นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน

The Promised พรากสัญญา - ตอนทึ่24 พรากสัญญา โดย paiinara @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Promised พรากสัญญา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

The Promised พรากสัญญา  โดย paiinara @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน

ผู้แต่ง

paiinara

เรื่องย่อ

The Promised พรากสัญญา


            เป็นเพราะคำสัญญาก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไปเลยทำให้ชาฮีจูต้องติดอยู่ในวังวนความรู้สึกผิดมาตลอด เขาเป็นผู้ลั่นวาจาสัญญากับใครคนหนึ่งเอาไว้แต่กลับจำสัญญานั้นไม่ได้ ชายหนุ่มจึงต้องหาคำตอบเลยทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับคังเยนาและคังยูรีอย่างไม่ได้ตั้งใจ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะครั้งใหญ่ที่พวกเขาต้องเผชิญ และพวกเขาต้องร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันและไว้ใจกัน เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคนั้นไปให้ได้

สารบัญ

The Promised พรากสัญญา -ตอนที่1 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่2 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่3 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่4 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่5 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่6 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่7 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่8 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่9 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่10 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่11 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่12 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่13 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่14 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่15 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่16 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่17 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่18 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่19 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่20 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่21 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่22 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่23 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนทึ่24 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่25 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่26 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่27 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่28 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่29 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่30 พรากสัญญา

เนื้อหา

ตอนทึ่24 พรากสัญญา

หลายวันผ่านไป


จองวานที่อยู่ในนามจินยองคอยแวะเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนคังเยนาตลอด ช่วงไหนที่เขาเงียบหายไปคือกลับไปเยี่ยมเยียนผู้เป็นแม่


ชายหนุ่มยินดีที่ได้อยู่ข้างกายผู้เป็นเพื่อนรักอีกครั้งถึงแม้จะเป็นแค่ดวงวิญญาณก็ตาม เขาตั้งใจให้เรื่องของคังเยนาคลี่คลายให้ได้ก่อนถึงจะยอมจากไปด้วยความหมดห่วง


คังเยนาจ้องใบหน้าชายหนุ่มที่กำลังยิ้มให้เธอด้วยความพอใจ เธอเองก็อยากรู้เรื่องราวของชายหนุ่มเช่นกัน ช่วงก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจเขาเคยใช้ชีวิตเช่นไรบ้าง


“นี่! จินยอง นายมีแฟนมั้ย ฉันหมายถึงก่อนที่นายจะตายนายเคยมีแฟนหรือเปล่า”


“ฉันเหรอ คนอย่างฉันจะมีใครมาชอบ”


“ทำไมล่ะ นายก็หล่อดีนี่ แถมนิสัยก็ดีด้วย”


“ฉันคงไม่เปิดใจให้ใครมั้ง คือฉันมีคนที่ฉันชอบอยู่แล้ว แต่เป็นการชอบข้างเดียว เพราะกลัวว่าถ้าบอกไปจะทำให้ความเป็นเพื่อนของเราจบลงน่ะ ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ฉันอยากอยู่ข้างๆ คนที่ฉันชอบไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม”


คังเยนามองไปที่ชายหนุ่มด้วยความสงสาร ตอนมีชีวิตอยู่ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สารภาพความในใจ จะมีเรื่องอะไรจะน่าเศร้าใจได้ขนาดนี้อีก


“แล้วแม่ของนายล่ะ ตอนนี้แม่นายเป็นยังไงบ้าง ท่านคงทุกข์ใจมากที่ต้องมาเสียลูกชายเพียงคนเดียวไป ไม่แปลกที่จะทำใจยอมรับไม่ได้”


“ทำไมเธอรู้เรื่องฉันกับแม่ด้วยล่ะ”


“ยูรีเล่าให้ฟังน่ะ เธอบอกว่าแม่นายไม่อาจทำใจยอมรับการจากไปของนายได้”


“ยูรีเล่าให้ฟังนี่เอง เธอไม่ต้องกังวลเรื่องฉันหรอก ยังไงฉันก็ตายไปแล้ว สักวันแม่ฉันก็คงจะทำใจได้ กังวลเรื่องเธอดีกว่า จนป่านนี้แล้วเธอยังจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”


