คงจะเป็นที่นิสัยเธอสินะ คงไม่มีใครอยากจะคบกับคนนิสัยเสียอย่างเธอจริงมั้ย”
คังยูรีตอกกลับ เธอเองก็ไม่พอใจที่ฮันโซราพูดจาแบบนั้น มันไม่ได้กระทบแค่ซองนาอึน แต่มันยังกระทบถึงตัวเธอและอาจจะลามไปถึงป้าของเธอและชินซูฮวาอีกด้วย
“ไปเถอะยูรี นาอึน อย่าไปให้ค่าโซราเลย คนแบบนี้ไม่ควรยุ่งด้วยหรอก” โดแดอุนที่ยืนเงียบมานานเอ่ยขึ้นบ้าง
“แดอุน นี่นายก็เข้าข้างยูรีด้วยเหรอ เอ๊ะ..หรือว่านายกับยูรีแอบคบกันอยู่ ฉันเองก็ได้ข่าวลือมาว่าคังยูรีชอบล่าแต้มผู้ชายตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนเก่า จริงมั้ยยูรี” เด็กสาวยิ้มเย้ยหยัน ดูพอใจมากที่ได้กล่าวหาคังยูรีแบบนี้
คังยูรีกำมือแน่น เด็กสาวจะไม่อดทนอีกต่อไป คนอย่างฮันโซราต้องเจอการตอบโต้กลับบ้าง คังยูรีเดินปรี่เข้าไปตบหน้าฮันโซราด้วยความโกรธ ทุกคนที่อยู่ในห้องเรียนต่างก็อ้าปากค้างและตกใจกับการกระทำของเธอเป็นอย่างมากเพราะไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับฮันโซรามาก่อน คำพูดของฮันโซราเหมือนไปจี้ปมของเธออีกครั้ง กว่าที่เธอจะผ่านเรื่องนั้นมาได้ก็แทบแย่ และเธอจะไม่ยอมให้ใครเอาเรื่องนี้มาพูดสนุกปากอีกอย่างแน่นอน
“พูดมากอีกฉันจะไม่ตบแค่หน้าแน่ ถ้าเธอรู้เรื่องฉันดีขนาดนั้นงั้นเธอก็ต้องรู้สิว่าก่อนที่ฉันจะย้ายมาที่นี่ฉันจัดการพวกปากไม่มีหูรูดแบบเธอยังไงบ้าง เธอสนใจจะลองมั้ยล่ะ” คังยูรีเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก ถ้าอยู่ด้วยกันดีๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ เธอเองก็พร้อมท้าชนเช่นกัน
“คิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ”
“พอแล้วโซรา” เพื่อนหญิงคนหนึ่งของฮันโซราเอ่ยแทรกขึ้น เธอเดินไปกระซิบที่ข้างหูของเด็กสาวเพื่อแจ้งเรื่องบางอย่าง
“ฉันรู้มาว่ายูรีเป็นน้องสาวของรุ่นพี่ซูฮวา ถ้าเธอไม่อยากมีเรื่องฉันว่าเธอพอเถอะ เธอก็รู้ว่ารุ่นพี่ซูฮวาเป็นคนประเภทไหน อีกอย่างเขาลือกันว่าคนที่ขังและเทน้ำปลาใส่ยัยเฮราก็คือรุ่นพี่ซูฮวานะ แล้วนี่เธอจะมีเรื่องกับน้องเขาอีกแล้วคิดว่ารุ่นพี่เขาจะยอมอยู่เฉยๆ เหรอ”
เหมือนคำกระซิบของนักเรียนหญิงดังกล่าวจะได้ผลทีเดียว แววตาและท่าทางของฮันโซราอ่อนลงมาก เด็กสาวหันไปสบตาคังยูรีอีกครั้งก่อนจะกระแอมออกมาเล็กน้อย
“ต่อให้เธอเป็นน้องของรุ่นพี่ซูฮวาฉันก็ไม่กลัวหรอกนะ ฝากไว้ก่อนเถอะ” ฮันโซรากระแทกเสียใส่คังยูรีอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปพร้อมเพื่อนสาวอีกสองคน
ดูเหมือนว่าทุกคนที่อยู่ในห้องจะตกใจมากที่ได้ยินว่าคังยูรีเป็นน้องสาวของชินซูฮวา ยิ่งซองนาอึนเพื่อนสาวของเธอดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษมากว่าคนอื่น
“ยูรี จริงเหรอที่เธอเป็นน้องสาวรุ่นพี่ซูฮวาน่ะ”