“ยังเลย ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้สักที แย่จังเลยเนาะ”


คังเยนาเดินตรงไปยังหน้าต่างบานใหญ่ แววตาจับจ้องไปที่วิวที่อยู่ด้านนอกห้องสมุด ก่อนจะเหลือบมองมาที่จองวานเป็นพักๆ


_________________________


ช่วงเย็นของวัน


ชินซูฮวาและเหล่าเพื่อนสนิทของเธอออกมาเดินเที่ยวเล่นหลังเลิกเรียน หญิงสาวมักจะใช้ช่วงเวลานี้ออกมาสังสรรค์เล็กน้อยก่อนที่จะกลับบ้าน


“ซูฮวา นั่นมันยัยอารินใช่มั้ย ไหนบอกว่าย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วไงทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ล่ะ”


เพื่อนสาวในกลุ่มคนหนึ่งชี้ไปที่หญิงสาวผมทองที่นั่งอยู่อีกโต๊ะไม่ไกลนักในคาเฟ่เดียวกันกับที่พวกเธอนั่งอยู่ ชินซูฮวากวาดสายตามองไปที่หญิงสาวคนดังกล่าวตามที่เพื่อนชี้นำ พอเห็นว่าเป็นใครก็รู้สึกตกใจขึ้นมา


ระหว่างซูฮวาและกลุ่มเพื่อนจ้องหญิงสาวดังกล่าวอยู่นั้น เหมือนว่าคนที่ถูกจ้องจะรู้ตัวเสียแล้ว เธอมองมายังกลุ่มของชินซูฮวาก่อนจะลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แล้วเดินตรงมาหากลุ่มของชินซูฮวาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“สบายดีนะซูฮวา” หญิงสาวดังกล่าวยิ้มทักทายชินซูฮวาทันทีที่เดินมาถึงตัวเธอ


“สบายดีถึงได้ใส่ชุดนักเรียนอยู่นี่ไง แล้วเธอล่ะเป็นยังไงบ้าง ออกจากโรงเรียนแล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศคงสบายมากกว่าฉันเลยสินะ”


“นิสัยเสียเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เจอกันเกือบปีนึกว่าจะเปลี่ยนนิสัยแล้วซะอีก”


“เลิกพูดไร้สาระสักที เธอกลับมาทำไม” ชินซูฮวาเบื่อหน่ายที่จะต่อล้อต่อเถียง เธอรู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้มาอย่างเป็นมิตร


“บอกเธอตอนนี้ก็ไม่สนุกสิ” หญิงสาวคนดังกล่าวหัวเราะร่าอย่างพอใจ เธอแสยะยิ้มให้ชินซูฮวาอีกครั้งก่อนจะผิวปากแล้วเดินออกจากคาเฟ่ไปในที่สุด


“ยัยนั่นน่ากลัวชะมัด เธอระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะซูฮวา” เพื่อนสาวในกลุ่มคนหนึ่งเอ่ยเตือนขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีมั่นใจของหญิงสาวคนดังกล่าว


อาริน เด็กสาววัย18ปีที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศระหว่างเรียนอยู่ชั้นม.5 เธอกับชินซูฮวามีเรื่องบาดหมางกันอย่างรุนแรงเมื่อครั้งเรียนอยู่ด้วยกัน โดยผู้ที่พ่ายแพ้ย่อยยับเป็นเธอในเวลานั้น


เมื่อก่อนอารินเป็นเด็กสาวที่น่ารักสดใสแต่มีนิสัยไม่ชอบสุงสิงกับใคร เธอเลยไม่ได้เป็นจุดสนใจของเหล่านักเรียนด้วยกันเท่าไหร่ และเธอก็พอใจมากที่ทุกคนทำเหมือนว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ในโรงเรียน เพราะนั่นมันทำให้เธอมีความสุขกับการได้อยู่กับตัวเองโดยไม่ต้องสนใจใคร


แต่แล้วความสดใสของเธอก็ถูกพรากไปเมื่อเธอกลายมาเป็นเรื่องสนุกของชินซูฮวา ผู้หญิงที่ตัวคนเดียวและอ่อนต่อโลกอย่างเธอจะสู้เด็กสาวที่มั่นใจในตัวเองมีผู้คนรักใคร่อย่างชินซูฮวาได้ยังไง การกลับมาของเธอก็แค่อยากเอาคืนชินซูฮวาเท่านั้น เธออยากให้ชินซูฮวาได้ลิ้มรสความอับอายและความเจ็บปวดที่เธอเคยได้รับ


___________________


ช่วงค่ำของวัน


คังเยนายืนอยู่ที่ริมหน้าต่างของห้องสมุดกำลังทอดสายตาไปยังนอกหน้าต่างด้วยใจที่จดจ่อ เธอไม่ได้สนใจวิวที่อยู่นอกหน้าต่างนั้นสักนิด เธอแค่กำลังใช้ความคิดเรื่องบางอย่างอยู่


“คิดอะไรอยู่เหรอ”


ชาฮีจูเดินมายืนข้างหญิงสาวเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เขาสังเกตเห็นว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาคังเยนาไม่ค่อยสดใสและร่าเริงเท่าไหร่ พอเห็นแบบนี้เลยทำให้ชายหนุ่มอดกังวลไม่ได้


“ชาฮีจู คุณว่า…ถ้าฉันฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งมันจะทำให้ฉันมีความสุขมั้ย ฉันมีค่าพอที่จะได้ใช้ชีวิตต่อไปจริงๆ เหรอ”


“ทำไมคิดอะไรแย่ๆ แบบนี้อีกแล้ว คนที่ทำเพื่อเธอเขาจะหมดกำลังใจเอาได้นะ”


“ฉันไม่รู้ว่าฉันมีค่าพอให้คนอื่นช่วยมั้ย มันจะคุ้มค่ากับที่เสียไปหรือเปล่า”


“ฉันว่าเธอคงเหงามากสินะถึงพูดอะไรเรื่อยเปื่อยแบบนี้ ทำไม เดี๋ยวนี้ยูรีไม่ค่อยมาหาเธอเหรอ หรือเพราะหนุ่มนักเรียนเพื่อนใหม่ของเธอไม่อยู่ถึงเพ้อเจ้อแบบนี้”


“ฉันไม่ได้เหงาสักหน่อย คุณไม่เห็นเหรอฉันมีเพื่อนตั้งเยอะแยะถึงพวกเขาจะมองไม่เห็นฉันก็ตามเถอะ ว่าแต่…คุณไม่เป็นห่วงยูรีบ้างเหรอ เดี๋ยวนี้ยัยนั่นไปไหนมาไหนกับคนชื่อแทอีตลอดเลยนะ”


“ก็เธอพึ่งบอกไปว่ายัยนั่นมีคนอยู่ด้วยตลอดแล้วฉันจะเป็นห่วงทำไม ยูรีเองก็ควรมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง ให้มาติดอยู่กับพวกเราแบบนี้ตลอดมันก็ไม่ได้หรอกนะ”


"แล้วทำไมต้องทำหน้าเศร้าด้วย ปากบอกไม่ห่วงโกหกกันชัดๆ แล้วนี่โกรธอะไรกันหรือเปล่า เวลาที่ฉันพูดถึงคุณทีไรยูรีก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นทุกที”


“เปล่านี่ ฉันกับยูรีมีเรื่องอะไรต้องโกรธกันด้วย”


“ไม่ได้ทะเลาะกันก็ดี”


ชาฮีจูรู้ดีว่าคังยูรีไม่พอใจเรื่องของจองวาน เธอกลัวว่าถ้าคังเยนารู้ว่าจองวานเสียชีวิตแล้วจะทำให้เธอเสียใจมาก และอีกเรื่องที่ทำให้เด็กสาวขุ่นเคืองก็คงจะเป็นเรื่องที่เขาปรากฏตัวให้ชินซูฮวาเห็น เพราะเธอไม่อยากให้ชินซูฮวาต้องมาเกี่ยวข้องเรื่องพวกนี้ด้วย


ระหว่างทั้งสองคุยกันอยู่นั้น สักครู่คังเยนาก็รู้สึกวูบขึ้นมา หญิงสาวรีบใช่มือกดไปที่อกข้างซ้ายทันที เธอรู้สึกเจ็บไปที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก


“เยนาเป็นอะไร?” ชาฮีจูรีบเข้าไปประคองหญิงสาวไว้เมื่อเห็นว่าเธอกำลังล้มลงกับพื้น


“รู้สึกแบบนี้อีกแล้ว ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงเป็นบ่อยจังเลย”


ระหว่างที่คังเยนาอยู่ในอ้อมแขนของชาฮีจูนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง หญิงสาวรีบหันไปทางประตูห้องสมุดซึ่งกำลังมีนักเรียนมากมายทยอยเดินออกจากห้องสมุดดังกล่าว


“ชาฮีจู! เขา เขาอยู่นั่น” คังเยนาตะโกนพร้อมกับชี้ไปทางประตูทางเข้า เธอรู้สึกได้ว่าในกลุ่มคนนั้นมีบางคนที่เกี่ยวข้องกับเธอ เธอถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา


“เธอรออยู่นี่นะเดี๋ยวฉันมา”


ชาฮีจูพาคังเยนามานั่งพิงตรงกำแพงห้องก่อนที่เขาจะหายตัวออกไปอยู่บริเวณหน้าห้องสมุด ชายหนุ่มหลับตาเพื่อใช้พลังวิญญาณสัมผัสถึงใครบางคนที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคังเยนา ชาฮีจูขมวดคิ้วส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


“นี่มันอะไร! พลังวิญญาณอาฆาตพวกนั้นมาจากไหนกันมากมายขนาดนี้”


ชาฮีจูสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ห้องสมุด ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสัมผัสถึงมาก่อน ทั่วอาคารห้องสมุดมีแต่หมอกควันสีดำลอยคละคลุ้งอยู่เต็มทุกพื้นที่ จึงทำให้ชายหนุ่มคิดย้อนกลับไปวันที่คังยูรีเล่าเรื่องที่เห็นชายร่างสูงใหญ่ตัวดำปรี่เข้าไปหาเธอ ดูว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้ว


“เธอเป็นยังไงบ้าง” ชาฮีจูปรากฏตัวต่อหน้าคังเยนาอีกครั้ง ตอนนี้สีหน้าของเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว เหมือนไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มสับสนมากขึ้นกว่าเดิม


“หาตัวเขาได้มั้ย” คังเยนารีบถามอย่างร้อนใจ


“ไม่ได้ แล้วเธอล่ะหายดีแล้วเหรอ”


“ไม่เป็นไรแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมา ชาฮีจู…ฉันว่าคนคนนั้นต้องเกี่ยวข้องกับฉันแน่ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้หรอก เราจะหาเขาเจอได้ยังไง”


ชายหนุ่มเองก็คิดหนัก เพราะพลังวิญญาณที่เขามีอยู่ก็ไม่สามารถมองทะลุเห็นคนดังกล่าวได้ เหมือนว่ามีใครบางคนใช้อาคมปกปิดตัวตนเอาไว้ และเป็นอาคมที่ชั่วร้ายอีกต่างหาก


ชาฮีจูไม่ได้เป็นห่วงแค่เรื่องของคังเยนา ตอนนี้ชายหนุ่มยังเป็นห่วงคังยูรีอีกด้วย ตอนนี้สิ่งที่ควรทำที่สุดคือหาเครื่องรางที่จองวานพูดถึงเพื่อป้องกันอันตรายจากพวกวิญญาณอาฆาตที่จะทำร้ายคังยูรีได้


_____________________________


ชินซูฮวาหลังแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนก็มุ่งหน้ากลับบ้านในทันที หญิงสาวรู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครสะกดรอยตามเธออยู่ ด้วยความหวาดกลัวเลยก้าวเท้าวิ่งให้เร็วที่สุด ระหว่างวิ่งอยู่ก็เหลียวมองหลังอยู่เป็นระยะ เพราะถ้ามีใครตามเธอมาจริงๆ เธอจะได้ตั้งตัวทันได้


“กรี๊ดๆๆๆๆๆ”