“อืม ทำไมเหรอ แล้วทำไมทุกคนต้องตกใจขนาดนี้ด้วย”
“ทำไมเธอไม่รีบบอกพวกเรา ก่อนหน้านี้ฉันเห็นเธอเดินอยู่กับรุ่นพี่ซูฮวาก็คิดว่าแค่รู้จักกันเฉยๆ ซะอีก เธอไม่รู้เหรอว่าเธอเป็นน้องสาวคนดังของที่นี่เลยนะ”
“พวกเธอเวอร์เกินไปหรือเปล่า”
“ไม่เวอร์หรอก รุ่นพี่ซูฮวาทั้งเรียนเก่งที่สุดในโรงเรียนแถมยังสวยมากอีกด้วย ไม่ว่าจะหน้าตา การศึกษาหรือฐานะทางบ้าน พี่เขาก็มีพร้อมทุกอย่าง มีหนุ่มๆ หลายคนที่ตกหลุมรักพี่เขารวมถึงเจ้านี่ด้วย”
“ม..ไม่ใช่นะ ฉันแค่ปลื้มพี่สาวเธอเท่านั้น” โดแดอุนรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
คังยูรีไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่าทุกคนจะให้ความสนใจชินซูฮวาได้ถึงเพียงนี้ เพราะในสายตาเธอนั้นชินซูฮวาดูเย็นชาและไร้ความรู้สึกมากต่างหาก น้อยนักที่เธอจะเห็นรอยยิ้มของหญิงสาว ภาพจำของเธอเลยเห็นแค่ว่าชินซูฮวาดูจะเย็นชาไปสักหน่อย
ระหว่างที่ทั้งสามพูดคุยกันเรื่องชินซูฮวาอยู่นั้น จู่ๆ คังยูรีก็รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เด็กสาวรับรู้ได้ถึงการกลับมาของคังเยนาจึงไม่รีรอที่จะไปหา เธอบอกเพื่อนทั้งสองคนให้กลับบ้านไปก่อน
คังยูรีรีบวิ่งมาที่ห้องสมุดด้วยความตื่นเต้น เธอหวังว่าสิ่งที่รู้สึกนั้นจะเป็นจริง พอมาถึงห้องสมุดก็เห็นคังเยนายืนยิ้มรอต้อนรับเธออยู่ก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
“เธอกลับมาแล้วจริงๆ ด้วย” คังยูรีวิ่งเข้าไปหาเพื่อนสาว เธอมองสำรวจเรือนร่างของคังเยนาเพื่อให้มั่นใจว่าเธอสบายดีแล้วจริงๆ
“อืม…ฉันกลับมาแล้ว ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วง” คังเยนายิ้มรับ
ด้วยความดีใจจนเก็บความรู้สึกไม่ไหว คังยูรีค่อยๆ เดินเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวให้มากขึ้น เด็กสาวค่อยๆ เลื่อนมือไปสัมผัสมือของคังเยนาด้วยความระมัดระวัง คังยูรีรู้สึกได้ถึงความพิเศษที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ฉันสัมผัสตัวเธอได้แล้ว”
คังยูรีจ้องไปที่นัยน์ตาของคังเยนาอย่างมีความหวัง คังเยนาเองก็ดีใจมากเหมือนกันที่เธอกับคังยูรีสัมผัสกันและกันได้ ไม่คิดว่าการกลับมาของเธอครั้งนี้จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเช่นนี้ ไออุ่นจากมือของคังยูรีทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“คงเป็นพลังของชาฮีจูละมั้งที่ทำให้เป็นแบบนี้” คังเยนายิ้มทั้งน้ำตา
“จะเป็นพลังของใครก็ช่างเถอะ ขอแค่เป็นเรื่องดีก็พอแล้ว อ้อ…ฉันมีวิธีตามหาตัวตนของเธอแล้วนะ”
คังยูรีจูงมือพาคังเยนาไปหลบมุมที่ทั้งสองมักใช้คุยกัน เด็กสาวเล่าเรื่องโรงเรียนทันยองให้คังเยนาฟัง เหมือนครั้งนี้จะดูมีความหวังที่สุด เพราะอย่างน้อยเธอก็รู้ว่าตัวตนของเธอมาจากที่ไหน