ชินซูฮวาตะโกนร้องสุดเสียงเมื่อเธอรู้สึกถึงบางอย่างสัมผัสมาที่หลังของเธอ หญิงสาวนั่งยองใช้มือทั้งสองข้างปิดตาตัวเองเอาไว้ เธอไม่มีแรงที่จะก้าวเท้าเดินหรือวิ่งต่อ ที่ทำได้ตอนนี้ก็คงเป็นการอ้อนวอนร้องขอความเมตตาเท่านั้น


“ปล่อยฉันไปเถอะนะ อีกไม่กี่เดือนฉันก็จะเรียนจบแล้ว ฉันยังไม่ได้ใช้ชีวิตในมหาลัยเลย อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”


ชินซูฮวาหลับตาอ้อนวอนร้องขอชีวิตด้วยความกลัว ยิ่งเธอรู้สึกได้ว่าคนผู้นั้นเดินมาดักหน้าเธออยู่ตอนนี้ เธอก็ยิ่งตัวสั่นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก


“แล้วฉันจะเอาชีวิตเธอไปทำไม” เสียงชายหนุ่มเอ่ยขึ้น แววตาเขาจับจ้องไปที่ชินซูฮวาด้วยความเอ็นดู


ชินซูฮวาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแหงนมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาขวัญผวานั้นค่อยๆ จางหายไป ใบหน้าชายหนุ่มนี้เธอจำได้ขึ้นใจว่าเคยเจอที่ไหน หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ใช้มือจัดระเบียบเสื้อผ้าหน้าผมให้กลับมาอยู่ในแบบเดิม


“นาย นายเป็นแฟนของยูรีใช่มั้ย”


“ห๊ะ!” ชายหนุ่มอุทานออกมาด้วยความตกใจ อะไรที่ทำให้หญิงสาวคิดไปไกลขนาดนั้น


“ก็นายไม่ใช่เหรอที่มาส่งยูรี และกอดยูรีหลังห้องสมุดวันนั้นน่ะ ฉันเห็นทุกอย่างไม่ต้องมาปฏิเสธเลย ทำไม…หรือนายไม่ได้คิดจริงจังกับยัยนั่น”


“นิสัยขี้โวยวายเหมือนกันเป๊ะ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงคังยูรี ไม่แปลกใจเลยที่ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน


“ฉันกับน้องสาวเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน วันนั้นที่เธอเห็นว่าเรากอดกันมันก็เป็นแค่อุบัติเหตุ ส่วนเรื่องอะไรฉันไม่ขออธิบายแล้วกัน”


“แล้วนายตามฉันมาทำไม”


“ดึกขนาดนี้แล้วทำไมพึ่งกลับบ้าน เธอก็รู้นี่ว่าโลกใบนี้น่ากลัวแค่ไหน ไม่กลัวคนที่บ้านจะเป็นห่วงบ้างเหรอ”


“อะไรของนายนี่ ฉันไปเป็นญาติฝ่ายไหนของนายทำไมต้องมาดุเรื่องที่ฉันกลับบ้านช้าด้วย” หญิงสาวเริ่มไม่สบอารมณ์


“เอ่อ..ฉัน ฉันก็แค่ไม่อยากให้ยูรีเป็นห่วงเธอน่ะ แค่นี้ยูรีก็มีเรื่องให้คิดมากอยู่แล้ว”


“บอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกันแต่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงขนาดนี้ หรือว่านายรักยัยนั่นข้างเดียว คงใช่แหละเพราะยัยนั่นเหมือนจะชอบอีกคนอยู่นี่ เดี๋ยวนี้ตัวติดกันตลอดเลย”


“ไม่ได้รักข้างเดียวอะไรทั้งนั้น เรื่องฉันกับน้องสาวของเธอยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว”


“จะเชื่อก็ได้ แต่นายยังไม่บอกฉันเลยนะว่านายตามฉันมาทำไม”


“ช่วงนี้ฉันอยากให้เธอช่วยใส่ใจยูรีให้มากหน่อย ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าปล่อยเธอให้อยู่คนเดียวในที่ลับตาคน”


“มีอะไรเหรอ มีใครจะทำร้ายยูรีเหรอ” ชินซูฮวาเอ่ยถามด้วยความกังวล เมื่อได้ยินแบบนี้เธอก็อดเป็นห่วงคังยูรีไม่ได้


“ก็แค่พูดเผื่อไว้ ฉันรู้ว่าเธอสามารถปกป้องน้องสาวเธอได้ ถึงเธอจะดูเย็นชาไปหน่อยก็ตาม”


“ได้ ฉันจะทำเท่าที่ทำได้แล้วกัน ว่าแต่นายชื่ออะไร อย่างน้อยเราก็ควรรู้จักกันไว้ไม่ใช่เหรอ”


“ไม่ต้องรู้จักกันหรอก ต่อไปคงไม่ได้เจอกันอีก หรือต่อให้ฉันบอกชื่อเธอไปยังไงเธอก็จำไม่ได้อยู่ดี”


“ฉันนักเรียนดีเด่นเรียนเก่งอันดับ1ของโรงเรียนนะ นายคิดว่ามันสมองอย่างฉันแค่ชื่อของนายฉันจะจำไม่ได้เลยเหรอ”


“ก็ได้ อยากรู้ฉันก็จะบอก ฉันชื่อชาฮีจู”


“ว้าว…ชาฮีจู ชื่อเพราะซะด้วย ดูจากหน้าแล้วนายน่าจะอายุมากกว่าฉันนะ นายเรียนมหาลัยแล้วใช่มั้ย เรียนที่ไหนอ่ะ เผื่อมหาลัยของนายเป็นทางเลือกให้ฉันได้”


“ฉันดูเหมือนคนมีอายุเหรอ เธอเรียนอยู่ม.6 ใช่มั้ย ถ้าใช่ก็แปลว่าเราอยู่เท่ากัน ฉันไปล่ะ”


“อายุเท่ากันเหรอ นี่ฉันหน้าแก่หรือว่าเขาหน้าเด็กกันแน่”


ชินซูฮวาพึมพำเล็กน้อย แต่พอหันกลับไปหาชายหนุ่มก็ไม่เห็นแล้ว หญิงสาวค่อนข้างประหลาดใจทั้งที่ตัวเธอเองพึ่งคุยอยู่กับเขา แต่ทำไมเขาถึงได้เดินหายไปได้เร็วขนาดนี้มันเลยทำให้หญิงสาวข้องใจนัก


ชินซูฮวามาถึงบ้านก็เห็นคังยูรีนั่งอยู่ที่โซฟากำลังอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนของเธออยู่ วันนี้เธอกับคังยูรีอยู่บ้านกันแค่สองคนเพราะผู้เป็นแม่ของเธอออกไปสัมมนาที่ต่างเมือง


“ทำไมยังไม่ขึ้นห้องอีก อย่าบอกนะว่ารอฉัน”


“ค่ะ ฉันเห็นว่ามันดึกมากแล้วเลยเป็นห่วง งั้นพี่กลับมาแล้วฉันขึ้นห้องก่อนนะคะ”


“เดี๋ยวสิ ช่วงนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอใช่มั้ย” ชินซูฮวาเอ่ยถามหยั่งเชิง เธออดเป็นห่วงไม่ได้เพราะคำพูดของชาฮีจู


“ก็ไม่นี่คะ พี่มีอะไรหรือเปล่า พี่ซูฮวา…ถ้าเป็นไปได้ฉันไม่อยากให้พี่กลับบ้านดึกเหมือนวันนี้อีก ยังไงพี่ก็เป็นผู้หญิง ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ” เด็กสาวเปลี่ยนมาคุยเรื่องของชินซูฮวาบ้าง พอเห็นหญิงสาวกลับบ้านดึกดื่นก็รู้สึกเป็นห่วง


“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ฉันคุ้นเคยกับที่นี่ดี เธอพูดเหมือนเขาเปี๊ยบเลยนะ”


“เหมือนใครเหรอคะ”


“ก็เหมือน….. เหมือน…”


ชินซูฮวาจำชื่อของชาฮีจูไม่ได้เสียแล้ว ไม่ว่าเธอพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าชายหนุ่มในชุดขาวนั้นชื่ออะไรทั้งที่เขาบอกชื่อเธอแล้วแท้ๆ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง


“พี่เป็นอะไรคะ” คังยูรีเดินมาหาผู้เป็นพี่สาวเมื่อเห็นท่าทีแปลกไปของเธอ


“เดี๋ยวนะ เมื่อกี๊ฉันพูดอะไรไปเหรอ”