“เธอจะไปที่โรงเรียนนั่นคนเดียวเหรอ ให้ชาฮีจูไปด้วยสิถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาจะช่วยเธอได้”
“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ฉันจัดการคนเดียวได้”
“งั้นเธอก็ระวังตัวด้วยนะ”
“อืม ฉันจะระวังตัว แต่เท่าที่รู้คร่าวๆ ฉันว่าเธอเป็นลูกคนรวยนะ พี่ฉันบอกว่าโรงเรียนทันยองมีแต่คนรวยเขาเรียนกัน”
“จริงเหรอ นี่ฉันเป็นลูกหลานคนมีเงินงั้นเหรอ ว่าแต่…ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ ทำไมพวกเขาไม่ตามหาฉันล่ะ”
“พวกท่านอาจจะมีเหตุผลบางอย่างก็ได้ บางทีเธออาจจะไม่สบายแล้วนอนอยู่ที่บ้านเพื่อรักษาตัวอยู่ แต่พ่อแม่เธอเลยปิดข่าวไว้ไม่ให้เสียชื่อเสียงไง พวกคนรวยชอบทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นในซีรีส์ก็ชอบทำแบบนี้กัน”
“นั่นสิ” คังเยนายิ้มกว้าง ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรเธอก็รู้สึกดีใจและมีความหวังอีกครั้ง อย่างน้อยที่โรงเรียนทันยองก็จะเป็นจุดเริ่มต้นในการหาตัวตนของเธอ
ทั้งคู่อยู่พูดคุยกันสักพักใหญ่ๆ จนเวลาล่วงเลยมาพอสมควร คังยูรีบอกลาคังเยนาเพื่อขอตัวกลับบ้านก่อน ตลอดทางที่เด็กสาวเดินอยู่นั้นก็รู้สึกถึงใครบางคนที่อยู่รอบตัวเธอ
คังยูรียิ้มกว้างออกมา เธอมั่นใจว่าคนที่เดินมากับเธอเป็นชาฮีจูอย่างแน่นอน ไหนจะลมหนาวที่คุ้นเคยที่พัดผ่านอยู่รอบๆ ตัวเธออีก แล้วไหนจะความรู้สึกปลอดภัยที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูก เด็กสาวคิดว่าตอนนี้ชายหนุ่มคงกำลังเดินอยู่ข้างๆ เธอ ที่เธอมองไม่เห็นเขาเพราะร่มสีแดงของชายหนุ่มไม่ได้ถูกกางออกก็แค่นั้น
คังยูรีอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง ยังไงวันนี้ก็มีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นกับเธอและคังเยนาแล้ว บางทีเธอควรจะลองดูกับชาฮีจูบ้าง
คังยูรีทำท่าเดินต่อไปอย่างเป็นปกติ เมื่อได้จังหวะเด็กสาวรีบเลื่อนมือขึ้นมาทางขวาในตำแหน่งที่ชาฮีจูยืนอยู่ และเธอก็สัมผัสได้ถึงแขนยาวของชายหนุ่ม มือของเธอนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนลงมือมาและกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้ ทันใดนั้นร่างของชาฮีจูก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอทันที ชายหนุ่มตกใจเป็นอย่างมากกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“จับคุณได้แล้ว” เด็กสาวยิ้มร่าด้วยความพอใจ
ชาฮีจูรีบสลัดมือออกจากคังยูรีทันที ชายหนุ่มถอยหลังออกจากเด็กสาวเล็กน้อย เขาจ้องไปที่เธอด้วยความเคลือบแคลง เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง
“เธอทำได้ยังไง!”
“ทำอะไรเหรอ” เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ ยิ้มแป้นให้กับชายหนุ่มที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้า
“เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร คังยูรี…เธอเป็นใครกันแน่”
“คุณถามคำถามนี้อีกแล้วนะ ฉันก็เป็นคังยูรีที่คุณรู้จักไง ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันจะจับตัวคุณได้มั้ยถ้าคุณไม่ได้กางร่มไว้”
“เพราะอะไร?” ชายหนุ่มซักไม่เลิก เขาเองก็ต้องการความกระจ่างมากกว่านี้
“ก็วันนี้ฉันกับเยนาเราสัมผัสกันได้ เราจับมือกัน แตะตัวกันได้ฉันก็เลยอยากลองกับคุณดูบ้าง”
“เธอว่าอะไรนะ เธอกับเยนาสัมผัสกันและกันได้เหรอ”
“ใช่ ฉันเองก็แปลกใจมากเหมือนกัน แต่เยนาบอกว่าน่าจะเป็นพลังของคุณที่มอบให้เธอ เธอยังเล่าด้วยนะว่าที่ที่คุณอยู่น่ะสวยมาก เหมือนอยู่ในความฝันเลย คุณพาฉันไปที่นั่นได้มั้ยฉันอยากเห็นมันบ้าง”
“การที่เธอจะไปที่นั่นได้นั่นหมายความว่าเธอต้องเป็นแค่ดวงวิญญาณ ทำไมพวกเธอชอบพูดอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลย”
“คุณก็จริงจังตลอดด้วยเหมือนกัน ชาฮีจู…แล้วถ้าฉันเป็นแค่วิญญาณจริงๆ ฉันกับคุณจะได้เจอกันอยู่ใช่มั้ย คุณจะเป็นผู้ส่งสารให้ฉันใช่มั้ย”
“หยุดพูดอะไรที่มันไร้สาระได้มั้ย เธอยังไม่ตาย และฉันก็ไม่ยอมให้เธอตายด้วย”
ชาฮีจูชะงักกับคำพูดที่ดูจริงจังของตัวเอง ชายหนุ่มเลิ่กลั่กในทันที ซึ่งต่างจากเด็กสาวที่ยืนอยู่เป็นอย่างมาก คังยูรียิ้มออกมาด้วยความพอใจ ถึงคำพูดของชายหนุ่มจะออกมาด้วยความไม่ตั้งใจก็ตามแต่เธอก็ยังรู้สึกอบอุ่นใจอยู่ดี แค่มีคนห่วงเธอด้วยใจจริงสักคนเธอก็พอใจและมีความสุขมากแล้ว
คังยูรีเดินเข้าใกล้ชายหนุ่มให้มากขึ้น เธอสบตาไปที่ชาฮีจูด้วยความหวัง ยังมีอีกเรื่องที่เธออยากพิสูจน์ให้รู้ และเธอเองก็ควรขออนุญาตจากเขาเสียก่อนถ้าอยากจะพิสูจน์เรื่องบางอย่าง
“ฉันยังอีกเรื่องที่อยากพิสูจน์น่ะ ขออนุญาตคุณก่อนแล้วกัน”
กล่าวจบเด็กสาวก็เลื่อนมือไปสัมผัสที่อกข้างซ้ายของชายหนุ่มเอาไว้ คังยูรีแค่อยากรู้ว่าหัวใจของชาฮีจูยังเต้นอยู่เหมือนกับเธอในตอนนี้มั้ย เด็กสาวยืนนิ่งและเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้เพื่อจะได้รับฟังจังหวะการเต้นของหัวใจของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
ชาฮีจูวางมือทาบบนมือคังยูรีอีกทีก่อนจะกุมมือของเธอเอาไว้ แววตาจับจ้องไปที่เด็กสาวอย่างไม่ลดละ แววตาเป็นประกายและสั่นไหว เขาเผยรอยยิ้มหวานให้กับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า