ไม่ใช่แค่ชื่อของชาฮีจูที่ชินซูฮวาจำไม่ได้ ตอนนี้หญิงสาวยังลืมเลือนเรื่องที่เธอพบชาฮีจูอีกด้วย ความทรงจำของเธอได้ถูกลบหายออกไป ตอนนี้เธอจำได้เแค่เพียงว่าต้องคอยปกป้องคังยูรีก็เท่านั้น


“พี่กำลังทำให้ฉันกลัวนะ”


“ไม่มีอะไรหรอก เธอขึ้นข้างบนไปเถอะ อ้อ…เดี๋ยวก่อน นี่ของเธอใช่มั้ย" ชินซูฮวาล้วงเอาสร้อยผลึกจากกระเป๋านักเรียนให้กับคังยูรี หญิงสาวจำได้ว่าเคยเห็นเด็กสาวใส่สร้อยเส้นดังกล่าวอยู่


“ใช่ค่ะ พี่เจอที่ไหนคะ ฉันหาอยู่ตั้งนาน"


“เจอมันตกในห้องน้ำเมื่อหลายวันก่อน ถ้ามันสำคัญกับเธอก็ต้องรักษาไว้ดีๆ หน่อยสิ”


“จริงๆ ฉันใส่สร้อยนี้ไว้ตลอดไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำหายไปตอนไหน ยังไงก็ขอบคุณพี่มากนะคะ”


“อืม ต่อไปถ้าหายอีกฉันเอาไปขายแน่”


“ไม่หายแล้วค่ะ” คังยูรีรีบตอบรับ ดูเหมือนว่าสร้อยดังกล่าวจะหลุดขาดตอนที่เธอทำกิจธุระส่วนตัว ไว้มีเวลาค่อยเอาสร้อยไปซ่อมอีกทีก็แล้วกัน


คังยูรีขึ้นมายังห้องนอนของตัวเอง เด็กสาวนั่งลงที่เตียงนอนมองสร้อยผลึกที่ถืออยู่ในมือเลยทำให้เธอคิดถึงนัมจีโฮขึ้นมา เด็กสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะนำสร้อยผลึกเส้นดังกล่าวไปเก็บไว้ที่ลิ้นชักตรงหัวเตียง


คังยูรีมองไปรอบๆ ห้องนอนของเธอ หญิงสาวครุ่นคิดในใจท่าเธอเอ่ยชื่อชาฮีจูออกมา เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าเธอตอนนี้ได้หรือเปล่า แต่ยังไงเธอก็อยากลองดู ตอนนี้เธอเองก็อยากพบชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน


“ชาฮีจู คุณอยู่ที่นี่มั้ย คุณออกมาหาฉันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”


คังยูรีเดินไปทั่วห้องเพื่อมองหาชาฮีจู เผื่อว่าเขาจะปรากฏตัวให้เธอเห็น แต่ทุกอย่างในห้องเธอดูเงียบสงัดไปหมด แม้แต่ลมนอกหน้าต่างก็ยังไม่พัดผ่านเข้ามา


คังยูรีกำลังเดินกลับไปนั่งที่เตียงตามเดิมแต่ก็สัมผัสได้ถึงบางคนที่อยู่นอกหน้าต่างตรงข้ามห้องนอนของเธอ เด็กสาวรีบเดินไปยังหน้าต่างบานที่เปิดเอาไว้ทันที เมื่อเห็นชาฮีจูยืนอยู่นอกตัวบ้านก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ และรีบหันกลับเพื่อจะลงไปหาชายหนุ่ม


แต่พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นชาฮีจูปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เด็กสาวไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทำให้ใบหน้าเธอชนซบไปที่แผงอกของชายหนุ่มโดยไม่ทันระวัง


คังยูรีสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากมือของเธอที่สัมผัสตัวชายหนุ่ม เด็กสาวค่อยๆ เงยขึ้นมองหน้าชายที่แนบชิดเธออยู่ ดวงตาของเธอดูเปล่งประกายนักเมื่อเห็นว่าชาฮีจูก็กำลังจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน